ความจริงที่ "ลบไม่เลือน"

















































หลวงปู่ฝากไว้ ความจริงที่ "ลบไม่เลือน"

-------------------------------------------------------------------------------


หลวงปู่พระอุดมญาน
โมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป)
เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง
จ.อุดรธานี


เป็นธรรมโอวาท "หลวงปู่ขอบอกลูกหลานว่า
นรกโลกนี้
ยังไม่เผ็ดร้อน
เท่ากับนรกในภพหลัง
สวรรค์
ในภพนี้ ไม่สุขสงบร่มเย็น
ไม่อุดมสมบูรณ์ไพบูลย์
เท่ากับสวรรค์ในภพ
ภูมิอื่น
นี่คือความจริง"
คติธรรมพระอุดมญานโมลี

๑. "คนดีพวกน้อย แพ้คนชั่วพวกมาก"
๒."ทำดีไม่ได้ดี
เพราะยังทำไม่ถึงดี หรือทำเกินพอดี"
๓."ที่คนทำดีแล้วมักบ่นว่าไม่ได้ดี
เพราะดีนั้น มีโทษ"
๔."บุญจะให้คุณ ต่อเมื่อผู้ให้ลืมไปแล้ว"
๕."การ
พูดมาก แก้ปัญหาใดๆไม่ได้เลย แม้กับปัญหาที่พอจะแก้ไขได้"
๖."พายุร้าย
ทำอันตรายได้น้อยกว่าวาจาส่อเสียด ยุแหย่ ใส่ร้าย นินทากัน"
๗."การคุย
สนุกหากเกินหนึ่งชั่วโมง คือการทำลายเวลาอันมีค่าของตนเองและผู้อื่น"
๘."อย่า
พูดอะไรเพียงเพราะเห็นว่าสนุกปาก เรื่องร้ายสงบได้ เมื่อหยุดพูดถึง
๙."ความ
รักดูเหมือนหอมหวาน ความชั่วดูเหมือนเผ็ดร้อน ทั้งสองนี้เป็นอารมณ์สุดโต่ง
มีอำนาจเหนือเราเมื่อใด จะทำลายเราอย่างเจ็บปวดที่สุด"




ขอบคุณบทความจาก ธรรมจักร








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 21 เมษายน 2553 11:05:16 น.
Counter : 310 Pageviews.  

การลดกรรม 45 อย่าง

























การลดกรรม 45 อย่าง



1.
กรรมที่ไม่มีลูก

กรรมจาก การทำร้ายลูกของสัตว์อื่น
พรากสัตว์อื่นจากพ่อแม่หรือเคยข่มเหงลูกคนอื่น
ลดกรรม
ด้วยการงดกินเนื้อสัตว์ทุกๆ 7 วัน ในทุกๆเดือนทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ
ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญบริจาคทานที่มูลนิธิสัตว์หรือ
มูลนิธิเด็กอ่อน


2. เจ็บป่วยบ่อย หรือเป็นโรคร้าย
กรรมจาก
เคยทำทารุณกรรมต่อสัตว์
ลดกรรม ด้วยการทำบุญทำทานกับสัตว์อนาถา
ให้อาหารให้ความเมตตา ซื้อยาหรือบริจาคเงินที่โรงพยาบาลสงฆ์ ทำบุญปล่อยเต่า

งดกินเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต


3.
ตาบอดหรือเป็นโรคตา

กรรมจาก เคยทำร้ายสัตว์ที่ดวงตา
หรือไม่เคยทำบุญเติมน้ำมันตะเกียงในชาติก่อน หรือเคยทำลายไฟฟ้าของวัด
ของที่สารธารณะ
ลดกรรม ซื้อโคมไฟ หลอดไฟถวายวัด ถวายเทียนห่อใหญ่
ถวายไฟฉาย เติมน้ำมันตะเกียงทุกวันพร! ะ บริจาคเงินในกล่อง
ซื้อน้ำมัน
เติมตะเกียงที่วัด


4. ถูกรถเฉี่ยวชน
ถูกลูกหลง ถูกสัตว์กัดต่อย

กรรมจาก จากเคยเป็นคนพาลเกะกะเกเร
หาเรื่องเดือดร้อนให้ผู้อื่น มักรังแกและสาปแช่งผู้อื่นอยู่เสมอ
ลดกรรม
หมั่นพูดดี มีวาจาไพเราะ


5.
สูญเสียคนใกล้ชิด

กรรมจาก เคยยิงนกตกปลา
ลดกรรม
ทำบุญไถ่ชีวิตโค กระบือ งดกินเนื้อสัตว์อย่างน้อยสัก 1 อย่างชั่วชีวิต
หรือกินเจทุกๆ 3 เดือน ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา


6.ถูกนินทา ถูกให้ร้าย
กรรมจาก
เคยพูดจาให้เป็นเหตุให้คนอื่นเป็นทุกข์หรือเดือดร้อน
ลดกรรม
พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี พูดดี พูดให้คนอื่นเกิดประโยชน์
พูดให้ผู้อื่นมีความสุข


7.
มักเดือดร้อนเพราะไฟ ไฟไหม้บ้าน ไฟดูด

กรรมจาก เคยลบหลู่พระสงฆ์
และศาสนา
ลดกรรม ตักบาตรทุกวันพระ ทำบุญถวายสังฆทานทุกเดือน
ฟังเทศน์ฟังธรรมทุกวันพระ หรือทุกๆเดือนในวันพระ ร่วมพิมพ์หนังสือ
ธรรมะ
แจกจ่ายฟรี


8. ขาดบารมี ไร้ญาติขาดมิตร
กรรมจาก ไม่เคยไปร่วมงานบุญงานศพ
ลดกรรม ร่วมทำบุญงานศพ
บริจาคเงิน หรือร่วมด้วยแรงกายช่วยงานอื่นๆในงานศพ เช่นทำอาหาร จัดดอกไม้


9. ตั้งหลักปักฐานไม่ได้ โยกย้ายบ่อย
กรรมจาก
ไม่เคยร่วมทำบุญสร้างโบสถ์สร้างวิหาร แก่วัดวาอารามต่างๆ
ลดกรรม
ร่วมทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างหลังคาวิหาร ร่วมทำบุญฝังลูกนิมิต
หมั่นไปไหว้ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ณ เมืองที่ตนอยู่อาศัย


10. มักถูกรังแก ถูกเบียดเบียน
กรรมจาก
ไม่เคยบวช หรือทำบุญงานบวช
ลดกรรม บวช
ด้วยจิตศรัทธาปวารถาอย่างบริสุทธิ์ไม่มีเจตนาอื่นแ! อบแฝงจะบวช 7 วัน หรือ
15 วัน 1 เดือน 1 พรรษา แล้วแต่
จิตศรัทธา ถ้าเป็นสตรีจะบวชชีพราหมณ์
หรือถือศีล 8 ตามเวลาที่สะดวกและตั้งจิตศรัทธา หรือร่วมทำบุญงานบวชอย่าง
สม่ำ
เสมอเท่าที่จะทำได้


11.ไม่มีคนชื่นชม
เอ็นดู ชาดเสน่ห์

กรรมจาก ไม่เคยถวายของหอม
ลดกรรม
หมั่นทำบุญไหว้พระทุกวันพระ ถวายธูปหอม เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย ทองคำเปลว
ประน้ำอบน้ำปรุง ประพฤติดี
ปฏิบัติชอบต่อผู้อื่น คิดดี ทำดี พูดดี
ให้ผู้อื่นได้ดี มิให้ร้ายผู้ใด


12.
เป็นที่รังเกียจ มีกลิ่นปาก กลิ่นตัว

กรรมจาก ทำติเตียนดูแคลน
ผู้ที่ชอบทำบุญทำทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญทำทานอย่างสม่ำเสมอ
ฟังเทศน์มหาชาติทุกๆปี
ชักชวนผู้อื่นให้ร่วมทำบุญหรือบริจาคทานเป็นการบอกบุญผู้อื่น
พิมพ์
หนังสือธรรมะจ่ายแจกฟรี


13.
ไปไหนมาไหนลำบาก มีแต่อุปสรรค

กรรมจาก เคยทำลายหนทางสัญจรของวัด
หรือของชาวบ้าน หรือทำให้ทางสัญจรสาธารณะได้รับความไม่สะดวก
ลดกรรม
บริจาคทรัพย์หรือแรงกายช่วงสร้างสะพาน สร้างทางอันเป็นประโยชน์แก่วัด
หรือชุมชนเล็กๆ ช่วยผู้คนยากไร้ให้
ได้มียวดยานพาหนะหรือทางสัญจรที่
สะดวก


14. เป็นคนรับใช้เขาร่ำไป
กรรม
จาก เคยเนรคุณผู้ที่เคยมีพระคุณแก่ตน
ลดกรรม
ตอบแทนผู้มีคุณด้วยความกตัญญู ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูป พระประธาน
ทำทานทั้งกับคนและสัตว์


15. ขัดสน
อดมื้อกินมื้อ

กรรมจาก เคยละเว้นการใส่บาตร ละเว้นการให้ทาน
เมื่อมีคนยากไร้มาขอทานอาหารและน้ำ
ลดกรรม แบ่งปันอาหาร น้ำ เสื้อผ้า
แก่คนยากไร้อนา! ถา แม้ไม่มีเงินก็แบ่งปันสิ่งของตามที่มี
ตักบาตรทุกเช้าหรือทุกวันพระ


16.
อาภัพคู่ ร้างคู่

กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขา
ลดกรรม
บวชพระ หรือบวชชีพราหมณ์ ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพงานแต่งงานคู่บ่าวสาวที่ยากจน
ถวายของเป็นคู่ เช่น แจกันคู่
เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ เป็นต้น


17. ได้คู่ที่เลวร้าย ทำร้ายตนหรือทำให้เป็นทุกข์
กรรม
จาก เคยข่มขืนเขาในชาติก่อน เคยทุบตีทำร้ายคู่
ลดกรรม บวชพระ
หรือบวชชีพราหมณ์ ทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา


18.
อยู่โดดเดี่ยวยามบั้นปลาย

กรรมจาก เคยจับสัตว์ขัง
ลดกรรม
ทำบุญปล่อยปลาลงน้ำ ปล่อยนกปล่อยกา ทำบุญทำทานแก่เด็กอนาถาและสัตว์อนาถา


19. รูปร่างหน้าไม่งดงาม
กรรมจาก
ไม่เคยถวายดอกไม้ของหอม
ลดกรรม ถวายพวงมาลัยดอกไม้สด ดอกไม้หอม
ทำบุญบริจาคดวงตา บริจาคร่างกายให้โรงพยาบาล


20. มักถูกโกง ถูกเบี้ยวเงิน
กรรมจาก
เคยคดโกงผู้อื่น!
ลดกรรม สละทรัพย์บริจาคร่วมการกุศลต่างๆ ทำบุญตักบาตร
ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลแก่เจ้ากรรมนายเวรทุกๆเดือน






























21.
พิการ ร่างกายไม่สมประกอบ
กรรมจาก เคยทุบตีพ่อแม่ ด่าพ่อแม่
หรือทำร้ายพ่อแม่
ลดกรรม หมั่นทำบุญไหว้พระ ปล่อยนกปล่อยปลา ถือศีล 5
ศีล 8 เจริญภาวนา นั่งวิปัสสนากรรมฐาน


22.
มีคดีความ

กรรมจาก
เคยพบคนทุกข์ร้อนแล้วไม่ช่วยหรือพยายามหาทางช่วยเหลือ
ลดกรรม
หมั่นทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา นั่งสมาธิ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 8 ทุกๆ 3
เดือนๆละ 7 วัน


23.
ไร้ที่อยู่เป็นหลักแหล่ง

กรรมจาก ไม่สงเคราะห์คนอนาถา
ที่มาขออาหาร ขอชายคาหลบฝน ไม่มีน้ำใจช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก
ลดกรรม
ร่วมทำบุญซื้อกระเบี้องหลังคาโบสถ์ หมั่นไปกราบไหว้บู! ชาศาลหลักเมือง
ทำบุญทำทานแก่สัตว์พิการหรือสัตว์จรจัด


24.
จิตใจขุ่นมัว ดุดัน ขี้โมโห

กรรมจาก มักตะหนี่ในการทำบุญ
ลด
กรรม สวดมนต ์ไหว้พระ ทุกวันพระ ฝึกวิปัสสนากรรมฐาน ถือศีล 5 หรือศีล 8
ทุกๆ 3 เดือน บริจาคทาน แบ่งปันเงินทองหรือ
สิ่งของแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก
หรือร่วมทำบุญบริจาคทานกับมูลนิธิสถานสงเคราะห์ และวัดวาอารามต่างๆ


25. ไม่มีชื่อเสียง
กรรมจาก
เคยติฉินนินทาทำให้ผู้อื่นเสียหาย
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างหอระฆัง
ร่วมทำบุญหล่อเทียนพรรษา ทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา


26. ไม่มีวาสนาบารมี
กรรมจาก
ไม่เคยนับถือชื่นชมผู้นับถือธรรมมะ
ลดกรรม ทำบุญสร้างพระพุทธรูป
ทำทานกับคน


27. มีลูกหลานไม่ดี เกเร
ไม่เชื่อฟัง

กรรมจาก ทำแท้ง เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน
และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
ลดกรรม บวชเณร
โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง



28. เจอแต่คนเอาเปรียบ
กรรม
จาก เคยเบียดเบียนเงินพ่อแม่ไว้ในอดีตชาติ เคยโกงคนไว้ในอดีตชาติ
ขโมยเงินครอบครัวมาใช้
ลดกรรม หมั่นยึดถือศีล 5 ให้มั่น ไม่ดื่มเหล้า
ทำให้ขาดสติ โดนโกงง่าย หมั่นสวดมนต์ อธิษฐานบารมีด้านขอพรให้พบเจอคนดี ๆ
เข้า
มาในชีวิต


29. เกิดในสกุลต้อยต่ำ
กรรมจาก โอหัง อวดดี จิตใจคับแคบ
ลดกรรม ร่วมทำบุญสร้างวัด
สร้างพระประธาน ทำบุญทำทานกับคนยากไร้ และสัตว์อนาถา
พิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี


30.
ไร้สง่าราศี ขาดวาสนา

กรรมจาก เคยเมาสุระอาละวาด ระรานผู้อื่น!
ลด
กรรม นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ทำทานกับคนอนาถา และสัตว์อนาถา
ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี


31.
ไม่เจริญก้าวหน้า จิตใจเป็นทุกข์

กรรมจาก เคยชักจูงคนทำชั่ว
ลด
กรรม ถือศีล 8 เป็นเวลา 7 วัน ทุกๆ 3 เดือน หมั่นทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน


32. จิตใจฟุ้งซ่าน เป็นทุกข์
กรรมจาก
เคยริษยาผู้อื่น
ลดกรรม ทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน ปล่อยปลาลงน้ำ
นั่งสมาธิ สวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร


33.
ชีวิตตกต่ำ ทำสิ่งใดไม่เจริญ

กรรมจาก เคยทำแท้ง
ลดกรรม
ปล่อยปลาลงน้ำทุกๆเดือน จนครบ 9 เดือน หรือ 1 ปีเต็ม ถวายสังฆทาน
ทำบุญใส่บาตรเสมอ


34. เป็นเมียน้อย
เมียเก็บ

กรรมจาก เคยผิดลูกผิดเมียเขามาก่อน
ขืนใจเขาโดยไม่ยินยอม
เคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาว่ากี่ภพก็ขอให้ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
ลดกรรม
ถวายธงคู่ ธูปคู่ เชิงเทียนคู่ หมอนคู่ อย่างใดก็ได้
อธิษฐานจิตขอให้ชีวิตคู่ที่ดีขึ้น บวชชีพราหมณ์ ปีละ 1 ครั้ง 3 วัน
อุทิศให้
เจ้ากรรมนายเวรที่เคยล่วงเกินให้ได้รับกุศลและเปิดทางให้ชีวิตคู่ดีขึ้น
ร่วมเป็นเจ้าภาพงานแต่ง เพื่อชีวิตตนจะดีขึ้นและ สมหวัง
สวดมนต์ขอพรทุกวันเกิดด้านความรักให้สมหวังต่อไป ทำบุญสังฆทานสด
ในวันเกิดตนเอง เดือนละครั้ง เพื่ออุทิศ
ให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติและวิญญาณที่ตามมาให้ได้รับกุศลและ
อโหสิกรรม


35.
เป็นทุกข์เพราะคนในครอบครัว

กรรมจาก เคยลำเอียง
ไร้คุณธรรมในด้านครอบครัวไว้ก่อน
เคยเอารัดเอาเปรียบคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดไว้ในชาติอดีตและ ชาติปัจจุบัน
เคยทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกในอดีตชาติ
ลดกรรม ต้องบวชชีพราหมณ์
เพราะเมื่อเกิดอีกภพชีวิตจะได้ดีมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะกุศลของการบวช
ปฏิบัติธรรมทำให้เจ้ากรรมนายเวร อโหสิกรรม
และตนเองได้พบสิ่งที่มีกุศลมากขึ้น ยึดพรหมวิหาร 4 มี เมตตา กรุณา
มุทิตาอุเบกขา จะทำให้ชีวิตมีความเมตตา
และไม่ลำเอียงเอารัดเอาเปรียบคนใกล้ชิด
ทำให้วิถีชีวิตมีคนนับถือและพ้นจากความทุกข์ในเรื่องญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยว
ได้ นำพระคู่บ้านคู่เมืองเข้าสักการะที่บ้าน
และสวดมนต์ขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข


36. เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
กรรมจาก ฆ่าสัตว์
ทรมานสัตว์ ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
ลดกรรม
ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติ
รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่ง
กันและกัน
ปล่อยสัตว์ลงน้ำในวันเกิดตนเอง
กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม ถวายยาเข้าวัด
หรือ
ช่วยเหลือคนป่วย


37. เป็นมะเร็ง
กรรม
จาก รู้เห็นเป็นใจกับการทำแท้ง การทารุณสัตว์
หรือการทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น
ลดกรรม
ทำบุญใหญ่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน
เพื่อส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม ทำบุญสร้างพระพุทธรูป
สร้างโบสถ์หรือสร้างศาลาวัด ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะแจกฟรี หมั่นนั่งสมาธิ
ฝึกกรรมฐาน


38. ค้าขายขาดทุน
ทำงานไม่ก้าวหน้า

กรรมจาก เคยลบหลู่เจ้าที่เจ้าทาง
ลดกรรม
หมั่นทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ถวายเครื่องเซ่นสังเวย เจ้าที่-เจ้าทาง
หมั่นสวดมนต์บทคาถาพระชินบัญชร


39.
ด้อยปัญญา

กรรมจาก ฝักใฝ่อบายมุขในชาติก่อน
หรือชักชวนคนไปทำชั่ว ดูแคลนหลักธรรมมะ
ลดกรรม
พิมพ์หนังสือธรรมะจ่ายแจก ทำบุญทำทานกับโรงเรียนของเด็กพิการหรือตาม!
ูลนิธิต่างๆ


40. ตกงาน
กรรม
จาก เคยกลั่นแกล้งผู้อื่นในเรื่องงาน หรือแย่งงานผู้อื่น
ลดกรรม
หมั่นทำบุญทำทาน ร่วมงานบุญต่างๆ ปล่อยนกปล่อยปลา


41. ไม่มีโชคลา
กรรม
จาก ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ
ลดกรรม หมั่นทำบุญสวดมนต์ไหว้พระ ถวายธูป
เทียน ดอกไม้สด พวงมาลัย และทองคำเปลว


42.
เรียนไม่จบ การเรียนมีอุปสรรค

กรรมจาก
ชาติก่อนปฏิเสธการฟังเทศน์ฟังธรรม
ลดกรรม หมั่นเข้าวัด ร่วมงานบุญต่างๆ
ฟังเทศน์ อ่านหนังสือธรรมะ


43.
มีอาชีพต้อยต่ำที่ผู้คนดูแคลน

กรรมจาก
ชาติก่อนเคยบวชด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ ไร้ความศรัทธา อาศัยผ้าเหลืองหากิน
ลด
กรรม ถือศีล 5 ศีล 8 นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน ถวายสังฆทานทุกเดือน หรือทุก 3
เดือน


44. ครอบครัวยากจน
กรรม
จาก ชาติก่อนไม่เคยบริจาคทาน
ลดกรรม หมั่นทำบุญด้วยการบริจาคทาน
ถ้ามีเงินไม่มากก็บริจาคเป็นสิ่งของ แรงกาย หรือน้ำใจ ต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก
เช่น ไปช่วยอ่านหนังสือให้มูลนิธิคนตาบอด


45. เป็นทุกข์เพราะความรัก
กรรมจาก
ชาติก่อนเจ้าชู้ หลอกผู้อื่นให้อกหัก
ลดกรรม
ประพฤติดีปฏิบัติดีทั้งความคิด กาย วาจา ใจ ร่วมทำบุญงานแต่งงาน
ทำสิ่งดีๆให้คนอื่นได้สมรักสม






ขอบคุณบทความจาก วิมุตติ








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 21 เมษายน 2553 11:03:07 น.
Counter : 409 Pageviews.  

รวมเด็ดเกร็ดคำครู : ทุกข์! (1)

















































หลวงปู่
เสาร์ กันฺตสีโล
วัดเลียบ จ.อุบลราชธานี

...ยากนักที่จะได้
เกิดเป็นมนุษย์ เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์ คือ ศีล5 และกุศลกรรมบท10
จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ชีวิตที่เป็นมานี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก
เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายในภายนอกมีมากต่างๆ การที่ได้ฟังธรรมของสัตตบุรุษ
คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะกาลที่เปล่าว่างอยู่
ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก
บางคาบบางสมัยจึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง
เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด
อย่าให้เสียที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานี้เลย


หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
วัด
ป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร

ทุกข์ ต้องกำหนดรู้
สมุทัย ต้องละนิโรธ
ต้องทำให้แจ้งมรรค ต้องเจริญให้มาก



พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม
วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา
พระพุทธศาสนาเป็นของดี วิเศษยิ่งนักในโลกนี้
ไม่มีเครื่องเปรียบ
เพราะเป็นหนทางแก้ทุกข์
นับว่าเป็นแก้วรัตนะมงคลของโลกทีเดียว



พระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดูลย์
อตุโล)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

จิตที่ส่งออกนอก
เพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้นเป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกแล้วหวั่นไหวเป็นทุกข์
จิต
เห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็น
นิโรธ





หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลอง
เพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นตาย
สิ่งใดไม่เที่ยง
สิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
ผู้ใดเห็น
อนัตตา ผู้นั้นเห็นพระนิพพานแล

ใครรัก ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด
ใครแช่ ช่างเขา
ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา สบายแล้ว เป็นพอ



หลวงปู่หลุย จันทะสาโร
วัดถ้ำผาบิ้ง
อ.วังสะพุง จ.เลย

ธรรมเป็นตัวธรรมชาติภายในจิต และมีเพียรให้รู้ตามธรรมชาติ
จึงชื่อว่ารู้อริยสัจ ราคะ โมหะ โทสะ ต้นไม้ ภูเขา สัตว์
ก็เป็นธรรมชาติของเขา เป็นเช่นนั้น แต่ไหนแต่ไรมา
เราไม่ควรไปยึดไปแต่งให้เป็นตัณหา ก่อเรื่องทุกข์ให้สัตว์เหล่านั้น
กลายเป็นทุคติ นรกไป










Free TextEditor







































































































 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 21 เมษายน 2553 10:59:54 น.
Counter : 342 Pageviews.  

รวมเด็ดเกร็ดคำครู : ทุกข์! (2)













































หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี


วัดหินหมากเป้ง
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

ผู้ใดทำให้ใจถึงความเป็นกลาง
ได้
ผู้นั่นจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
ผู้ที่จะพ้นจากทุกข์ได้ในโลกนี้ก็
ล้วนแล้วแต่ยกทุกข์ขึ้นมาเป็นเหตุทั้งนั้น
แท้จริงความนึกคึดไม่ใช่ทุกข์
แต่การไปยึดความนึกคิดมาเป็นของตน จึงเป็นทุกข์



พระอาจารย์ลี
ธมฺมธโร
วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

สุข
โลกีย์ มันก็ดีแต่ใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ เท่านั้น
เหมือนข้าวสุกที่เราตักใส่จานใหม่ๆยังร้อนๆควันขึ้น ก็น่ารับประทาน
แต่พอตักไว้นานจนเย็นชืดก็จะกินไม่อร่อย ยิ่งทิ้งไว้จนแข็งเป็นข้างเย็น
ก็ยิ่งกลืนไม่ลง พอข้ามวันก็เหม็นบูด ต้องเททิ้ง กินไม่ได้เลย



หลวงปู่อ่อน
ญาณสิริ
วัดป่านิโคธาราม จ.อุดรธานี

ธรรมขององค์
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้เป็นของเย็น
เป็นของบริสุทธิ์บุคคลผู้มีปัญญาจะไม่ปฏิเสธ
ธรรมของพระพุทธเจ้าพราะธรรมถ้าอยู่ในจิตใจของผู้ใด
ผู้นั้นย่อมมีความสุขความเจริญ


พระครูญาณทัสสี
(หลวงปู่คำดี ปภาโส)
วัดถ้ำผาปู่นิมิตร อ.เมือง จ.เลย

จะ
เอาสุขทางโลก ก็ได้ทุกข์มาพร้อมกัน เช่น คิดว่า สามี ภรรยา เป็นความสุข
ก็ได้รับทุกข์เพราะสามี ภรรยานั่นแหละ
อยากได้ลูกมีความสุขที่ได้ลูกหญิงลูกชาย แต่ก็ได้รับทุกข์ เพราะลูกนั่นแหละ
จะเอาความรักก็ได้ความชังมาพร้อม จะเอาอย่างเดียวไม่ได้
อยากได้หนึ่งแต่ได้สอง เป็นกฎธรรมชาติอย่างนั้น



พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
)


วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
การ
ภาวนา เป็นเรื่องของการบำเพ็ญ เพื่อความสุข ไม่ใช่เพื่อความทุกข์
แม้จะมีความยากลำบากบ้างก็อย่าท้อถอย
ให้เห็นเป็นธรรมดาของการจะทำสิ่งมีค่าให้เกิดขึ้น



หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


วัดป่าสาลวัน
อ.เมือง จ.นครราชสีมา

สิ่งใดที่เรารู้เท่าทัน
สิ่งนั้นไม่สามารถที่จะดึงใจของเราไปทรมานให้เกิดทุกข์ขึ้นได้



หลวงปู่บุดดา ถาวโร
วัดกลางชูศรี
เจริญสุข อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี


จูงจิตใจให้เข้าสู่มรรค ผล
นิพพานให้เข้าสู่ในความไม่เกิดไม่ตายอย่าได้มาเวียนเกิดในกามภพ รูปภพ
อรูปภพเกิดที่ไหนเป็นทุกข์ที่นั่นเขาจะมีทุกข์ยังไงล่ะทิ้งเหตุมันเสียแล้ว
กัน ดับแต่เหตุมันซิความทุกข์กายทุกข์ใจ
เป็นทุกข์อย่างยิ่งเพราะฉะนั้นอย่าให้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลยอย่าทิ้งวิริ
ยบารมีจนกว่าจะตรัสรู้ธรรมนะรู้จักทุกข์แล้วปล่อยทุกข์ซะอยากพ้นทุกข์ก็อยู่
กับธรรมะอยากเป็นทุกข์ก็ไปอยู่กับสัตว์โลก
ขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา
สังขาร วิญญาณ เป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เห็นเป็นไตรลักษณ์



หลวงปู่พรหม จิรปุญโญ
วัดประสิทธิ
ธรรม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี


คนเราเกิดมาทุกรูปทุกนาม รูปสังขารเป็นของไม่เที่ยง
เกิดขึ้นแล้วล้วนตกอยู่ในกองทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าพระราชา
มหากษัตริย์ พระยานานาหมื่น คนมั่งมีเศรษฐี และยาจก
ล้วนตกอยู่ในกองทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น มีทางพอจะหลุดพ้นทุกข์ได้ คือ
ทำความเพียร เจริญภาวนา อย่าสิมัวเมาในรูปร่างสังขารของตน มัจจุราชมัน
บ่ไว้หน้าผู้ใด ก่อนจะดับไป ควรจะสร้างความดีเอาไว้



หลวงปู่สาม อกิญจโน
วัดป่าไตรวิเวก
อ.เมือง จ.สุรินทร์


นี้
ผู้ใดรักษาศีล
ศีลก็รักษาผู้นั้นไม่ให้เดือดร้อนไม่ต้องรับโทษทุกข์เพราะทุศีล
บุคคลจะถึงความดับกิเลสก็เพราะศีล



พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
วัด
ป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร

เราทุกคนเกิดมาพบพระพุทธศาสนา
คือศาสนาของผู้รู้ เราต้องพิจารณาสอนจิต สอนใจของตัว
ระวังรักษาอย่าให้ชั่วรั่วไหลเข้ามาทับถม ชั่วที่มีอยู่รีบทำลาย
กำจัดปัดเป่าออกไป สิ่งใดที่จะนำความสุข ความเยือกเย็น ความสว่างไสว
ความพ้นทุกข์พ้นภัย เรารีบกระทำบำเพ็ญ ให้จิตเห็น จิตรู้
เมื่อเราทุกคนทำอยู่อย่างนี้ เราจะประสบความสุข



หลวงปู่จวน
กุลเชฏฺโฐ
วัดเจติยาคิรีวิหาร จ.หนองคาย
เบื้องต้น
พระองค์ได้ยกส่วนผิด 2 อย่าง ซึ่งให้พวกเราละเลิก
ผู้มุ่งหวังโมกขธรรมเพื่อพ้นทุกข์ คือ กามสุขัลลิกานุโยค และ
อัตตกิลมถานุโยค ทั้ง กามอัตต์ทั้ง 2 สั้นที่สุด กามคือความรัก
อัตต์คือความชัง ถ้าจิตใจของเรายังเอียงมาข้างรักบ้าง
เอียงข้างชังบ้างก็ไม่ถูก มัชฌิมาปฏิปทา ทางสายกลาง
ความไม่รู้โทษแห่งความรัก และความชังนี้ท่านเรียกว่า โมหะ หรือ อวิชชา
เมื่อพระองค์ชี้โทษทั้ง 2 คือทางทั้ง 2 นี้เสร็จสิ้นแล้ว
จึงชี้มัชฌิมาปฏิปทาทางสายกลางที่พระองค์ตรัสรู้



หลวงปู่กงมา
จิรปุญฺโญ
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ. สกลนคร

....จะทำจะ
พูดจะคิดสิ่งใด ก็จง ทำพูด
คิดแต่ในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นเถิด



หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัด
ป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

...หากว่าผู้ใดจะมาตัดคอเรา
ถ้าเป็นเพราะเชื่อตามพระพุทธเจ้าว่า บาปบุญ นรกสวรรค์ พรหมโลก นิพพาน.. มี
เรายอมให้ตัดเลย ...นี่แหละ ศาสนาเปิดเผยมากี่กัปกี่กัลป์แล้ว
สอนชาวเราทั้งหลาย ให้เชื่อเถิด ถ้าไม่อยากจม ให้เชื่อพระพุทธเจ้านะ



พระสุธรรม
คณาจารย์ ( หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ )
วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่
จ.หนองคาย

สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง


: สังขาร คือ สภาพที่ปรุงแต่งให้มีขึ้น
:
สังขารโลก คือ สิ่งที่มีวิญญาณครอง คือ มนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน เป็นต้น
:
สังขารธรรม คือ สภาพจิตปรุงแต่งให้เป็นบุญเป็นกุศล หรือเป็นบาปเป็นอกุศล


ท่านพุทธทาสภิกขุ
วัดสวนโมกขพลาราม อ.ไชยา
จ.สุราษฎร์ธานี

การเผชิญกับปัญหา ซึ่งสร้างความทุกข์
ก็คือการเผชิญกับปัญญาของตนเอง

ความ
ทุกข์สอนอะไรๆ ให้เราดีกว่าความสุข คือ สอนตรงกว่ามากกว่า รุนแรงกว่า
ความสุขมีแต่ทำให้ลืมตัว เหลิงเจิ้งไม่ทันรู้และไม่ค่อยสอนอะไร


อย่าเป็นทุกข์ให้โง่
ทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทุกข์



ขอบคุณบอร์ดพลังจิต








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 21 เมษายน 2553 10:57:51 น.
Counter : 283 Pageviews.  

อาหารสมอง
































คำถามสามข้อ

พระจักรพรรดิ
พระองค์หนึ่ง บริหารบ้านเมืองอย่างเต็มพระปรีชาสามารถ
แต่พระองค์ก็
รู้สึกว่าตัวเองงานผิดพลาดอยู่บ่อยๆ....
พระองค์ตระหนักว่า
หากทรงรู้คำตอบปัญหา 3 ประการ ดังต่อไปนี้แล้ว
จะทำให้พระองค์ทรงทำอะไร
ไม่ผิดพลาดเลย คำถาม 3 ประการนี้คือ

1.
เวลาไหนที่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำกิจแต่ละอย่าง

2.
ใครคือคนสำคัญที่สุดที่ควรทำงานด้วย

3.
อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรทำตลอดเวลา

พระจักรพรรดิสั่งให้
ประกาศว่าใครก็ตามที่สามารถจะตอบคำถาม 3 ข้อนี้ได้
จะได้รับรางวัล
มหาศาล ปัญหาข้อที่ 1 มีผู้ตอบแตกต่างกัน....

คนที่ 1
แนะนำให้พระจักรพรรดิทำราตางเวลาที่แน่นอน
สำหรับภารกิจแต่ละอย่าง
ทุกๆชั่วโมง ทุกๆวัน ทุกๆ ปี
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถทำกิจได้
ถูกต้องตามกาลที่เหมาะสม....

คนที่ 2
บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะวางแผนล่วงหน้าเช่นนั้น
แล้วแนะนำว่าพระ
จักรพรรดิควรจะเลิกความสนุกสนานไร้สาระทั้งหมด
แล้วเอาใจใส่ต่อกิจกรรม
ต่างๆ โดยพระองค์เองทุกอย่าง
จึงจะทราบได้ว่าเวลาไหนเหมาะสมที่จะทำ
อะไร....

คนที่ 3
ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระจักรพรรดิหวังจะเลือกเวลาทำกิจ ต่างๆ
ที่
อยู่ในอำนาจความรับผิดชอบได้เหมาะสมทุกอย่าง....
สิ่งที่จำเป็น
ก็คือต้องมี "สภาแห่งคนฉลาด" และทำตามคำแนะนำของสภานั้น
แต่ก็มีคนแย้ง
ว่าสิ่งต่างๆ จำเป็นต้องตัดสินใจทันที ไม่อาจรอการปรึกษาได้
ฉะนั้นหาก
ต้องการจะรู้ล่วงหน้าว่าอะไรเกิดขึ้น....
พระจักรพรรดิ์ควรจะปรึกษาผู้
วิเศษและหมอเวทมนต์

ปัญหาข้อที่สองคำตอบก็แตกต่างกันออกไป
คน
ที่ 1 เสนอว่าพระจักรพรรดิจะต้องไว้วางในคณะขุนนางข้าราชการ อย่างเต็มที่
คน
ที่ 2 บอกว่า ต้องไว้วางใจพระและนักบวช
คนที่ 3 เสนอนักวิทยาศาสตร์
แถมยังมีบางคนเสนอให้ไว้วางใจต่อนักรบ

คำตอบต่อคำถามที่สามก็ต่าง
กันไปเช่นกัน
คนที่ 1
บอกว่าวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่จะต้องติดตามอยู่ตลอดเวลา
คนที่ 2
ว่าต้องเรื่องศาสนาต่างหาก
คนที่ 3
ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทักษะการทำสงคราม
พระจักรพรรดิ์ไม่พอพระทัย
คำตอบไหนเลย จึงตัดสินพระทัยไปหาฤาษีตนหนึ่ง
ผู้อาศัยอยู่บนเขา
ซึ่งตรัสรู้เห็นแจ้ง....
ทั้งๆ ที่รู้ว่าฤาษีนั้นจะต้อนรับเฉพาะคนยากจน
เท่านั้น ไม่ยอมต้อนรับคนร่ำรวย
หรือผู้มีอำนาจราชศักดิ์
จึงต้องปลอมตัว เป็นชาวนา
และสั่งองครักษ์ให้คอยอยู่ที่เชิงเขา
โดยที่ทรงไต่เนินเขา
ขึ้นไปพบฤาษีตามลำพัง
พอมาถึงที่อยู่ของ
"ผู้รู้" ที่ว่านั้น....
ทรงพบว่าฤาษีกำลังขุดดินอยู่ในสวนหน้ากระท่อม

เมื่อ
ฤาษีเห็นผู้แปลกหน้าก็ผงกหัวเป็นการต้อนรับแล้วก็ขุดดินต่อไป....
เห็น
ได้ชัดว่าการใช้แรงนั้นเป็นงานหนักเพราะฤาษีนั้นชรามากแล้ว
แต่ละครั้ง
ที่จอบฟันลงไปพลิกดินขึ้นมาท่านจะต้องหอบแรงๆ.. ทุกครั้งไป
พระ
จักรพรรดิเข้าไปหาแล้วตรัสว่า
"ผมมานี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน
ขอ
ให้ท่านช่วยแก้ปัญหา 3 ข้อของผม คือ
1.
เวลาไหนเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำกิจแต่ละอย่าง
2.
ใครคือคนสำคัญที่สุดที่ควรทำงานด้วย
3.
อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทำตลอดเวลา
ฤาษีฟังคำถามด้วยความเอาใจใส่
่แต่ม
ิได้ตอบ เพียงแต่เอามือตบไหล่จักรพรรดิเบาๆ และก็ขุดดินต่อไป
จักรพรรดิ
ตรัสว่า "ท่านคงเหนื่อยมาก มาให้ผมได้ช่วยท่านเถอะ"....
ฤาษีขอบใจ
แล้วก็ส่งจอบให้จักรพรรดิ จากนั้นก็นั่งพักบนพื้นดินนั้น
หลังจากขุดไป
ได้ 2 ร่อง จักรพรรดิก็หยุด
และหันมาถามหัญหาทั้ง 3 อีกครั้งหนึ่ง....
ฤาษี
ก็มิได้ตอบอีก แต่ยืนขึ้นและชี้มือไปที่จอบ
และบอกว่า
"หยุดพักได้แล้วละ....ฉันทำต่อไปได้แล้ว"....
แต่จักรพรรดิไม่ส่งจอบให้
และขุดดินต่อไป
ชั่วโมงหนึ่งผ่านไปแล้วก็สองชั่วโมง
จนอาทิตย์ลับไปหลังภูเขา

จักรพรรดิทรงวางจอบลง
และหันมาตรัสกับฤาษีว่า
"ผมมาที่นี่เพื่อขอร้องให้ท่านช่วยตอบคำถามของ
ผม
หากท่านไม่สามารถตอบได้โปรดบอกให้ผมรู้ด้วย ผมจะได้กลับบ้านของผม"
ฤาษี
เงยหน้าขึ้นและถามจักรพรรดิว่า
"เธอได้ยินเสียงใครกำลังวิ่งมาทางนี้
หรือเปล่า" จักรพรรดิหันไปทอดพระเนตร
ทันใดนั้นทั้งสองก็เห็น ชาย
มีเคราขาวคนหนึ่งเตลิด
ออกมามือทั้งสองกุมบาดแผล โชกเลือดที่ท้อง
เขา
วิ่งตรงมายังจักรพรรดิก่อนที่จะล้มลงสิ้นสติไป....
ตรงหน้า
พอเปิดเสื้อผ้าออกทั้งจัรกรพรรดิ
และฤาษีก็แลเห็นบาดแผลลึกที่หน้าท้อง
ของชายผู้นั้น....
จักรพรรดิได้ทรงทำความสะอาดบาดแผล
แล้วเอาฉลอง
พระองค์พันแผลให้ เพียงประเดี๋ยวเดียว....
เสื้อนั้นก็โชกไปด้วยเลือด
เพราะเลือดไหลไม่หยุด
จักรพรรดิก็เลยเอาเสื้อนั้นออกมาซักบิดให้แห้ง
แล้วพันแผล อีกเป็นครั้งที่สอง
และทำอยู่อย่างนั้นจนกระทั้งเลือดหยุด
ไหล....

เมื่อคนเจ็บฟื้น ได้สติ ก็ร้องขอน้ำ
จักรพรรดิรีบไปที่
ลำธารตักน้ำใสสะอาดมาให้เหยือกหนึ่ง
ขณะนั้น ดวงตะวันลับฟ้าไปแล้ว
และ
อากาศหนาวยามค่ำคืนเริ่มแผ่คลุมไปทั่ว....
ฤาษีช่วยจักรพรรดินำคนเจ็บ
เข้ามาในกระท่อม
และให้นอนบนเตียงของตนชายนั้นปิดตาลงและนอนหลับไป
จักรพรรดิ
เองก็ประทับพิงประตูกระท่อมหลับไปเช่นกัน....
ด้วยความเหนื่อยอ่อนจาก
การปีน เขาและการขุดดินทั้งวัน
และมาตื่นบรรทมขึ้นเมื่อตะวันโผล่พ้นขอบ
ฟ้า....
แล้วจักรพรรดิทรงลืมไปชั่วขณะว่าพระองค์เสด็จมาอยู่ที่ไหน
และ
มาทำอะไร ทรงทอดพระเนตรไปที่เตียงคนเจ็บทันที...
และก็พบว่าชายผู้นั้น
กำลังจ้องมาองมายังตนอย่างฉงนฉงาย
พอเห็นจัรกรพรรดิ์
ชายผู้นั้นก็ครวญครางออกมาอย่างแผ่วเบาว่า
"ได้โปรดประทานอภัยโทษให้ข้า
พระองค์ด้วย"
"แต่เธอทำผิดอะไรเล่าที่ฉันจะต้องให้อภัย"
จักรพรรดิตรัสถามกลับ
"ท่านไม่รู้จักข้าพระองค์
แต่ข้าพระองค์รู้จักท่านดี
พี่ชายของข้าพระองค์ถูกฆ่าเมื่อสงครามครั้ง
ที่ผ่านมานี้
และทรัพย์สมบัติถูกริบหมด
ข้าพระองค์จึงถือว่าท่านคือศัตรูคู่อาฆาต
ข้าปฏิญาณไว้ว่าจะต้องล้าง
แค้นให้ได้

เมื่อทราบข่าวว่าท่านขึ้นมาหาฤาษีตามลำพัง
ข้า
พระองค์จึงตั้งไจที่จะดักฆ่าท่าน เสียตอนท่านเสด็จกลับ....
แต่รออยู่
นานไม่เห็นท่าน ข้าพระองค์จึงออกจากที่ซุ่มกำบังเพื่อตามหา
แต่แทนที่จะ
พบท่านข้าพระองค์กลับไปเจอะเอาทหารองครักษ์ของท่านเข้า
พวกนั้นจำข้า
พระองค์ได้และเข้าจับกุมข้าพระองค์จนถูกมีดบาดเจ็บ
แต่ข้าพระองค์ยังโชค
ดีที่หนีรอดการจับกุมได้และวิ่งมาที่นี่
ถ้าไม่ได้พบท่านป่านนี้ข้า
พระองค์คงตายไปแล้ว
ข้าพระองค์ละอายใจและสำนึกในพระคุณอย่างบอกไม่
ถูก....
หากข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ต่อไปขออุทิศชีวิตช่วงที่เหลือนี้รับ
ใช้ท่านตลอดไป
และจะสั่งสอนลูกหลานให้ทำเช่นเดียวกันด้วย....
ขอ
โปรดประทานอภัยให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด" จักรพรรดิดีพระทัยยิ่งนัก
ที่
ศัตรูได้กลับมาเป็นมิตรอย่างง่ายดาย....

นอกจากจะประทานอภัยแล้วยัง
ทรงสัญญาที่จะคืนทรัพย์สมบัติ
ที่ริบมาจากชายผู้นั้น
ตลอดจนจัดส่งแพทย์และคนใช้ไปคอยรักษาพยาบาล....
จนกว่าเขาจะหายเป็นปกติ
อีกด้วย
พอสั่งทหารให้นำชายผู้นั้นไปส่งบ้านแล้ว
จักรพรรดิก็เสด็จ
กลับมาหาฤาษีอีกครั้ง
เพื่อทวนคำถามเป็นครั้งสุดท้ายและพบว่า
ฤาษี
กำลังหว่านเมล็ดพืชลงบนดินที่ขุดไว้
ฤาษีเงยหน้าขึ้นและหันมาทาง
จักรพรรดิ
"คำถามของท่านได้รับคำตอบหมดแล้วนี่"
"อย่างไรกัน"
พระจักรพรรดิทรงถามด้วยความงุนงง....

"เมื่อวานนี้
ถ้าท่านไม่เกิดความสงสารสังขารของฉันและลงมือช่วยฉันขุดดิน
ท่านก็คงถูก
ทำร้าย โดยชายผู้นั้นตอนขากลับ
และคงต้องโทมนัสใจอย่างมากที่ไม่ได้พัก
อยู่กับฉัน
ดังนั้นเวลาสำคัญที่สุดตอนนั้น
ก็คือเวลาที่ท่านขุดดิน
บุคคล
ที่สำคัญที่สุดก็คือตัวฉัน....
และภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือ
การช่วยฉันขุดดิน"

"จากนั้นเมื่อชายบาดเจ็บผู้นั้นวิ่งมา
เวลาที่สำคัญที่สุด....
ก็คือตอนที่ท่านช่วยพยาบาลเขา
เพราะมิฉะนั้นเขาก็จะต้องตายไป
และท่านก็จะหมดโอกาสที่จะได้กลับเป็น
มิตรกับเขา
บุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือชายผู้นั้น
ภารกิจสำคัญที่สุด
ก็คือการรักษาพยาบาลเขา"....
คำถามสามข้อ
พระจักรพรรดิพระองค์หนึ่ง
บริหารบ้านเมืองอย่างเต็มพระปรีชาสามารถ
แต่พระองค์ก็รู้สึกว่าตัวเอง
งานผิดพลาดอยู่บ่อยๆ....
พระองค์ตระหนักว่า หากทรงรู้คำตอบปัญหา 3
ประการ ดังต่อไปนี้แล้ว
จะทำให้พระองค์ทรงทำอะไร ไม่ผิดพลาดเลย คำถาม 3
ประการนี้คือ

1.
เวลาไหนที่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำกิจแต่ละอย่าง

2.
ใครคือคนสำคัญที่สุดที่ควรทำงานด้วย

3.
อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ควรทำตลอดเวลา

พระจักรพรรดิสั่งให้
ประกาศว่าใครก็ตามที่สามารถจะตอบคำถาม 3 ข้อนี้ได้
จะได้รับรางวัล
มหาศาล ปัญหาข้อที่ 1 มีผู้ตอบแตกต่างกัน....

คนที่ 1
แนะนำให้พระจักรพรรดิทำราตางเวลาที่แน่นอน
สำหรับภารกิจแต่ละอย่าง
ทุกๆชั่วโมง ทุกๆวัน ทุกๆ ปี
ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะสามารถทำกิจได้
ถูกต้องตามกาลที่เหมาะสม....

คนที่ 2
บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะวางแผนล่วงหน้าเช่นนั้น
แล้วแนะนำว่าพระ
จักรพรรดิควรจะเลิกความสนุกสนานไร้สาระทั้งหมด
แล้วเอาใจใส่ต่อกิจกรรม
ต่างๆ โดยพระองค์เองทุกอย่าง
จึงจะทราบได้ว่าเวลาไหนเหมาะสมที่จะทำ
อะไร....

คนที่ 3
ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระจักรพรรดิหวังจะเลือกเวลาทำกิจ ต่างๆ
ที่
อยู่ในอำนาจความรับผิดชอบได้เหมาะสมทุกอย่าง....
สิ่งที่จำเป็น
ก็คือต้องมี "สภาแห่งคนฉลาด" และทำตามคำแนะนำของสภานั้น
แต่ก็มีคนแย้ง
ว่าสิ่งต่างๆ จำเป็นต้องตัดสินใจทันที ไม่อาจรอการปรึกษาได้
ฉะนั้นหาก
ต้องการจะรู้ล่วงหน้าว่าอะไรเกิดขึ้น....
พระจักรพรรดิ์ควรจะปรึกษาผู้
วิเศษและหมอเวทมนต์

ปัญหาข้อที่สองคำตอบก็แตกต่างกันออกไป
คน
ที่ 1 เสนอว่าพระจักรพรรดิจะต้องไว้วางในคณะขุนนางข้าราชการ อย่างเต็มที่
คน
ที่ 2 บอกว่า ต้องไว้วางใจพระและนักบวช
คนที่ 3 เสนอนักวิทยาศาสตร์
แถมยังมีบางคนเสนอให้ไว้วางใจต่อนักรบ

คำตอบต่อคำถามที่สามก็ต่าง
กันไปเช่นกัน
คนที่ 1
บอกว่าวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่จะต้องติดตามอยู่ตลอดเวลา
คนที่ 2
ว่าต้องเรื่องศาสนาต่างหาก
คนที่ 3
ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทักษะการทำสงคราม
พระจักรพรรดิ์ไม่พอพระทัย
คำตอบไหนเลย จึงตัดสินพระทัยไปหาฤาษีตนหนึ่ง
ผู้อาศัยอยู่บนเขา
ซึ่งตรัสรู้เห็นแจ้ง....
ทั้งๆ ที่รู้ว่าฤาษีนั้นจะต้อนรับเฉพาะคนยากจน
เท่านั้น ไม่ยอมต้อนรับคนร่ำรวย
หรือผู้มีอำนาจราชศักดิ์
จึงต้องปลอมตัว เป็นชาวนา
และสั่งองครักษ์ให้คอยอยู่ที่เชิงเขา
โดยที่ทรงไต่เนินเขา
ขึ้นไปพบฤาษีตามลำพัง
พอมาถึงที่อยู่ของ
"ผู้รู้" ที่ว่านั้น....
ทรงพบว่าฤาษีกำลังขุดดินอยู่ในสวนหน้ากระท่อม

เมื่อ
ฤาษีเห็นผู้แปลกหน้าก็ผงกหัวเป็นการต้อนรับแล้วก็ขุดดินต่อไป....
เห็น
ได้ชัดว่าการใช้แรงนั้นเป็นงานหนักเพราะฤาษีนั้นชรามากแล้ว
แต่ละครั้ง
ที่จอบฟันลงไปพลิกดินขึ้นมาท่านจะต้องหอบแรงๆ.. ทุกครั้งไป
พระ
จักรพรรดิเข้าไปหาแล้วตรัสว่า
"ผมมานี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากท่าน
ขอ
ให้ท่านช่วยแก้ปัญหา 3 ข้อของผม คือ
1.
เวลาไหนเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการทำกิจแต่ละอย่าง
2.
ใครคือคนสำคัญที่สุดที่ควรทำงานด้วย
3.
อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรทำตลอดเวลา
ฤาษีฟังคำถามด้วยความเอาใจใส่
่แต่ม
ิได้ตอบ เพียงแต่เอามือตบไหล่จักรพรรดิเบาๆ และก็ขุดดินต่อไป
จักรพรรดิ
ตรัสว่า "ท่านคงเหนื่อยมาก มาให้ผมได้ช่วยท่านเถอะ"....
ฤาษีขอบใจ
แล้วก็ส่งจอบให้จักรพรรดิ จากนั้นก็นั่งพักบนพื้นดินนั้น
หลังจากขุดไป
ได้ 2 ร่อง จักรพรรดิก็หยุด
และหันมาถามหัญหาทั้ง 3 อีกครั้งหนึ่ง....
ฤาษี
ก็มิได้ตอบอีก แต่ยืนขึ้นและชี้มือไปที่จอบ
และบอกว่า
"หยุดพักได้แล้วละ....ฉันทำต่อไปได้แล้ว"....
แต่จักรพรรดิไม่ส่งจอบให้
และขุดดินต่อไป
ชั่วโมงหนึ่งผ่านไปแล้วก็สองชั่วโมง
จนอาทิตย์ลับไปหลังภูเขา

จักรพรรดิทรงวางจอบลง
และหันมาตรัสกับฤาษีว่า
"ผมมาที่นี่เพื่อขอร้องให้ท่านช่วยตอบคำถามของ
ผม
หากท่านไม่สามารถตอบได้โปรดบอกให้ผมรู้ด้วย ผมจะได้กลับบ้านของผม"
ฤาษี
เงยหน้าขึ้นและถามจักรพรรดิว่า
"เธอได้ยินเสียงใครกำลังวิ่งมาทางนี้
หรือเปล่า" จักรพรรดิหันไปทอดพระเนตร
ทันใดนั้นทั้งสองก็เห็น ชาย
มีเคราขาวคนหนึ่งเตลิด
ออกมามือทั้งสองกุมบาดแผล โชกเลือดที่ท้อง
เขา
วิ่งตรงมายังจักรพรรดิก่อนที่จะล้มลงสิ้นสติไป....
ตรงหน้า
พอเปิดเสื้อผ้าออกทั้งจัรกรพรรดิ
และฤาษีก็แลเห็นบาดแผลลึกที่หน้าท้อง
ของชายผู้นั้น....
จักรพรรดิได้ทรงทำความสะอาดบาดแผล
แล้วเอาฉลอง
พระองค์พันแผลให้ เพียงประเดี๋ยวเดียว....
เสื้อนั้นก็โชกไปด้วยเลือด
เพราะเลือดไหลไม่หยุด
จักรพรรดิก็เลยเอาเสื้อนั้นออกมาซักบิดให้แห้ง
แล้วพันแผล อีกเป็นครั้งที่สอง
และทำอยู่อย่างนั้นจนกระทั้งเลือดหยุด
ไหล....

เมื่อคนเจ็บฟื้น ได้สติ ก็ร้องขอน้ำ
จักรพรรดิรีบไปที่
ลำธารตักน้ำใสสะอาดมาให้เหยือกหนึ่ง
ขณะนั้น ดวงตะวันลับฟ้าไปแล้ว
และ
อากาศหนาวยามค่ำคืนเริ่มแผ่คลุมไปทั่ว....
ฤาษีช่วยจักรพรรดินำคนเจ็บ
เข้ามาในกระท่อม
และให้นอนบนเตียงของตนชายนั้นปิดตาลงและนอนหลับไป
จักรพรรดิ
เองก็ประทับพิงประตูกระท่อมหลับไปเช่นกัน....
ด้วยความเหนื่อยอ่อนจาก
การปีน เขาและการขุดดินทั้งวัน
และมาตื่นบรรทมขึ้นเมื่อตะวันโผล่พ้นขอบ
ฟ้า....
แล้วจักรพรรดิทรงลืมไปชั่วขณะว่าพระองค์เสด็จมาอยู่ที่ไหน
และ
มาทำอะไร ทรงทอดพระเนตรไปที่เตียงคนเจ็บทันที...
และก็พบว่าชายผู้นั้น
กำลังจ้องมาองมายังตนอย่างฉงนฉงาย
พอเห็นจัรกรพรรดิ์
ชายผู้นั้นก็ครวญครางออกมาอย่างแผ่วเบาว่า
"ได้โปรดประทานอภัยโทษให้ข้า
พระองค์ด้วย"
"แต่เธอทำผิดอะไรเล่าที่ฉันจะต้องให้อภัย"
จักรพรรดิตรัสถามกลับ
"ท่านไม่รู้จักข้าพระองค์
แต่ข้าพระองค์รู้จักท่านดี
พี่ชายของข้าพระองค์ถูกฆ่าเมื่อสงครามครั้ง
ที่ผ่านมานี้
และทรัพย์สมบัติถูกริบหมด
ข้าพระองค์จึงถือว่าท่านคือศัตรูคู่อาฆาต
ข้าปฏิญาณไว้ว่าจะต้องล้าง
แค้นให้ได้

เมื่อทราบข่าวว่าท่านขึ้นมาหาฤาษีตามลำพัง
ข้า
พระองค์จึงตั้งไจที่จะดักฆ่าท่าน เสียตอนท่านเสด็จกลับ....
แต่รออยู่
นานไม่เห็นท่าน ข้าพระองค์จึงออกจากที่ซุ่มกำบังเพื่อตามหา
แต่แทนที่จะ
พบท่านข้าพระองค์กลับไปเจอะเอาทหารองครักษ์ของท่านเข้า
พวกนั้นจำข้า
พระองค์ได้และเข้าจับกุมข้าพระองค์จนถูกมีดบาดเจ็บ
แต่ข้าพระองค์ยังโชค
ดีที่หนีรอดการจับกุมได้และวิ่งมาที่นี่
ถ้าไม่ได้พบท่านป่านนี้ข้า
พระองค์คงตายไปแล้ว
ข้าพระองค์ละอายใจและสำนึกในพระคุณอย่างบอกไม่
ถูก....
หากข้าพระองค์มีชีวิตอยู่ต่อไปขออุทิศชีวิตช่วงที่เหลือนี้รับ
ใช้ท่านตลอดไป
และจะสั่งสอนลูกหลานให้ทำเช่นเดียวกันด้วย....
ขอ
โปรดประทานอภัยให้ข้าพระองค์ด้วยเถิด" จักรพรรดิดีพระทัยยิ่งนัก
ที่
ศัตรูได้กลับมาเป็นมิตรอย่างง่ายดาย....

นอกจากจะประทานอภัยแล้วยัง
ทรงสัญญาที่จะคืนทรัพย์สมบัติ
ที่ริบมาจากชายผู้นั้น
ตลอดจนจัดส่งแพทย์และคนใช้ไปคอยรักษาพยาบาล....
จนกว่าเขาจะหายเป็นปกติ
อีกด้วย
พอสั่งทหารให้นำชายผู้นั้นไปส่งบ้านแล้ว
จักรพรรดิก็เสด็จ
กลับมาหาฤาษีอีกครั้ง
เพื่อทวนคำถามเป็นครั้งสุดท้ายและพบว่า
ฤาษี
กำลังหว่านเมล็ดพืชลงบนดินที่ขุดไว้
ฤาษีเงยหน้าขึ้นและหันมาทาง
จักรพรรดิ
"คำถามของท่านได้รับคำตอบหมดแล้วนี่"
"อย่างไรกัน"
พระจักรพรรดิทรงถามด้วยความงุนงง....

"เมื่อวานนี้
ถ้าท่านไม่เกิดความสงสารสังขารของฉันและลงมือช่วยฉันขุดดิน
ท่านก็คงถูก
ทำร้าย โดยชายผู้นั้นตอนขากลับ
และคงต้องโทมนัสใจอย่างมากที่ไม่ได้พัก
อยู่กับฉัน
ดังนั้นเวลาสำคัญที่สุดตอนนั้น
ก็คือเวลาที่ท่านขุดดิน
บุคคล
ที่สำคัญที่สุดก็คือตัวฉัน....
และภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือ
การช่วยฉันขุดดิน"

"จากนั้นเมื่อชายบาดเจ็บผู้นั้นวิ่งมา
เวลาที่สำคัญที่สุด....
ก็คือตอนที่ท่านช่วยพยาบาลเขา
เพราะมิฉะนั้นเขาก็จะต้องตายไป
และท่านก็จะหมดโอกาสที่จะได้กลับเป็น
มิตรกับเขา
บุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือชายผู้นั้น
ภารกิจสำคัญที่สุด
ก็คือการรักษาพยาบาลเขา"....

จงจำไว้ว้า
เวลาที่สำคัญที่สุดเวลาเดียวคือ "ปัจจุบัน"
ช่วงขณะปัจจุบันเท่านั้นที่
เป็นเวลาที่เราเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

บุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือคน
ที่เรากำลังติดต่ออยู่
คนที่อยู่ต่อหน้าเรา
เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะมีโอกาสได้ติดต่อกับใครอีกหรือไม่

และ
ภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือการทำให้คนที่อยู่กับเราขณะนั้นๆ มีความสุข
เพราะ
นั่นเป็นภารกิจอย่างเดียวของชีวิต"....

จงจำไว้ว้า
เวลาที่สำคัญที่สุดเวลาเดียวคือ "ปัจจุบัน"
ช่วงขณะปัจจุบันเท่านั้นที่
เป็นเวลาที่เราเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

บุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือคน
ที่เรากำลังติดต่ออยู่
คนที่อยู่ต่อหน้าเรา
เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะมีโอกาสได้ติดต่อกับใครอีกหรือไม่

และ
ภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือการทำให้คนที่อยู่กับเราขณะนั้นๆ มีความสุข
เพราะ
นั่นเป็นภารกิจอย่างเดียวของชีวิต"....

~เหตุผลของหัวใจคือ
รักเธอฟ้าใสใส~








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 21 เมษายน 2553    
Last Update : 21 เมษายน 2553 10:43:53 น.
Counter : 256 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.