ก า ร เ ดิ น ท า ง ของ จิ ต วิ ญ ญ า ณ ครั้งที่ 5 บันทึกที่ 5-ฅนควรรู้จักธรรมของตนเอง
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้อินเตอร์เน็ตใช้ไม่ค่อยได้ บวกกับเรียนเยอะเลยหงอยๆไปหน่อย กลับไปที่บันทึกที่ 1 สักนิดนึงค่ะ ถ้าใครยังไม่ได้อ่านก็ลองไปอ่านดูก่อนได้นะคะ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=yogapoint&month=27-01-2014&group=18&gblog=1 ครูโรชันพูดถึงความสมบูรณ์แบบในชีวิตค่ะ ทีนี้อาจจะต้องคิดตามยาวววววววว หลายตลบ(อีกแล้ว ) การที่เราจะไปสูความสมบูรณ์แบบในชีวิต(Perfection In Action)ได้-->ก็เพราะดำเนินชีวิตด้วยความสุขและมีเป้าหมายที่ไม่ต้องฝืนทำ(Effortless Focus)ซึ่งจะมีได้จาก-->ความเข้าใจความหมายของชีวิต(Understanding) หรือรู้จักธรรมของตนเอง การที่ทุกสิ่งทุกอย่างรู้และเข้าใจธรรมของตนเองได้ทำให้มันทำหน้าที่ของตนเองอย่างปกติ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ เซลล์ในร่างกาย ถ้าเซลล์ในร่างกายรู้หน้าที่ของตนก็จะทำให้เนื้อเยื่อทำงานไปตามปกติ -->ทำให้อวัยวะวะทำงานตามปกติ -->ระบบในร่างกายทำงานตามปกติ -->ทั้งร่างกายของเราทำงานตามปกติ -->ทำให้เราทำหน้าที่ของตัวเองต่อครอบครัวได้ตามปกติ -->ทำให้สังคมเป็นไปตามปกติ -->และทำให้โลกของเราดำเนินไปตามปกติสุข แต่ถ้าทุกอย่างไม่สามารถทำงานได้ตามหน้าที่ของตนเพราะไม่มีธรรมะ ก็จะเกิดปัญหาซึ่งจะใหญ่ขึ้นมาตามขนาดของระบบ เช่นถ้าโลกไม่ดำเนินไปตามปกติก็จะเกิด Global Warming ถ้าครอบครัวไม่ปกติสุขครูโรชันใช้คำว่า Family Warming ซึ่งถ้าเราไม่มีความเข้าใจในชีวิต(Understanding) หรือรู้จักธรรมของตนเอง ก็จะทำให้เกิดผล 9 ข้อ ตามที่ปตัญชลีกล่าวไว้คือ -Disease -Procrastination -Doubt -Carelessness -Laziness -Craving -False Perception ตรงนี้สำคัญสุด ข้อด้านบนเป็นสาเหตุให้เกิดข้อนี้ ทำให้เกิดผลตามมาอีกสองข้อ ซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติสุขโดยไม่ฝืน(Effortless Focus)ไม่ได้ สองข้อที่เหลือคือ -Inability to Progress -Inability to retain ซึ่งถ้าเราไม่สามารถมีชีวิตอย่างปกติสุขโดยไม่ฝืนไม่ได้ ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าความสมบูรณ์แบบ(Perfection in Action) ซึ่งก็สามารถสังเกตุได้ว่าชีวิตของเราสมบูรณ์แบบหรือยังโดยการสังเกตุว่าเรามีสิ่งที่ในชีวิตหรือปล่าวถ้ามีก็แปลว่ายังไม่ใช่ค่ะ สิ่งเหล่านี้คือ -Desires -Anger -Arrogance -Greed -Attachment -Jealousy ถ้าเรายังมีสิ่งเหล่านี้ก็ต้องมองย้อนกลับไปว่าเกิดจากอะไร(ในเก้าข้อ) ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากการไม่เข้าใจหรือไม่มีธรรมะในตนเองนั่นเอง นอกจากนี้ครูโรชันยังบอกว่า การที่คนเราไม่เข้าใจธรรมะเพราะเราพยายามเข้าใจธรรมะผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้าซึ่งประสาทสัมผัสทั้งห้ามีข้อจำกัดในการเรียนรู้ การจะเข้าใจธรรมะได้ลึกซึ้งแท้จริงต้องใช้สัมผัสที่หกหรือ(6th sense) หรือตาที่สามหรือ Guruในตัวเรานั่นเอง การที่จะทำให้กูรูหรือตัวรู้เกิดขึ้นได้ ก็ทำได้โดยการ....นั่งสมาธิ การมีเพียงประสาทสัมผัสทั้งห้าเราก็เพียงแค่-->Just alive แต่ถ้าเรามีตัวรู้ เราจะ--> Living life หริโอมตัสสัส
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2557 7:53:50 น.
Counter : 842 Pageviews.
ก า ร เ ดิ น ท า ง ของ จิ ต วิ ญ ญ า ณ ครั้งที่ 5 บันทึกที่ 1-ฉันไม่เคยลืมเธอ
อินเดีย ห่างหายกันไปหลายปี คิดถึงฉันมั๊ย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ของการเดินทางเยือนประเทศอินเดีย ฉันตัดสินใจเอาเรื่องราวของการเดินทางเกี่ยวกับโยคะมีรวมไว้กลุ่มเดียวกันน่าจะดีกว่า ฉันกลับมาเป็นนักเรียนอีกครั้ง ดังคำว่า "ครูที่หยุดการเรียนรู้ก็เท่ากับหยุดความเป็นครู" หนนี้ฉันเลือกที่จะมาเรียนที่ฤาษีเกศ(Rishikesh) "Rishikesh Yoga Peeth" ด้วยเหตุผลว่าที่นี่สอนโดยยึดหลักจากโยคะดั้งเดิมและคัมภีร์ต่างๆของโยคะ ตรงนั้นแหละที่ฉันต้องการ ต้องการศึกษาเรื่องของคัมภีร์ต่างๆมากขึ้น ดูว่ามุมมมองของคนอื่นๆเป็นอย่างไร จากนั้นจะได้ศึกษาด้วยตัวเองได่ง่ายขึ้น จริงๆก็มีตำราที่แปลมาจากตำราอินเดีย แต่อ่านแล้วบางทีก็งง ต้องมีอาจารย์คอยชี้แนะบ้าง ที่ฤาษีเกศนับว่าเป็นเมืองแห่งโยคะ เพราะไปที่ไหนก็มีแต่สถานที่สอนโยคะ ตอนนั่งรถบัสมาก็มีชายสองคนมาเรียนโยคะเหมือนฉัน ตอนแรกฉันคิดว่าคงไม่ได้มีอะไรมากมาย มีแต่ที่สอนโยคะและตลาด ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเท่าหร่ แต่แท้จริงแล้วที่นี่ยังมีอีกหลายอย่างให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเขาหรือเทรกกิ้งแบบที่ฉันเดินที่เนปาล ,การล่องแก่ง ล่าสุดมีบันจี้จั๊มพ์ที่สร้างโดยชาวนิวซีแลนด์อีกด้วย ฉันเลือกมาในช่วงฤดูหนาวเพราะไม่มีช่วงเวลาอื่นที่เหมาะสม เวลาอื่นๆก็เต็มไปด้วยคอร์สที่ต้องสอนยาวเป็นหางว่าว ในช่วงสัปดาห์แรกฉันค่อนข้างอ่อนล้ามากทีเดียวเพราะเพิ่งผจญภัยในเนปาลมา แต่พอหลายวันก็เริ่มปรับตัวได้ ไม่ใช่ว่าฉันจะหนาวสั่นคนเดียว แต่เพื่อนๆที่แม้เป็นชาวต่างชาติก็รู้สึกเช่นกัน ดีกว่าได้ฮีทเตอร์ที่ซื้อมาในราคา 360 รูปีช่วยไว้ พอใช้ได้ดีทีเดียว ฉันพลาดคลาสโยคะในช่วงเช้าไปแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันใส่ใจมาก ที่สนใจมากคือเรื่องของคลาสบรรยาย อยากรู้ว่าฉันจะหลับมั๊ย เอ้ยยยยยย จะได้ความรู้มากมายขนาดไหน และก็ไม่ผิดหวังเลย ครูบรรยายได้สนุกสนานและให้ความรู้เต็มที่จริงๆ ในสัปดาห์แรกของการเรียนเป็นการทบทวนความรู้ซะเป็นส่วนใหญ่ ว่าโยคะคืออะไร แต่สิ่งที่ครูสอนน่าสนใจมากคือสอนให้รู้จักการวิเคราะห์ไม่ใช่เชื่อในสิ่งที่พูดออกมาทันที เขาบอกให้ปฏิบัติสามข้อนี้เมื่อได้รับฟังอะไรก็ตามที่เขาพูด "1. กรุณาอย่ายอมรับทุกสิ่งที่ฉันพูด 2. กรุณาอย่าปฏิเสธสิ่งที่ได้รับฟัง 3. หยุดและพิจารณาด้วยความพยายาม" ครูโรชันให้เราพิจารณาว่าอะไรคือความสมบูรณ์แบบในชีวิต ที่เรากำลังศึกษาและฝึกโยคะก็เพื่อสิ่งนี้หรือปล่าวแล้วมันคืออะไร ครูกล่าวว่าสำหรับครู ความสมบูรณ์แบบในชีวิตคือ -สุขภาพที่ดี, -ความสุข, -ความสงบ, -ความเชื่อ, -ความรัก, -และความมั่นใจในตนเอง(ความรู้สึกปลอดภัย) ที่เราไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งเหล่านี้ได้เพราะเราถูกดึงดูดด้วยสิ่งต่างๆมากมาย เราต้องรู้จักการรวบรวมความสนใจของเรา(Focus) และฝึกให้สามารถปฏิบัติได้อย่างง่ายและรวดเร็วโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก(Effortless focus) ซึ่งการที่เราพยายามที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาก นั่นเพราะเราไม่มีความเข้าใจในสิ่งนั้นอย่างแท้จริง(understanding) จึงทำให้เราต้องพยายามมากเพื่อให้มันสำเร็จ แต่การที่เราจะเข้าใจได้ก็ต้องเริ่มจากการเรียนรู้ด้วยความพยายาม(effort) ...หากเราเข้าใจก็จะทำให้เกิด "ความสมบูรณแบบในการกระทำ" นำมาซึ่ง "ความสมบูรณ์แบบในชีวิต" เรียกได้ว่าคือ Karma Yoga. ...ซึ่งต้องอาศัย Effortless focus ซึ่งมันคือ Bhakti Yoga ...และความเข้าใจอย่างแท้จริง understanding คือ Jnana Yoga ซึ่งทั้งสามนั้นคือรากฐานของโยคะนั่นเอง สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือการทำความเข้าใจ...เราต้องทำความเข้าใจอะไรหรือ ที่เราต้องทำความเข้าใจคือ -What is life? -Why am I living? -How to live? ซึ่งต้องอาศัยการ Effort Focus หากเราเข้าใจความหมายของสามข้อนี้เราก็จะรู้ทิศทางของการมีชีวิตอยู่ของเราและไม่ต้องใช้ความพยายามมากในการมีชีวิต ทำให้เราค้นพบความสุข(ความสมบูรณ์แบบในการกระทำ) ตบท้ายด้วย ครูโรชันบอกว่า...สำหรับครู พระเจ้าอยู่ใกล้นิดเดียว นั่นคือ ความเข้าใจความหมายในบางสิ่งของชีวิตที่ใช้ความพยายามน้อยที่สุดที่จะกระทำเพื่อให้พบกับความสมบูรณ์แบบในการกระทำนั้น ฉันอาจจะยังอธิบายด้วยตัวอักษรไม่ได้ลึกซึ้งนัก คงต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้นเพื่อใช้ในการอธิบายในหลักสูตรโยคะขั้นสูงที่จะนำมาสอนต่อไปในปีหน้าค่ะ เขียนไปชักมึน นี่แค่เลคเชอร์เดียวเองนะเนี่ย และยังเขียนไม่หมดที่เรียนในหนึ่งวันเลย T^T ท่าทางชีวิตจะยาวนานอีกแล้ว หริโอมตัสสัส
Create Date : 27 มกราคม 2557
Last Update : 27 มกราคม 2557 16:11:08 น.
Counter : 1304 Pageviews.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [? ]
สาวน้อย(อิอิ)ธรรมดา ที่มีพี่ๅน้องแสนฉลาด พี่สาวคนโตจบดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหาร พี่ชายคนโตจบศิลปะแต่ได้ผันตัวเองมาทำงานภาพยนตร์จนเป็นผู้กำกับ พี่ชายคนเล็กก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารที่คนเขาแย่งตัวกัน ส่วนน้องสาวคนเล็กก็เป็นหมอฟันประจำตัวให้เราน่ะเอง ส่วนตัวเองเรียนจบมาทางด้านภาพยนตร์ ที่ล้วนแล้วแต่มายา แต่ดันผ่าอยากศึกษาด้านธรรมะและโยคะ เพราะความล้มเหลวด้านชีวิตครอบครัวเป็นเหตุ วันดีคืนดีจึงนั่งเครื่องบิน บินไปอินเดียที่เป็นแหล่งกำเนิดโยคะและศึกษาอย่างจริงจัง (เที่ยวอย่างจริงจังด้วย) ที่ Yoga Vidya Gurukul ณ เมืองนาสิก ประเทศอินเดีย เมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.2549 ตอนนี้ก็รับสอนโยคะอย่างจริงจังมาก็เริ่มปีที่ห้าแล้ว ในปี 2553 ได้จบหลักสูตรต่างๆทุกหลักสูตรที่มีอยู่ในสถาบันแล้ว รวมทั้งศึกษาศาสตร์อื่นๆมามากมายก่ายกอง ไม่ว่าจะเป็น โยคะบำบัด อายุรเวท เรกิ ธรรมชาติบำบัด :-D ตอนนี้เริ่มสอนอีกครั้งแล้วค่ะ ถ้าสนใจเรียนเป็นกลุ่มหรือเรียนตัวต่อตัวหรือเป็นวิทยากร ก็ติดต่อมาได้นะคะ Tel.+66 (0)85 1420201