การบ้านจากค่ายนักเขียนมติชน

Photobucket


ไม่ได้พบเจอกันก็เนิ่นนานอยู่เหมือนกัน!!!!

โอเล่ตอนนี้ทำอะไรอยู่เหรอ???

ตอนนี้ก็กำลัง เล่นกีต้าร์ แต่งเพลง ทำเดโม ทำโปรเจค คุยกะเด็ก เชคเมลล์ ดูซีรี่ส์ ฟังพระเทศน์ หาที่เที่ยว หัดเย็บผ้า ทำงานบ้าน ทำกับข้าว พาหมาวิ่ง เขียนเรื่องสั้น อ่านดราม่า คิดคอร์ดคีบอร์ด ตัดต่อคลิป ลดอาหาร ล้างจาน ซักผ้า ฯลฯ

เยอะเนอะ!!!!

กระต่ายกับเต่า เป็นหัวข้อเรื่องสั้นที่พี่ จุ้ย ศุ บุณเลี้ยงให้เขียน ส่งภายในวัยที่ 30 เดือนนี้
ผมมานั่งคิดๆดู ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเขียนยังไงดี

plot แรก : กระต่ายเป็นเพื่อนกับเต่า ปิดเทอมว่างมากไม่มีอะไรทำ กระต่ายเลยช่วยเต่ามาอัดคลิปเต้น cover เพลงคันหูลง youtube แต่ปรากฎว่าผลตอบรับไม่ดีเท่าที่ควร กระต่ายจึงแยกมาเ้ต้น cover เพลง my boy คนเดียว ปรากฎว่าีคยมาดู 700 กว่าคน จบ!!!!

plot สอง : เต่าเป็นเด็กแว้นประจำหมู่บ้าน มีแฟนชื่อว่านุ๊กนิก วันนึ่งนุ๊กนิกได้รู้จักกระต่ายและถูกใจกัน(แนวรักสามเศร้า) ฉากจบกระต่ายพูดกับเต่าว่า "เต่า นุ๊กนิก เราขอได้ไหม?" เต่าบอกกระต่ายว่า "เอาไปเลย!!!~" เพราะผู้หญิงทุกวันนี้หันมาดื่มเนเจอร์กิฟกันหมดแล้วค่าาาาาาาาา!!!!

Plot สาม : กระต่ายกับเต่าเป็นนักการเมืองทั้งคู่ กระต่ายเป็นนักการเมืองที่ร่ำรวย(จากธุรกิจครอบครัว (เค้าว่างั้นนะ)) เต่าเป็นนักการเมื่องรุ่นเก๋า อยู่มาหลายปีหลายสมัย หลายพื้นที่ผูกขาดกับการเลือกเต่าเข้ามาบริหาร กระต่ายกับเต่าสนใจเเต่เรื่องเเข่งขันกันอย่างเดียว บางทีเราก็ควรที่จะเรียนรู้การอยู่กับศัตรู ดีกว่าการที่เราจ้องจะฆ่าศัตรู สุดท้ายชัยชนะที่ได้มามันก็เป็นเพียงชัยชนะที่ไร้ความหมาย

ตอนนี้ที่คิดออกมี 3 plot ถ้าคิดออกมากกว่านี้ จะมาอัพเดทใหม่
เอ่อ ผมไม่อยากให้ใครมาลอกพล๊อตที่เสนเลิศหรูของผมนะครับ
รบกวนด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

โอเล่
โชคดีมี money ใช้!!!!




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2554 2:12:53 น.
Counter : 757 Pageviews.  

คงจะดีกว่านี้

Photobucket


สิ่งแรกที่คุณทำ หลังจากลืมตาตื่นจากที่นอนคืออะไร?

1
เมื่อเช้า ผมตื่น 7.40 น. จากเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นโดยมีคนโทรเข้า ผมมักจะตื่นเวลานี้อยู่เป็นประจำ

สิ่งแรกๆที่ผมทำหลังจากตื่นนอนคือ เปิดคอมพ์ , เปิดทีวี , กดโทรศัพท์

ผมทำสิ่งเหล่าจนกลายเป็นความเคยชิน

หากวันไหนไม่ได้เปิดคอมพ์ตอนเช้า จะรู้สึกขาดอะไรซักอย่างในชีวิตไป แต่จริงๆแล้ว บางทีผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมจะต้องเปิดคอมตอนเช้าด้วย ผมไม่ได้มีธุระสำคัญอะไรที่ต้องทำในโลกออนไลน์ซักหน่อย แต่มันก็เป็นสิ่งแรกที่ผมเชื่อมต่อหลังจากเปิดคอม
เวปเบราว์เซอร์เด้งขึ้นมา ผมใช้เวลาประมาณ 4 วินาทีในการคิดว่าผมจะเข้าเวปอะไรเป็นเวปแรกของวัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีเจ้าประจำที่เข้าบ่อยๆรออยู่แล้ว pantip , facebook ,mthai , guitarthai เข้าไปเสพข่าวนานประมาณ 20 นาที ผมก็จะหอบเอาตะกร้าเครื่องอาบน้ำไปอาบน้ำด้วยความสุขสราญ

หากวันไหนไม่ได้เปิดคอม โทรทัศน์คือตัวเลือกต่อมาที่มีดีไม่แพ้กัน
รายการหลักๆที่ดูอยู่ก็จะมีไม่กี่รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ไว้ดูข่าวคนฆ่ากันตาย ที่นี่หมอชิดไว้ดูข่าวดาราเป็นแฟนกับไฮโซ แต่ถ้าวันไหนช่อง 3 เล่าข่าวตรงกับช่อง 7 ช่อง 5 จะเป็นช่องที่ได้รับเสียง 1 สิทธิ์ของผมไป เช่นกันหลังจากเสพข่าวจนมีเรื่องโม้แล้ว ผมก็จะแบกเอาตะกร้าอาบน้ำไปอาบน้ำด้วยอารมณ์รื่นเริง

แต่ถ้าวันไหน ฝันเด็ดๆจำฝันตัวเองได้ลางๆ โทรศัพท์จะเป็นตัวเลือกแรกที่ผมเลือก
“ฮัลโหล ปลาตะเพียนเหรอ เออ เมื่อคืนฝันเห็นนายกยิ่งลักษณ์ด้วยล่ะ”
“แล้ว???”
“ไม่รู้เหมือนกัน จำไม่ค่อยได้แล้ว!!!”


และหากวันไหน ไม่ได้ทำ3 อย่างที่กล่าวมา นั่นก็แสดงว่าผมนอนต่อแล้วล่ะ


2
ตอนบ่าย ในขณะที่ผมกำลังนั่งทำปริญญานิพจน์อยู่ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นต้นภูด่างต้นน้อยๆ วางอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือในห้องสมุด


ผมจ้องมองภูด่างน้อยต้นนั้นเนินนาน ………………………………..



3
‘ขอบใจมากภูด่างน้อย นายทำให้เราคิดออก!!’

คงจะดีนะ หากเราตื่นมาตอนเช้าได้ทำอะไรเล็กๆน้อยที่เกิดประโยชน์ต่อโลกบ้าง

ว่าแล้ว ผมก็ขอตัวไปซื้อต้นไม้ต้นเล็กๆไปปลูกไว้ระเบียงห้องก่อนนะครับ
ตื่นมาตอนเช้าจะได้รดน้ำ รดน้ำเสร็จต้นไม้จะได้มีแรงรักษาโลก


ต่อไปนี้สิ่งแรกที่ทำในตอนเช้าจะมีความหมายมากกว่าเดิม

โอเล่




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2554    
Last Update : 26 สิงหาคม 2554 9:39:05 น.
Counter : 746 Pageviews.  

ความฝันหรือแรงผลักดันจากสังคม


Photobucket


ไอ้ไส้ติ่งชั่ว! ไอ้ไส้ติ่งไม่รักดี!! ไอ้ไส้ติ่งเลว!!!
ครับ ผมเพิ่งไปเอามันออก ต้องบอกเลยว่า การผ่าไส้ติ่งไม่ได้เป็นอะไรที่น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด ก็แค่หมอเอามีดกรีดท้อง ดึงไส้ออกมา แล้วทำการตัดไอ้ไส้ติ่งไม่รักดีทิ้งไป ช่วงแรกจะอึดอัดนิดนึง เพราะแน่นท้องมากถึงมากที่สุด แต่ถ้าขยันเดินให้ลำไส้ขยับตัวบ่อยๆ อาการแน่นท้องก็จะหายไปในเวลาอันรวดเร็ว
ถึงตรงนี้ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ จากดวงใจสีเขียวๆดวงเล็กของนายโอเล่

ผมเพิ่งคุยกับแม่เรื่องอนาคต(อีกแล้ว)
ผมคุยกับแม่เรื่องอนาคตบ่อยพอๆกับที่พ่อแอบซื้อหวยใต้ดินโดยไม่ให้แม่รู้
จากการที่ผมได้ไปฝึกงานที่ภูเก็ต สิ่งหนึ่งที่ผมกล้าพูดดังๆคือ “ผมไม่ได้อยากประกอบอาชีพเป็นวิศวกรเลยว่ะ” ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่!! มันไม่มีความท้าทายในรูปแบบที่ผมต้องการ ผมเข้ามาศึกษาในสาขาวิชาชีพนี้ เพราะคิดตื้นๆแค่ว่า “กูจะต้องสร้างบ้านให้ได้ว่ะ” ใช่ว่ะ!! ตอนนี้ผมออกแบบบ้านได้ คำนวณบ้านที่เป็นแบบสถาปัตย์ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่คำตอบสำหรับผม
เมื่อไม่มั่นใจในทางที่เดิน ผมจึงจำเป็นต้องหาที่ปรึกษา และคงเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช้สปอนเซอร์ใหญ่ที่สนับสนุนผมมาตั้งแต่เกิด ผู้ที่ไม่เคยทอดทิ้งให้ผมอยู่กลางสายฝนในวันที่เห็บหาว หรือดวงดาวมืดมิด (ขอกอดท่านพ่อกับท่านแม่หน่อยครับ) ผมบอกกับแม่ไปตรงๆว่า
“แม่ ‘เล่ไม่อยากทำงานเป็นวิศวกรนะ!” ท่านแม่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับโดยฉับพลัน ท่านเพียงแค่พูดกลับมาลอยๆว่า
“แล้ว ‘เล่จะไปทำมาหาแดกอะไรล่ะลูก!” ประโยคสั้นๆนี้ ทำให้ผมหน้ามืดวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม ต้องดมยาอย่างด่วนที่สุด
“เอ่อ ไม่รู้เหมือนกันครับ บางที่’เล่อาจจะเรียนต่อ หรือบางทีเล่อาจจะออกมาหางานทำเพื่อที่จะลองใช้ประสบการณ์ชีวิตดูว่า การทำงานเพื่อที่จะรับเงินเดือนมันรู้สึกอย่างไร แต่ถ้าเรียนต่อ ‘เล่ก็ไม่ค่อยอยากอยู่ที่ไทยครับ”
“แล้วจะไปที่ไหน ?????” แม่ผมถามกลับ (จริงๆแล้วผมรู้ได้เลยว่า เมื่อไหร่ที่ผมคุยเรื่อง เกี่ยวกับการเดินทางออกนอกประเทศแม่ผมจะเห็นต่างทุกครั้ง ครับ แม่ผมไม่อยากให้ผมไปเมืองนอก)
“ไม่รู้ครับ แต่ก็ไม่ใช่ในแถบอาเซียนหรอกครับ”
“แม่ไม่มีเงินนะ!!!” นี่เป็นประโยคไม้ตายที่แม่เลือกที่จะใช้ทุกครั้งหลักจากที่กดดันผมไม่สำเร็จ

เรื่องการขอไปเรียนต่อต่างประเทศ เป็นเรื่องที่ผมคุยกับแม่มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็เหมือนเดิมทุกครั้ง
แม่ก็ยังยืนยันในจุดเดิม ผมก็ยังมีความคิดที่เหมือนเดิม
ต้องคอยติดตามกันต่อไป ระหว่างท่านแม่กับผม ใครจะทำตามอุดมการณ์สำเร็จ
ปล.รักท่านแม่มากที่สุด

สำหรับผมแล้ว ความฝันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับมนุษย์ หากมนุษย์ปราศจากความฝัน โลกคงไม่เดินมาถึงทุกวันนี้ ผมก็เหมือนทุกๆคนครับที่มีความฝัน ฝันโน่น ฝันนี่ ฝันกลางวัน ฝันเปียก ฝันละเมอ ฝันถึงเธอ ฝันเพ้อเจ้อ บลาๆๆๆ
แค่ได้ฝันก็มีความสุขแล้วครับ แต่หากจะสุขแบบขนลุกชูชัน ผมว่าคนเราต้องทำฝันให้กลายเป็นจริงครับ

ตอนนี้ฝันผมเลือนราง เพราะคำว่าค่านิยมมาทำให้มันพร่ามัว
ค่านิยมที่ว่า “ศรายุธ(โอเล่) คุณมาถามผมอย่างนี้ได้ยังไง ตอนนี้คุณอยู่ปี 4 อีกแปดเดือนคุณก็จบ จบไป คุณไปสมัครงานอย่างอื่นที่ไม่ใช่วิศวกรเค้าจะรับคุณเหรอ? คิดดีๆนะศรายุธ”

ผมว่าก็น่าคิดนะว่า
‘สุดท้ายแล้วความฝันหรือแรงผลักดันจากสังคม อะไรมีอิทธิพลกับตัวเรามากที่สุดครับ?’

โอเล่




 

Create Date : 23 มิถุนายน 2554    
Last Update : 24 สิงหาคม 2554 3:56:06 น.
Counter : 868 Pageviews.  

เร็วจนลืม

Photobucket

ผมและเธอเป็นคนคิดมาก!!!

ตอนผมยังเป็นเด็ก ตัวก็เล็กและยังประหม่า เดินก็ช้าได้เป็นที่โหล่ อาจจะพุงโลกินแตงโมมาเยอะแยะ แต่ไม่จ๋อย ผมไม่ได้เป็นคนที่คุ่นคิดอะไรซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้ และคิดว่าเด็กทุกคนก็คงจะเป็นเหมือนผม

เราทุกคนต่างผ่านชีวิตวัยเด็กมาในกรอบที่แคบกว่าตอนเป็นผู้ใหญ่

ตอนเป็นเด็ก หน้าที่ของผมคือ ตื่นขึ้นมา ล้างหน้าแปลงฟัน อาบน้ำ ใส่ชุดนักเรียน กินข้าว รอรถโรงเรียนมารับ ถึงตอนเที่ยงก็เอาปิ่นโตที่แม่ห่อให้ออกมากิน กินเสร็จแล้วต้องรีบลงไปเตะบอลกับเพื่อน เตะบอลเสร็จขึ้นมาเรียนต่อ รอรถตู้มารับ กลับบ้าน ดูทีวี กินข้าวเย็น นอน ตื่นขึ้นมา ล้างหน้าแปลงฟัน บลาๆๆๆๆ มันก็หมุนเป็นวงจรอยู่อย่างนี้ พอโตขึ้น เข้าเรียนมัธยม ก็มีอะไรใหม่ๆแทรกเข้ามาบ้าง พอให้ชีวิตได้ตื่นเต้น หวาดเสียวกันเล็กน้อย แต่พอโตขึ้นมาอีก สิ่งที่แทรกเข้ามามันก็เพิ่มขึ้นอีก เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนบางที ผมมองว่ามันมากจนเราไม่มีเวลามานั่งกินแตงโมมาเยอะแยะ แต่ไม่จ๋อย เหมือนตอนเป็นเด็กอีกแล้ว

และมันคงจะจริงอย่างที่พี่บอยตรัย เคยร้องไว้ในเพลง ‘พื้นที่เล็กๆ’

ใช่ครับ สำหรับผมและเธอ ตอนนี้ เราต้องการพื้นที่เล็กๆ พื้นที่ที่พอให้ได้ยิ้ม ได้ฝัน ได้หยุดและไม่ต้องคิดอะไร

ผมพูดกับเธอบ่อยมาก ว่าช่วงนี้เธอรีบใช้ชีวิตมากเกินไป รีบเกินที่มันควรจะเป็น เธออายุแค่ยี่สิบปี เธอมีเวลาลงมือทำอะไรอีกมากมาย เธอยังมีแรงเหลือ มีเวลาฝัน เวลาวางแผน และเวลาเดินตามหามัน แต่เธอเลือกที่จะทำทุกอย่างด้วยความเร่งรีบ

ซึ่งมันอาจจะผิดที่ผมเอง ที่เคยบอกกับเธอว่า ชีวิตช่วงนี้มันเป็นช่วงของการเดินทาง แล้วหลังจากนั้นเธอก็รีบเดินทางด้วยความรวดเร็ว เร็วแบบที่ตัวผมเองก็ยังตกใจ แล้วดูเหมือนการเดินทางของเธอทุกครั้ง เธอจะสนใจจุดหมายมากกว่ารายละเอียดตามเส้นทาง ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ผิดพลาดมาก

พอเธอเดินเร็ว สถานการณ์มันก็บีบบังคับให้เธอต้องคิดเร็ว และในช่วงเวลานี้ เวลาที่มีหลายอย่างแทรกเข้ามาในชีวิต เธอก็ต้องคิดเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย พอคิดมากเข้า มันก็กลายเป็นความเครียด สุดท้ายความสุขจากการเดินทางมันก็ค่อยๆเลือนหายไป การเดินทางก็จะกลายเป็นแค่ภาระที่ยุ่งยาก

ผมในฐานะผู้ร่วมเดินทางกับเธอ แม้บางครั้งอาจไม่ได้เปิดประตูออกไปด้วยกัน แต่ก็ยังเป็นที่ปรึกษา และแอบมองเธออยู่ไกลๆ ยอมรับจริงๆว่าการที่เธอเร่งรีบมันก็มีส่วนที่ทำให้ผมต้องเร่งรีบตามไปด้วย

พอเราสองคนรีบ เราก็ต้องคิดเร็วและมากขึ้นด้วย จากกรอบทางสังคมที่แคบอยู่แล้วมันก็ยิ่งแคบลงกว่าเดิม แคบจนบางทีพื้นที่ที่เราต้องการมันไม่มีเหลือเลย

ตอนนี้ หน้าที่ของผมคือ การคุ่นคิดเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง และพยายามวิ่งตามเธอให้ทัน

จริงๆแล้ว ผมควรกลับไปบอกเธอใหม่ว่า ช่วงนี้เป็นช่วงของการเดินทาง แต่ก็อย่าเดินเร็วเกินไป สะดุดล้มมันจะเจ็บ เรายังพอมีเวลาเหลือให้ทำอะไรอีกมากมาย หากรู้จักบริหารจัดการเวลาของตัวเอง อย่าคิดอะไรให้มันมากเกินไป และอย่าใช้ชีวิตให้มันยุ่งยากเกินไปด้วย

ผมและเธอเป็นคนคิดมาก แต่ถ้าอยากได้พื้นเล็กๆกลับมา ผมและเธอควรเดินให้ช้าลง แวะกินลมชมวิวให้มากขึ้น

การเดินทางไม่มีที่สิ้นสุดหรอกครับ เว้นแต่เราขี้เกียจก้าวขาออกจากประตู

เลิกคิดมากเพื่อเพิ่มพื้นที่เล็กๆนะครับทุกคน


โอเล่




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2554 16:25:10 น.
Counter : 716 Pageviews.  

วันนี้คุณ Check mode of failure แล้วหรือยัง?

Photobucket

“ วันนี้คุณ Check mode of failure แล้วหรือยัง? “
เป็นคำถามที่ท่านอาจารย์ ดร.ธนาดล คงสมบูรณ์ ถามขณะสอนวิชา วิศวกรรมฐานราก
ท่านบอกว่า การออกแบบในทางวิศวกรรม หมายถึง เราต้องออกแบบสิ่งที่เราจะสร้างไม่ให้เกิดกาวิบัติภายหลัง ฉะนั้นเราต้องจึงเช็คดูว่ามีตรงไหนผิดพลาด พอเจอแล้ว เราก็ต้องทำการแก้ไข
ในชีวิตก็เช่นกัน เราต้องมั่นตรวจสอบว่า เรามีจุดไหนไม่ดี มีตรงไหนเสีย ถ้าพบก็รีบปรับปรุงมันซะ หากเราปล่อยให้มันติดตัวเราไปตลอด วันหนึ่งสิ่งไม่ดีก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา สุดท้าย เราก็จะเป็นคนที่ไม่รู้ข้อเสียของตัวเอง

หลังจากฟัง ผมรู้สึกได้เลยว่า จริงอย่างที่อาจารย์พูด ในขณะที่เราใช้ชีวิต เราไม่ค่อยคิดถึงข้อเสียของตัวเอง แต่เราจะมองเห็นข้อเสียของคนอื่นซะมากกว่า เราใช้ความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้งแล้วก็นั่งตัดสินคนนั้นจากความคิดของเรา+การกระทำของเขา
หากมองย้อนกลับมาที่ตัวเอง บางทีเราอาจจะพบข้อเสียที่คล้ายๆกันซ่อนอยู่ในตัวเรา แต่เราอาจจะยังไม่รู้ตัว เช่น เราไปนินทากับเพื่อนร่วมงานว่าหัวหน้าเป็นคนใจร้อน อารมณ์เสียง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เพื่อนร่วมงานอาจจะคิดว่าเราเองก็เป็นคนใจร้อนเช่นกัน ฉะนั้น บางทีลองหันกลับมามองตัวเองว่าตัวเรานั้นมีข้อเสียอะไรที่ต้องแก้ไขบ้าง แล้วลงมือก็ไขมันซะ

โอเล่




 

Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2554    
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2554 16:34:51 น.
Counter : 874 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

เบิกทวารแมน
Location :
นครนายก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เบิกทวารแมน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.