โยคะเป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
Group Blog
 
All blogs
 

แนวทางการศึกษาโยคะในคอร์สอบรมครูโยคะที่ โ ย ค ะ คี ต า

หริโอมค่ะ

พักนี้มีทั้งเรื่องสอนและเรื่องของการเรียนจึงทำให้วิ่งวุ่นไปหมด แล้วตอนนี้ก็เข้าหน้าร้อนแล้วด้วยทำให้การเดินทางเหมือนอยู่ในเตาอบเลย

วันนี้หมวยก็จะมาเล่าเรื่องในคอร์สอบรมครูโยคะที่หมวยเปิดอบรมอยู่นั่นแหละค่ะ พอดีว่าคอร์สนี้ก็เป็นรุ่นที่ 5 แล้ว ถึงแม้จำนวนคนจะไม่เยอะมากเนื่องจากเหตุน้ำท่วมเมื่อปลายปีทำให้หลายคนนั้นต้องเปลี่ยนแปลงตารางชีวิตกันบ้างเลยยังไม่พร้อมจะมาศึกษาโยคะกัน

แน่นอนว่าในคอร์สโยคะก็ต้องมีการศึกษาเรื่องท่าอาสนะค่ะ แต่ในคอร์สอบรมครูโยคะที่หมวยจัดในตอนนี้ก็เริ่มเป็นแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากโดยเฉพาะในรุ่นนี้ เราจะศึกษาในเรื่องของอายุรเวทและการวิเคราะห์เพื่อออกแบบการสอนโยคะให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลตามหลักอายุรเวท ครูที่จะในคอร์สนี้เบื้องต้นจะสามารถแนะนำและแก้ไขปัญหาให้กับนักเรียนตามหลักโยคะและอายุรเวทได้อย่างเหมาะสมทั้งเรื่องของอาหารและท่าอาสนะ เพราะจะมีการศึกษาเพิ่มเติมกันด้วยในเรื่องของท่าอาสนะที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของธาตุในแต่ละท่า

ยกตัวอย่างเช่นท่าคันไถ Halasan

ท่าคันไถนั้นเป็นท่าที่ดีท่าหนึ่ง จะช่วยลดวาตะได้ดี และปิตตะและกผะก็ลดลงเช่นกันแต่ก็มรข้อที่ควรปฏิบัติด่างกันเช่น บุคคลวาตะนั้นหากปฏิบัติท่าคันไถควรจะอยู่ให้นานกว่าคนปิตตะและกผะ การหายใจควรจะให้ยาวกว่าปกติ และพยายามอยู่นิ่งๆ ในขณะที่คนปิตตะนั้นอาจอยู่ในท่าด้วยเวลาน้อยกว่า หายใจสบายๆ ให้อยู่ในท่าที่สบายและนิ่ง หรือว่าคนกผะ อาจจะอยู่ในท่าไม่นาน ลมหายใจปกติและเวลาอยู่ในท่าให้พยายามยกยืดสะโพกและเหยียดหลัง ขาเพิ่มขึ้น การปฏิบัติให้เหมาะสมกับธาตุของตนเองนั้นจะช่วยให้การรักษาสมดุลดีขึ้น และเจ็บป่วยน้อยลงด้วย อันนี้ก็เป็นกรณีตัวอย่างที่จะมีการวางแนวทางการศึกษาในคอร์สอบรมครูโยคะและพัฒนาต่อเนื่องไปค่ะ ซึ่งตรงจุดนี้โยคะคีตาเห็นว่าสำคัญมาก เพราะบางครั้งผู้คนนั้นไม่เข้าใจในเรื่องของโยคะร้อนแล้วมาถามดิฉัน ซึ่งดิฉันจะไม่แนะนำซะทีเดียวในการฝึกโยคะร้อน เพราะความร้อนจะส่งผลต่อดวงตาและสมองในอนาคต และคนที่มีองค์ความร้อนในตัวสูงอยู่แล้วอย่างธาตุไฟหรือปิตตะนั้นไม่ควรฝึกโยคะร้อนเลยค่ะ จะทำให้ปวดศีรษะได้ง่าย หงุดหงิดและอารมณ์เสียได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้หัวใจทำงานเพิ่มขึ้นและอ่อนล้าจากการสูญเสียน้ำในร่างกายค่ะ

การศึกษาอายุรเวทนั้นจริงๆเคยเป็นสิ่งที่มีการถ่ายทอดกันในครอบครัวเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ถ่ายทอดมาเรื่อยๆ ไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากในการศึกษาเพิ่มเติมเลยค่ะ เพื่อที่จะได้นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้นค่ะ นำมาซึ่งสุขภาพที่ดีค่ะ

ขอให้มีสุขภาพกายและใจที่ดีค่ะ
หริโอมตัสสัส




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2555    
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2555 11:09:05 น.
Counter : 1215 Pageviews.  

โ ย ค ะ กับ แ พ ท ย์ แ ผ น ไท ย และ ท่ า อ า ส น ะ กับ ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า สุ ข ภ า พ

หริโอมค่ะ

ชื่อหัวข้อยาวนะเนี่ยยยย จะมีเนื้อหาอะไรขนาดไหนน้อ?

พอดีได้แรงกระตุ้นจากคุณวนิดา ตัวแทนจำหน่ายเสื่อแมนดูกะ เพราะเห็นหมวยหายไปนาน วันนี้เลยโผล่มาซะหน่อย จริงๆมีเรื่องคิดว่าจะเขียนไว้เยอะแต่เวลาเขียนไม่ค่อยมี เพราะไปเริ่มเรียนแพทย์แผนไทยตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้วค่ะ จึงทำให้เวลาน้อยจริงๆ

บางทีหลายๆคนอาจจะนึกว่า....สงสัยครูหมวยจะหมดมุขเขียนก็คราวนี้ละ

ยังค่ะ ยังมีได้เรื่อยๆ ตามแต่เวลาจะอำนวย ถ้าคนที่มาเรียนที่บ้านโยคะคีตาก็จะพบว่าหมวยมีเรื่องพูดคุยทุกวันนะคะ ไม่ได้มาถึงสอนเลย มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝากเป็นประจำค่ะ และจากความที่ตั้งใจสอนและให้อย่างเต็มที่ ไม่ว่านักเรียนจะมีมากมีน้อยทำให้สามารถยืนยันจริงๆว่า สอนโยคะนั้น ยิ่งให้ก็ยิ่งได้วิชาความรู้มากขึ้น จึงทำให้มีอะไรก็สอนหมด ไม่เคยแทงกั๊กไว้เลยค่ะ เรียกว่าคนที่มาเรียนคลาสทั่วไปก็ได้ความรู้เหมือนในคอร์สครู แต่ถ้าถามสมาชิกเหล่านั้นว่ามาเรียนคอร์สครูโยคะมั๊ย? ส่วนใหญ่ก็จะส่ายหน้าแล้วพูดเหมือนกันว่า ไม่ไหวค่ะ ถ้าการเป็นครูโยคะต้องมีสิ่งที่ต้องจำและเรียนรู้มากเหมือนที่ครูหมวยสอนก็ขอบายดีกว่า เป็นนักเรียนไปเรื่อยๆแหละดีแล้ววววว เป็นงั้นไป

เอาหล่ะ วันนี้หมวยตั้งใจจะมาคุยในหัวข้อ One Stop Service ค่ะ

เออ เริ่มเรื่องก็งงแล้ว

เรื่องมันมีอยู่ว่า หมวยไปเรียนแพทย์แผนไทยเรื่องพืชวัตถุเมื่ออาทิตย์ก่อน และตอนท้ายชั่วโมงก็ได้เรียนถามข้อสงสัยกับอาจารย์เรื่องของสมุนไพรที่รักษาอาการอัลไซเมอร์หรือการการความจำเสื่อมซึ่งคุณพ่อเป็นอยู่

หมวย : อาจารย์คะ คุณพ่อหนูเป็นอัลไซเมอร์ค่ะ ได้ยินว่าพรมมิรักษาได้คุณแม่เลยหามาปลูกเต็มเลยแต่ไม่รู้ว่าจะนำมาใช้ยังไงดี

อาจารย์ : ค่ะ พรมมิ รักษาได้ครูก็ใช้รักษาคนไข้อยู่ สามารถนำมาอบแห้งแล้วบดใส่แคปซูลได้ค่ะ หายค่ะ แต่ที่ครูใช้จะไม่ได้ใช้พรมมิเดี่ยวๆนะคะ จะต้องมีตำรับยาอื่นที่ทานควบคู่กับกับพรมมิ เป็นตำรับที่ช่วยในการไหลเวียนของเลือดเพื่อนำพรมมิไปที่สมองได้ดีขึ้นและถ้าเพิ่มการไหลเวียนของเลือดแล้วก็ต้องมีหลอดเลือดที่แข็งแรงและยืดหยุ่นด้วยค่ะ ไม่งั้นเส้นเลือดจะฉีกขาดได้ก็จะอันตราย หากไม่เสริมด้วยตำรับพวกนี้ พรมมิก็จะไม่ได้ผลดีหรืออาจจะไม่ได้ผลค่ะ

ได้ฟังดังนั้นความรู้และคำตอบใหม่ก็แตกขึ้นมาในปัญญาทันที

เช่นเดียวกับการแก้ไขสุขภาพด้วยท่าอาสนะในโยคะ

บ่อยครั้งที่ผู้ฝึกโยคะมักจะได้รับคำถามเช่น "ฝึกโยคะเหรอ เห็นเขาว่าดีมาก นี่ๆ ฉันปวดหลังมากเลยมีท่าไหนช่วยได้บ้างล่ะ"

นี่แหละค่ะที่เรียกว่า อาการ One Stop Service !! คือต้องการท่าเดียวแก้อาการที่เป็นให้หาย!!

ซึ่งท่าอาสนะที่แก้อาการก็มีค่ะ ในแต่ละท่าจะมีบอกว่าท่าที่แก้โรคนั้นโรคนี้ แก้อาการนั้นอาการนี้ แต่ถ้าอาสนะเหล่านั้นไม่สามารถแก้อาการให้หายสนิทหรือบางทีก็จะไม่ได้ผล ถ้าขาดองค์ประกอบสนับสนุนจากท่าอาสนะอื่นๆค่ะ

ยกตัวอย่างท่าง่ายๆเช่นการก้มตัว หรือท่ายืดหลังเช่น ปัจฉิโมทนาสนะ Paschimotanasan เพียงการก้มตัวไปข้างหน้า ท่านี้จะมีประโยชน์กับผู้มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อง ท้องบวมใหญ่ ช่วยทำให้การย่อยอาหารดีขึ้น และยืดเส้นด้านหลัง กระตุ้นระบบประสาทที่กระดูกสันหลัง

หากคุณต้องการปฏิบัติท่าปัจฉิโมทนาสนะให้ได้ผลดีและก้มไปด้านหน้ามากขึ้น คุณจะต้องฝึกการบิดตัว ยืดด้านข้างลำตัว และเพิ่มความยืดหยุ่นของสะโพกด้วยค่ะ เห็นมั๊ยคะว่า การจะให้ได้ผลจากท่าอาสนะนั้นๆได้เต็มที่จะต้องอาศัยองค์ประกอบสนับสนุนอื่นๆด้วยค่ะ และนอกจากนี้ การทานอาหารและท่าการดำเนินชีวิตประจำวันก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนด้วย ต้องมีสติมากขึ้นเพื่อสังเกตุการเปลี่ยนแปลงต่างๆจะได้ระมัดระวังสุขภาพตัวเองได้ ไม่งั้นก็แก้กันไม่จบไม่สิ้น

ดังนั้น จึงไม่มีท่าอาสนะที่แก้อาการทางสุขภาพโดยตรงโดยไม่ต้องทำท่าอื่นประกอบค่ะ ไม่มี One Stop Service Asana ในโยคะแน่นอน

หริโอมตัสสัส




 

Create Date : 19 มกราคม 2555    
Last Update : 19 มกราคม 2555 18:58:55 น.
Counter : 923 Pageviews.  

ค รู ผู้ ส อ น โย ค ะ ตามความหมายของสวามีสัตยนันทะแห่งโรงเรียนโยคะพิหาร

หริโอมค่ะ

ช่วงนี้กำลังเรียบเรียงคู่มือครูอยู่โดยได้ความช่วยเหลือจากนักเรียนคอร์สครูโยคะหลายๆรุ่นที่ผ่านมา บทความนี้เป็นเครดิตการแปลของคุณโบ จันทรานุช นักเรียนรุ่นที่ 3ค่ะ


ครูผู้สอนโยคะ - ตามความหมายของ Swami Satyananda Saraswati

หนึ่งคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของการสอนโยคะเป็นจิตใจที่สมดุลมั่นคงและคงไว้ซึ่งบุคลิกภาพที่ดี หากเขาไม่สามารถดำรงอยู่ได้, ไม่มั่นคงและติดอยู่ในพายุของอารมณ์และจิตใจแล้ว ในที่สุดเขาสามารถเป็นแค่ครูสอนพิเศษเท่านั้น โดยทั่วโลกมีครูโยคะหลายร้อยหลายพันคน, ศาสตราจารย์, อาจารย์, อาจารย์สอนพิเศษและผู้เชี่ยวชาญหลักของโยคะ นอกเหนือจากการส่งความรู้ครูเหล่านี้ยังควรให้ความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างของแต่ละบุคคล พลังงานไหลเวียน และคุณภาพทางจิตวิญญาณ มิฉะนั้นเมื่อคุณเข้าสอนคุณอาจจะทำให้เกิดความสงสัยบางสิ่งบางอย่างมากมาย ซึ่งก็ต้องการคำอธิบายเพื่อความกระจ่าง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตระหนักถึงมัน คุณรู้สึกว่าคุณได้รับบางสิ่งบางอย่างสำหรับชีวิตทางจิตวิญญาณ และบุคลิกส่วนตัวภายในอย่างไม่มีข้อสงสัย

อะไรคือสิ่งที่ครูของโยคะมอบให้ นั่นก็คือ ประสบการณ์และความรู้ โดยความรู้นั้นถูกจำกัดด้วยขอบเขตทางปัญญา ประสบการณ์คือสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถดูดซึมสิ่งที่เราได้เรียนรู้ในระดับการปฏิบัติตน ประสบการณ์ในการฝึกโยคะคืออะไร ในสถานการณ์ของชีวิตก็ด้วย การดำเนินชีวิตอย่างมีสติและด้วยความเข้าใจ การดำเนินชีวิตไม่สามารถเดินได้แค่ทางสายเดียว มันจะมีทางเลือกมากขึ้น เมื่อประสบการณ์ของคุณมากขึ้น ซึ่งหมายความรวมถึงสภาวะเศรษฐกิจ, สภาวะทางอารมณ์

ครูโยคะควรที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับสมองทั้ง 2 ส่วนของสมอง ในคนส่วนใหญ่ สมองด้านขวาและด้านซ้ายของสมองมักจะคิดขัดแย้งกันเสมอ สิ่งที่ด้านขวาคิด, ด้านซ้ายจะปลดปล่อยไม่ยอมรับ สิ่งที่ด้านซ้ายยอมรับ, ด้านขวาก็จะเกิดคำวิจารณ์สงสัย นั่นคือที่มาของความขัดแย้งใน พฤติกรรมของมนุษย์ ในเมื่อคุณจะเป็นครูสอนโยคะคุณจะต้องสามารถที่จะหลอมรวมระหว่างความคิดทั้งสองภายในหัวให้เข้ากันเป็นหนึ่งเดียวให้ได้


หลายครั้งหลายคราที่ดิฉันรับโทรศัพท์เพื่อสอบถามเรื่องคอร์สครูสอนโยคะ บางคนอาจจะคิดว่ามาเรียนเพียงแต่ท่าอาสนะที่ยากขึ้น แต่นี่คือสิงที่เราจะได้จากการเรียนเพื่อเป็นครูสอนโยคะด้วยค่ะ

หริโอมตัสสัส




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2554    
Last Update : 9 มิถุนายน 2554 15:01:42 น.
Counter : 1487 Pageviews.  

โ ร ค ค ว า ม กั ง ว ล ต่ อ ก า ร เ ข้ า สั ง ค ม Social Anxiety Disorder

หริโอมค่ะ

ต้องขอยอมรับว่าน่าอายมากที่ไม่ได้เขียนบล็อกมานานมาก วันนี้เลยตั้งใจเอามาฝากเต็มที่ค่ะ

พักนี้ดิฉันใช้เวลากับการดูภาพยนตร์ซีรีย์เรื่อง Grey's Anatomy ซึ่งเป็นเรื่องราวของแพทย์ฝึกหัดซึ่งต้องผ่านเหตุการณ์ทั้งความปิติและความสูญเสีย และยังมีผู้คนมากมายที่มีความแตกต่างทั้งด้านความความคิด ความรู้สึก ฉันบอกได้แต่เพียงว่าฉันชอบเรื่องนี้มากทีเดียว อาจจะเป็นได้ว่าฉันได้รับการกรอกหูตั้งแต่เด็กว่าให้เลือกเรียนหมอนะอย่างนั้นอย่างนี้ เลยทำให้รู้สึกฝังใจส่วนหนึ่งว่าเราน่าจะเป็นผู้รักษาผู้คนได้ และแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นไปตามนั้นแต่ในตอนนี้ก็ถือว่าฉันได้ใช้บางส่วนของความสามารถที่มีอยู่ในการเยียวยาผู้คน เลยรู้สึกว่าได้ศึกษาจากเรื่องนี้มากทีเดียว

เช้านี้ฉันได้สอนโยคะคลาสเช้าซึ่งเป็นคลาสที่สบายๆเคลื่อนไหวช้าๆ การเคลื่อนไหวที่ช้าทำให้เราได้สำรวจร่างกายและจิตใจไปพร้อมๆกัน ในขณะที่สอนอยู่นั้นมีอยู่ท่าหนึ่งซึ่งฉันมักจะใช้เวลาที่ยืดหรือแอ่นหลังนานๆ นั่นคือท่าปวันมุกตาสนะในท่านั่ง เริ่มจากพับหัวเขาทั้งสองข้างเข้ามาหาหน้าอกแล้วกอดเข่าโดยพยายามจับไปที่ข้อศอก ยืดหลังให้ตรงให้ตัวแนบไปกับหน้าขาให้มาที่สุด ยืดหน้าอกขึ้นพร้อมกับหายใจเข้า จากนั้นหายใจออกค่อยๆก้มหน้าลงมาให้ต่ำที่สุดเพื่อให้ด้านหลังคอยืดสบายๆ อยู่ตรงนั้น....สักครู่หนึ่ง

ดูแล้วก็ท่าธรรมดาใช่มั๊ยคะ? แน่ละ แต่ท่าธรรมดานี้ทำให้ฉันนึกถึงคุณหมอท่านหนึ่งในละครเรื่องนี้ เธอเป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านหัวใจแต่มีปัญหาในการเข้าสังคม Social Anxiety Disorder อาการหลักๆ ของโรคนี้คือ ความกลัวต่อการถูกเฝ้ามองหรือถูกประเมินจากคนอื่น และไม่ยอมมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่นอย่างแรง เจอผู้คนจะไม่มองหน้า ไม่สบตา ลุกพรวดพราดเดินหนีไป ใครแตะต้องตัวจะผลักหนีทันที หวาดผวากับเสียงดังหรือที่พลุกพล่าน และสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมอคนนี้คือหลังจากที่ได้เข้าผ่าตัดจนคนไข้หายจากโรคได้ทำให้ผู้ปกครองที่เฝ้าอยู่และหมอมือใหม่นั้นดีใจมากจนคุยเสียงดัง เธอตกใจ ตัวสั่นและกรีดร้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน ซึ่งหมอผู้ร่วมงานได้ตามเข้าไปในห้องพักและพบว่าเธอกำลังพยายามห่อตัวเองด้วยเสื้อกราวน์และรัดตัวเองให้แน่นที่สุด แต่ก็ยังไม่พอ เธอให้ทั้งสองคนนั้นพยายามกอดรัดเธอให้แน่นที่สุด เธอให้เหตุผลสำหรับการกอดรัดนี้ว่ามันจะบีบให้เธอหายใจได้น้อยลงช้าลงและทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ

ซึ่งท่าอาสนะที่กล่าวมาก็ให้ผลในลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นท่านี้ที่ทำในท่านั่งหรือทำในท่านอนหงาย หรือกับท่าเด็กที่ไม่ได้มีการกอดรัดก็ให้ผลในการทำให้หัวใจเต้นช้าลง การหายใจช้า และอาจจะเป็นไปได้ว่าความรู้สึกขณะที่อยู่ในท่าเป็นท่าที่เรารู้สึกเหมือนอยู่ในครรภ์มากที่สุด ใกล้ชิดกับทั้งหมดที่เป็นตัวเอง ได้ยินเสียงหัวใจเต้นหรือการหายใจ รู้สึกถึงการมีชีวิตอยู่

มันเป็นท่าที่เรียบง่ายและทำให้มีความสุขที่สุดเลยทีเดียวค่ะ...ลองดูนะคะ

หริโอมตัสสัส




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2554 16:56:40 น.
Counter : 1111 Pageviews.  

ลึ ก ใ ห้ ถึ ง จิ ต วิ ญ ญ า ณ ข อ ง โ ย ค า ส น ะ Spirit of Yogasanas

ฮาริโอมค่ะ

เมื่อวานนี้หมวยได้เข้าไปเรียนการเล่นเครื่อดนตรีฮาร์โมเนี่ยมมาค่ะ อย่าเพิ่งสงสัยนะคะว่าเกี่ยวอะไรกับโยคะ? กำลังเล่าให้ฟังนี่แหละค่ะ

เนื่องจากในวัยเด็ก ฉันเคยเรียนดนตรีมาก่อน จึงมีพื้นฐานมาพอสมควรและทำให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างรวดเร็ว (อันนี้ครูชมค่ะ ไม่ได้ยกยอตัวเอง ครูเลยให้การบ้านมาตรึมเลย)

เรียนในครั้งที่สองนี้ ฉันจึงได้พื้นฐานการไล่นิ้วและบทเพลงในจังหวะเบื้องต้นมาหนึ่งบท ซึ่งพอจบชั่วโมงครูก็ได้พูดคุยกับฉันและมีคำพูดที่น่าคิดตามเป็นอันมาก

ครูบอกว่า บทเพลงพื้นฐานนี้เป็นบทเพลงที่ต้องเล่นให้คล่อง เมื่อคล่องแล้วจะต้องทำความเข้าใจกับบทเพลง เหมือนเรากำลังสื่อสารกับเพลงและตัวโน๊ตทั้งหลาย หากเราเข้าใจและสื่อสารกับเพลงได้อย่างลึกซึ้ง เราจะสามารถแยกและเพิ่มตัวโน๊ตเข้าไป ทำให้บทเพลงมีความนุ่มนวลและน่าฟังได้มาขึ้น เหมือนบทเพลงนั้นแสดงให้เห็นจิตวิญญาณของตัวเราและเปล่งประกาย


ฉันเก็บคำพูดตรงนั้นมาขบคิดตาม .....ช่างเหมือนกับการฝึกโยคะและการสอนโยคะอย่างไรอย่างนั้น ตรงนี้...อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนที่ฝึกมีความแตกต่างกัน เราอาจจะฝึกท่าโยคะเพื่อให้ท่าออกมาถูกต้องตามหลักการทุกประการ ก็เหมือนการฝึกบทเพลงพื้นฐานที่ต้องฝึกให้คล่องและถูกต้องซะก่อน จากนั้นจึงเรียนรู้ให้จิตวิญญาณนั้นสื่อสารกับท่าอาสนะนั้นๆ เมื่อไปถึงตรงนั้นเราคงจะรู้สึกได้ถึงความสบายและเป็นหนึ่งเดียวทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ แต่บางคนก็จะอยู่แค่ตรงบทเพลงพื้นฐาน เพราะเห็นว่าเล่นคล่องแล้วก็คงเป็นผู้เล่นที่ได้มาตรฐานแล้ว การฝึกโยคะก็คงจะอยู่ได้ที่...ทำให้ตามมาตรฐาน ไม่ได้ใส่ใจว่าในวันนี้เรารู้สึกอย่างไรและควรจะปรับอาสนะให้เหมาะสมอย่างไร หรืออาจจะเป็นครูโยคะที่สอนตามมาตรฐานตามตำราทุกประการ ท่องจำทุกคำพูดตามมาตรฐาน ซึ่งฉันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี แต่...การจะนำพาให้ผู้ที่มาฝึกอาสนะกับเราเข้าใจถึงจิตวิญญาณของโยคะได้นั้น จะเป็นไปได้อย่างไรถ้าผู้สอนไม่สามารถเข้าใจมันได้หรือสัมผัสสิ่งนั้นด้วยตัวของตัวเองซะก่อน เหมือนกับการคงตัวเองให้เป็นผู้เล่นบทเพลงมาตรฐานได้คล่องเท่านั้น ไม่สามารถใส่จิตวิญญาณและความคิดสร้างสรรค์ของตนเองเข้าไปในการสอนได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉันก็ไม่รีรอเลยที่จะฝึกให้จิตวิญญาณของฉันสื่อสารกับท่วงท่าให้มากขึ้น ด้วยหวังว่าการสอนของฉันจะสามารถจุดประกายในวิญญาณของผู้คนให้ได้มากขึ้น และให้เขาได้พบกับความสุขสงบในตัวของตัวเอง

ฮาริโอมตัสสะ




 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2553    
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2553 11:06:39 น.
Counter : 1243 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

หมวยเกี๊ยะA2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง

ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ

วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย)
ที่ Yoga Vidya Gurukul
ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย
เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549

ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว

ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D

ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร
ก็ติดต่อมาได้นะคะ
Tel.+66 (0)85 1420201
[Add หมวยเกี๊ยะA2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.