ย้อนรอยประวัติศาสตร์ ที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว กาญจนบุรี
สวัสดีคะ ช่วงนี้แม่ใบตอง อัพบล็อกท่องเที่ยวที่ดองไว้หลายแห่งมาให้ชมกันก่อนนะคะ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2556 แม่ใบตองได้มีโอกาสไปส่งน้องที่ออฟฟิศย้ายไปทำงานที่สำนักงาน จังหวัดกาญจนบุรี เดินทางโดยรถตูุ้จากสาทร แปดโมงเช้า วันนั้นอากาศดีมาก ไม่มีแดด ทำให้ไม่ร้อน แถมมีฝนปรอย ๆ เบา ๆ อากาศครึ้มนิด ๆ เย็นฉ่ำดี เหมาะแก่การเดินทางเป็นอย่างมากคะ หลังจากน้องเค้ารายงานตัวกันเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาพักเที่ยงพอดี พวกเราเลยไปทานอาหารกันที่ ร้านคีรี ธารา ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว
ระหว่างรออาหาร เรามาชมวิวรอบ ๆ ร้าน และมองไปไกล ๆ จะเห็นสะพานข้ามแม่น้ำแควชัดเจนเลยคะ
วันนี้ภาพที่ถ่ายจะไม่แจ่มมาก เพราะไม่มีแดดเลยคะ
| | รถไฟกำลังวิ่งข้ามสะพานพอดีเลยคะ ชอบภาพนี้มาก
อาหารมาแล้วคะ ทานกันก่อนจะไปเดินชมวิวตรงสะพาน
กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะคะ
ปิดท้ายของหวาน ด้วยเงาะทองผาภูมิ ที่แสนอร่อยที่แฟนของน้องเค้าหิ้วมาคะ
เพิ่งรู้ว่าที่อำเภอทองผาภูมิก็มีเงาะอร่อย ๆ แบบนี้ ทานสด ๆ อร่อยมาก ๆ คะ
ขอบคุณเจ้าภาพ น้องแอน สำหรับมื้ออร่อย ๆ นะคะ
สะพานข้ามแม่น้ำแคว จ.กาญจนบุรี The Bridge of the River Kwai อนุสรณ์สถานสงครามโลก ครั้งที่ 2
สะพานข้ามแม่น้ำแคว ตั้งอยู่ที่ ถนนแควใหญ่ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
เป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา โดยกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์ เชลยศึกพันธมิตรจำนวนมากมาสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า ซึ่งมีส่วนหนึ่งจะต้องข้ามแม่น้ำแควใหญ่ การสร้างทางรถไฟนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก ความทารุณของสงครามและโรคภัย ตลาดจนขาดอาหาร ทำให้เชลยศึกจำนวนหลายหมื่นคนต้องเสียชีวิตลง สะพานข้ามแม่น้ำแควตั้งอยู่ที่ ต.ท่ามะขาม ห่างจากตัวเมืองไปทางตอนเหนือ ตามทางหลวงหมายเลข 323 ประมาณ 4 กม. แยกซ้ายประมาณ 400 เมตร เส้นทางเริ่มต้นจากสถานีหนองปลาดุก อ. บ้านโป่ง จ. ราชบุรี ผ่านสถานีต่าง ๆ ใน จ. กาญจนบุรี และสิ้นสุดในเขตไทยที่ ด่านเจดีย์สามองค์ ระยะทาง 263 กิโลเมตร และต่อไปอีกในเขตพม่า ถึงเมืองตันบูซายัด เป็นระยะทาง 152 กิโลเมตร โดยเริ่มก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2485 เพื่อลำเลียงยุทธปัจจัยและกำลังทหารไปยังพม่า เส้นทางเมื่อข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแควไปแล้วจะเลียบไปตามลำน้ำแควน้อย ผ่านโตรกผาบริเวณที่เรียกว่าถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นทางโค้งเลียบหน้าผา ด้านหนึ่งเป็นแม่น้ำที่เชี่ยวกราก บางช่วงต้องขุดเจาะระเบิดภูเขาเป็นช่องให้รถไฟผ่านไป บริเวณนี้เต็มไปด้วยไข้ป่า สัตว์ร้ายนานา ความอดอยาก ความทารุณโหดร้ายจนทำให้เชลยศึกชาวตะวันตก และกรรมกรรถไฟหลากเชื้อชาติต้องสังเวยชีวิตไปเป็นจำนวนมาก จนมีการเปรียบเทียบว่าหนึ่งไม้หมอนของทางรถไฟสายมรณะคือหนึ่งชีวิต สะพานอันเลื่องชื่อในสงครามโลกครั้งที่ 2
ทหารช่างญี่ปุ่นเลือกสร้างสะพานที่บริเวณนี้เนื่องจากมีฐานดินด้านล่างแน่นที่สุด โดยใช้แรงงานเชลยศึกและกรรมกรรับจ้างจำนวนมาก การก่อสร้างเริ่มจากการสร้างสะพานไม้เพื่อลำเลียงคนและอุปกรณ์ก่อสร้างทางรถไฟข้ามไปก่อน โดยสร้างในช่วงที่น้ำลดลงตอนปลายเดือนพ.ย. 2485 โดยใช้ไม้ซุงทั้งต้นตอกเป็นเสาเข็ม ใช้เวลาก่อสร้าง 3 เดือน และได้รื้อออกไปหลังจากสร้างสะพานเหล็กแล้ว (ปัจจุบันแนวสะพานไม้เดิมอยู่ห่างจากสะพานข้ามแม่น้ำแควลงไปทางใต้ประมาณ 100 ม. ในพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2) ส่วนสะพานข้ามแม่น้ำแควใช้เวลาสร้างเพียง 1 เดือน โดยนำเหล็กจากมลายูมาประกอบเป็นชิ้น ๆ ตอนกลางทำเป็นสะพานเหล็ก11 ช่วง หัวและท้ายเป็นโครงไม้ ตัวสะพานยาวประมาณ 300 ม.สร้างเสร็จและทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2486 สะพานข้ามแม่น้ำแควถูกทหารฝ่ายสัมพันธมิตรโจมตีทางอากาศเป็นครั้งแรกในเดือน พ.ย. 2487 และถูกโจมตีทั้งสิ้นราว 10ครั้งในระหว่างสงคราม จนกระทั่งสะพานช่วงที่ 4-6 ชำรุด และไม่สามารถใช้การได้ ภายหลังสงครามได้สิ้นสุดลง เม่่อปี พ.ศ. 2489 กองทัพญี่ปุ่นยอมแพ้ เนื่องจากถูกกองทัพอเมริกันทิ้งระเบิดปรมณูที่เมืองฮิโรชิมา และเมืองนางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงขึ้นใหม่จากของเดิม โดยตอนกลางทำเป็นสะพานเหล็กสองช่วง ส่วนด้านหัวและท้ายเปลี่ยนเป็นสะพานเหล็กหกช่วงแทน
| |
บริเวณกลางสะพานแม่น้ำแคว เป็นจุดซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันมาก ด้านข้างสะพานมีชานยื่นออกเพื่อให้นักท่องเที่ยวหลบเมื่อรถไฟจะวิ่งผ่าน
บริเวณปลายสะพานข้ามแม่น้ำแคว ประดับด้วยลูกระเบิดจำลอง เพื่อเป็นการรำลึกถึงพิษภัยของสงครามที่เกิดขึ้น บริเวณสะพานมีรางรถไฟเพื่อใช้วิ่งผ่าน
ชมวิวโดยรอบ ๆ สะพาน จะเห็นศาลเจ้าแม่กวนอิม อย่างชัดแจน
สถานที่แห่งนี้ แม่ใบตองมาเป็นครั้งที่สอง ครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนตั้งแต่ลูกสาวยังเล็ก ๆ อยู่
จำได้ว่ามีหัวรถจักรจำลองให้ชมด้วย แต่แม่ใบตองไม่ได้เดินไปด้านนั้น เลยไม่มีภาพมาให้ชม
ที่สะพานข้ามแม่น้ำแควมีบริการรถราง Fairmong ทุกวัน โดยวันธรรมดาจะมีตั้งแต่เวลา 08.00-19.30 น., 11.20-14.00 น., 15.00-16.00 น., และ 18.00-18.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.00-09.30 น., 11.20-14.00 น., และ18.00-18.30 น. ค่าโดยสารคนละ 20 บาท
Create Date : 23 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 23 กรกฎาคม 2556 11:12:20 น. |
|
11 comments
|
Counter : 3972 Pageviews. |
|
|
น่าสนุกนะคะ