คนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิต(มีจริงเหรอ?)

Photobucket

‘คนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิต’
ผมเคยอ่านข้อความด้านบน เมื่อไม่นานนี้เอง
ความรู้สึกแรกที่อ่านข้อความนี้ บอกได้คำเดียวว่าเสียใจที่สุด ความรู้สึกต่อมาคือ นี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอเนี๊ย?ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่สายตาได้เห็น ผมจ้องมองข้อความนี้อยู่นาน นานเท่าไหร่ผมจำไม่ได้ รู้แต่เพียงว่าความรู้สึกเสียใจที่เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ตอนนี้ก็ยังคงอยู่ และคาดว่าน่าจะอยู่ไปอีกซักพัก

ผมเคยเปรียบเรื่องความรักให้ใครคนหนึ่งฟัง
การเป็นแฟนกัน มันก็เหมือนการเดินร่วมทาง ซึ่งทางสายนี้จะยาวเป็นพิเศษ ยาวกว่าทางที่เราเคยเดินผ่านมาหลายเส้นทาง แถมการเดินทางครั้งนี้อาจจะเหนื่อยมากด้วย เพราะฉะนั้นก่อนออกเดินทางเราควรตรวจสอบทุกอย่างให้ดี ว่ายังมีจุดไหนมั๊ย ที่ไม่ควรเอาไปด้วย จุดไหนที่ควรเพิ่มเติมเข้าไป
ระหว่างการเดินทาง แน่นอนเส้นทางไม่ได้ราบเรียบเหมือนดั่งใจหวัง มีหลุมบ้าง ถนนขาดบ้าง ต้องแวะพักบ้าง แต่ ทุกครั้งที่เจอกับอุปสรรค์หลายๆอย่าง พอมองมาข้างๆเราก็จะพบเพื่อนร่วมทางอีกหนึ่งคน ซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ว่าเราทำไมยังอยากเดินทางบนเส้นทางที่แสนเสี่ยงสายนี้
ก็ต้องมีบ้างบางอารมณ์ที่เพื่อนร่วมทาง งอแง อ่อนแอ ไม่แยแส แต่เชื่อว่าทุกอย่างเพียงเราคุยกัน เราจะเข้าใจกันมากขึ้น จากงอแง หลังจากคุยเสร็จอาจจะกลายรักแก หากอ่อนแอหลังเติมกำลังใจเสร็จอาจจะกลายเป็นอิ่มแป้ จากที่ไม่แยแสหลังคุยเสร็จอาจจะเป็นขอโทษนะแก
หลายเรื่องสามารถเกิดบนเส้นทางสายนี้ได้เสมอ เชื่อเหอะอีกไม่นานเดี๋ยวก็เจอ
หากอยากไปถึงเส้นชัย ที่ตั้งเอาไว้ให้เร็ว ทั้งสองก็ต้องก้าวเท้าไปพร้อมๆกัน
หากคนไหนเหนื่อยก็ต้องแวะพักเติมกำลังใจก่อน นอนซักคืน ตื่นมาค่อยออกเดินกันต่อ เราต้องรอกัน

สุดท้ายการเดินทางที่แสนยาวไกล รางวัลที่ได้คือ ความเข้าใจ ความรัก และความห่วงใยซึ่งกันและกัน

ผมเชื่อว่าในระยะเวลาเพียงสั้นๆไม่มีใครเปลี่ยนชีวิตใครได้หรอก แค่ก้าวเท้าออกเดินยังทำไม่ได้เลย
หรือบางที อีกคนนึงอาจจะยอมเปลี่ยนรูปแบบชีวิตของตัวเองทั้งหมด เพื่อให้มันรับกับชีวิตของอีกคนหนึ่งซึ่งยื่นอยู่เฉยๆ ฉะนั้นก็แสดงว่า เค้าไม่ได้เปลี่ยนชีวิตเรา แต่เราตะหากที่อยากเปลี่ยนชีวิตตามเค้า
ผมมองว่านี่ไม่ใช่การเดินทาง แต่เป็นอะไรที่สำเร็จรูป น่าเบื่อ คู่รักหลายคู่ในโลก ส่วนใหญ่เป็นแบบนี้
บางคู่ก็ทนอยู่ บางคู่ก็จบลงที่ต้องหย่าร้าง บางคู่อาจจะรุนแรงกว่านั้น เหตุเกิดเพียงเพราะความเข้าใจผิดคิดว่าเราทำทุกอย่างถูกแล้วของคนที่ยอมเปลี่ยนชีวิตและคนที่คิดจะเปลี่ยน

ระยะทางไม่มีผลกับคนกลุ่มนี้ กลุ่มคนสำเร็จรูป

ที่เรายอมเปลี่ยนหลายๆอย่างในชีวิตให้เค้า อาจเป็นเพราะว่าเรากลัว กลัวว่าวันนึงไม่มีใครอยู่ข้างๆ กลัวว่าวันนึงเราต้องอ้างว้าง ใช่ ผมมองว่าคนที่คิดแบบนี้เป็นคน ขี้เหงา
บางทีความเหงามันมาทำลายเส้นทางที่เราอยากไป ทำลายตัวตนที่แท้จริงของเรา ทำให้เรามองไม่เห็นอะไร ใครอยู่ใกล้ๆได้หมดแหละ

บางครั้งการได้อยู่แบบเหงาๆก็ทำให้เราเข้าใจชีวิตได้มากขึ้น ไม่เชื่อลองเหงาดูสิคับ ตอนนี้ผมกำลังเหงาอยู่และคาดว่าจะหายเหงาเมื่อประโยค ‘คนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิต’ จางไป คิดว่าน่าจะนานคับ

ขอบคุณ ‘ความเหงา’
ขอบใจ เจ้าของประโยค ‘คนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิต’
ขอบคุณเวลาที่ทำให้รู้ว่าบางทีการนั่งนิ่งๆคนเดียวก็สนุกได้เหมือนกัน

ปล. ช่วงที่ผ่านมาผมพยายามทำตัวเองให้หายเหงาโดยการทำนั่นทำนี่ แต่ก็เหมือนเดิมทุกที พยายามเดินตามหาคนที่พาความสนุกมาให้ แต่สุดท้ายก็เหมือนจะมีแต่เค้าก็ไม่มี บางทีอยู่แบบนี้แหละ แบบที่ไม่ต้องมีคนมาเปลี่ยนชีวิต หรือไปเปลี่ยนชีวิตตามใคร วันนึงเวลาจะพาเรากลับมาเป็นตัวของตัวเอง
ระยะทางไม่มีผลกับกลุ่มคนสำเร็จรูป
แต่ระยะทางมีผลกับ ‘คนที่รักจริงจัง จะรักเพียงเทอ ทั้งหมดหัวใจ ชั้นลืมไม่ได้จริงๆ’
สุขสันต์วันเหงาแห่งชาติคับ
เล่รักทุกคนเลย




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2552 16:50:21 น.
Counter : 1364 Pageviews.  

ประจวบฯเหมาะ (ภาคการเดินทาง)

Photobucket

หลังจากกลับมาจากประจวบฯ วันนี้ผมพึ่งมีโอกาสมาแปรรูปความทรงจำเป็นตัวหนังสือ

อากาศวันศุกร์ตอนเย็น ค่อนข้างหนาว หมู่เราชาวคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา นัดกันมารวมตัวเฮฮากันหลัง มอ เพื่อรอรถออก ไม่มีอะไรมากหรอก แค่อยากจะบอกว่าพวกเราจะไปเที่ยวกัน
ผมแบกกระเป๋า เดินจากหอพัก ไปตั้งหลักที่หลัง มอ เหมือนคนอื่นๆ ตื่นเต้นคับ พูดตรงๆ ไม่เคยไปเที่ยวทะเลกับ คนเยอะขนาดนี้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกของผมที่จะไปอมน้ำทะเลที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่เคยฝันแต่ก็ได้ไป

สองทุ่ม สามหนุ่ม สามมุม เนม โน๊ต และผมก้มหน้าก้มตากินข้าวเย็นที่หลัง มอ
ไม่อร่อยแต่แพง
กินข้าวเสร็จ เดินเอากระเป๋าไปรวมกับเพื่อน และนั่งฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์
เสียงในหูฟังดัง
“แดดจางๆและลมพัดเย็นช่างเป็นใจ ในวันนี้ทุกอย่างนั่นดูสดใส ขับออกไปกับคนที่รู้ใจเพียงสองคน จุดหมายเราคือทะเล ที่ฉันนับคืนวันและเฝ้ารอ…..”
แม้ไม่ได้ไป honeymoon เหมือนชื่อเพลง แต่บรรยากาศก็ครื้นเครงไม่ต่างกัน ฟังเสร็จ เก็บหูฟัง ชวนเพื่อนไปร้องคาราโอเกะ เพื่อฆ่าเวลารอรถมา
คาราโอเกะหนึ่งห้องจัดไป แม้ไม่ใหญ่แต่ก็มีพื้นที่พอสำหรับคนเกือบสิบ บางคนนั่งบางคนยืน ส่วนผมเต้นและร้องอย่างเมามันส์ หลายเพลงผ่านไปผมจำเป็นต้องวางไมค์ เพราะร้องนานๆก็เหนื่อยไม่ต่างจากวิ่งรอบสนามฟุตบอลสี่รอบ ไม่ร้องแต่ไม่หยุดเต้น เอากันให้ตายกันไปข้างนึงเลยดีกว่า ร้องคาราโอเกะลากยาวไปประมาณ ห้าทุ่มกว่าๆ รู้สึกตัวอีกทีทั้งห้องก็เหลือเพียงผมกับพี่โน๊ต แต่ก็ไม่เป็นไรเน้นเอามันส์สะใจเป็นพอ ร้องจนหมดเสียง เดินคอเอียงออกมาจ่ายเงิน
หลังจากจัดการเรื่องค่าคาราโอเกะ ผมก็มานั่งคุยกับเหล่ารุ่นน้องที่ต้องดูแลเป็นพิเศษในทิปการเที่ยวครั้งนี้ หึหึ

เที่ยงคืนผมส่งข้อความไปหาแม่เพื่อถามว่าอยากได้อะไรมั๊ยลูกชายจะไปเที่ยวทะเล ส่งเสร็จ เสียบหูฟัง เสียงข้างในก็ดัง
“อยากกลับไปวันเมื่อวาน ไปพบกับเทอเพลินวาน กลับไปรื่นเริงสำราญ เหมือนวันที่เราเคยรู้จัก……”
เพลินวาน ฟังแล้วเพลินดี เป็นเพลงที่ฟังแล้วช่วยให้ผมมีรอยยิ้มขึ้นมาแม้จะเหนื่อยล้ากับหลายเรื่องที่ผ่านมา

ตีหนึ่ง พวกเราจึงได้ขึ้นรถ พี่ปีสี่นั่งกับน้องปีหนึ่ง พี่ปีสองลองของกับพี่ปีสาม อีกคันคนที่อยากนอนและไม่ดื่มกรุณาขึ้น หลังจากทุกคนขึ้นรถเสร็จสับ ล้อก็ขยับออกจากที่ เสียงเพลงปลุกเร้าอารมณ์ให้รุ่มร้อน จากที่ผมอยากนอนกลับกลายเป็นเลดี๊ กาก้า ซะงั้น แดนซ์กันอย่างเมามันส์ เห็ดสะบัดบ๊อบ!!! (ผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอะไร แต่เวลาอุทานแล้วมันได้อารมณ์ดี) เต้นไปได้ซักพักเหมือนถ่านจะหมด ลดประริมาณการขยับลง หันหาที่นั่งที่ว่างอยู่ แบกสังขารไปนั่ง และหลับตาลงในความมืดที่มีเสียงเพลงบรรเลงลอยในอากาศ
ตื่นมาอีกที ตีสี่กว่าๆ รู้ตัวว่าปวดฉี่มาก ผมจึงลุกขึ้นจากเตียง แล้วลงไปหาทำเลดีๆระบายของเสีย
ระหว่างขาขวากำลังจะก้าวขึ้นรถ เสียงปู่เทคก็ดังขึ้น
“โอเล่ มึงหาไปไหนมา เค้าตามหามึงกันทั่วเลย มาเลยๆ มาแดกขวดนี้กับกูก่อน” เสียงปูผอมทาทางจามาวมาก
“โหพี่ เหลือตั้งเยอะ เอาจริงเหรอพี่” ทั้งที่พึ่งไประบายมาสดๆร้อน ก็ต้องเอากลับเข้าไปอีกแล้วเหรอเนี๊ย!!
“มึงใจมั๊ย มึงรักพี่มึงมั๊ย” ปูลืมตาจามายขึ้นเลวน้า
‘เกี่ยวไรกันวะ’ ผมแอบคิดในใจ แต่ถ้าทำให้พี่ผมมีความสุขแม้จะต้องแลกด้วยการเสียวเล็กๆที่ลำคอ ผมก็ยอม
ผมรับขวดแสงโสมที่ผ่านการอ๊อดโมซิสมาจากมือพี่ หยีตาแล้วไม่อยากดืม ผมทำท่าทำทางว่าของเดินไปดื่มคนเดียวเงียบๆ
“เดี๋ยวพี่ผมไปกินข้างพุ่มไม้นะ ผมกลัวอ้วก” เสียงสดใสของผม
“เชิญคับน้องโอเล่” มาวม่ายรู้เรืองเลยพี่กู
พอเดินมาถึงพุ่มไม้ ผมยกขวดเหล้าขึ้น เทราดลงไปบนต้นเทียนทอง กะและมองด้วยสายตาไม่น่าจะต่ำกว่า ครึ่งขวด ไม่รู้สึกเสียดายอะไร เดินกลับไปหาพี่
“แด่ ปูเทคคับ”

หลอกคนเมาเสร็จกำลังจะก้าวเท้าขวาขึ้นรถ
“โอเล่ พี่ยังไม่ได้กินกับมึงเลยว่ะ” เสียงพี่ชายที่สนิทกันดังมาแต่ไกล
“อะไรอีกวะเนี๊ย!!!”
“มาๆ เพียวกับพี่หน่อย” ท่าทางไม่เมามาก
คิดในใจมุกใหม่อะไรดีวะ ขณะกำลังคิดขวดก็มาสะกิดที่ริมฝีปาก
“อ้าว ดืม”
กินก็กินวะ เสียวเล็กน้อยถึงปานกลางที่ส่วนล่างของหลอดลม ขม ไม่อร่อย กินเสร็จซักพักก็ยืนคุยกันต่อ พี่ก็ได้แต่บอกว่า “พวกมึงดูแลน้องให้ดีๆนะ”
ไม่สนแล้ว ขวานี้กูต้องได้ขึ้น!

ขึ้นมาบนรถ เสียงเพลงที่ดังขนาด 90 เดซิเบล กำลังเดินทางผ่านอากาศเข้ามาในรูหูผม โห นี่มึงกะจะเอาให้หูแตกเลยใช่มั๊ย? เพลงยังดังต่อไป พี่เรียกไปเล่นเกมส์ที่เบาะหลัง ไม่นานผมก็เดินเซกลับมานั่งโดยไม่สนเสียง 90 เดซิเบล เฮ้ย มาวโว๊ย อยากนอน อย่ากวนกูนะ

อากาศวันเสาร์ตอนเช้า ค่อนข้างหนาว หมู่เราชาวคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา มาถึงรีสอร์ตแล้ว เย้ๆ ดีใจเห็นทะเลแล้ว
อ่านต่อภาคพักแรม***




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2552 18:55:10 น.
Counter : 750 Pageviews.  

ด.ช.ศรายุธ โยธะบุรี แบกกระเป๋าหนีแม่ไป ปราณบุรี

ไม่อยู่บ้านประมาณ 2 วัน
ฝากมดตัวน้อย ต้นหญ้า ต้นไม้ สวนดอกไม้ ผีเสื้อ ดูแลบ้านให้ด้วยนะ
เดี๋ยวไปเก็บเรื่องสนุกจากปราณบุรีมาฝาก





ปล.คิดถึงบ้านจังเลย :)




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2552 12:20:31 น.
Counter : 786 Pageviews.  

สิทธิ์

Photobucket

วันนี้สนุกกับการนั่งวาดรูปเหมือน(ที่ไม่ค่อยเหมือน)เพื่อนๆ ในห้องระหว่างฟังบรรยายวิชา fluid
ตอนบ่ายทำแลปเรื่องความหนืดของยางมะตอย คอยกันเป็นสองชั่วโมงกว่าจะเสร็จ
เดินโต๋เต๋ โซเซกลับหอ มายืนรอผัดซีอิ๊วที่พ่วงท้ายด้วยคำว่าพิเศษ
ผมว่าผมติดนิสัยแล้วหละ ผมชอบพูดคำว่าพิเศษ
เอา….เอ่อ ข้าวผัดรวมพิเศษ ผัดกระเพราพิเศษ ก๊วยเตี๋ยวต้มยำพิเศษ ผัดพริกเผาพิเศษ แม้แต่กางเกงในก็ยังต้องไซส์พิเศษ
แค่รู้สึกว่าตัวเองได้เยอะกว่าชาวบ้านนิดเดียวผมก็ภูมิใจแล้ว โรคจิตนะเราเนี๊ย

ระหว่างใช้ฟันกรามบทเนื้อหมูที่ถูกทำให้สุกโดยความร้อนมากกว่าร้อยองศา ผมก็พบว่า ด้านหน้าของโต๊ะที่ผมนั่งมีคู่รักคู่นึงกำลังจู๋จี๋ ดู๋ดี๋ ไม่นานคงปู๋ปี๋ กันแน่นอน ป้อนข้าวให้กันกิน แม่เจ้า!! ลมหนาวพัดผ่านตัวโอเล่ไปหัวใจมันหยุดเต้น นี่เค้าสวีทกันขนาดนี้เลยเหรอ
ฝ่ายหญิงตักข้าวสีขาวเม็ดสวย ยัดใส่ปากแฟนพร้อมมองด้วยสายตาเอ็นดู กูไม่อิจฉา แต่กูอุจาตตา
“อร่อยมั๊ยเตง?”
ฝ่ายชายยื้นหลอดที่ตัวเองดูดแล้วให้ผู้หญิงดูด หืม ไม่กลัวโรคติดต่อกันเลยนะมึง
“อร่อยจังเลยเตง?”

มอง ผมมองสองคนด้วยสายตาประมาณว่า ไปรักกันให้ไกลๆได้มั๊ย ทำใจไม่ได้ว่ะ มองเสร็จก็เอาซ้อมเสียบผักคะน้ามาใส่ปากที่อ้ารอรับ เคี๊ยวๆๆๆ เหลียวตาหนี มาเจออีกที่ คู่นี้กำลังคุยกันอย่างเมามันส์ โอ๊ววววพระเจ้าจอร์ท (ผมเลิกใช้คำนี้มานานพอสมควร) ยอดผักคะน้าช่างอร่อยจริงๆเลย
แหงนหน้า เบิ่งตา พบว่า ในโรงอาหารประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตตาบอดหลายคู่กำลังนั่งดูๆกันอยู่

วันนี้ทำแลปเสร็จค่ำเลยไม่ได้เตะบอล แต่ก็ได้มานั่งทำหน้าสะหลอนอยู่ที่โรงอาหาร
ตอนนี้มีความสุดดี สุขที่ได้ยิ้ม ได้เดิน ได้เพลินกับเพื่อน แม้ไม่มีใครป้อนข้าว แม้อากาศจะเริ่มหนาว แม้สาวๆจะไม่แล แต่เราก็ไม่แคร์ เพราะเราทุกคนอยู่อย่างแฟร์ๆ

ผมว่าทุกชีวิตมีสิทธิ์เลือกในการกระทำทุกอย่าง บางสายตาอาจมองไม่เข้าท่า บางสายตาอาจว่าไม่ดี บางสายตาหาเรื่องตำหนิ แต่ก็อย่างว่าคับ
ชีวิตใครชีวิตมัน ชีวิตฉัน ฉันมีสิทธิ์เลือก
หากเขาไม่สร้างความเดือดร้อนให้สังคม ก็ก้มๆหน้าต่อไปเถอะคับ

ชีวิตมีอะไรกว่าที่คิดคับ

ขอบคุณอาจารย์ที่ประทานความรู้
ขอบคุณแม่ครัวรู้ตัวมั๊ยว่าเธอน่ารัก
ขอบคุณแม่ผม ที่ระดมเงินมาให้ใช้




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2552 22:51:28 น.
Counter : 807 Pageviews.  

นี่มันไม่ใช่ละคร แต่มันคือชีวิตจริง

doa

ตีสี่กว่าๆรู้สึกตัวเพราะเสียงนาฬิกาปลุก ลุกขึ้นจากเตียงเดินเอียงๆไปเข้าห้องน้ำ
หลังจากล้างหน้า ผมก็พบว่าตัวเองสดชื่นขึ้นเยอะ
ลากเก้าอี้จากในห้องออกมาระเบียง เดินกลับเข้าไปอีกครั้งเพื่อใส่เสื้อกันหนาวและหยิบมือถือมาฟังเพลง

ตีสี่ สี่สิบหกนาที เสียงดนตรีของวง 25 hours บรรเลงไป ในความมืด ช่างเป็นค่ำคืนที่เงียบเหงาจริงๆ
มองท้องฟ้ารอเทอมา แต่ก็มองไม่เห็นซักที นานมากแล้วที่ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้ พร้อมมีหูฟังเสียบไว้ให้ได้ยินเสียง หลายเพลงบรรเลงผ่าน กาลเวลาเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เหนื่อยล้า อยากรู้จริงว่าเทอทำอะไรอยู่ถึงได้มาช้าจัง

อากาศเย็น มองเห็นแสงสีขาวบนท้องฟ้า ตัวผมยิ้มร่า เทอมาแล้ว!!
อย่างน้อยค่ำคืนนี้ก็ไม่ผิดหวังที่มานั่งนอกระเบียง มานั่งเอียงหน้ามองท้องฟ้า และนี่ก็เวลาตีสี่ ห้าสิบแปดนาทีแล้วสินะ แสงแรกผ่านไป นึกอยู่ในใจ ยังงัย เทอก็ต้องมาอีกแน่นอน รอต่อดีกว่า
เสียงเพลงของหมอเอิ้นจบลง เสียงของท่าน ว.วชิระเมธี ก็ดังขึ้น
“พลังใจเพื่อชีวิต” เป็นหัวข้อชวนคิดที่ท่าน ว. จะบรรยาย ผมนั่งเอนตัวสบายๆ เพื่อรับสายลมหนาวที่พัดผ่านมา
เสียงเข้าหู ตาก็ดูฟ้า รอว่าเมื่อไหร่ เทอ จะผ่านมาอีก

ตีห้า สิบสี่นาที แสงสีขาวพุ่งหลาวลงมาจากฟากฟ้า สวยแต่จับต้องไม่ได้ ผมมองดวงดาวที่ตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยความอยากรู้
ตอนนี้พวกมันอายุเท่าไหร่กันแล้วนะ? พวกมันเคยเจอหลุมดำหรือเปล่า ถ้าเจอแล้วมีโอกาสได้คุยกับเค้าบ้างมั๊ย คือผมอยากรู้จักหลุมดำมากเลย? แล้วทำไมพวกมันต้องวิ่งไปมาในทิศทางต่างๆด้วย ไม่วิ่งวนดวงอาทิตย์เหมือนโลก? เจ้าดาวตกดวงน้อย พวกเจ้าไม่เหงากันบ้างหรือยังงัย? ทำไมในค่ำคืนดึกดื่นเช่นนี้ชั้นเหงาจัง หนาวด้วย แต่ก็ดีที่ได้เสียงเพลงและเสียงเทศน์อยู่เป็นเพื่อน เพื่อรอเทอ เจ้าฝนดาวตก

ตีห้า สามสิบนาที ลากเก้าอี้เข้ามาในห้อง เปิดไฟโต๊ะอ่านหนังสือ หยิบหนังสือ ณ ของพี่นิ้วกลมขึ้นมาอ่าน ที่จริงหนังสืเล่มนี้ผมอ่านหลายรอบแล้ว แต่ก็ไม่เคยเบื่อเลย นั่งอ่านเพลินๆจนเวลาเดินไปถึง หกโมงเช้า เปิดโน๊คบุ๊คออนเอ็มเอสเอ็ม มีข้อความจากคนรู้จักที่ไม่คุ้นซักเท่าไหร่ ส่งมาจากแดนไกล
“ได้รับแล้ว”
ดีใจจังที่ได้รับของที่เราส่งไปให้ มันไม่มากด้วยราคาแต่ว่ามาถูกสร้างขึ้นมาจากความตั้งใจ
“ได้รับแล้วก็ดีเยี่ยม” ผมส่งข้อความกลับไป ในใจก็ยิ้ม อิ่มมากเลยความรู้สึกดีๆ

ฝนดาวตกแม้จะไม่มากอย่างที่คาดหวังไว้ตอนแรก แต่ก็ไม่ผิดหวังที่ได้เห็น

แม้ไม่มีใครมานั่งดูดวงตกข้างกายเหมือนในหนังเรื่อง Happy birthday แต่ผมก็รู้สึกอุ่นหัวใจได้เช่นกัน
ตอนนี้ทุกเรื่องในชีวิตปล่อยมันให้ล่องลอย แล้วหล่นลงมาตามกาลเวลาดีกว่า เพราะอย่างที่ผมเคยพูด ยิ่งเร่ง ยิ่งล้า ยิ่งแย่
สุขสันต์วันดาวตกคับ

ขอบคุณบทเพลงที่บรรเลงละลายบรรยากาศเหงาๆ
ขอบคุณหนังสือ ณ นะจ๊ะ ที่เวลาหงาๆเราชอบเปิดอ่าน
ขอบคุณดวงดาวที่วิ่งผ่านโลก ที่ทำให้ผมได้มาชโงกรับลมเย็นตอนตีสี่ (เกี่ยวมั๊ยเนี๊ย?)




 

Create Date : 18 พฤศจิกายน 2552    
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2552 10:22:14 น.
Counter : 844 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

เบิกทวารแมน
Location :
นครนายก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เบิกทวารแมน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.