ต้องการ : ไม่ต้องการ















































ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการและความไม่ต้องการ

แท้
จริงแล้ว ความต้องการนั้นมีอำนาจบั่นทอนความสุข
และความไม่ต้องการนั้นมีพลังปิดกั้นความสุข
ขณะที่ต้องการหรือไม่ต้องการสิ่งใด ความสุขจะหลบไปชั่วขณะไม่ปรากฏที่ใจ
หากไม่รีบคลี่คลายสู่ภาวะอันควร ความสุขอาจจะหายไปเลย ดังนั้น
หากมีความต้องการหรือความไม่ต้องการ ต้องรีบบริหารใจโดยด่วน

ความต้อง
การของมนุษย์มีหลายชั้น
คือ


ความต้องการที่จินตนาการผสมแต่งต่อ
• ความต้องการที่ตลาดโน้มน้าว

ความต้องการที่สังคมยัดเยียดให้
• ความต้องการที่ตนปรารถนา

ความต้องการตามธรรมชาติ

    
ความต้องการเหล่านี้ทุกชั้นสามรถแตกตัวได้ไม่รู้จบความต้องการของมนุษย์และ
สังคมมนุษย์เพิ่มขึ้นทุกปี ทุกยุค ไม่เคยลดลง มีแต่เพิ่มขึ้น
ความต้องการจึงมีธรรมชาติขยายพันธุ์ไม่สิ้นสุด
การวิ่งตามความต้องการจึงไม่เคยจบหรือสำเร็จบริบูรณ์
ทั้งนี้ไม่ว่ามนุษย์คนใดในโลก หรือพระเจ้าองค์ใดในสวรรค์

ชีวิตที่โลดแล่นตามความต้องการจึงเป็นชีวิตที่ลอยละ
ล่องอยู่บนริ้วคลื่นแห่งปรารถนาที่ไม่มีวันจบสิ้น

การกลั่นกรองความต้องการ

แท้จริง
แล้ว ในบรรดาความต้องการทั้งหมดที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกวันนั้น
มีเพียงไม่กี่ความต้องการที่มีคุณสมบัติควรค่าแก่การพิจารณาปฏิบัติตาม

ความ
ต้องการที่ควรดำเนินตามคือ


ความต้องการที่ยังคุณค่าให้เกิดแก่ตนเองและคนอื่นจริง

ความต้องการที่ยังประโยชน์ทั้งปัจจุบันและอนาคต

ความต้องการที่ไม่นำผลร้ายใด ๆ ต่อเนื่องตามมาแม้นหากมีอยู่
ก็อยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้
• ความต้องการที่มีความเป็นไปได้จริง

ความต้องการที่เหมาะสมกับกาลเวลาและสถานการณ์

ความต้องการที่ไม่ทำให้สูญเสียความสุขปัจจุบันและความสุขในอนาคต

  
ต่อไปนี้เมื่อมีความต้องการใด จงเอามาตรเหล่านี้ไปกลั่นกรองดูเถิด
จะพบว่าในบรรดาความต้องการทั้งหมดที่ปรากฏต่อชีวิต และที่สังคมยัดเยียดให้
มีให้ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ที่ควรดำเนินตาม

คนที่จะประสบความสำเร็จสุขได้ต้อง
ไม่วิ่งตามความต้องการสะเปะสะปะ
ไม่ว่าจะเป็นของตนหรือของคนอื่นแต่ต้องกลั่นกรองเฟ้นหาความต้องการที่ดีจริง
คุ้มค่าจริงอย่างแม่น ๆ ไม่กี่อย่าง แล้วทุ่มเททำจริง ๆ จัง ๆ
ก็จะประสบความสำเร็จได้


ส่วน
คนที่ปรนเปรอความต้องการอันไม่รู้จบ
ทั้งของตนหรือของคนอื่น

คือข้าทาสผู้วิ่งตามกระแสอารมณ์และปรารถนาที่ในที่สุดก็ไม่รู้ว่าพาไปไหนกัน
เพราะมนุษย์เกือบทั้งโลกวิ่งตามความต้องการกันอย่างไม่ได้ประเมินผลสุดท้าย
ณ ปลายทางเลย

  ดังนั้น
อยากมีความสุข อย่าวิ่งตามความต้องการอันไม่รู้จบ ไม่ว่าของตนหรือของคนอื่น
แต่จงกลั่นกรองเลือกเฟ้นให้แม่น ๆ และทำให้เหมาะ ๆ ก็จักสำเร็จได้จริง

ความไม่ต้องการ

ในขณะที่
ความต้องการนำไปสู่ความเพ้อเจ้อและไม่คุ้มค่า
ความไม่ต้องการก็นำไปสู่ความคับแคบและไร้ค่า ได้เช่นกัน

ความไม่ต้อง
การเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่
• ปัญญาเห็นความไม่คุ้มค่า จึงไม่ต้องการ

ขี้เกียจ จึงไม่ต้องการ
• กลัว จึงไม่ต้องการ
• เคยเสียใจ
จึงไม่ต้องการ
• ถูกเสี้ยมสอนผิด ๆ หรือได้ข้อมูลผิด ๆ จึงไม่ต้องการ

ถูกตีกรอบปิดกั้นห้ามปรามจึงไม่ต้องการ
จะเห็นได้ว่า
เหตุแห่งความไม่ต้องการหลายประการทีเดียวที่เป็นกิเลสหรืออวิชชา

มี
เพียงความไม่ต้องการจากเหตุแห่งปัญญาประเมินผลแจ้งชัด
ในความคุ้มค่าตลอดสายแล้วเท่านั้นที่ควรนำมาพิจารณา

  ดังนั้น เมื่อมีความไม่ต้องการเกิดขึ้น
จงวิเคราะห์เสียก่อนว่าความไม่ต้องการนี้มาจากสาเหตุใด
หากเป็นความไม่ต้องการจากกิเลสหรืออวิชชา ก็จงขจัดความไม่ต้องการนั้นออกไป
เพราะไม่เช่นนั้น ความไม่ต้องการเหล่านั้นจะบีบชีวิตจิตใจให้คับแคบ
จนอาจต้องขุดรูอยู่อย่างขลาดกลัวในที่สุด

เมื่อ
ชีวิตลอยคออยู่กลางสมุทรแห่งโลกที่ปรุงแต่งความต้องการตลอดเวลา อยู่ ๆ
จะบอกว่าฉันไม่ต้องการอะไรเลยก็จะจมน้ำตายเสียก่อน
คือถูกความจำเป็นบีบรัดและระบบรอบด้านท่วมทับเอาได้ ดังนั้น
อย่างน้อยที่สุดก็ต้องมีความต้องการที่จะออกจากระบบทั้งหลายที่เห็นว่าไร้
สาระ

ต้องการอย่างกลางก็พึงต้องการสรรหาสาระเพื่อพัฒนาชีวิตจิตใจให้
สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป

หากต้องการอย่างมาก
ก็ต้องการบริหารคุณค่าให้เกิดประโยชน์สุขสูงสุดที่เป็นไปได้ตามกำลัง

เพราะ
ต้องการจึงมีการใคร่ครวญหาทาง
เพราะปัญญาใคร่ครวญจึงเกิดความรู้
เพราะ
ความรู้ จึงเกิดการตกลงใจ
เพราะการตัดสินใจ จึงเกิดการกระทำ
เพราะการ
กระทำ จึงเกิดการพัฒนา
เพราะการพัฒนา จึงเกิดความสำเร็จ

เพราะ
ความสำเร็จ จึงมีสิทธิ์เสวยผลอันคือประโยชน์สุขที่ยิ่ง

ความต้องการ
ที่แม่นยำและชอบธรรมจึงคือปฐมบทแห่งความสำเร็จทั้งหลายในโลก ดังนั้น
อย่าปิดประตูชีวิตไว้ในกรงแห่งความไม่ต้องการตลอดไป ชีวิตจะเฉาตาย

สรุป

ด้วยเหตุนี้
อย่าขังตนไว้ในคุกความไม่ต้องการทั้งของตนและของใคร ๆ โดยไม่ได้พิจารณา
จะติดกับดับวิภวตัณหา กระนั้นการพลัดเข้าไปสู่กระแสความต้องการไม่รู้จบ
ก็จะหลุดเข้าสู่ทะเลแห่งภวตัณหาอันเสี่ยงภัย เหนื่อยยาก และไม่คุ้มค่า

ลอง
ประเมินเข้าไปในชีวิตจริงดู
การมีในสิ่งที่ไม่ควรมีล้วนนำมาซึ่งความเหนื่อยมา เดือดร้อน ทุกข์ระทม
และการไม่มีในสิ่งที่ควรมีก็นำมาซึ่งความอัตคัด ฝืดเคือง แห้งแล้ง
ทุกข์ระทวย

ด้วยเหตุนี้ การทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
จึงเป็นความผิด

และการไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ จึงเป็นความพลาด

หาก
ไม่อยากให้ชีวิตผิดพลาด ต้องกลั่นกรองความต้องการให้ดี
จนเหลือแต่ความต้องการที่น้อย ๆ และแม่น ๆ หาไม่จะเป็นชีวิตดักแด้
เริ่มต้นใหม่ไม่รู้จบกับความต้องการที่ไม่รู้สิ้น

และอย่าเหวี่ยงจน
ตกขอบไปติดคุกตามความไม่ต้องการเพราะจะทำให้ชีวิตดักดาน ไม่พัฒนา
เพราะเมื่อความไม่ต้องการครอบงำแล้ว อะไรที่ควรคิดก็จะไม่คิด
อะไรที่ควรทำก็จะไม่ทำ อะไรที่ต้องการเพียรก็จะไม่เพียร
ก็จะสูญพันธุ์ไปแบบไดโนเสาร์อย่างไร้ค่า

ภาวะที่ดีที่สุดคือปลดปล่อย
จิตใจให้เป็นอิสระทั้งจากความต้องการและความไม่ต้องการก่อน
เมื่อใจเป็นอิสระแล้ว ปัญญาจะกว้างใหญ่มาก
แล้วใช้ปัญญาไร้ขอบเขตกอปรจิตใจอิสระนั้นวินิจฉัยโอกาสและข้อจำกัด
รวมทั้งผลต่อเนื่องรอบด้านอย่างตรงไปตรงมา เมื่อเห็นชัดแจ้งดีแล้ว
จึงตัดสินใจอย่างแม่นยำ

จำไว้ว่า คนประสบความสำเร็จ
ไม่ใช่คนทำมากหรือทำน้อย แต่คือคนที่ทำพอดี ๆ อย่างแม่นยำเท่านั้น



.........................................

จาก
หนังสือ ธรรมลีลา ปีที่ 6 ฉบับ 66 พฤษภาคม 2549

โดย ไชย ณ พล









Free TextEditor







































































































Create Date : 29 พฤษภาคม 2553
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 17:19:03 น. 0 comments
Counter : 269 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.