ไขมันส์หยด ติ๋ง ติ๋ง (1)
เก้าโมงกว่าๆโทรศัพท์ไปหาโก้ นัดเจอกันที่โรงอาหารประมาณ สิบโมง เพื่อวางแผนคร่าวๆเกี่ยวกับทริปการทัวส์แฟตเฟสครั้งที่เก้าครั้งนี้
สิบโมง นิดๆ โก้รอผมอยู่ที่โรงอาหาร พร้อมกับโยนคำถามเมื่อเห็นผมเดินมา อ้าว ไม่ชวนคนอื่นมาด้วยเหรอ เราจะไปกันแค่นี้เหรอ? สรุป เราจะไปงานแฟตเฟสครั้งนี้กันสองคน แต่เราสองคนไม่รู้ว่าเราจะไปยังงัย เพราะผมหรือโก้ก็ไม่ใช่คนกรุงเทพฯโดนกำเนิด เกิดปัญหาเลยคราวนี้ โทรไปหาพี่ พี่บอกว่า มึงก็ลองขึ้นรถไปลงแถว เซ็นทรัลดู กูว่ามีรถนะ รถตู้น่ะ
สิบโมงครึ่งบึ่งรถออกจากมหาลัย พร้อมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะนี่เป็นการเดินทางที่ไม่มีอะไรแน่นอน การเดินทางที่เราอาจไปไม่ถึงงานแฟตก็เป็นได้ ลงจากรถ จ่ายตังส์ ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนกันต่อ พอดีโก้มองเป็นเห็นรถตู้คันนึงเขียนว่า เมืองทอง ลองไปถามเค้าดู ผ่านคับน้อง
บนรถตู้เราวอมหูด้วยเพลงอินดี๊ๆเพื่อสร้างอารมณ์ร่วมในการที่เราจะไปที่ที่รวมคนอินดี๊ในสไตล์อินเดีย อีนี่ แฟตเฟส นะจ๊ะ ไนน์ จ๊า คือชื่องานครั้งนี้ และคำพาดหัวคือ เทศกาลดนตรีที่มะจาเร่ที่สุด นั่งรถตู้ไปลงหน้าเมืองทองธานี แล้วก็ขึ้นรถสองแถวต่อเข้าไป หลังจากเดินหาอยู่พักใหญ่เราก็เจอป้าย เขียนว่า มหาภารตะศิลปะดนตรีสุดกิ๊บเกร๋ ฮัลเลวังก้า มะจาเร่ โอ้แม่เจ้าในที่สุด เราสองคนก็มาถึงงานแฟตจนได้
เดินเข้าไปในงาน พบเห็นผู้คนแต่งตัวเจ็บๆมากหลาย บางคนใส่กางเกงขาเดฟที่รัดจนมันน่าจะหายใจยาก บางคนใส่เสื้อกล้าม บางคนใส่เสื้อที่มีลวดลายล้อเลียนการเมือง ต้องบอกว่างานนี้เป็นที่ที่เยาวชนชาวอินคี๊จะได้แสดงออกมากมาย อย่างไม่อายใคร แต่ที่สังเกตุเห็นได้อย่างไม่ต้องสงสัย ปีนี้กางเกงขาบานมาแน่ เพราะเห็นคนใส่กันเยอะเหลือเกิน เดินแทบจะชนกัน
บัตรสองวันหมด ผมกับโก้ เลยได้แค่บัตรวันเดียวมา ที่จริง ผมอยากซื้อบัตรสองวันนะ ผมอยากได้ cd งานแฟตครั้งนี้เก็บไว้ด้วย ซื้อบัตรเสร็จ เดินมาดูแผนผังของงาน โห งานเค้าใหญ่น่าดู มีการออกร้านขายของจำพวกซีดีเพลง หนังสือ เยอะแยะเดินดูจนตาแฉะกันเลยทีเดียว ก่อนเข้างานหน้าประตูทางเข้าก็จะมีป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ ใหญ่จริงๆขนาดความสูงเท่ากับตึกสามชั้น ที่รวมเอาป้ายโปสเตอร์หนังอินเดียมาล้อเลียนเหล่าศิลปินอินดี๊ เดินดูดีๆก็ฮาไม่น้อยเหมือนกัน
เข้าไปในงาน ผู้คนมากมายเดินกันกระจาย ผมกับโก้ก็เดินดูร้านที่เค้ามาวางขาย อยากได้เหลือหลาย ทั้งซีดีเพลง หนังสือ ที่เค้าเอามาลดราคาล่อตาล่อใจ อยากได้ แต่ เดี๋ยวก่อนดีกว่า ศิลปินจำนวนไม่น้อยที่มาต้องบูทขายซีดีกันเอง ระหว่างที่ผมเดินผ่านก็จะได้ยินประโยคเดิมๆซ้ำ ๆ ลองฟังก่อนมั๊ยครับ
ผมชอบหนังสือ ค่าย open book เลยเดินไปดูว่าเค้ามีอะไรน่าสนใจหรือเปล่า หนังสือลดราคา 20% น่าสนใจ แต่ เดี๋ยวก่อนดีกว่า เดินๆไป ก็ไปเจอพี่เมื้อย วงสครับ ของถ่านรูปพอเป็นพิธี ยิ้มตาหยี นับ หนึ่ง สอง สาม ใกล้ๆพี่เมื้อย ผมเจอพี่แหลม นักร้องนำวง 25 hours ขอถ่ายรูปหน่อยละกัน ยิ้มเห็นฟัน นับ หนึ่ง สอง สาม ไม่ห่างกันมากนัก เจอพี่ป๊อด ที่ยืนให้คนกอด อย่างไม่ถือตัว ผมก็เป็นคนนึงที่ไปโพสท่ารั่วๆให้โก้รัวชัตเตอร์อย่างไม่อายสายตาประชาชีที่เดินผ่าน
บูทสมอลล์รูมน่าสนใจ ใครสมัครเป็นสมาชิกก็จะได้บัตรเมมเบอร์การ์ดหนึ่งใบฟรีๆ ของดีๆแบบนี้ใครจะพลาดล่ะ ไม่ไกลจาบูทสมอลล์รูม มีบูทของพาราดอกซ์ วงอินดี๊วงแรกที่ทำให้ผมหันมาฟังเพลงแนวนี้ ซื้อเสื้อทันที พร้อมขอลายเซ็น+ถ่ายรูปกับพี่ต้าร์พาราดอกซ์ ยิ้มฮาฮา นับ หนึ่ง สอง สาม เดินๆไปเจอบูทของค่ายหนังไฟต์สตาร์ ผมหัวเราะร่า เพราะชอบหนังเรื่อง before valentine ของค่ายนี้มาก อยากได้เสื้อ แต่ เดี๋ยวก่อนดีกว่า แวะเยี่ยมบูทก้อย โย่ง แอนด์เฟรนด์ ที่วางขายซีดีพิมพ์หน้าปกว่า limited edition อยากซื้อ แต่ เดี๋ยวก่อนดีกว่า ไปเดินดูบูทที่เค้าเปิดขายซีดีเพลงลดราคา โห ถูกเป็นบ้า ขายกันได้งัยวะ แต่ เดี๋ยวก่อนดีกว่า บูทหนังเรื่อง อยากได้ยินว่ารักกันน่ารักดี แหยมยโสธรก็มาด้วย สมกับเป็นภาพยนต์อินดี๊ที่ทั่วไทยให้ความสนใจ เพราะผู้คนต่างหลั่งไหล ร่วมถ่ายรูปกับอ้ายแหลม และดิมแทตทูคัลเลอร์ ข้างๆบูทแหยมยโสธร มีบูทหนังเรื่อง แวมไฟม์ นิวมูน อะไรมันจะมาตั้งติดกันได้ขนาดนี้ หนังคนละแนวกันเลย
เดินจนขาแทบพัง มาอ่านต่อวันหลังแล้วกัน ไขมันหยดติ๋ง พาสแรกตั้งใจว่าจะเล่าถึงบูทต่างๆ แต่พาสสองจะลองเราเรื่องคอนเสริตที่ได้ไปชมให้อ่านละกัน แต่บอกได้อย่างเดียวว่ามันส์มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2552 | | |
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2552 13:44:44 น. |
Counter : 705 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
พัก 1 วัน ไปอ้วน ไปอ้วน
เมื่อวานโก้ชวนไปอ้วน แต่ดูเหมือนเรามีนัดเรียบร้อยแล้ว
ประมาณสองทุ่มกว่า นัดที่ผมจะไปด้วยพรุ่งนี้โทรมาหา แล้วบอกว่า ขอบโทษนะไปด้วยไม่ได้แล้ว แอบเซงนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับกร่อยหรอกงานนี้ แผนสองก็ได้ว่ะ จะไปซำมันล่ะก๊ะที่ แฟตเฟส สะบัดเฮดให้กระจาย วาดลวดลายหน้าเวที เดินหลีให้ตาพัง เดินฟังให้หูแตก รับของแจกให้แขนหัก แล้วไปยิ้มกับคำว่า รักทุกคนเลยของศิลปินกลิ่น อินดี๊
ฮัลโหลโก้เหรอ เออ พรุ่งนี้ว่างว่ะ พอดีไม่มีนัดแล้ว ไปงานแฟตกันเรา ตกลงกับโก้เรียบร้อย ว่าเราจะออกเดินทางก่อนเที่ยง ส่วนเรื่องที่ร่วมหลับนอน เพื่อนโก้ก็จะไปดูไว้เผื่อ ขาดเหลือ เรา(ผมกับโก้) ก็คงต้องเผชิญกับมันเอง
ผมไม่เคยไปงานแฟตเฟส แต่รู้ว่างานแฟตเฟสจัดมาแล้ว 9 ครั้ง แฟตเฟสในความคิดของผมคือ งานที่รวมเอาเหล่ามนุษย์ที่เรียกตัวเองว่า อินดี๊(Independent) มาเต้น มาร้อง มาจองพื้นที่ ซื้อ-ขายของที่พวกเค้าเรียกมันว่า ของแนวๆ หนังสือ ซีดีเพลง แม้แต่ของประดิษฐ์เองก็มีวางขายอย่างมากมาย ดูกันจนตาลายทั้งคนขายและคนซื้อ งานนี้จัดขึ้นโดยคลื่นตัวอ้วน แฟตเรดิโอ โห ฟังแค่นี้ก็จินตนาการไปถึงไหนแล้ว
ของที่เราจะเตรียมไปแฟตเฟสครั้งนี้ มี 9 อย่าง หนึ่ง) รองเท้าผ้าใบคู่รู้ใจคู่นี้ ทำไมต้องเป็นร้องเท้าผ้าใบ? ตอบ-เพราะเราจะต้องใส่มันเดินเหิร ลาดตระเวณ สังเกตุการณ์ว่าร้านไหนน่าเข้า ซีดีแผ่นไหนน่าเอา เวทีไหนมันสะเด่า หากเราไม่ใส่อะไรที่มันกระชับจับกับส้นเท้ามันอาจทำให้การเดิน ไม่เพลิน ต้องเผชิญกับอารมณ์ ก้มๆเงยๆ เพราะมัวห่วงเรื่องรองเท้า
สอง) กระเป๋าเป้ ไม่เก๋ แต่เอาไว้ใส่ของที่เราหมายปอง คงไม่ดีแน่ ถ้าซื้อของแล้วต้องมาแบกมันเดิน เอากระเป๋าไปด้วยแล้วกัน เผื่อไว้ไม่เสียหาย
สาม) โทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปได้ เอาไปเพราะ จะได้โทรไปบอกแม่เวลาเงินหมด โทรไปอวดพี่ตอนอยู่หน้าเวที โทรไปสั่งเคเอฟซี อันนี้ไม่เกี่ยว อีกอย่างเอาไว้ถ่ายรูป เก็บกลับมาเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่ง ข้าเคยมาเหยียบงานแฟตเฟส
สี่) กระดาษชำระ(ทิชชู่) หากเหน็ดเหนื่อยหน้าเวที เหงือไคลไหลย้อย ก็จะได้หยิบกระดาษแผ่นน้อยๆขึ้นมาซับ และที่สำคัญ หน้าที่ของมันคือชำระ ไม่ผิดหากจะติดกระเป๋าเราเอาไว้ชำระ ปัสวะ อุจระ มะตะบะที่จะออกมาทางลำไส้ตรง
ห้า) นาฬิกาเอาไว้ดูเวลาว่า ตอนนี้เวทีไหนเด็ด เวทีไหนเด่า ร้านไหนเค้าจัดช่วงนาทีทอง เราจะลองจับเวลาดูว่ามันจะจริงอยากที่เค้าพูดเหรอเปล่า
หก) เสื้อ+กางเกง ที่ดูไม่นักเลงเท่าไหร่ คิดในใจจะใส่กางเกงนักเรียน แต่ก็กลัวใครจะหาว่าเกรียณ กางเกงนักเรียนจึงถูกพับเก็บไว้ในตู้ ยีนต์คือวัสดุหน้าด้าน ที่ผมจะสอดขาเข้าไป แล้วใส่เดินให้ทั่วงาน แต่จะเป็นยีนต์ขาบานหรือขาเดฟ อันนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ เสื้อกะว่าจะเอาตัวเรียบๆเงียบๆ เพราะเชื่อว่าคนที่มาเดินวนในงานต้องใส่จี๊ดๆเจ็บๆมาแน่นอน สวนกระแสไปเลยโอเล่
เจ็ด) เงิน เป็นอุปกรณ์ดำรงชีพ ที่ทำให้ชีวิตมีทางเลือกกว้างขึ้น
แปด) ยาดม ลูกอม ยาหม่อง คนเยอะงานใหญ่ เดินๆไปอาจจะวิงเวียน พกไว้อุ่นใจสบายกาย ฉ๋อลิ๊วเทียน ที่จริงข้ามีความจริงที่ปิดบังเจ้า เจ้าเป็นลูกของข้า ซึ่งตอนที่ป้าของเจ้าเก็บเจ้าไปเลี้ยง อาสี่ที่เป็นพี่เขยของข้าพูดว่า ให้เสี่ยวเอียง ซึ่งเป็นพี่สะใภ้น้าเขยลูกอาเอาไปเลี้ยงดีกว่า แต่พี่สะใภ้น้าเขยลูกอา ก็ไม่ได้เอาไปเลี้ยง หน้าที่ก็เลยต้องเป็นของน้องสอง แม่ยาย ของน้องหก หลายสาวของแม่นางยี่ ฯลฯ วิงเวียนยังครับ เอาเลยครับ เอาขึ้นมาดม
เก้า) บัตรเข้างาน
9 กิจกรรมที่ควรทำในงานแฟตเฟส หนึ่ง) ดึงขนขาพี่ปอด โมเดรินดอก แล้วสังเกตุว่าพี่แกจะร้องด้วยความสุขหรือความเจ็บปวด สอง) เอากระเป๋าเป้ไปให้พี่เป้เสลอ เขียนคำว่า เสลอ สาม) เอาน้ำที่ผสมเกลือเยอะๆไปให้คิววงฟลัวล์ดื่ม เสียงพี่เค้าจะได้เพราะน้อยลง ความหวานของเสียงจะได้น้อยๆหน่อย สี่) ไปตีสนิทกับสองพาราดอกซ์ พร้อมบอกพี่แกว่า เดือนหน้าพี่แกจะได้รับโชคก้อนใหญ่ ห้า) อยู่เก็บงานช่วยพ่อบ้าน กะว่าเอาจนอิมแพ็คสะอาดค่อยแบกกระเป๋ากลับบ้าน หก) ทำเนียนไปบอกคนอื่นว่าเราเขียนหนังสือขายดีในแถบตะวันออกกลาง เผื่อมีคนมาขอลายเซ็นบ้าง เจ็ด) สวนกระแสด้วยการหาเสื่อไปปู นั่งดูอยู่หน้าเวที แปด) เดินในงานด้วยเท่าเปล่า เลียนแบบปาล์มมี่ เออ อันนี้น่าทำแหะ เก้า) เอากระโหลกควายเก่าๆแบกเข้าไปในอิมแพ็ค พร้อมกับผ้าโผกหัวเขียนคำว่า รักคาราบาวสุดหัวใจ
ครั้งที่เก้า แล้วสินะแฟตเฟส แอบตื่นเต้นอยู่นะว่าหน้าตางานจะออกมาเป็นยังงัย อ่านๆดูเห็นว่าจะทำออกมาในธีมเกี่ยวกับแขก อินเดีย อะไรประมาณนั้น เดี๋ยวไปเก็บเรื่องสนุกๆมาฝาก
เทศกาลอ้วน ที่หลายคนหลายความคิด มาเดินปล่อยของ ในพื้นๆที่ที่คลื่นอ้วนเตรียมไว้ให้ ผมว่านี่เป็นโอกาสดีที่เหล่าเมล็ดพันธ์ที่มีความฝัน จะได้เอามันออกมาโชว์ โชว์ให้คนที่อยากดูดู
ขอบคุณนะคับคลื่นอ้วนที่มีกิจกรรมดีๆอย่างนี้ ขอบใจโก้ที่ชวนไปงานอ้วนครั้งนี้ ขอบคุณคนอ่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552 | | |
Last Update : 7 พฤศจิกายน 2552 9:15:20 น. |
Counter : 782 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ก๋อมแก๋ม(ก๋น)คนที่ดีพอกับคนที่พอดี
เมื่อคืนนึกอะไรอยู่ก็ไม่รู้ใจตัวเอง ห้าทุ่มกว่าๆ กดมือถือดูรายชื่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้อยากโทรหาใคร ไม่ได้มีธุระอะไรสำคัญ แต่ก็กดดูมันเฉยๆนั่นแหละ
N แก๋ม เป็นชื่อที่ผมสะดุดตา อาจจะเพราะว่า เมื่อไม่นานมานี้ ชื่อๆนี้เคยปรากฏให้ผมเห็นผ่านตาแว๊ปๆ ระหว่างที่นั่งมอง จ้องมือถือ นิ้วมือก็กดโทรออกโดยไม่รู้ตัว
ปลายสายส่งเสียง สำเนียงคุ้นเคย ผมจึงเอ่ย แก๋มก็เป็นคนนึงที่เกลียดพี่ใช่มั๊ย แต่เปล่าเลย แก๋มกลับไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะรังเกลียดผมแม้แต่น้อย แถมยังอยากฟังเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากปากของผม ผมดีใจ ใครๆก็เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ ยกเว้นอยู่คนเดียวจริงๆ มันเป็นเหมือนซีรี่ส์เกาหลี อ่ะพี่โอเล่ เสียงแก๋มสดใส กรอกผ่านสายสัญญานไกลมาให้ผมได้สดับ ฮ่าๆ คนข้างนอกอาจจะมองว่ามันส์นะ แต่พอได้เข้ามาเจอเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองแล้วมันไม่สนุกเลยว่ะ เครียด แต่ก็ไม่รู้จะทำยังงัย ทั้งที่เราต้องการจะแก้ไขทุกอย่างนะแก๋ม แต่มันกลับกลายเป็นคนละเรื่องกันเลย กลับกลายเป็นยิ่งเราพยายามจะแก้ มันก็ยิ่งรัดเรามากขึ้น ตอนนี้เราทำได้อย่างเดียวแล้ว คือการปลง อยู่เฉยๆก็สบายดีนะแก๋มพี่ว่า ผมพูดกลับไปด้วยท่าทีสบายใจ ออกจากข้างในจริงๆ
มีประเด็นนึงที่ผมรู้สึกว่า เฮ้ย! ชอบว่ะ ระหว่างพูดกับแก๋ม พี่ว่าคนที่ดีพอ กับคนที่พอดี มันคนละอย่างกันนะแก๋ม คนที่ดีพอ คือคนที่เราคิดว่าเค้าดีพอสำหรับเรา เค้าสามารถซับพอทต์ สิ่งที่เราต้องการได้ เราจะมองเค้าด้วยสายตาชื่นชมมากกว่า ชื่นชอบ แต่คนที่พอดี คือ คนที่เข้ากับเราได้แทบจะทุกอย่าง เวลาเราอยู่ด้วยแล้วเราเป็นตัวเองที่สุด นั่นแหละคนที่พอดี หลายครั้งคนเราชอบหลงคิดว่าคนที่ดีพอกับคนที่พอดี คือคนๆเดียวกัน ทั้งที่เราจะมองเห็นแต่ข้อดีของคนที่ดีพอ จนลืมนึกนึกว่าที่จริงแล้วเราต้องการคนที่พอดีมากกว่า แก๋มเป็นผู้ฟังที่ดี และจะพูดประโยคเดิมซ้ำๆ มันเป็นเหมือนซีรี่ส์เกาหลี อ่ะพี่โอเล่
แก๋มอิจฉาชีวิตที่ผมเจอ แก๋มบอกว่ามันเป็นชีวิตที่มีเรื่องราวน่าติดตามน่าสนใจ แต่ผมกลับอิจฉาชีวิตธรรมดาๆอย่างแก๋ม ที่ไม่ต้องมีเรื่องราวมากมาย ให้ต้องมาอายตัวเองเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว
จากการกดเบอร์โทรศัพท์แบบไม่ได้คาดหวังอะไร กลับเจอคนที่ทำให้เราสบายอย่างบังเอิญ
หลังจากคุยกับแก๋ม รู้สึกว่า เออ บางทีการรีบเร่ง เคร่งเครียดกับตัวเอง ก็กลับเป็นการรีบเร่ง เซงชีวิต ทางที่ดีอยู่แบบนี้ไปก่อนดีกว่า อยู่แบบรั่วๆอย่างที่โอเล่เคยเป็น พี่โอเล่อย่าปิดตัวเองล่ะ เสียงหวงใยของแก๋ม แนบส่งท้ายมาให้ผม พี่ไม่ปิด พี่ไม่รีบ พี่ก็อยู่ไปเรื่อยๆแหละ ตอนนี้แค่เห็นทุกคนมีความสุขพี่ก็มีความสุขด้วยแล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบหาเลย เชื่อมั๊ย วันนึงคนที่พอดี มันจะเดินเข้ามาหาเราเองแหละ สู้ๆค่ะ
เมื่อวานอยากไปเยอรมัน วันนี้ก็ยังอยากไปเยอรมันอยู่ และท่าทางพรุ่งนี้ก็คงอยากไปเยอรมันเช่นกัน ความฝันไม่มีวันหมดอายุครับ
หากเราฝันและเราเชื่อมั่นว่ามันจะเกิดขึ้นจริงได้ เชื่อเหอะ! ซักวันมันจะเกิดขึ้นจริง แต่! ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริงเราก็ต้องไม่ทิ้งและทำมันให้ถึงที่สุดก่อน
เกรดเริ่มทยอยออกมาให้เห็นหน้าเห็นตากันบ้างแล้ว บางตัวก็สวย บางตัวก็ห่วย เกรดที่ พอดี อาจจะไม่ใช่เกรดที่ ดีพอ สำหรับผมแล้ว ผมเป็นคน พอเพียง ก็เลยขอเกรดแบบ พอดี ดีกว่า
ขอบใจก๋อมแก๋ม(ก๋น)ที่แวะมาพ่นสิ่งดีๆให้พี่ชายยิ้มได้ ขอบคุณความฝันที่เกิดขึ้นทุกวัน และตอนนี้มันกำลังจะทับผมตายแล้ว ขอบคุณความพอดี ที่ดูยังงัย ก็ดีกว่า ดีพอ ขอบใจหลายๆเด้อ
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2552 | | |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2552 18:06:34 น. |
Counter : 955 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
อยากไปเยอรมัน
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันนึงผมจะพูดกับเพื่อนว่า เฮ้ย! กูอยากไปเยอรมันว่ะ
เมื่อมีคนเอ่ยถามว่า ถ้าไปเมืองนอกได้จะไปประเทศไหน สำหรับผม เยอรมันจะเป็นประเทศท้ายๆถึงท้ายที่สุดที่จะพูดออกมา คงเพราะว่าเยอรมันเป็นประเทศที่ไม่เข้าข่ายน่าเที่ยว น่าอยู่ น่าดู หรือน่ารู้ เลยสำหรับผม เยอรมันเป็นประเทศธรรมดา ที่มีตาหนวดบ้า ต้องการยึดครองโลกและมีทีมฟุตบอลบาเยรินมิวนิกส์ นี่คือสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับเยอรมัน นอกเหนือจากนั้นผมไม่รู้อะไรอีกเลย เมืองหลวงชื่ออะไร? ใครเป็นนายก? ธงชาติสีอะไร? ที่ไม่รู้ เพราะไม่เคยคิดอยากจะรู้
เมื่อวาน หลังจากที่บ่นว่าเบื่อตัวเอง เซงชีวิต ก็เลยโทรหาน้องเทค กะว่าจะเรียกมันไปเลิ้ยงข้าว นานๆเลิ้ยงทีแต่จะเลี้ยงให้ดีที่สุด (ฮ่าๆๆ เกิดเป็นน้องพี่ต้องอดทน) สั่งกับข้าวเสร็จก็นั่งบ่น ให้มันทนฟัง เกี่ยวกับเรื่องเกรดและเรื่องการใช้ชีวิต กินข้าวเสร็จประมาณ ทุ่มกว่าๆ แต่ยังไม่อยากกลับหอ เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆโดยไม่มีจุดหมาย อากาศเย็น ลมหนาวพัด กลัวเป็นหวัด แต่ก็ยังเดินต่อ เดินไป คิดไป เดินไป คิดไป เดินไป คิดไป เดินไป คิดไป ความคิดวันก็เดินวนอยู่ในหัว ขาก็พาตัวเดินไปข้างหน้า
รู้สึกตัวอีกที อ้าวนี่! มันหน้าหอสมุดแล้วนี่นา เดินเข้าไปในหอสมุด ก็ไปสะดุดตาหนังสือที่เขียนตัวใหญ่ๆว่า เที่ยวเยอรมัน หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างไม่สนใจใยดี เพราะคิดแค่ว่าจะเปิดดูรูปประกอบเท่านั้น แต่พอดูดีๆ ในสิ่งที่ไม่ใยดี ก็มีสิ่งที่ดูดีซ่อนอยู่ เออ เมื่องเค้าก็น่าอยู่ดีนะ ประเทศก็โอเคนะ ประวัติศาสตร์ก็น่าสนใจ ในนาทีนั้นก็ยังไม่คิดอยากจะไป แต่เปิดไล่ไปเรื่อยๆ ความคิดก็สะกิดจินตนาการ เยอรมันก็น่าไปดีนะ อยากไปเรียนต่อที่นั่นว่ะ เดินกลับ ไปนอนหลับ ลืมเรื่องเยอรมัน ฝันถึงอาเซน่อลที่จะดูเย็นนี้
ตื่นมาอีกที ตีสองสิบนาที เปิดทีวี ดูช่องเจ็ดสี ขยี้ตา ไอ้หยา! ทีวีสี ไม่ชัดซักที สักพักเริ่มตั้งหลักได้ ความคมชัดก็กลับมา ดูอาเซน่อลขย่อนกับเอแซดอักซ์มา บอลสนุก คนสนาน สกอร์เบิกบาน อาเซน่อลชนะแบบสราญจิต ดูบอลเสร็จ ปิดทีวีสี หยีตา คิดว่าจะนอน แต่เหมือนมีความคิดอะไรคลั่งอยู่ในหัว นั่งนิ่งๆเงียบๆ เออ เยอรมัน
เปิดโน๊ตบุ๊ค บุกกูเกิล พิมพ์ความว่าเยอรมัน และสถาบันวิศวกรรม เออ น่าสนใจดี อยากไปเยอรมันว่ะ ตีห้ากว่าๆ สนุกกับการไปท่องเที่ยวเยอรมันผ่านอินเทอร์เนต แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองต้องนอนซักที ถ้าดึกกว่านี้ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนไม่ไหวแน่ๆ ปิดโน๊ตบุ๊ค ลุกจากเก้าอี้ คราวนี้เก็บเอาภาพที่ไปท่องเที่ยวกลับมานอนฝันดี ฝัน ฝันว่าอยากไปเยอรมัน ฮ่าๆๆ
ตื่นขึ้นมาอีกที เจ็ดโมงกว่าๆ ในใจก็รู้ดีว่า แปดโมงครึ่งมีเรียน รีบอาบน้ำ ขัดขี้ไคล ลูบไล้หว่างขา ตอนเช้ามาเรียน ประโยคแรกที่ผมพูดกับเพื่อนคือ เฮ้ย! กูอยากไปเยอรมันว่ะ
ขอบคุณเยอรมันที่ทำให้นอนฝันและยิ้มได้ ขอบคุณน้องเทคสุดหล่อที่มานั่งให้พี่เลี้ยงข้าวและคุยเรื่องสาวๆอย่างสนุกสนาน ขอบคุณอาเซน่อลที่นอนดึกเป็นเพื่อน
Create Date : 05 พฤศจิกายน 2552 | | |
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2552 19:20:02 น. |
Counter : 909 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เบื่อตัวเอง
เมื่อไหร่ภาพเก่าๆเหล่านั้นมันจะหลุดจากความทรงจำซักที ผมไม่สามารถทำได้เหมือนเทอ-หรือที่จริงเทอเตรียมทุกอย่างรอวันนี้เอาไว้แล้ว อันนี้ก็ยังสงสัยแต่ไม่รู้จะถามยังงัย
เบื่อตัวเองที่ชอบคิดชอบย้อนกลับไปวันเวลาเดิมๆ ชอบฝันถึงสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นต่อ รอให้วันเหล่านั้นมาถึง โดยที่นั่งเสียลมหายใจให้กับมัน แบบวันต่อวัน ที่จริงอาการอย่างนี้ น่าจะเกิดมาเรื่อยๆแล้วล่ะ แต่ก็เริ่มอาการหนักก็พักนี้ แต่ก็ดี ที่ยังรู้สึกตัว ว่าเราจะมัวมานั่งเสียใจกับสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ทำไม
ลึกๆในใจข้างในลงไป สิ่งที่เรียกว่ารักเป็นอะไรที่เข้าใจได้ยากนะผมว่า สวยงามแต่น่ากลัว นิ่งนอนแต่น่าตื่นเต้น ลุ่มหลงแต่น่าเบื่อหน่าย มากมายกลับกลายเป็นน้อยนิด เรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมามีอะไรน่าคิดเกี่ยวกับความรักหลายแง่ แม้แต่ตัวคุณที่มีความรักอยู่ตอนนี้ เชื่อผมเหอะ ต้องมีบ้างแหละที่คุณสับสนกับความรัก
ผมอยากจะพูดกับใครบางคนว่า เรื่องราวมันจะไม่ยาวและแย่แบบนี้ ถ้าหากใครคนนึงไม่มัวแต่หนี และหันหน้าออกจากกัน เข้าใจนะ ว่าต้องใช้เวลาในการเยียวยาจิตใจ พร้อมกับทำความรู้จักคนใหม่ และรักเขาให้เท่ากับคนเก่า สำหรับเทอผู้เคยเจอประสบการณ์มามากกว่าผม เทอก็อาจจะใช้เวลาสำหรับทำทุกอย่างไม่นานเท่าไหร่ แต่ไอ้คนที่มันนั่งซังกะตายมาพักใหญ่ๆถอนหายใจยาวๆ บางทีมันก็มีหลายเรื่องที่ยังติดค้างเหมือนกัน รู้ตัวนะ ว่าตัวเองแย่ แต่ก็ไม่คิดว่าวันนึงจะหมดศัทรากับความรักได้ขนาดนี้
อาการอย่างนี้ก็คงเป็นเพราะผมได้เข้าไปอ่านบล๊อกของปานตาตอนเย็นมั้ง บล๊อกที่พูดเรื่องการพบพานและจากลา บล๊อกที่ว่าด้วยเรื่องราวของสาวผู้มองโลกในแง่ดี ผมเข้าไปพร้อมกับมุมมองที่เคยประคองตัวเองมาตลอด แต่หลังจากเข้าไปในพื้นที่เล็กๆของปานตาก็พบว่า ตัวเองแอบอิจฉาเหล่าบรรดาคนที่เค้ามีความรักกัน แต่ตัวเองไม่สามารถมีได้ ที่ไม่สามารถมีได้ ไม่ใช่เพราะรังเกลียดความรัก แต่เป็นเพราะยังไม่พร้อมที่จะหาใครมาเดิมร่วมทางตอนนี้ ตอนที่ตัวเองเบื่อตัวเอง และเกรงใจคนที่จะเข้ามาว่าเค้าจะต้องมาเจอเราในสภาพที่ไม่ใช่เรา สงสารเค้า และก็ทำไม่ได้
ทัศนคติอีกอย่างนึงเกี่ยวกับความรักที่ได้ในตอนนี้ก็คือ เวลาที่ใช้ในการทำใจของแต่ละคน จะแปรผกผันกับประสบการณ์ความรักที่เคยผ่านมา
ณ ตอนนี้ ตอนที่พิมพ์อยู่ รู้แล้วว่าไม่มีอะไรแน่นอนในโลกใบกลมๆเหมือนผลส้มใบนี้ เมื่อวานอาจจะมีคนบอกคุณ ว่าอยากเดินร่วมทางกับคุณ แต่อีกไม่กี่วันต่อมา แค่เวลาและความห่างไกล ใจคนเรามันก็ค่อยเปลี่ยนตามระยะทาง คุณอาจได้เห็นเค้าเดินกับใครที่ไม่ใช่คุณ นี่แหละโลกใบนี้ โลกใบเอียงๆ ที่เราทุกคนต่างยืนอยู่กันคนละองศา และอย่าแปลกใจว่า ทำไมเค้าไม่คิดเหมือนเรา
ผมไม่ได้กลัวความรัก แต่ผมไม่พร้อมที่จะรักมากกว่า
ที่พิมพ์มาทั้งหมดก็รู้อยู่ว่า เป็นการคิดแบบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ทุกข์มันก็จะปักอยู่กับเรา คนที่แบกทุกอย่างเอาไว้ มีใครบางคนเคยบอกไว้-หากเราทุกข์ให้มองไปดูคนที่ทุกข์กว่าเราสิ เค้าทำไมอยู่ได้ เค้าทำไมไม่มาบ่นว่าสุดทนกับชีวิต ไม่เลย เค้าไม่เคยบ่นว่าเบื่อชีวิตเลย
ผมและเทอเจอกันด้วยความบังเอิญ แต่ตอนเดินจาก เราสองคนต่างฝากแผลเป็น ที่คนภายนอกมองไม่เห็น เว้นแต่เทอและผมเท่านั้นที่จะเข้าใจ แต่ยังงัยก็ขอให้โชคดีกับเส้นทางสายนี้ละกันนะ เส้นทางสายเรียบสวยที่มีคนช่วยอำนวยความสะดวก ไม่ต้องมาลำบากตรากตรำ เดิมย่ำอยู่ที่เดิมแบบที่เคยเป็น โชคดีจริงๆ จากใจจริง
อีกสาเหตุที่ทำให้คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ก็คงเป็นเพราะผมได้งานภาษาอังกฤษมาทำ ซึ่งแต่ก่อนขำๆเพราะรู้ว่ามีคนช่วยทำ แต่ตอนนี้ต้องนั่งหยีตาเปิด ดิกท์ หาด้วยตัวเอง ฮ่าฮ่า คิดถึงวันเวลาที่เคยสบายตัวจากงานภาษาอังกฤษจัง
อีกครั้ง-ไม่มีอะไรแน่นอน คุณสามรถเปลี่ยนสถานะจากแฟนที่เค้ารักที่สุดเป็นแฟนที่เค้าเกลียดที่สุดได้ภายในเวลาเพียงแค่ข้ามคืน และอีกครั้ง-จงอย่าไปเชื่อเรื่องของคนอื่นจากใคร หากคุณไม่ได้ไปถามเรื่องคนคนนั้นจากปากของคนคนนั้นด้วยปากของคุณเอง เบื่อเรื่องเข้าใจผิดว่ะ
สุดท้ายมีคำสอนดีๆจากท่าน ว.วชิรเมธีมาฝากพี่น้องครับ 1. อย่าเป็นนักจับผิด คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง " กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก" คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส "จิตประภัสสร" ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี " แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข"
2. อย่ามัวแต่คิดริษยา " แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน" คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า "เจ้ากรรมนายเวร" ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้อง ถอดถอน ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น "ไฟสุมขอน" (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี "แผ่เมตตา" หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป
3. อย่าเสียเวลากับความหลัง 90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ "ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น" มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ "อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน" " อยู่กับปัจจุบันให้เป็น" ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี "สติ" กำกับตลอดเวลา
4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ " ตัณหา" ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่ เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ " ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม" ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ ใส่เพื่อความโก้หรู คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่ คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์ เราต้องถามตัวเองว่า "เกิดมาทำไม" " คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน" ตามหา "แก่น" ของชีวิตให้เจอ คำว่า "พอดี" คือ ถ้า "พอ" แล้วจะ "ดี" รู้จัก "พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข
ขอบคุณใครบางคน ขอบคุณพื้นที่เล็กๆของปานตา ที่มาเปิดตาให้รู้ว่า คนเรามีพบพานและก็ต้องจากลา ขอบคุณความรัก ความรู้สึกที่ทางวิทยาศาสตร์พยายามหาคำอธิบาย แต่ก็ไม่ได้ความหมายที่ตรงซักที
Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552 | | |
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 3:39:06 น. |
Counter : 869 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|