โยคะเป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
Group Blog
 
All blogs
 
Yoga Vidya Gurukul- 24 March 2551

Namaste

24 March 2008

เมื่อคืนทำงานถึงดึก แต่ก็ไม่หนักหนาเท่าไหร่ อยากให้เสร็จๆจะได้อ่านหนังสือซะที ดีว่าหมาไม่เห่านะ เพราะว่าขู่อาฆาตไว้เมื่อวาน มันเลยทำตัวดีขึ้น

เรามีการทำเทสความจำอีกเช้านี้ แหงะ จำได้10 คำเองจาก 30 คำ แต่หลังจากนั้นเราจะแบ่งกลุ่มทำการฝึกเปล่งเสียงคำว่าโอมในลักษณะต่างๆกัน เพื่อดูว่าการเปล่งเสียงแบบไหนทำให้ความจำดีขึ้น ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คงต้องอธิบายท้าวความไปถึงคำว่า โอม ซึ่งจริงๆไม่ใช่โอมซะทีเดียว ( เอ!!! ยังไงหว่า ) ถ้าใครอยากรู้คงต้องตามไปอ่านในบล็อกแรกๆ เนื่องจากขี้เกียจอธิบายมาก แต่จะบอกตรงนี้ว่า คำว่าโอมมาจาก A U M หรือ เออ อู เมอ พอเปล่งออกมามันจะดูเหมือนโอมเมื่อเสียงรวมกัน โดยกลุ่มแรกจะเปล่งคำว่า เออ นานกว่าเพื่อน กลุ่มที่ 2 จะเปล่ง เท่าๆกัน กลุ่มที่ 3 จะเปล่ง เมอให้นานกว่าปกติ เป็นระยะเวลา 10 วัน แล้วเราจะมาดูกันอีกทีว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นการสอบแต่อย่างใด แต่เป็นการทำรีเสริจ์เพื่อนำไปใช้กับคนไข้ที่โรงพยาบาล จึงไม่ต้องกังวลอย่างที่หลายคนคิด

นอกจากนี้เช้านี้ฉันได้ถ่ายวีดีโอรอยอิส ซึ่งสอนเกี่ยวกับพลังจิตด้วย เธอจึงทำการแนะนำตัวด้วยการฝึกพลังจิต น่าสนใจทีเดียว

ระหว่างเดินมาทานอาหาร มีคนตะโกนอยู่ที่ทางเดิน ฟังอยู่สักพักถึงเข้าใจว่าเขาเห็นงู (ภาษาอังกฤษช่างแตกฉานเหลือเกิน กว่าจะนึกคำว่างูออก นี่ถ้าเป็นฉันคงจะโดนฉกไปแล้วแน่ เพราะมัวแต่นึกว่าจะพูดภาษาอังกฤษรึภาษาไทยดี ) ซังดีฟรีบวิ่งไปหร้อมอุปกรณ์ในมือ สักพักอาการฝรั่งมุงก็มา แต่งูมุดเข้าไปในกองหิน ฉันคิดว่าคงมีรูอยู่ข้างใต้ เขาจึงหาไม่เจอ ทั้งงัดทั้งขุดแล้วก็ยังไม่เจอ สักพักพวกเราก็แยกย้ายกันไปทานอาหารต่อ จบ!! หมดโชว์ตอนเช้า

เลคเชอร์ตอนเช้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนำโยคะเพื่อแก้ปัญหาการปวดหลัง แต่ทางที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาคือการนวดให้ดีขึ้นหรือหายปวดเสียก่อน แล้วจึงเริ่มการฝึกโยคะเพื่อปรับการดำเนินชีวิตให้ดีขึ้น กูรูจียังบอกอีกว่า ถึงแม้เราจะเป็นผู้บำบัด แต่ก็ไม่ใช่เราจะรับคนไข้ได้ทั้งหมด คนที่ร้ายแรงควรจะให้แพทย์ทำการวินิจฉัยซะก่อน

เลคเชอร์กานดาวันนี้มีเรื่องน่าสนใจอยู่ในการทำการลดน้ำหนักด้วยโยคะ เพราะทุกเช้าเราจะฝึกสุริยนมัสการตามปกติ แล้วสองสามรอบสุดท้ายเราก็ทำแบบเร็วมากๆ ซึ่งเขาบอกว่า ทำเพื่อให้ระดับกลูโคสเพิ่มขึ้น แล้วหลังจากสุริยนมัสการครบ 12 รอบ เราก็ฝึกท่ายืนด้วยไหล่ทันที เริ่มจาก 30 วินาที จนกระทั่งเพิ่มขึ้น1นาทีทุกวัน จนครบ 10 นาที กานดาบอกว่า เมื่อทำอย่างนี้ทุกวัน ร่างกายจะสังเกตุได้ว่ากำลังซับพอร์ตร่างกายที่หนักเกินไป จะทำการสั่งมาจากสมองว่า ให้เพิ่มการเผาผลาญ เพื่อลดภาระของร่างกาย และพวกเรากำลังกำลังทำเช่นนั้นกันอยู่ ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นแหละ แฮะๆๆๆ

หลังอาหารกลางวัน มิสซิสมานดลิกก็มาสอนเราเรื่องอาหารในอารามว่าเตรียมอย่างไรบ้าง แต่ดูเหมือนทุกคนจะมีว่าสนใจกันทั้งนั้น จึงทำให้ครัวไม่สามารถรับคนที่ต้องการฝึกได้ จึงทำได้แต่อธิบายว่าอะไรเป็นอะไร และให้ไปดูวีธีการเตรียมต่างๆได้ที่ครัว แต่ที่น่าสนใจคือเขาให้ความสำคัญกับอาหารมากจริงๆ ทุกอย่างเป็นเหมือนยา และมะพร้าวก็เป็นอาหารที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะผลิตภัณฑ์ก็สามารถนำมาใช้ได้ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย





วันนี้คลาสอายุรเวทเป็นดอกเตอร์อีกคน ซึ่งมีสถานบำบัดของตัวเองที่บำบัดด้วยอายุรเวท เขากล่าวถึงว่าตอนนี้ผู้คนสนใจศาสตร์ทางด้านนี้มาก และที่เราสมควรเข้าใจมากที่สุดคือโดชะ มีวีดีโอพรีเซนต์ให้ดูด้วย น่าสนใจมาก อยากเรียนจัง แต่เขาบอกว่าการเรียนรู้เรื่องพวกนี้ อาจจะกินเวลาถึง 5ปี แหง่ะ

ตอนแรกบอกหลุยส์ซ่าว่าจะเรียนนวดอายุรเวทด้วย แต่นึกขึ้นมาได้ว่า เรียนมาหมดทุกคอร์สแล้วนี่หว่า เอาเวลาไปพักผ่อน หาหนังสือที่ปูเน่อ่านดีกว่า

เนื่องจากเลคเชอร์กินเวลาไปมาก ทำให้อาสนะตอนเย็นไม่มีอะไรมาก แต่ฉันคิดว่าการฝึกปราณยามดีมากๆ เหมือนที่แฟนันดาก็คิดเช่นนั้น เพราะวันนี้เธอรู้สึกอ่อนเพลียมาก แต่พอทำปราณยามก็รู้สึกดีขึ้นมากจริงๆ ซึ่งวาลาเรียเสริมว่าควรจะทำวันละ 15 นาทีเป็นอย่างน้อย ไม่ใช่ 5 นาที

ฉันอัดวีดีโอของโซเฟีย ดอนน่าและเมลานี เสร็จแล้ววันนี้ ซึ่งเขาก็ให้ความร่วมมืออย่างดี เพราะอยากเห็นวีดีโอของทุกคน และไม่อยากให้ฉันมีงานหนักมาก แหมน่ารักมากๆๆๆๆๆ

ฉันว่าจะยืมเลคเชอร์ของเทรเซ่าก็ดันไม่ว่างอีก แถมวันนี้ที่ฉันไม่อยู่ที่ห้องสมุดก็ดันเป็นวันที่หนังสือหายไปจากตู้ เซ็ง.....

ค่ำนี้ฉันวิ่งอย่างด่วนจี๋ไปที่ร้านอนันจี ตอนแรกว่าจะซื้อลูกอมมะม่วงกวน แต่นึกไปนึกมามันอิ่มมากๆเลย นี่ขนาดลดลงแล้วนะ ไม่ตักเยอะมาก ยังอิ่มเลย สงสัยต้องกินน้อยกว่านี้อีกแฮะ ไม่งั้นอึดอัดตาย ลงท้ายเลยได้หนังสือมาอีกสามเล่ม ( เวง ใครแบกวะเนี่ย!!!!)

ก่อนเข้าคลาสดึกฉันโทรหาน้องเฌอ ตอนแรกนึกว่านอนไปแล้ว ปรากฎว่ายังตื่นอยู่อีก ฉันเลยดุไปนิดหน่อยว่าพอแม่ไม่อยู่ก็นอนดึกเชียว น้องเฌอก็ว่า ทำอะไรให้ตุ๊กตาอยู่ไม่รู้ (นี่ขนาดพูดภาษาไทยนะเนี่ย )

เราเรียนภาษาสันสกฤษกับมิสเตอร์ชามา ก่อนจบคลาสมิสเตอร์ชามาก็พูดเรื่องทัศนคติ เขาอยากให้ทุกคนเปิดหัวใจให้กับทุกสิ่งและคนรอบข้าง ให้เรายิ้มให้กันและกันให้มากๆขึ้น และมีความสุข แต่โจเกนดราบอกว่าเขามีความสุขอยู่แล้ว มิสเตอร์ชามาจึงบอกว่าก็ดีแล้ว งั้นก็มีความสุขมากขึ้นๆๆๆละกัน

วันนี้เราได้กลับมาที่ห้องแต่หัวค่ำ วาลาเรียคงรู้สึกไม่ดีมากๆ แฟนันดาและฉันจึงเข้าไปกอดเธอ เธอก็ร้องไห้ออกมา ซึ่งก็ดี บางทีที่ฉันรู้สึกไม่ดี ฉันก็จะกอดน้องเฌอ ให้น้องเฌอปลอบ ซึ่งบางครั้งน้องเฌอก็จะรู้และถามว่าเป็นอะไร และคอยปลอบฉัน บางครั้งฉันก็เป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่หรอก แต่เพียงแค่มีน้องเฌอก็ทำให้โลกเป็นสีรุ้งได้แล้ว

พวกเราพูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อย จนมาถึงเรื่องมิสเตอร์ชามา เพราะว่าวันนี้เขาถอดเสื้อเพื่อโชว์ปราณยามแบบหนึ่งให้เราดู เป็นการควบคุมหน้าท้องให้ผลักเข้าออก แต่ที่แฟนันดาประหลาดใจคือเธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะถอดเสื้อ แถมยังมีสายสิญจน์สะพายแล่งอีกด้วย ซึ่งเธอไม่เข้าใจว่านั่นมีไว้เพื่ออะไร ฉันก็เลยอธิบายไปเรื่องของสายสิญจน์ซึ่งจะไม่นำของศักดิ์สิทธิ์ไว้ต่ำกว่าเอว พวกเธอจึงเข้าใจ ขนาดเคที่เองที่เป็นคนเอเชีย ยังหัวเราะเพราะไม่เข้าใจเหมือนกัน แล้วฉันก็ทำให้ทุกคนหัวเราะกันแบบน้ำตาเล็ดน้ำตาไหลเพราะดันไปเปรียบเทียบมิสเตอร์ชามากับเคียนู รีฟ ในเมทริก เพราะว่าไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้า ซึ่งจริงๆอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะกูรูจีก็ใส่แต่เสื้อสีส้มเหมือนกันนิ มิสเตอร์ชามาแกก็อาจจะชอบแบบนั้นก็ได้ แบบว่ามีสิบตัวในตู้ไง ซึ่งบางครั้งฉันก็เป็น เวลาที่เสื้อผ้าซื้อมาแล้วมันใส่สบาย ฉันก็จะรี่ไปซื้อแบบเดิมอีก ตัวอย่างเช่นกางเกงที่เอามาอินเดียหนนี้ก็เป็นแบบเดียวกันฉันมีอยู่ 7 ตัว แต่คนละสี (จริงๆซื้อสีเทาไว้สองตัวด้วย และกางเกงอาอิดาสฉันก็มีสองตัวเหมือนกัน ) ช่วยไม่ได้ ...ก็ของมันชอบนี่หว่า

Hari Om



Create Date : 27 มีนาคม 2551
Last Update : 27 มีนาคม 2551 17:31:27 น. 2 comments
Counter : 714 Pageviews.

 
ว๊าวววว
ขอแอดบล๊อคนะคะ
ชอบโยคะมากค่ะ
ตอนนี้กำลังฝึกเหมือนกันค่ะ
แต่ตอนนี้เอาดีกับแอโรบิคไปก่อน


โดย: มดน้อยในไร่ส้ม จิ๊บๆ วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:19:45:07 น.  

 

Myspace Comments
Myspace Comments


มีความสุขมากๆนะคะ...

มาเยี่ยมอ่ะจ่ะ



โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 30 มีนาคม 2551 เวลา:20:47:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมวยเกี๊ยะA2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง

ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ

วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย)
ที่ Yoga Vidya Gurukul
ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย
เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549

ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว

ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D

ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร
ก็ติดต่อมาได้นะคะ
Tel.+66 (0)85 1420201
[Add หมวยเกี๊ยะA2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.