นางฟ้าขี้เหนียว


























เรี่อง
มีอยู่ว่าวันหนึ่ง พระอนุรุทธ ท่านเข้าฌานเหาะไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
เมื่อท่านพบวิมานหลังหนึ่งสวยสดงดงามมาก และเจ้าของวิมานก็สวยเช็งวับเลย
ตามพระไตรปิฏกท่านพรรณาไว้อย่างนี้ว่า

“ดูก่อนนางเทพธิดา เธอมีรูปสวยมาก
ผิวพรรณก็ผ่องใสคล้ายเงินผสมแก้ว จะขยับเขยื้อนแพรวพราวไปทั้งร่าง
แสงสว่างที่ออกจากกายก็สว่างไสวไปทั่วทิศ
สว่างเหนือหรือมากกว่าดาวประกายพรึกเป็นไหนๆ


เมื่อเธอฟ้อนอยู่
หรือการขับร้องเสียงที่เป็นทิพย์ก็ไพเราะมาก
ช่างชื่นใจในน้ำเสียงของเธอเหลือเกิน กลิ่นที่เป็นทิพย์ก็หอมหวลยวนใจ
เสียงเครื่องประดับกระทบกันก็ไพเราะมาก ขอพรรณาเท่านี้ก็พอ
เพราะท่านชมไว้มากเหลือเกิน ท่านลงท้ายว่า เมื่อเป็นมนุษย์ทำบุญอะไรไว้
จึงสวยและเสียงไพเราะจับใจอย่างนี้”


อาศัยโมทนาบุญ

นาง
เทพธิดาตอบว่า “ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
เมื่อเป็นมนุษย์ฉันเป็นเพื่อนกับนางวิสาขามหาอุบาสิกา
นางวิสาขาทำบุญไว้มากมหาศาล แต่ดิฉันบ๋อต๋อไม่ได้ทำเลย อยู่เฉยๆ ก็ได้บุญ
คอยเก็บบุญคือโมทนาอย่างเดียวก็พอ” นี้แหละจึงเขียนว่า นางฟ้าขี้เหนี้ยว
เอาแต่โมทนาอย่างเดียว ถ้านักบุญอย่างนี้มีมากๆ พระ เณร ชี อดหัวโตไปตามๆ
กัน


เธอบอกว่า นางวิสาขามหาอุบาสิกา
ได้สร้างวิหารถวายสงฆ์ เธอเห็นวิหารนั้นมีใจเลื่อมใส ก็เลยโมทนา
วิหารที่สวยสดงดงามที่พระคุณเจ้าเห็นอยู่นี้
เป็นผลบุญที่ฉันโมทนาที่นางวิสาขาสร้างถวายสงฆ์ วิมานนี้เป็นวิมานมหัศจรรย์
สวยสดงดงามมาก โดยรอบ ๑๖ โยชน์ เลี่อนลอยไปในอากาศได้ตามที่ฉันต้องการ

ดิฉันมีปราสาทเป็นที่อยู่ อาศัยที่บุญอนุโมทนา
จัดให้เป็นส่วนๆ งามรุ่งโรจน์ตลอดร้อยโยชน์ มุมหนึ่งของวิมานมีสระโบกขรณี
เป็นที่อาศัยของปลาสวยๆ ทุกประเภท มีน้ำใสสะอาด
มีทางลาดเพื่อเดินเล่นด้วยทรายทองคำ มีบัวสวยๆ ทุกชนิด
เกสรบัวหอมฟุ้งไปทั่วทิศ บุญที่โมทนาทำให้มีต้นไม้รอบวิมานหลายชนิด เช่น
มะพร้าว ไม้หว้า ขนุน ต้นตาล เป็นต้น เธอคุยฟุ้งตามความเป็นจริงพรรณาไม่ไหว


สรุปแล้วผลที่เธอได้
เพราะอาศัยที่เธอเป็นมนุษย์ขี้เหนียว เอาแต่โมทนาบุญอย่างเดียว
เป็นอันว่าคนฉลาดจะไม่มีโอกาสปราศจากบุญได้เลย ในเมื่อเราไม่มีทุนทำเอง
เราก็โมทนาด้วยจิตบริสุทธิ์ ส่วนที่ทำเองก็ทำแล้วและโมทนาต่อด้วย
หรือโมทนาแล้วทำเองด้วย จะช่วยให้มีความสุขมากกว่านี้

ท่านพระอนุรุทธท่านถามโฉมงามที่มีนามว่ามนุษย์ขี้เหนียว
ต่อไปว่า “เวลานี้นางวิสาขามหาอุบาสิกา ผู้ถวายวิหารทาน ไปอยู่ที่ไหน ?”
นางฟ้าเธอตอบว่า “นางวิสาขามหาอุบาสิกาเธอมีทั้งทาน มีทั้งศีล
จิตเจริญด้วยภาวนา เป็นมหาอุบาสิกาผู้ประเสริฐ
เวลานี้ไปเกิดที่ชั้นนิมมานรดี เป็นชายาของท่านสุนิมมาตวดี”


ที่มา : ธรรมะปฏิบัติ2








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 22 เมษายน 2553 18:43:30 น.
Counter : 284 Pageviews.  

ปัญหาน่าคิด



วันก่อน
...มีเด็กเขียนจดหมายมาถามอาตมา...ว่า
หลวงพ่อครับ...ช่วยตอบปัญหาผมที
เถอะ...
ผมหาทางออกไม่ได้...



พ่อผมรับ
ราชการ...เป็นครู...
กินเหล้า ทั้งวัน..
พอเมากลับบ้าน...ก็อาละวาด
...เตะแม่...เตะน้อง...ถีบผม...
ทำลายข้าวของในบ้าน...
มีทรัพย์
สมบัติอะไรในบ้าน...ขนไปขาย...กินเหล้าหมด...
ครอบครับผมกำลังเดือดร้อน
มาก...



ผมกำลัง
ตัดสินใจอยู่ว่า...
ผมควรจะฆ่าพ่อให้ตาย...เพื่อความสุขของแม่และ
น้องๆ...
หรือ...ผมควรจะฆ่าตัวเองตาย...เพื่อให้พ้นทุกข์...
หลวงพ่อ
ช่วยตอบปัญหาให้ผมด่วนนะครับ...ว่า...



ผมจะฆ่าใคร
ดี...ระหว่างพ่อ...กับผม



อาตมาอ่าน
จดหมายฉบับนี้แล้ว...เศร้าใจจริงๆ...
สังคมบ้านเรา...ทำไมถึงได้เลวร้าย
ได้ขนาดนี้...



อาตมารีบ
ตอบจดหมายทันทีเลย...
กลัวจะไม่ทันการณ์...เด๊่ยวเกิดมีใครตายเสีย
ก่อน...



หนู...
อาตมาได้รับจดหมายของหนูแล้ว...
รู้สึกเห็นใจเป็นอย่างมาก...
อาตมา
เห็นด้วย...ว่าควรมีการตายกันไปขเางหนึ่ง...
เพื่อคนที่เหลือ...จะได้มี
ความสุข...



ซึ่งอาตมา
ต้องยืมมือหนู...ในการฆ่าครั้งนี้...
ผู้ที่จะต้องตาย...
ไม่ใช่
หนู...
และก็ไม่ใช่พ่อของหนู...



แต่
สิ่งที่หนูจะต้องฆ่า...ในทันทีที่ได้รับจดหมายจากอาตมาก็คือ...

หนูจะต้องฆ่ากิเลส...

กิเลสที่มันเกาะกินหัวใจพ่อ...ทำให้พ่อติดเหล้า...
กิเลสที่มันเกาะกินใจหนู...ที่ทำให้หนูเกลียดพ่อ...



ถ้า
หนูฆ่ากิเลสทั้งสองตัวนี้ได้แล้ว...
ครอบ
ครัวของหนู...จะอยู่เป็นสุข...



ตกลงเรื่อง
นี้...ไม่มีใครตาย...
ลูก...เอาจดหมายพระพยอมให้พ่ออ่าน...
พ่อได้คิด
...เลิกเหล้า...



พอพ่อเลิก
เหล้า...ลูก...ก็ไม่เกลียดพ่อ...
ทุกคนมีความสุข...
รวมทั้งพระ
ด้วย...

















เรื่องจาก : เทศนา...ฮา สุดขีด ของพระพยอม กัลยาโณ








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 22 เมษายน 2553 18:41:35 น.
Counter : 323 Pageviews.  

ถ่มน้ำลายรดฟ้า

ได้ยินมาว่า
ยังมีหญิงม่ายอยู่คนหนึ่ง เป็นคนทำมาหาเลี้ยงชีพ
หญิงนั้นได้มีบุตรชายอยู่คนหนึ่งโตเป็นหนุ่มใหญ่
แต่บุตรนั้นมีสันดานอันหยาบช้าไม่มีความเคารพต่อผู้ใหญ่ มีมารดาเป็นต้น
ฝ่ายว่ามารดานั้นได้มีความรักใคร่ในบุตรนั้นมาก
เพราะเหตุว่าบุตรอยู่คนเดียว มีความปรารถนาจะไม่ให้บุตรไปเที่ยว
กลัวว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจะได้ความลำบากแก่บุตร


         ฝ่ายบุตร
เป็นคนว่ายากสอนยากเป็นเด็กไม่เอาถ่าน ครั้นมารดาห้ามไม่ให้ไปไหน
บุตรนั้นก็โกรธมารดามีถ้อยคำปรามาสมารดาต่าง ๆ
เมื่อมารดาเห็นว่าบุตรนั้นก็โกรธมารดาก็นิ่งไว้ไม่โต้ตอบ
ฝ่ายบุตรกลับมีความกำเริบขึ้น จนถึงกล่าวผรุสวาทต่อมารดา
แม้ว่าตัวจะไปข้างไหนก็พาลหาโทษใส่มารดา
เพื่อจะป้องกันมิให้มารดาว่ากล่าวห้ามปรามไว้ เป็นอยู่อย่างนี้เสมอ ๆ
จนพวกชาวบ้านใกล้เรือนเคียงออกรำคาญ พากันบ่นว่า ไอ้คนเช่นนี้ใครเขาจะสมาคม
คบหามัน แต่แม่ของมัน ๆ ยังไม่นับถือยำเกรงด่าว่าเล่นอย่างกับทาส
บางคนก็บ่นกล่าวว่าอ้ายคนเช่นนี้ถ่มน้ำลายรดฟ้าน้ำลายของมันเองก็จะตกรดหัว
มันเอง คอยไปดูเถิดคงจะได้เห็นกรรมในปัจจุบันทันตา



         ครั้นอยู่
มาชายนั้นก็ไปได้ภรรยา แต่ภรรยาของชายนั้น เป็นคนร้ายกาจด้วยวาจา
ครั้นผัวไปเที่ยวกลับมา
ฝ่ายภรรยาก็ห้ามไม่ให้เที่ยวจะเสียคนฝ่ายผัวก็ไม่ฟัง ก็ขืนไปเที่ยวไม่หยุด
ที่นี้ก็ถึงแก่ภรรยาด่าว่าทุกเช้าเย็น
ฝ่ายผู้ที่อยู่ใกล้เคียงก็พากันบ่นว่าต่างๆ เป็นต้นว่าเวรกรรมของเขา ๆ
จึงได้ทนอยู่ได้



          ครั้นต่อ
มาคนที่อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงของมารดาชายคนนั้น
ได้ทราบว่าชายผู้นั้นได้มีภรรยาแล้ว ๆ
ภรรยาของชายคนนั้นได้ด่าชายคนนั้นทุกวัน ๆ จึงได้พากันว่าสมน้ำหน้า
เพราะโทษที่มันด่าแม่ของมัน ๆ จึงต้องถูกเมียมันด่าทุก ๆ วัน บางคนก็ว่า
"ข้าได้ว่าไว้แล้วว่ามันถ่มน้ำลายรดฟ้า น้ำลายของมันเองก็ตกรดหัวของมันเอง
เพราะเหตุว่า กรรมที่มันกล่าวผรุสวาจาต่อมารดาของมัน ๆ
จึงได้รับถ้อยคำอันหยาบช้าจากเมียของมันเอง
เป็นการทดแทนได้เห็นต่อปัจจุบันทันตา
โทษของมันที่ไม่มีความเคารพต่อผู้ใหญ่"

          ครั้นต่อมาภรรยาของคนนั้นมาได้ทราบว่า
ชายผู้ผัวไม่นับถือมารดาก็เป็นโอกาสของภรรยาที่จะด่าชายผู้ผัวแทนแม่ผัวทุก
วัน ๆ แม้ว่าใคร ๆ จะห้ามปรามอย่างไรก็ไม่ฟัง กลับตอบว่า
ฉันด่ามันแทนแม่ของมันต่างหากการณ์เป็นเช่นนี้ เพราะเหตุใด ?
เพราะเหตุที่บุคคลเราได้กระทำกรรมดีกรรมชั่วไว้แล้ว
ผู้นั้นย่อมได้รับผลดีผลชั่วเท่ากัน
เช่นตัวอย่างดังที่กระทำต่อมารดาให้ได้เดือดร้อนจนถึงขี้ตกน้ำตาออก
ดังกล่าวมานี้จักได้เป็นอุทาหรณ์ของคนข้างหลังต่อไป
















ถ่มถุยเขฬะขึ้น
นภา
กลับตกต้องเกศา
เฉกคนหมิ่นครูบา ปู่เฒ่า
คนที่ดีบ่อเอื้อน

กาศเอย
แปดเปื้อน
และ
ฤๅ
เห็นหน้าว่าจัญไร







จากเรื่อง  :  นิทานธรรมะ
โดย  :  พระพิจิตรธรรมพาที






Free TextEditor































































 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 22 เมษายน 2553 18:39:10 น.
Counter : 278 Pageviews.  

แก่ดี แก่เสีย


































อย่างไรก็ตาม เราเกิดมาแล้วก็ต้องผ่านการเกิด
แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งนั้น
 " เด็ก "
ก็จะต้องแก่ "แก่" อยู่แล้วก็จะต้องแก่ต่อไป
          " แก่ "
มีอยู่ 2 อย่าง มี "แก่กลวง" และ " แก่แก่น"
" แก่แก่น " คือ แก่แล้วมีแก่น ยืนยง คงกระพัน หรือ
ยืนยงคงที่
          " แก่กลวง " นี้เป็นอย่างไรท่านทั้งหลาย
คือ แก่ แล้วมีของเสีย เขาเรียก "แก่นิสัยด้วย แก่ตัวด้วย"
ถ้ายิ่งแก่เสียนิสัย แก่ตัว เขาเรียก "แก่กลวง" ดังท่าน ช. อิสรานนท์
ท่านให้ข้อคิดว่า….

แก่ใช้เงิน
เกินตัว เรื่องพัวพัน

          แก่พนัน วันหน้า ถ้าต้องแย่
แก่เมาเหล้า เมารัก มักปรวนแปร
          แก่
ยุแหย่ แก่นินทา แก่สาบาน
แก่สอพลอ
ยอให้ผิด เพราะอิจฉา

          แก่ตัณหา พาจิต คิดฟุ้งซ่าน
แก่ขี้เกียจ เหยียดยาว ไม่เข้าการ
          แก่
เกียจคร้าน แก่ง่วง ถ่วงโลกเอย

         "แก่"
ดังที่กล่าวมาแล้วนี้ แก่ใช้เงิน แก่พนัน แก่เมาเหล้า บางคนก็แก่เมารัก
บางคนก็แก่ยุแหย่ ยุให้รำ ตำให้รั่ว ดีไม่พูด พูดแต่ชั่ว เขาเรียก
"เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน" อยู่ในทุกระดับ
          แก่ยุแหย่
แก่นินทา แก่สาบาน แก่สอพลอ อย่างนี้ ก็ไม่ดี ประจบสอพลอเพราะอิจฉาเขา
แก่
ตัณหา ก็แย่..แก่ขี้เกียจ นี่ยากจน กลายเป็นอนาถา
        แก่เกียจคร้าน ก็แย่
          ส่วน
"แก่ดี" เขาเรียกว่า "แก่แก่น"
         "
แก่บุญ แก่ทาน แก่การกุศล" นี่แหละ เขาเรียกว่า " แก่แก่น "
          เพราะ
ฉะนั้น "การแก่" นี่ ถ้าจะ "แก่แก่น" ก็คือ ตัดนิสัยตรงกันข้ามกับ
"แก่กลวง" เสีย ก็จะกลายเป็นคนที่เป็นหลักฐาน
เพราะมีรากฐานของคุณธรรมอยู่ในใจ
          เพราะ
ฉะนั้น จงพิจารณา " ความแก่" ว่าในตัวและอุปนิสัยมีอย่างนี้ไหม ? ถ้ามี
กำจัดออกไปแล้ว ก็จะกลายเป็น " แก่แก่น "


โ ด ย : พระพิพิธธรรมสุนทร วัดสุทัศนเทพวราราม









Free TextEditor







































































































 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 22 เมษายน 2553 18:37:59 น.
Counter : 264 Pageviews.  

สูตรปรุงของชีวิต

































    เกิดมาเป็นคน ก็ต้องรู้จักปรุงชีวิต การ
ปรุงชีวิต
ก็คือ ปรุงอารมณ์ของตัวเอง เพื่อจะเข้าไปอยู่กับคนอื่น
ก็ให้นึกถึงแกงนึกถึงกับข้าว กับข้าวมันจะรสเดียวไม่ได้
คนที่มีอารมณ์เดียว เขาเรียกว่า "คนที่ไม่รู้จักปรุงชีวิต"
    บางคน มีอารมณ์เปรี้ยวจัด คือ
เป็นคนแก่น เขาเรียก "แก่แดด แก่ฟัก แก่แฟง แก่แตง แก่น้ำเต้า
แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน" อย่างนี้เปรี้ยวจัด
ก็อยู่กับใครเขาไม่ได้
     บางคน ก็เค็มจัด คือ
ไม่จับจ่ายใช้สอย เหนียวคนขี้เหนียวที่เรียกว่า "เค็ม" ก็หวังว่า เอ๊
ถ้าเรารวมแล้ว เราก็จะค่อยจับจ่ายใช้สอย แต่ท่านทั้งหลายลองดูเกลือเถอะ
เกลือเม็ดใหญ่ยิ่งเค็มมาก แล้วบางคนเค็มจัดนี่
ใครคบหาสมาคมเขาก็จะรู้สึกเค็มไป คือ ไม่มีการเสียสละ
     บางคน ก็หวานจัด เจ้าชู้ไป
โดยไม่เลือกวัยของตัวเอง และไม่เลือกว่าใครเป็นใคร ที่เขาบอกว่า
เป็นผู้ชายคลำผู้หญิงแล้วไม่มีหางเป็นอันใช้ได้ อย่างนี้ก็หวานเกินไป
จนเป็นที่ไม่วางใจ คนเขาก็ระแวง ระวังว่าคน ๆ นี้ มีนิสัยเจ้าชู้
     บาง
คน ก็รสเผ็ดจัด คือ ดุไปหน่อย มันดุ มันโหดไปหน่อย การที่เป็นคนดู คนโหด
จะไปอยู่กับใคร เขาได้ มันเผ็ด ใครเขาก็ต้องมีอันต้องซี๊ด ไม่ไหว คือ คน ๆ
นี้ไม่ไหว เผ็ดจัด
    บาง
คนก็ จืดไป อารมณ์จืดไป
อยู่กับใครแล้วเหมือนเขาไม่มีความสนุกที่จะอยู่กับคนๆ นั้นเลย
ดังนั้น
ท่านทั้งหลาย เอาอารมณ์ทั้งหลายนี้มารวมกัน
ปรุงเป็นรสชาติของอารมณ์ของชีวิต เอาเปรี้ยว เอาหวาน เอามัน เอาเค็ม
เอาเผ็ด เอาจืด มารวมกันเข้า ก็เป็นแกงหม้อหนึ่งที่บริโภคได้
     คน
ก็เหมือนกัน ต้องรู้จักปรุงอารมณ์ หลาย ๆ สถานการณ์
จึงจะเป็นชีวิตที่สามารถ ที่คนอื่นจะบริโภค คืออยู่ร่วมด้วยได้…


โ ด ย : พระพิพิธธรรมสุนทร
วัดสุทัศนเทพวราราม กทม.








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 22 เมษายน 2553    
Last Update : 22 เมษายน 2553 18:36:45 น.
Counter : 290 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.