โยคะเป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
Group Blog
 
All blogs
 

Yoga Vidya Gurukul- 23 March 2551

Namaste

23 March 2008

เอาอีกแล้วหมาเจ้ากรรม อุตส่าห์นอนแต่เช้าแล้วนะเนี่ย แต่ก็ยังดีว่ารู้สึกดีขึ้นหน่อย เลยเอาขิงไปด้วยใส่ในนม ก็ดีขึ้นอีกมากเลย ฉันเลยดื่มนมเข้าไป 2 แก้ว แต่เช้านี้เราก็เหมือนเล่นเกมอีกแล้ว เพราะว่านมไม่พอกาแฟก็ไม่พอ ฉันเหลือบไปเห็นติอาโก้กำลังชั่งน้ำหนักอยู่ แต่เครื่องชั่งมันเป็นอันใหม่ เป็นดิจิตอล เลยลองชั่งใหม่ ปรากฎว่ามันลดไปแค่ครึ่งโลเองง่ะ แหม หลอกให้ดีใจว่าหายไปตั้งหลายโล นี่ถ้าเผลอดีใจอีกนิดนึง แล้วเผลอกินเยอะไปนะ ท่าจะป่องแน่เลย แต่ติอาโก้ ไม่เห็นน่าจะมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเลยนี่หว่า ก็ผอมชะลูดตูดแทบไม่มีเนี่ย แถมตักอาหารทีเต็มถาดซะปานนั้น ไม่เห็นเขาจะเป็นอะไรเลย นี่และหนา...คนวาตะของแท้

วันนี้เรามีเกือบครบคนในคลาส ขาดแต่วาลาเรียเท่านั้น ฉันก็รู้สึกดีมาก หลังคลาสยังได้พยายามถ่ายวีดีโอของเพื่อนๆอีกด้วย มิสเตอร์ชามายังเตือนเรื่องหมวกอีกครั้ง มิน่าฉันถึงได้เห็นแกคลุมหัวตลอด

ฉันเดินกลับมาที่ห้อง แล้วก็รอเวลาที่จะไปกิน เพราะว่าไม่อยากผจญกับผู้คนมากมาย เห็นสาวๆในห้องครัวแล้วน่าเห็นใจมาก เดือนนี้คนเยอะมาก พวกเธออยูในครัวตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ แถมยังต้องคอยทำอาหารให้คนป่วยอีก งานหนักจริงๆ ฉันได้ยินบางคนที่เคยไปที่อารามอื่น เขาบอกว่า ไม่มีอารามไหนทุ่มเทให้กับเรื่องอาหารมากขนาดนี้ ส่วนใหญ่พวกเขาจะเก็บเงินไว้ และทำแต่อาหารที่ไม่มีอะไรเลย แถมบางที่ยังมีแค่มื้อเดียวกับผลไม้ตอนบ่าย ก็แน่หละ ถ้าเราสังเกตุให้ดี ค่าอาหารและที่อยู่ที่ลงไว้ในเวปนั้นมาเป็นอันดับหนึ่งเลย จะแพงสุด ส่วนค่าเรียนก็ไม่เท่าไหร่ นี่ก็เป็นอีกเหตุหนึ่งที่ฉันรักที่นี่มาก

เพราะอย่างการอัดวีดีโอ หลายคนไปที่อื่น เขาจะไม่ให้อัด แถมเวบไซด์ของโยคะพอยต์ก็ยังมีรายละเอียดให้ทุกอย่าง ไม่เคยหวงไว้เลย ฉันเคยได้ยินกานดาเล่าว่า ที่นี่เกี่ยวข้องกับทางมหาวิทยาลัยที่พิหาร มีมหาวิทยาลัยโยคะหลักๆอยู่สี่แห่ง และโรงพยาบาลที่บำบัดด้วยโยคะและอายุรเวทกว่า 150 แห่ง ดังนั้นหนังสือและความรู้ที่ได้มา มีที่มาที่ไปไม่ได้นั่งเทียนเขียน และค่าหนังสือก็ยังถูกมากๆ หนนี้จึงเป็นอีกคราวที่ฉันได้คราวขนหนังสือกลับบ้านอีกแล้ว

ช่วงเช้าฉันได้เรียนอายุรเวท เป็นศาสตร์ที่น่าสนใจมาก แถมคราวนี้ฉันยังได้เรียนเกี่ยวกับการดูแลคนไข้ และการนวดแบบอายุรเวทด้วย ซึ่งก็ได้นายแบบเป็นอนันตรวี มาเป็นผู้ป่วยให้ดอกเตอร์ยารดีนวด ฉันชอบคลาสนี้มาก เพราะจำได้ว่าแกสอนได้สนุดและน่าสนใจมากๆ แถมยังสอนเลยเวลาอีก และจะมีมุขหันมาถามคนปิตตะว่าถ้าเลยเวลากินไปนิดหน่อยจะได้มั๊ย เพราะกลัวคนปิตตะจะโกรธเพราะว่าหิวมากเกินไป เวลาคนปิตตะหิวเราไม่ควรไปแหย่รึขอให้ทำอะไร เพราะเขาอาจไม่สนใจอะไร นอกจากว่ากินให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน

บ่ายมีเลคเชอร์เรื่องโรคหัวใจ ฉันไปเข้าเรียนช้าไปนิดหน่อย แต่ก็ทันได้อัดวีดีโอ เพิ่งเริ่มได้ไม่นาน เพราะฉันต้องไปเอาอาหารวาลาเรีย แถมยังต้องซักผ้าอีก ฉันโดนกานดาแซวนิดหน่อยว่าเข้าสายซะแล้ว

หลังอาสนะฉันได้ยินเสียงกลองดังมาแต่ไกล ตอนแรกนึกว่าเป็นรถเทคเตอร์ แต่พอเห็นขบวนก็รีบวิ่งจี๋ตรงไปทันที ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นขบวนงานแต่งงาน แต่เห็นธงอิสลามมาแต่ไกล ทำให้ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ เพื่อนชาวอินเดียของฉันบอกว่า คงจะฉลองเทศกาลอะไรสักอย่าง แถมมีโชว์จิ้มเหล็กทะลุคอด้วย แต่ฉันเดาว่าคงเป็นเกมการหลอกฝรั่งผิวขาวง่ะ เพราะมีผ้าคลุมปิดด้วย ไม่เปิดให้เห็น แต่ก็เอาเหอะ เพราะว่าไม่ได้ให้เงินไปอยู่แล้ว


อตนค่ำนึกว่าจะมีเมมโมรี่เทส แต่กานดาเดินเข้ามาบอกว่ามีหนังให้ดูที่โถงใหญ่ เราจึงรอที่หน้าออฟฟิชคอยบอกมิสเตอร์และมิสซิสชามาเรื่องหนัง จากนั้นทั้งสองคนจึงแยกกันไปหาอาหารค่ำทานซะก่อน

หนังที่ฉายชื่อเรื่อง Yoga of The Heart ตอนแรกว่าจะเข้าไปดูแป๊ปเดียว แล้วว่าจะกลับมาทำงานต่อซะหน่อย แต่เผลอนั่งดูจนจบ 45นาทีได้ไงก็ไม่รู้สิ เนื้อหาของหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมอินเดีย เทพเจ้าฮินดู ตำนานเทพเจ้า และสวามีสัตยนันดา และโยคะแบบต่างๆ ว่าจะถามกานดาซหน่อยว่าจะหาได้จากไหน เพราะอยากได้เก็บไว้บ้าง ซึ่งวาลาเรียก็เสียดายมากที่ไม่ได้ดู


Dr.Yardi

งานฉลองของชาวอิสลาม

มีเล่นกลเอาเหล็กแทงคอด้วยนะ แต่ว่าไม่แน่จริงตรงไม่เปิดผ้าเนี่ยแหละ

ํYoga Of Heart

Hari Om




 

Create Date : 27 มีนาคม 2551    
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 16:03:40 น.
Counter : 668 Pageviews.  

Yoga Vidya Gurukul- 22 March 2551

Namaste

22 March 2008

แทบไม่อยากตื่นเลยแฮะ แต่ก็ไม่มีเหตุผล และไม่อยากพลาดการอัดวีดีโอด้วย แต่โชคดีหน่อยที่เราใช้ห้องสมุดเลยไม่ต้องเดินไกล แต่ตอนนั่งสมาธิก็เผลอหลับไปเหมือนกัน ออกมาชั่งน้ำหนัก โอ้พระเจ้าจอร์จ ลดไปหนึ่งโลได้ไง กว่าจะกลับคงเป็นก้างพอดี

เสร็จแล้วก็เดินขึ้นไปเรียนข้างบน แทบไม่อยากเดินเลย เฮ้อ
ฝึกท่ามาสเตอร์คลีนซิ่ง 4 ชุด พรุ่งนี้ต้องทำ 6 ชุด กว่าจะทำมาสเตอร์คลีนซิ่งจริงๆคงจะราวๆ 10 รอบ เพิ่มขึ้นทุกเช้า 2 รอบ

การทำมาสเตอร์คลีนซิ่งเป็นการล้างทั้งระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่ปาก กระเพาะ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ตั้งแต่ต้นจนจบเลย โดยการดื่มเกลือผสมมะนาวนิดหน่อย เริ่มต้นทีละ2 แก้ว แล้วต่อด้วยทำท่าอาสนะ 6 ท่า 2รอบ และก็ไปดื่มน้ำอีก 2 แก้ว ทำอย่างนี้ไปเรื่อยจนกว่าจะถ่ายออกมาเป็นน้ำใสๆ แล้วก็หยุด หลังจากนั้นเราควรที่จะทานอาหารใดๆ เพราะทั้งระบบได้ถูกล้างด้วยกรดจากมะนาว และก็ล้างเอาแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่ดีออกไปทั้งหมดด้วย ดั้งนั้นเราต้องรอให้จุลินทรีย์ต่างๆขึ้นมาซะก่อน เพราะฉนั้นทางเดินอาหารของเราจะเหมือนเด็กแรกเกิด ทานได้แต่อาหารที่ย่อยง่ายๆ และอาหารมื้อแรกของเราจะเป็นคิเชอรี่กับกีครึ่งถ้วย และคงต้องกินอย่างนั้นไปอีก2-3 วัน ซึ่งก็ดีกับเราด้วย เพราะได้พักร่างกาย อาจจะสงสัยกันว่าทำไมต้องทำท่าต่างๆ เพราะว่าเป็นการเร่งและผลักดันน้ำให้เข้าไปล้างซอกเล็กซอกน้อยออกให้หมด ซึ่งปกติเมื่อเราทานอาหารเข้าไปกว่าจะถ่ายออกมาก็ 16 ชั่วโมง แต่นี่จะแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง

หลังจากนั้นมีโชว์อาสนะหลังจากคลาสตอนเช้า เป็นการโชว์อาสนะยากๆที่เราไม่ค่อยจะได้เห็น คราวนี้ฉันได้เห็นกานดาทำอาสนะด้วย รู้สึกโชคดีจัง เพราะสองปีก่อนจะเห็นแต่อนันเท่านั้น คราวนี้มีมิสเตอร์ชามาด้วย ซึ่งมิสเตอร์ชามานั้นอายุ 65 ปีแล้วนะ แต่สามารถทำอาสนะได้ทุกท่าเลย คราวนี้มิสเตอร์ชามาก็โชว์ศรีษะอาสนะในท่าดอกบัวให้เราดู ซึ่งกานดาก็แซวว่าถ้าคนปกติขาก็นั่งท่าดอกบัวแบบธรรมดา แต่มิสเตอร์ชามาต้องทำแบบหัวทิ่มลงมา เขาจึงจะรู้สึกดี







โอยยยยยย......ง่วงมากๆๆๆๆๆ แต่ก็ต้องไปเรียนต่อ อากาศร้อนมากๆ แล้วก็ต้องเดินขึ้นเดินลง พอหลังจากดูโชว์แล้ว รอยอิส เคเรนและหลุยส์ซ่า ชวนกันไปถ่ายรูปทำอาสนะที่โถงต่อ ทั้งสามคนใส่ชุดขาว พอถ่ายรูปกับโถงสะอาดๆแล้ว สวยมาก เสียดายฉันไม่มีชุดขาว เพราะสีน้ำตาลเนี่ยก็เลยไม่เข้าพวกเท่าไหร่

พอถ่ายรูปเสร็จก็ได้เวลาไปเลคเชอร์ เกือบไม่มีเวลากินข้าวแน่ะ วาลาเรียบอกว่า ฉันโชคดีที่มาทานสาย เพราะเมื่อกี้ไม่มีที่นั่งเลย ฉันนั่งสัปหงกตลอดรายการช่วงเช้า และคอยเตือนวาลาเรียให้ปลุกตอนโยคะนิทราด้วย เพราะต้องการนอนจริงๆ

พอถึงเวลาอาหรกลางวัน ก็เหมือนกับสงครามแย่งที่นั่งกัน แต่โชคดีที่เราอยู่ที่ห้องสมุด เราเลยได้นั่งก่อน คนที่มาที่หลังก็ต้องไปนั่งตรงทางเดิน อิ่มมากๆเลยแฮะ ชักรู้สึกปวดท้องหน่อยๆแล้วสิ

มิสซิสมานดลิกเตือนให้พวกเราใส่หมวกหรือผ้าคลุม เพราะแสงแดดที่แรงมากทำให้ศรีษะเราร้อนขึ้นมาก ทางที่ดีควรคลุมหัวไหล่ด้วย เพราะขณะที่พวกเราหลายคนก็ป่วยแล้ว มีอาการท้องเสียด้วย

ฉันใช้เวลาตลอดบ่ายอยู่ที่ห้องสมุด พยายามตั้งค่าGPRS ในเครื่อง และในPC แต่ก็ยังไม่เวิร์คซะที
พอบ่ายสองดอกเตอร์ก็มาสอนใช้เครื่องมือวัดความดันแบบโบราณ เหตุที่ต้องใช้แบบโบราณ เพราะดอกเตอร์บอกว่า บางทีอิเล็กโทรนิคมันไม่ค่อยชัวร์ เราต้องรู้จักที่จะหาว่าเส้นเลือดเราอยู่ตรงไหน ต้องฟังตรงไหน

ตอนบ่ายมีเลคเชอร์เรื่องโรคปวดหลัง หรือเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ฟังยากมากแต่ก็ต้องพยายามฟังให้รู้เรื่อง

ฉันไม่ไหวแล้ว คงต้องขอนอนตลอดชั่วโมงฝึกอาสนะ ไปถึงฉันก็ตั้งกล้องไว้ แล้วก็หลับไปเลย ตื่นมาอีกที มิสเตอร์ชามาก็เข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง ทำให้ฉันซาบซึ้งใจมาก

ฉันกลับมาที่ห้องและไม่ไปร่วมสวดมันตราที่มีทุกวันเสาร์ เพราะอยากพัก วาลาเรียมีไข้ ฉันปวดท้อง ฉันจึงกินยาไป เพราะท่าทางอาการลำไส้แปรปรวนจะกลับมาเนื่องจากเครียดเรื่องเรียน กับไม่มีเวลาพักแน่เลย สักพักสาวัตตีก็เอาซุปแครอทมาให้ ตอนแรกวาลาเรียไม่ค่อยอยากทานเท่าไหร่ แต่พอลองทานไปแล้วก็รู้สึกดีขึ้น ฉันจึงเอาที่เหลือไปทานกับข้าวและสลัด
วันนี้มีบาจันตอนดึก แต่ไม่ได้ไปเพราะอยากนอนแต่เช้า มีคนมาเยอะจากข้างนอก เพราะเป็นเทศการ holy

วันนี้คนที่นอนดึกที่สุกลายเป็นเคที่ เพราะว่าเธอสบายดีที่สุด แฟนันดาก็ปวดไหล่ นวดให้หลายทีแล้วก็ยังไม่หาย เธอได้รับการรักษาจากหนุ่มชาวโปรตุเกสแทน เขารักษาเธอด้วยการนวดกดจุดและเรกิ เธอบอกว่าเธอรู้สึกเหมือนโลกหมุนไปมา เขาต้องตรึงเธอไว้แล้วดึงเธอกลับมา เธอบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกมาก ฉันได้ยินเสียงพวกเขาคุยกัน เขาเป็นพ่อครัวด้วย แหง่ม...

Hari Om




 

Create Date : 27 มีนาคม 2551    
Last Update : 27 มีนาคม 2551 17:23:41 น.
Counter : 761 Pageviews.  

Yoga Vidya Gurukul- 21 March 2551

Namaste

21 March 2008

มันเอาอีกแล้ว นี่ไม่ได้ตั้งใจจะไม่สุภาพนะ แต่สุนัขเจ้ากรรมมันเห่าอีกแล้ว คราวนี้มันเล่นเป็นซีรีย์เลย ทั้งเห่าทั้งหอนหน้าห้องฉัน...ใครมันจะทนไหววะเนี่ย พอโดนดุก็วิ่งหนีไปเห่าตรงอื่น เสร็จแล้วก็กลับมาเยาะเย้ยถากถางที่หน้าห้องอีกรอบ ตอนฉันกำลังเคลิ้มๆพอดี กรรม.... พรุ่งนี้มีสอบด้วย เอ้ย...วันนี้แล้วดิ

เช้านี้เรายังคงใช้โถงโยคะเก่าเพื่อสวดมันตราซะหน่อย เพราะว่ากานดาบอกว่าTTCจะเริ่มคลาสช้าเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ เพราะต้องคอยระแวงว่า พวกสาวๆจะมายืนคอยหน้าประตู
เสร็จแล้วเราก็ย้ายไปที่โถงใหม่เจ้าเก่าของเรา ซึ่งในอนาคตมันจะเป็นห้องทานอาหารอีกห้องหนึ่ง TTC ชุดนี้มีถึง35คน มิสเตอร์ชามาบอกว่ามีคนอยู่ในคิวรอถึงสองร้อยกว่าคนในแต่ละเดือน ถ้ามีคนที่ยกเลิกก็จะได้บอกให้คนถัดไปเข้ามาแทนที่ ซึ่งก็ทำให้เราต้องแยกโยคะนิทราไปทำคนละห้องอีกเหมือนกัน

อาหารเช้าก็แสนอร่อยขึ้นทุกวัน เช้านี้เป็นก๋วยเตี๋ยวผัด อร่อยมากกกกกก ฉันนั่งโต๊ะเดียวกับติอาโก้ เหลือบไปเห็นเข้าแทบลมจับ เพราะว่าเขาทานจานใหญ่มาก (จริงๆแล้วจานของฉันก็เท่าเขาแหละ) แต่เขาตักประมาณสี่ทัพพีได้ ทำให้มันพูนไปหมด ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนที่ผอมได้ขนาดนั้น เขาคงเป็นคนธาตุลมอย่างแน่แท้ทีเดียว

หลังอาหารเช้าเราก็ไปลอกคำถามเพื่อมาค้นหาคำอธิบายเพื่อสอบตอนบ่าย จริงๆมันก็ไม่ยากอะไรนะ เพราะเป็นการเปิดหนังสือสอบ เพียงแต่ปัญหามันมีตรงที่ว่า ไม่รู้จะอธิบายเป็นภาษาอังกฤษอย่างไร ทั้งที่ก็เข้าใจนะ เลยต้องอาศัยเพื่อนๆช่วย บวกกับก็อปปี้ที่ได้มา

เรากลับไปค้นคำตอบที่ห้อง แต่ดูเหมือนว่าเคที่จะไม่พอใจเท่าไหร่ที่เราคุยปรึกษากัน เพราะเธอบอกว่า นี่เป็นชั่วโมงศึกษาด้วยตัวเองนะ ถ้าเราเอาแต่คุยกัน เธอไม่สามารถอ่านหนังสือได้ แต่เนื่องจากว่าเธอคนเดียวที่มีปัญหา ทำให้เธอเลือกที่จะออกจากห้องไปหาที่อ่านหนังสือคนเดียว ส่วนเราก็ปรึกษากันอย่างสะดวกใจขึ้น

คำถามมีทั้งเรื่องง่ายๆ และลงลึกในรายละเอียดของอนาโตมี ซึ่งฉันก็รู้ว่าคงตอบได้ไม่ดีเท่าไหร่ เพราะว่าต้องลอกหนังสือมาทั้งดุ้น ส่วนตรงไหนที่เขียนคำตอบเองก็สามารถเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพราะสำนวนห่วยแตก (อันนี้เพื่อนบอกมา)

เราเพลิดเพลินกับการพยายามช่วยกันหาคำตอบ จนกระทั่งบ่ายโมงฉันก็หมดสิ้นความอดทน เพราะผลคงไม่แตกต่างเท่าไหร่ บางข้อเขาให้เขียนอย่างน้อย150คำ ฉันก็ลากยาวไปถึงดวงจันทร์เลย กะว่า150 คำชัวร์ อย่างน้อยก็ต้องได้คะแนนความพยายามละวะ

มิสซิสมานดลิกเอาของหวานอินเดียมาให้ เพราะว่าวันนี้เป็น Holy day ของชาวฮินดู ซึ่งก็ไม่ใช่ Holiday ของฉัน เธอพยายามเน้นว่า ถ้าไม่กินก็อย่างขว้างทิ้งนะ เพราะมันสำคัญ เธอทำมาด้วยใจและอยากให้ทุกคนได้ชิม ฉันอยากจะบอกเหลือเกินว่า ไม่ทิ้งหรอก แต่อยากได้อีกชิ้นง่ะ

อาหารกลางวันพิเศษตรงที่มันมีปาปาดน่ะแหละ ฉันนั่งหน้าลิเดีย ฉันชอบมากเวลาเธอทำท่าอร่อยเธอจะส่งเสียงครางออกมาเบาๆด้วย

เรามีอาสนะต่อหลังการสอบ ซึ่งฉันเห็นหลายคนนั้นอ่อนเพลียมาก วันนี้มีท่าโปรดของฉันเป็นท่าใหม่ วาลาเรียทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ฉันจึงอาสาเป็นตัวอย่างให้ เย้....มีฉันอยู่ในวีดีโอแล้ว

พอว่าจะอาบน้ำ ก็ปรากฎว่า วาลาเรียบอกว่า เขาจะมีการฉลองเทสกาลด้วยการจุดกองไฟและวิ่งมาตามฉันเพราะไม่อยากพลาดที่จะมีเก็บไว้ด้วยเช่นกัน

ฉันไปถึงเขาก็เตรียมตัวกันอยู่ เพื่อนๆดูดีใจมากที่ฉันมา ฉันถ่ายไปรอบๆ แต่ดันพลาดท่าลืมกดอัด พอจะถ่ายอีกครั้ง เขาก็เริ่มจุดไฟแล้ว ฉันมีโอกาสถ่ายรูปได้ไม่เท่าไหร่ สงสัยต้องหาก็อปปี้จากคนอื่นด้วย พอไฟติดดีแล้ว เขาก็เต้นไปรอบๆกองไฟ และพวกเราก็เดินไปรอบๆขณะที่พวกเขาก็ร้องเพลงไปด้วย แต่ฉันก็ฟังไม่ออกเหมือนกันว่าเขาร้องว่าไง ก็มันเป็นภาษาฮินดีนี่นา

เมื่อจบพิธีกรรม พวกเขาก็ก้มลงไปกราบที่พื้น แล้วเอาขี้เถ้าบางส่วนแตะหน้าผาก ซังดีฟบอกว่าถ้าเช้าให้เรามาเก็บขี้เถ้าที่ไม่ใช่ขี้ดินนะ เขาเชื่อว่ามันใช้ทาแผลหรือจำพวกสิว อาบน้ำ เพื่อรักษาโรคได้

ฉันพยายามทำงานให้เสร็จแต่ดูเหมือนจะยากมาก เผลอหลับไปจนได้

อาหารเช้า เป็นหมี่ผัด ทานกับผักผลไม้

อาหารกลางวัน ที่เห็นเป็นแผ่นๆเนี่ยคือปาปาด อร่อยยยยยมากกกก

กำลังเรียนหารหายใจกันอยูค่ะ

พระจันทร์เต็มดวงในวันพิเศษ

จุดไฟฉลอง

กองไฟนี้เพื่อเทพเจ้า

ทุกคนต่างก็มีความสุข

Hari Om




 

Create Date : 27 มีนาคม 2551    
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 16:51:09 น.
Counter : 734 Pageviews.  

Yoga Vidya Gurukul- 20 March 2551

Namaste

20 March 2008

วันนี้ฉันเอาชาไปใส่ในนมด้วย เสร็จก็ต้องรีบเดินไปโถงโยคะ วันนี้เราใช้ที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย เพราะTTC จะเริ่มเย็นนี้แล้ว คนเยอะมาก

เช้าเราฝึกการทำสมาธิโดยให้ท้องป่องและท้องยุบในท่านอน เกือบหลับไปแล้วสิ พักนี้นอนน้อยไปหน่อย เพราะมัวแต่ทำไอ้โน่นไอ้นี่ เรื่องวีดีโอนี่แหละ เฮ้อ....

เช้านี้อาหารเช้าค่อนข้างแปลก เพราะทำจากกล้วยหอม ผสมกับอะไรสักอย่าง ต้องไปค้นในอินเตอร์เนทซะหน่อยว่าคืออะไร แต่มันหวานแปลกๆฉันเลยบีบมะนาวใส่เข้าไปด้วย ก่อนที่จะทานผักผลไม่เข้าไปเยอะๆ เพราะสังเกตุได้ว่าท้องผูกซะแล้ว ทั้งที่กินผักผลไม้เยอะแล้วนะ คงเพราะทานน้ำน้อยไป เลยทำให้ลำไส้ไม่ลื่นไหล (ว่าไปนั่น)

ปกติต้องเป็นเลคเชอร์ แต่กานดาเปลี่ยนเอากรรมโยคะขึ้นมาก่อน เพราะเราต้องทำความสะอาดโถงโยคะ ทั้งของเราและของกรุ๊ปใหม่ จากนั้นค่อยมาพักด้วยโยคะนิทรา ฉันอยู่ในกรุ๊ปที่ทำโถงใหญ่ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานหรอก พวกเราแซวอนันตรวีว่าทำงานของผู้หญิงได้เก่งมาก

แต่พอจะทำโยคะนิทรา ก็มีสาว (อายุเยอะ)มาร่วมด้วย ซึ่งก็คงไม่เป็นไร เพราะฉันเห็นเธอมาหลายวันแล้ว คงจะมาเรียน TTC แต่ปรากฎว่าหลังโยคะนิทรา เธอตามเราเข้าไปเลคเชอร์ด้วย ซึ่งเราก็งงเป็นอันมากว่าทำไมถึงมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ่ออยู่ แถมพอฉันบอกว่า เธอน่าจะอยู่ข้างนอก เธอก็พูดทำนองว่า จะเป็นไรไป ฉันจะนั่งหากมีที่ว่างสักหน่อย ตอนหลังฉันจึงรู้ว่า เธออยากเรียนโยคะเธอราพีมากกว่า แต่มันคงเต็มละนะ

กลางวันฉันรับหน้าที่เป็นคนถือกุญแจห้องสมุดเป็นผลัดแรกกับเคที่ ซึ่งฉันก็ได้ทำการก็อปปี้หนังสือได้เล่มหนาๆเล่มหนึ่ง แต่ก็ใช้เวลาไปเกือบสองชั่วโมง ที่ต้องก๊อป เพราะว่ามันไม่มีขายตอนนี้ สั่งพิมพ์อยู่ ถ้าอันไหนมีก็ซื้อ

เลคเชอร์ตอนบ่ายก็ดีมาก ฉันก็ทำหน้าที่อัดตามเคย แต่รู้สึกเพลียเล็กน้อย สงสัยต้องรีบนอนแต่เช้า เลคเชอร์กินเวลายาวไปถึงห้าโมงครึ่ง ดังนั้นเวลาฝึกอาสนะจึงมีไม่มาก เราฝึกทำท่าใหม่ และเตรียมตัวก่อนมาสเตอร์คลีนซิ่ง

พอได้เวลาเราก็ไปทานข้าวกัน ฉัน วาลาเรียและแฟนันดาเห็นคนเริ่มน้อยก็เลยคุยกัน เรื่องที่คอร์สTTCมีคนเยอะมาก ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะมีบางคนที่เดินทางมาโดยไม่ได้ถามความเห็นชอบจากทางอาราม และก็พยายามตื้ออยู่ ซึ่งฉันคิดว่ามันก็ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ สักพักกานดาก็เดินเข้ามาหาเราและบอกว่านักเรียนเก่าควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้นักเรียนใหม่ เพราะว่าถ้าเขาเห็นเราคุยกัน เขาก็จะทำบ้าง ซึ่งก็ถูกต้อง

ฉันพยายามใช้GPRSผ่านโทรศัพท์ แต่ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ เอาอีกแล้ว อินเดีย เล่นฉันอีกแล้วสิ

วันนี้เรามีทดสอบความจำด้วยการพยายามจำคำศัพท์ 25 คำ เสร็จแล้วหลังจากนั้น15นาที ก็เขียน คำที่จำได้ลงในกระดาษ ซิลแวงเพื่อนฉันพยายามจะพูดคำที่จำได้ออกมา เพราะมิสเตอร์ชามาบอกให้คุยกันระหว่างที่รอเวลา ซิลแวงจึงพยายามเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับศัพท์ที่จำได้ มิสเตอร์ชามาต้องคอยเบรก ซิลแวงก็ต่อคำกลับว่าก็ไหนว่าให้เล่าเรื่องอะไรก็ได้ไงครับ จนท้ายที่สุดมิสเตอร์ชามาต้องเปลี่ยนไปร้องเพลงแทน ฉันเขียนลงไปได้ 17 คำ แต่ก็มานึกได้ทีหลังเมื่อโทรศัพท์ของมิสเตอร์ชามาดังขึ้นมา ฉันจึงเขียนคำสุดท้ายลงไปว่า Mobile

ตอนแรกเราก็นึกกันว่าจะหมดเพียงแค่นั้นซะอีก แต่มิสเตอร์ชามาต้องมาเตรียมตัวให้พวกเราทำเนติกัน เนติคือการล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่นค่ะ โดยที่เราจะใส่เกลือประมาณ 1 ชช. ต่อน้ำ ครึ่งลิตร (รึจะใช้น้ำเกลือสำเร็จรูปก็ได้ค่ะ) แล้วเติมใส่กาเนติ (ซึ่งรูปร่างคล้ายกาน้ำชาแต่ว่าคอยาวกว่า) ประมาณ 250 CC. ต่อ 1 ข้าง กรวยกาจะมีปากเล็กลงเพื่อให้สามารถปิดจมูกได้พอดี เราต้องเอนศรีษะลงเพื่อให้น้ำเกลือสามารถไหลผ่านรูจมูกข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่งได้ (โดยหลักการ G –Force—ว่าไปนั่น มันก็แรงโน้มถ่วงละนะ) เมื่อทำทั้งสองข้างแล้วก็ต้องทำการสบัดให้น้ำไหลออกให้หมด และก็นำเอาสิ่งสกปรกออกไปด้วย

แต่ก่อนจะถึงขั้นตอนนั้น เราต้องทำการหล่อลื่นจมูกด้วยเนยอินเดีย (กี)ซะก่อน โดยเฉพาะคนที่เพิ่งทำเป็นครั้งแรก จมูกจะไม่ชินกับการมีน้ำไหลผ่าน อาจระคายเคืองได้ (โห... อุตส่าห์เล่าซะยาวถึงขั้นตอนการทำ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่มีอะไรเล่าหรอกเนี่ย) เราจะต้องนอนหงายให้มิสเตอร์ชามาหยอดกีลงกับจมูกก่อน แล้วก็สูดเข้าไปให้ลึกที่สุด ซึ่งทุกคนก็ดูตื่นเต้นเป็นอันมาก ฉันเองก็เลยตื่นเต้นตามทั้งที่ทำเป็นครั้งที่สองแล้ว แต่ถ้าเราไม่มีกี เราสามารถใช้น้ำมันงาแทนได้ โดยเอานิ้วก้อยจุ่มลงไปในน้ำมัน แล้วแหย่เข้าไปในจมูกให้เยอะๆ (ทำจมูกบานๆค่ะ)

ฉันว่าคืนนี้ฉันต้องฝันถึงคุกกี้แน่เลย เพราะกีแท้ๆ ฉันรักกี

PS. ไม่ต้องน้อยใจนะเฌอ แม่รักหนูเสมอเลย เห็นได้จากที่แม่โทรหาหนูวันเว้นวันเลย (เอ่อ... ขอตัวแป๊ปนะลูก แม่จะอ๊วก) เพิ่งเติมค่าโทรศัพท์ไปนะเนี่ย สงสัยไอ้ที่จะใช้มากที่สุดในการมาอินเดียครั้งนี้ คงเป็นค่าโทรศัพท์เนี่ยแหละ



Hari Om




 

Create Date : 27 มีนาคม 2551    
Last Update : 27 มีนาคม 2551 17:13:58 น.
Counter : 548 Pageviews.  

Yoga Vidya Gurukul- 19 March 2551

Namaste

เช้านี้ทุกคนพร้อมใจกันตื่นแต่เช้าทั้งที่เป็นวันหยุด เพราะต้องการไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและฝึกนั่งสมาธิบ้าง แล้วก็กะว่าจะลงมาฝึกอาสนะที่โถง แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ปรากฎว่าเราลืมไปเลยเมื่อเห็นความสวยงามของพระอาทิตย์ และแสงที่พาดผ่านปุยเมฆบนท้องฟ้า เราส่งเสียงร้องเรียกกันดังลั่นภูเขาอย่างตื่นเต้น ฉันคิดว่าพระอาทิตย์คงจะเหมือนเดิมทุกวัน แต่สิ่งที่แตกต่างออกไป เพราะเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน เหมือนเช่นวันนี้ฉันโชคดีที่ได้เพื่อนร่วมห้องอย่างเคที่ วาลาเรีย และแฟนันดา โดยเฉพาะเคที่ เธอทำให้คนอื่นรู้สึกดีเสมอ ไม่ว่าจะมีอะไรเธอจะไต่ถามเรา เมื่อเรารู้สึกไม่ดีหรือป่วยเธอก็จะถามว่าจะเอาโน่นมั๊ยเอานี่มั๊ย ขึ้นภูเขาอย่าลืมถุงเท้าร้องเท้ากันฝุ่นหน่อยนะ อะไรทำนองนี้



และเช้านี้วาลาเรียก็ตื่นช้ากว่าเราทั้งที่เป็นต้นไอเดีย เธอจึงลืมทั้งเมมโมรี่การ์ดและแบตเตอรี่ของกล้อง แต่เคที่กลับมีทุกสิ่งที่วาลาเรียต้องการ ตอนแรกวาลาเรียบอกว่าไม่เป็นไร ถึงจะได้แค่สามรูป แต่เคที่บอกว่ามันไม่เหมือนกัน รูปที่ตัวเองถ่ายกับการแชร์รูปคนอื่นมานั้นมันก็ไม่ได้อารมณ์เหมือนเราถ่ายเอง ซึ่งก็ถูกของเธอ ฉันได้ภาพซิลูเอ็ต(ถ่ายย้อนแสง)มาหลายรูปในท่านั่ง และก็ทำให้เราไม่ได้ฝึกนั่งสมาธิแต่อย่างใด แต่ก็ไม่น่าเสียดายอะไร เพราะวาลาเรียบอกว่าบางทีวันที่เราตั้งใจมาถ่ายภาพ มันอาจจะไม่สวยแบบนี้ก็ได้






เมื่อถ่ายภาพจนหนำใจแล้วเราก็เดินลงไป วาลาเรียแยกไปฝึกอาสนะ ส่วนฉันกับเคที่ต้องการอาบน้ำและซักผ้าก่อนที่จะนั่งรถเข้าไปในเมือง หลังอาหารเช้า เราก็ได้เพื่อนใหม่เป็นสาวชาวจีนจากมาเลเซียชื่อเย็น เธอมาเพื่อTTC ฉันจึงอยูในกลุ่มที่พูดภาษาจีนเป็นส่วนใหญ่ ฟังไม่รู้เรื่อง ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว (เสียชาติเกิดจริงๆ)

คำที่ว่า เข้าเมืองตาหลิ่วให้หลิ่วตาตามนั้นใช้ได้กับสถานการณ์เช่นนี้ แต่ฉันไม่ได้กะจะกลายร่างเป็นสาวผิวดำในชุดซัลวากามีหรอกนะ แต่ฉันหมายคงามถึงความตื่นเต้นของเพื่อนๆต่างหาก ฉันเห็นเขาตื่นเต้นกันมาก บางคนก็เป็นครั้งแรกในอินเดีย พวกเธอจึงตื่นเต้นตลอดเวลา ฉันก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย หลุยส์ซ่าถ่ายรูปรถเมล์ที่แน่นจนห้อยออกมาข้างนอก พลางหันมาถามแคเรนว่าเธอจะนั่งรถเมล์กลับจริงหรือ ซึ่งแคเรนเห็นและก็บอกว่า ไม่เอาดีกว่า ใครจะไปนั่งได้ละเบียดซะขนาดนั้น ฉันก็บอกเธอว่า อันนี้ปกติมากสำหรับฉัน เพราะเมืองไทยก็อย่างนี้แหละ ดี่ที่เดี๋ยวนี้เขาปิดประตูเป็นส่วนใหญ่นะ (ขอใช้คำว่าส่วนใหญ่นะ) ไม่งั้นเราคงมีอุบัติเหตุมากมายกว่านี้แน่นอน

เคที่พาเย็นและคริสติน่าไปช็อปปิ้งที่บิ๊กบาร์ซ่า เพราะเธอต้องการโชว์เส้นทางให้เย็นรู้ว่าเมื่อถึงวันหยุด อะไรมันอยู่ตรงไหน เย็นจะได้ไม่หลง เพราะวันหยุดคราวหน้าของเราจะไม่ตรงกัน พวกเธอจึงใช้เวลาตลอดเช้าเพื่อช็อปปิ้ง ส่วนฉันก็ได้ดื่มชาร้อนๆให้ชุ่มฉ่ำใจ และก็เติมเงินในโทรศัพท์ และโทรหาน้องเฌอ ซึ่งเธอก็ดีใจเป็นอันมาก จากนั้นฉันก็เดินไปตามถนน เห็นร้านขายขนมหวานอินเดียแห่งหนึ่ง จึงแวะเข้าไปสั่งขนมมา7-8อย่าง จากนั้นก็ขอถ่ายรูปและเริ่มสัมภาษณ์คุณAmit Pujara เจ้าของร้านถึงวัตถุดิบในการทำขนมอินเดีย ซึ่งเขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะรู้ว่าเป็นนักเรียนโยคะ


คุณอามิตบอกว่าส่วนประกอบโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นนมและถั่ว ซึ่งราคาก็ขึ้นอยูกับชนิดถั่ว จะมีตั้งแต่ถั่วลิสง เมล็ดแตงโม เมล็ดทานตะวัน อัลมอนต์ มะม่วงหิมพานต์ ฯลฯ และการตกแต่งก็ทำให้ราคาแตกต่างด้วย ซึ่งการตกแต่งก็จะมีตั้งแต่ ตกแต่งด้วยถั่ว ตกแต่งด้วยแผ่นเงินซึ่งคุณอามิตก็บอกว่าก็เหมือนที่ขนมไทยตกแต่งด้วยทองคำเปลวนะแหละ คุณอามิตยังบอกว่า ไม่ใช่ว่าขนมจะหวานอย่างเดียว แต่ส่วนประกอบอื่นๆก็ยังเป็นสมุนไพรอีกด้วย แม้แต่เงินซึ่งเห็นวาววับอยู่บนก้อนขนมก็ล้วนมีประโยชน์ในทางอายุรเวทเช่นกัน นอกจากนี้เขายังอธิบายว่า แม่แต่ขนมที่ฉลองปีใหม่ของชาวฮินดู ที่แต่เดิมแป็นแค่ก้อนน้ำตาล เดี๋ยวนี้ก็ต้องมีดีไซน์และสีสันที่หลายหลายมากกว่าแต่ก่อน ไม่งั้นชาวบ้านก็ไม่ซื้อ

หลังจากพูดคุยจนทะลุปรุโปร่งแล้วฉันก็เดินกลับไปสมทบกับเพื่อนที่หน้าบิ๊กบาร์ซ่า หลังจากนั้นบางคนก็กลับไปที่ออฟฟิชเพื่อทางอาหารกลางวัน แต่พวกเราทานที่หน้าบิ๊กบาร์ซ่า ฉันได้ถามความเห็นของสาวน้อยชาวอินเดียคนหนึ่ง เธอก็ให้คำตอบมารวมๆว่าอันโน้นอันนี้ ไปๆมาๆฉันเห็นเธอชี้ทุกอย่างเลย เล่นเอางงเต็ก ฉันจึงตัดสินใจสั่ง Mysore Masala Dosa เป็นเหมือนเครปกรอบชิ้นใหญ่ ทาเครื่องเทศโรยหัวหอม และใส้มันฝรั่งผัด ทานกับซุปมะเขือเทศและแกงถั่ว ซึ่งค่อนข้างจะมีรถจัดสักหน่อย เพราะฉันรู้ว่าอาหารทางใต้จะเผ็ดร้อนกว่าทางเหนือๆขึ้นมา ฉันจึงสั่งเมนูนี้ เพราะมัยซอร์อยู่ทางใต้ ซึ่งอาหารที่ได้ก็เผ็ดสมใจ แถมอิ่มหนำสำราญในราคา 35 รูปี จนฉันทานไม่หมด ต้องให้เพื่อนๆช่วย คราวหน้าน่าจะสั่งแค่ราคา 27รูปีนะ อาจจะอิ่มพอดีๆ ขณะที่คนอื่นๆทานก๋วยเตี๋ยวผัดกัน ของเคที่เป็นแบบกรอบๆ แต่คริสติน่าเป็นแบบนิ่ม


หลังจากนั้นเราก็สั่งกาแฟ และมุ่งหน้าสู่ร้านอินเตอร์เน็ต ฉันเตรียมThumb drive ไปด้วยเพราะว่าจะอัพเดตบล็อกในภาษไทย แต่เน็ตที่นี่ก็ช้าสุดฤทธิ์สุดเดชเหมือนกัน ฉันจึงได้อัพเดตแค่ 1 หน้าเท่านั้นเอง แถมรูปก็ไม่ได้ใส่ เซ็งสุดขีด ไม่มีอะไรเป็นไปตามต้องการสักอย่าง

หลังจากใช้เวลากว่า 2ชั่วโมง ฉันก็ถอดใจ เดินกลับไปที่ออฟฟิชเพื่อเตรียมตัวกลับ เคที่พาเข้าร้านไอศครีม ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ารสชาติของไอศครีมที่นี่เป็นอย่างไร จึงได้แต่ดูหน้าตาและสั่งเอา เราอยากได้อะไรที่เปรี้ยวๆ แต่ไอศครีมที่นี่ไม่มีอะไรเปรี้ยวเลย แม้แต่ไอศครีมมะนาวก็ยังหวาน ฉันเจอแจ็คพอต เสี่ยงโชคเจอไอศครีมลิ้นจี่ ซึ่งไม่ชอบเท่าไหร่ ทำให้รู้สึกมวนในกระเพาะเล็กน้อย เมื่อรวมกับฝีมือการขับรถอันนุ่มนวลแล้ว ก็ทำให้เมื่อถึงอาราม ฉันก็ตรงไปอาเจียนในห้องน้ำพอดี ดีนะว่าไม่ท้องเสีย (นี่มองโลกในแง่ดีนะเนี่ย ) หมดกัน 40รูปีที่จ่ายไป ละลายหายไปกับส้วมอินเดีย ไม่น่าเลย 40 รูปีนี่ น่าจะได้ไอศครีมแบบเซเวนเซ่นในเมืองไทยเลยนะเนี่ย แต่เนื่องจากว่าการจ่ายไฟฟ้าของอินเดียยังขัดข้องอยู่ ดังนั้นเวลาช่วงเช้าประมาณ2-4 ชั่วโมงจะไม่มีไฟฟ้า (ที่อารามเวลาตี4 ถึง บ่าย 3 ก็ไม่มีไฟฟ้าเช่นกัน ) ดังนั้นเขาคงต้องลงทุนในเรื่องเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพิ่มเติม จึงทำให้ราคาสูงขึ้นนิดหน่อย แต่ยังไงก็เสียดายตังค์นิดหน่อย
แม้จะเรื่องโชคร้ายบ้าง แต่ก็ยังมีเรื่องดีว่า กานดาบอกกับฉันว่า ฉันเป็นศิษย์เก่าที่นี่ ดังนั้นค่าธรรมเนียมบางอย่าง ฉันจะได้เงินคืนมา (แม้จะนิดหน่อย แต่ก็เป็นดอลล่าร์นะ) เย็นนั้นฉันจึงซื้อหนังสือ 3-4 เล่ม หลังจากคำนวนจำนวนเงินที่จะได้คืนกลับมาแล้ว ทำให้ฉันไม่ต้องเหนื่อยกับการก๊อปปี้หนังสือด้วย และยังมีเงินพอที่จะทำการวางแผนเที่ยวในวันหยุดถัดไปกับคนอื่นๆได้อีกด้วย

หลังจากที่ได้ไปถ่ายเทมวลสารออกจากร่างกาย ฉันก็ได้เติมมะนาวลงในน้ำดื่ม และกลับไปนั่งทำงานต่อที่ห้อง ด้วยอากาศที่ลดความรุนแรงลงเล็กน้อย บวกกับความเปรี้ยวของมะนาว ฉันก็ดีขึ้น

อ้อ ฉันได้ดีวีดีมาหนึ่งแผ่น เป็นโยคีที่มีชื่อเสียงมากในอินเดีย แถมเขายังมีช่องโทรทัศน์ที่ถ่ายทอดชีวิตตลอดวันว่าเขาทำอะไรบ้าง เป็นของตัวเองด้วย ฉันจึงซื้อมาลองดูว่าเขาสอนอะไรบ้าง ซึ่งฉันก็มีหนังสือบางส่วนที่ก็อปจากเคที่ เพราะเธอไปที่ฤาษีเกศช่วงเทศกาลโยคะ เมื่อเธอเข้าไปเยี่ยมอารามของเขา เจ้าหน้าที่ก็ได้ให้หนังสือและซีดีกับเธอมาจำนวนหนึ่ง (ฟรี) ซึ่งมีเทคนิคที่น่าสนใจมากทีเดียว

วันนี้หลายคนต่างอ่อนแรงกับแสงแดด แม้จะพยายามงัดกลยุทธ ทั้งหมวกทั้งผ้าคลุม แว่นตา ก็ยังสู้ไม่ไหว จึงได้แต่เอนลงพักผ่อนกันตั้งแต่หัวค่ำ ซึ่งฉันก็บันทึกอยู่จนถึงดึก แฟนันดาและวาลาเรียต่างแปลกใจว่าฉันทำงานหนักมาก ตื่นก่อนนอนที่หลังตลอด แต่ยังดูสดชื่นอยู่ ซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นที่แสงแดดที่มอบพลังงานให้ฉัน และความตั้งใจในการที่จะศึกษามากกว่า หลังจากนี้ฉันก็คงต้องเริ่มต้นศึกษาอย่างจริงจังมากขึ้นแล้ว คงไม่มีเวลาเล่นแน่เลย
เฮ้อ นี่แหละชีวิต


Hari Om




 

Create Date : 27 มีนาคม 2551    
Last Update : 27 มีนาคม 2551 17:10:03 น.
Counter : 910 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

หมวยเกี๊ยะA2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง

ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ

วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย)
ที่ Yoga Vidya Gurukul
ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย
เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549

ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว

ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D

ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร
ก็ติดต่อมาได้นะคะ
Tel.+66 (0)85 1420201
[Add หมวยเกี๊ยะA2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.