บทเรียนที่หาได้ยาก , บ้านพักตากอากาศ ,ขาดอะไรหรือเปล่า?

ตอนเช้าผมเพิ่งกลับมาจากการไปนอน+นั่งคุยกันกับพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันนานกว่า 4 เดือน
เรานัดกันไปเจอที่กระท้อมน้อยกลางทุ่งนา แน่นอนบรรยากาศเฮฮา
ท้องฟ้ายามดึกเผยให้เห็นดวงดาว เรานั่งคุยกันถึงเรื่องราวชีวิตในช่วงที่แต่ละคนหายไป พี่ชายสบายดี น้องชายคนนี้ก็กำลังจะสบายตาม

ผมเริ่มเล่าเรื่องราวที่แสนน่าเบื่อเพื่อชดเชยกับเวลาที่พี่ติดต่อผมไม่ได้ หลังจากนั้นพี่ก็เริ่มเล่าเรื่องเล็กๆที่พี่ทำแต่ความหมายมันยิ่งใหญ่
“มึงเคยคิดจะทำอะไรเพื่อสังคมมั๊ย” เป็นคำถามที่พี่ชายผู้ค่อนข้างหมกหมุ่นกับคำว่าพัฒนาสังคมถามผม
ตอนนี้ผมจำไม่ได้แล้วว่าผมตอบพี่ว่ายังงัย
แต่รู้สึกว่าเราจะมองโลกคนละด้านกัน

บรรยากาศยามค่ำคืน ดึกดื่น ท้องฟ้าดาดาดไปด้วยหมู่ดาวสีขาว ที่ต่างมาเปล่งแสงแข่งกัน
พระจันทร์เมื่อคืนสวยมาก อากาศก็เย็นๆ แต่น้ำแข็งในแก้วเย็นกว่า เย็นจนรู้สึกว่ามือที่จับอยู่เริ่มชา
แสงจากเทียนเล่มใหญ่ ทำให้บรรยากาศมันยิ่งน่าดื่มด่ำ
ว่าแล้วพี่ชายของผมก็จัดบางๆมาวางตรงหน้าผม
แก้วนี้แด่พี่

4 เดือนที่ผ่านมาหากผมจะด่าตัวเองว่า ไอ้เลว ไอ้ห่วย ไอ้กล้วย ไอ้ปลากระป๋อง มันน้อยไป!
เพราะช่วงที่ผ่านมา คำว่าคุณค่าของเวลาสำหรับผมแล้วมันไม่มีความหมายอะไรเลย โถ่ไอ้เห่ย!
ผมรู้สึกว่าผมกลัว กลัวที่จะทำสิ่งสำคัญ กลัวที่จะเดินตามเส้นทางที่เคยฝัน เพราะผมคิดเพียงสั้นๆแค่ว่าตอนนี้คนร่วมเขียนโครงการไม่อยู่แล้ว
แต่หลังจากคุยกับพี่เมื่อคืน พี่พูดกับผมกลับมาว่า
“ไม่อยู่แล้วงัย? ไม่อยู่แล้วมึงจะตายมั๊ย? มึงยังมีแรง มึงยังเป็นวัยรุ่น วัยรุ่นเป็นวัยที่มีพลังมากสุดนะโว๊ย!ทำต่อๆ ชีวิตเป็นของมึง”
เออว่ะ แผนเก่ามันพังลงไป เราก็เริ่มเขียนแผนใหม่ก็ได้ หรือไม่ เราก็ทำตามแผนเก่าของเราไปคนเดียว ไม่เห็นยากเลย มันรอแค่เราลงมือทำ
คิดแล้วก็จัดบางๆมาซักแก้วพี่

“ทุกอย่างที่ผ่านมา พี่อยากให้มึงคิดว่ามันเป็นบทเรียน บทเรียนที่มึงไม่มีวันหาซื้อด้วยเงินได้ บทเรียนที่ต้องแลกกับอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเวลา น้ำตา คุณค่าของตัวมึงเอง” เป็นคำพูดสุดคลาสสิกของพี่ชายที่กระแทกเข้าตรงกลางหัวใจน้องชายคนนี้
ไม่เจอกันนาน แต่พี่ก็ยังห่วงและหวังดีกับผม
พูดเสร็จก็จัดบางๆมาซักแก้วพี่

กระท่อมหลังน้อยกลางทุ่งนา ประดับประดาด้วยแสงจากเทียนแท่งใหญ่ เปลงของมันหวั่นไหวไปตามแรงลมที่พัดผ่านมาอย่างเอื่อยๆเฉื่อนๆ
ยิ่งดึกเสียงยิ่งดัง แต่เราสองคนก็ฟังกันและกัน กระท่อมหลังนี้คือที่ที่เราสองคนจะหอบเอาร่างที่เกือบไร้สติขึ้นไปสงบสติ

ตี 2 เกือบ ตี 3 ผมหาว ลมหนาวพัดมา แต่พี่หลับไปแล้ว ก็คงต้องปลุกกันขึ้นไปนอน
จะได้นอนจริงๆเวลาก็ปาเข้าไปตี 3 ครึ่ง ก่อนนอนผมคิดอะไรอยู่ในใจ
ใช่! ผมคิดถึงเสียงของท่าน ว.วชิรเมธี ที่ท่านพูดเกี่ยวกับการ ยึดติด คิดว่าทุกอย่างเป็นของเราหมด
ระหว่างที่กำลังคิดจิตมันก็ล้า เลยถามตัวเองขึ้นเบาๆว่า “นี่เราขาดอะไรด้วยเหรอ?”
“ความยึดติดมันมี 2ลักษณะ 1 ความยึดติดในสิ่งต่างๆ 2 ความยึดติดในความไม่ยึดติด………”เสียงของท่าน ว.วชิรเมธี กำลังบรรยายธรรมเกี่ยวกับการยึดติด คิดไปคิดมาไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่

ขอบคุณพี่ชาย
ขอบคุณ เบน 285 ขอบคุณ หงษ์ทองฮ่าๆๆ
ขอบคุณสายลมเย็นสบาย
ขอบคุณ คำสอนดีๆจากท่าน ว.วชิรเมธี



Create Date : 27 ตุลาคม 2552
Last Update : 27 ตุลาคม 2552 14:46:33 น. 1 comments
Counter : 896 Pageviews.

 
อ่ะๆๆ

ไหนบอกว่าไม่ดื่มหนัก

ซัดไปหลายแก้วเชียว


โดย: สารส้ม IP: 122.154.3.107, 122.154.3.252 วันที่: 28 ตุลาคม 2552 เวลา:17:03:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เบิกทวารแมน
Location :
นครนายก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เบิกทวารแมน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.