โยคะเป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
Group Blog
 
All blogs
 
Yoga Vidya Gurukul - 29 March 08

Namaste

29 March 2008

ฉันฝันอีกแล้วเมื่อเช้านี้ ทำเอานอนไม่ค่อยพอเลยแฮะ

เช้านี้เราไปฝึกสมาธิพร้อมกับTTC หลังจากนั้นฉันก็เบี้ยวการทำสุริยะนมัสการ เพราะต้องการอัดวีดีโอพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้า และฉันก็ยังปวดท้องนิดหน่อยด้วย

เช้านี้มิสเตอร์ชามาตินิดหน่อยว่าเราท่องโอมเร็วเหลือเกิน และยังไม่ครบเวลาตามที่เขาต้องการด้วย ซึ่งฉันก็เห็นด้วย เพราะพอเขาโอมกันครบ 20 ครั้งแล้ว ฉันยังได้แค่ 15 ครั้งเอง

คนที่ทำมาสเตอร์คลีนซิ่งยังทานมะนาวหรือผลไม้เปรี้ยวไม่ได้ เดี๋ยวจู๊ดๆ อยากรู้รายละเอียดทั้งหมดมั๊ยเนี่ย เดี๋ยวจะบอกให้ค่า


วันนี้เลคเชอร์เกี่ยวกับโรคทางเดินอาหาร โอย....จะบ้าตาย ก็มันแค่หนึ่งเดือนนี่นะ ทุกอย่างต้องอัดเข้ามา มีเรื่องเกี่ยวกับอาการลำไส้แปรปรวนที่ฉันเป็นอยู่ด้วย ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นนี้ ทำอะไรไม่ได้เพราะเป็นอาการที่เกิดขึ้นทางจิตใจ ไม่เกี่ยวกับทางเดินอาหารแต่อย่างใด ต้องรู้จักฝึกจิตใจเท่านั้น ผ่อนคลายและปล่อยวางจึงจะช่วยได้ ซึ่งก็จริง เพราะก่อนที่ฉันจะฝึกโยคะ ฉันเคยมีอาการมากถึงกับเป็นลมล้มเอาคางฟาดอ่างล้างหน้ามาแล้ว บางครั้งก็ปวดท้องหน้ามืดจะเป็นลมขณะขับรถ แต่อาการพวกนี้ก็เบาบางลงหลังจากที่ได้ฝึกโยคะและทำสมาธิ

หลังจากนั้นฉันนึกว่าจะต้องไปทำความสะอาดโถง เพราะว่าสกปรกเหลือนเกิน แต่โชคดีว่ามีคนงานช่วยทำให้แล้ว เพราะว่าTTCต้องใช้ห้องเพื่อเรียนบทเรียนเล็กกันด้วย ทำให้ฉันพอมีเวลาว่างพิมพ์โน๊ตที่ยืมมาจากเทเรซ่า และสามารถถามเธอได้ว่าคำที่ฉันไม่แน่ใจ แท้จริงแล้วคือคำว่าอะไร

การเรียนอาสนะและปราณยามในตอนเย็นวันนี้ เป็นการทดลองมุทราในแบบอื่นว่าช่วยเรื่องการหายใจและการเต้นของหัวใจอย่างไร โดยที่เราจะนับอัตราการเต้นของหัวใจ และจำนวนครั้งในการหายใจในเวลาปกติ ต่อมาก็ให้เราเดินขึ้นบันได 44 ขั้น(จริงๆมันจะกี่ขั้นก็ได้นะ แต่บังเอิญว่าที่นี่มี 44ง่ะ) และก็มาวัดทั้งสองอย่างใหม่อีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเพิ่มขึ้นเพราะว่าออกกำลัง แต่พอหลังจากนั้นที่เราได้พักทำอาสนะง่ายๆ และนั่งสมาธิพร้อมกับทำมุทราโดยเอาปลายนิ้วชี้ไว้ที่โคนนิ้วโป้ง แล้วเอาปลายนิ้วโป้งแตะกับปลายนิ้วกลางและนิ้วนาง พร้อมกับการสำรวจลมหายใจประมาณ 5 นาที พอออกจากสมาธิก็ให้เราเดินขึ้น44ขั้นใหม่ ปรากฎว่าการหายใจของพวกเราลดลงกว่าปกติหรือเท่าเดิม ทั้งที่ทั้สองครั้งก็ทำการวัดในทันทีเหมือนกัน ซึ่งเพื่อนๆหลายคนก็ประหลาดใจว่าทำไม มิสเตอร์ชามาก็บอกว่า เราเอาสิ่งเหล่านี้ไปใช้กับคนไข้ได้ ดีจัง

ฉันซื้อหนังสืออีกแล้ว รวมๆแล้วเนี่ยก็ 15 เล่มแล้วง่ะ แต่ก็ยังดีกว่าเอาเงินไปใช้อย่างอื่นนะ นอกจากนี้ฉันยังได้ก็อปปี้หนังสือที่น่าสนใจอีกหลายเล่มที่ไม่แน่ใจว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน แต่มีในห้องสมุดเอาไว้ด้วย รวมแล้วก็ 20 เล่มแล้ว ไว้กลับมาจากวิปัสสนาก็คงจะมีเวลาทำการก็อปปี้หนังสืออีก

หลังจากเลิกอาสนะ ฉันนึกว่าจะไปสวดมนต์ตอนเย็นวันเสาร์(เพิ่งรู้ว่าเขาเรียกว่า Hawan) กะเขาซะหน่อย แต่ก็ดูพระอาทิตย์ตกดินเพลิน เลยไม่ได้ไป แถมยังเหนื่อยอีกด้วย ว่าจะทำงานที่ห้องซะหน่อย แต่วาลาเรียบอกว่าวันนี้มีดนตรี และกานดาหวังว่าจะเห็นทุกคนที่นั่น ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะวันนี้มีแขก(แขกจริงๆนะ เป็นแขกชาวอินเดียน่ะ) มาเยี่ยมชมอาราม และคงอยากให้พวกเรามีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับชาวอินเดีย ซึ่งฉันก็ไม่รังเกียจหรอกนะ แต่เหนื่อยนะเนี่ย ว่าจะไม่ไป แต่จิตใต้สำนึกก็บอกว่ากานดารู้แน่นอน เพราะว่าเขาจำฉันได้ ว่าฉันมีกล้องวีดีโอ ฉันจึงไปหลังจากแวะซื้อคุ๊กกี้ที่ร้านอนันแล้ว (เอาไว้เป็นเสบียงพรุ่งนี้ อันนี้เคที่เธอสอนไว้ เธอจะต้องมีกระดาษทิชชู่เก็บไว้ในสต็อกเสมอ เผื่อฉุกเฉิน) ตอนแรกว่าจะไปแค่10 นาที มันกลายเป็น 1ชั่วโมงไปซะฉิบ

กลับมาก่อนนอน เคที่เอาแผนที่นาสิกมาให้ดู เสร็จแล้วเราก็มาท่องโอมพร้อมกัน 60 ครั้ง ตอนแรกฉันอาสานับให้ แต่วาลาเรียเธอบอกว่าเธอมีที่นับ พวกเราก็นึบถือแป็นอันมาก ด้วยนึกในใจว่าเธอมีเครื่องมือไฮเทค ที่ไหนได้ เธอล้วงเอาลูกประคำออกมานับซะอย่างงั้น เล่นเอาเราหัวเราะ เพราะผิดหวังในเครื่องมือไฮเทคของเธอเหลือเกิน

คืนนี้ทำงานดึก หวังว่าคงไม่ฝันนะ นอนเช้าทีไรได้เรื่องทุกที

เช้าที่สดใส

มุทราที่ใช้เพื่อลดการเต้นของหัวใจ

ทำการวัดการเต้นของหัวใจ

Bhajan เจ้าค่ะ

Hari Om



Create Date : 02 เมษายน 2551
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 17:22:05 น. 0 comments
Counter : 1362 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมวยเกี๊ยะA2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง

ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ

วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย)
ที่ Yoga Vidya Gurukul
ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย
เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549

ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว

ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D

ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร
ก็ติดต่อมาได้นะคะ
Tel.+66 (0)85 1420201
[Add หมวยเกี๊ยะA2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.