Form-Based Codes นวัตกรรมการปรับปรุงฟื้นฟูเมืองสำหรับมวลมนุษย์
Form-Based Codes นวัตกรรมการปรับปรุงฟื้นฟูเมืองสำหรับมวลมนุษย์
บทความดีๆ ที่มีประโยชน์มากมาย ของ นักวิชาการผังเมือง อ.ฐาปนา บุณยประวิตรบน Facebook //www.facebook.com/SmartGrowth Thailand ที่เขียนเกี่ยวกับเรื่อง การวางผังเมืองพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนตามแนวทางการเติบโตอย่างชาญฉลาด( Smart Growth) ซึ่งผมนำมาตั้งชื่อ Blog ผมอีกบล็อกหนึ่งครับ เพราะตั้งใจจะนำข้อคิดข้อเขียนของอาจารย์ทั้งจากใน Facebook ของอาจารย์และในเว็บไซต์ของอาจารย์ //asiamuseum.co.th/ มานำเสนอเท่าที่จะเป็นไปได้ความจริงหลายเรื่องที่อาจารย์เขียน โดยนำข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างประเทศที่เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ หลาย Case Study ครับ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวที่ดีๆ เกี่ยวกับผังเมืองในอนาคตที่ก่อประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างมหาศาล และแน่นอนทีเดียวหลายอย่าง ก็สามารถประยุกต์มาใช้ในประเทศไทยได้แน่นอน
เข้าสู่บทความครับ
Form-Based Codes นวัตกรรมการปรับปรุงฟื้นฟูเมืองสำหรับมวลมนุษย์
โดย ฐาปนา บุณยประวิตร
asiamuseums@hotmail.com/
//www.asiamuseum.co.th/
ตัวอย่างพื้นที่วางผังและออกแบบกายภาพจาก FBCs
ที่มา : Form-Based Code Institute
บทนำ
นานมาแล้วที่ประชาขนชาวไทยรอคอยการสร้างอนาคตที่สดใสจากบุคคลและทรัพยากรจากภายนอกเช่นเดียวกับหน่วยงานระดับท้องถิ่นรอคอยเงินลงทุนพัฒนาพื้นที่จากการอุดหนุนของรัฐบาลกลาง และนานมาแล้วที่เราไม่เคยมองหาประโยชน์ที่แท้จริงซึ่งเกิดจากทรัพยากรที่ดินที่เรามีอยู่ในท้องถิ่น จากการศึกษาหลายๆครั้งได้แสดงให้เห็นว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมามีการใช้ที่ดินในเขตเมืองอย่างไม่ประหยัดไม่มีความคุ้มค่าและไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควรจะเป็น เรามีกฎหมายหลายฉบับและระเบียบปฏิบัติเป็นจำนวนมากที่สนับสนุนและส่งเสริมให้ระบบการพัฒนาเศรษฐกิจเติบโตด้วยปัจจัยการขยายที่ดินในแนวราบ และมีกฏหมายพร้อมระเบียบปฏิบัติอีกจำนวนหนึ่งที่เป็นอุปสรรคในการสร้างสรรค์เศรษฐกิจด้วยการขยายที่ดินในแนวตั้งและไม่ส่งเสริมความหนาแน่นในพื้นที่เนื้อเมือง คล้ายกับว่า หากเศรษฐกิจและเมืองจะเติบโตได้ก็ต้องแผ่ขยายพื้นที่และขอบเขตการใช้ที่ดินออกไปจะด้วยการแผ่ขยายชุมชนใหม่หรือการสนับสนุนการจัดสรรที่ดินบ้านเดี่ยวในย่านชานเมืองก็ตาม ซึ่งการแผ่ขยายดังกล่าวไม่ได้คำนึงผลกระทบด้านระบบการสัญจร ด้านภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ด้านคุณภาพชีวิต ด้านสภาวะแวดล้อม การรุกล้ำพื้นที่ผลิตอาหาร การรุกล้ำพื้นที่กักเก็บน้ำและการรุกล้ำพื้นที่ลุ่มสำรองน้ำหรือพื้นที่มีความงดงามตามธรรมชาติ
กลุ่มความคิดจากฟากฝั่งยุโรปอาจจะสอนให้เรารู้จักการผังเมืองเพียงแค่การปรับปรุงสภาพการใช้ที่ดินให้ได้สัดได้ส่วนแต่มิได้กล่าวในรายละเอียดการจัดการเชิงลึกการใช้ประโยชน์ที่ดินในระดับตารางเมตรเช่นเดียวกับ Form-Based Codes (FBCs) จากฝั่งสหรัฐอเมริกาซึ่งได้นำทุกอนูของที่ดินคิดคำนวณหาคุณค่าและมูลค่าที่มวลมนุษย์สามารถใช้เพื่อสร้างสรรค์เศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต FBCs น่าจะเป็นกฎหมายผังเมืองเพียงเจ้าเดียวที่ตั้งกระทงคำถามกับประชาชนและผู้บริหารเมืองว่า ต่อจากนี้ ในย่านและชุมชนใครคือผู้รับผิดชอบกำหนดอนาคต ผู้บริหารเมืองหรือประชาชนเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือผู้พัฒนาที่ดินหรือผู้ประกอบการกลุ่มทุนจากภายนอก แน่นอนที่สุด หากยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้กำหนดอนาคตการใช้ที่ดินที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษเราก็ควรใช้แนวคิดการวางผังเมืองแบบเดิมๆดังที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้พัฒนาที่ดินหรือนักลงทุนจากภายนอกเป็นผู้ดำเนินการ แต่หากคิดว่าภาระดังกล่าวควรเป็นของเจ้าของกรรมสิทธิ์พี่น้อง ญาติมิตรสมาชิกในชุมชนร่วมกับผู้บริหารเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมกันกำหนดอนาคตการใช้ประโยชน์ นั่นก็แสดงว่าย่านหรือชุมชนนั้นต้องการใช้แนวทางและกลยุทธ์จาก FBCs
บทความสั้นฉบับนี้จะแสดงให้สาธารณะทราบว่า FBCs สามารถสร้างสรรค์เศรษฐกิจและความมั่งคั่งบนที่ดินที่เรามีอยู่ในเขตเนื้อเมืองเดิมได้ FBCs สามารถสร้างรูปทรงเมืองที่กระชับและใช้ที่ดินในเขตเนื้อเมืองให้ประชาชนประเทศ ภูมิภาคและโลกอย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับประโยชน์สูงสุดและก่อให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนา ทั้งนี้เนื่องจากชุมชนน่าอยู่หรือชุมชนแห่งการเดิน ( WalkableCommunity) ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในชุมชนที่กระจัดกระจาย ( SprawlingCommunity) เช่นเดียวกับชุมชนสีเขียว( Green Community) หรือแม้แต่ชุมชนที่ยั่งยืน ( SustainableCommunity) แต่ความยั่งยืนเกิดขึ้นได้ทุกที่ในชุมชนที่มีขอบเขต กระชับ มีศูนย์กลางหรือชุมชนที่ใช้เกณฑ์และนโยบายการปรับปรุงฟื้นฟูตามแนวทางการเติบโตอย่างชาญฉลาด( Smart Growth) ซึ่งเป็นต้นทางของ FBCs ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของบทความจะได้ชี้ชัดลงไปว่า ประเทศเมือง ย่าน ชุมชน และประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินจะสามารถร่วมมือกันพัฒนาการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดมูลค่าและคุณค่าสูงสุด พร้อมทั้งสามารถมองอนาคตของพื้นที่ชุมชน ย่านเมือง และประเทศได้อย่างไร
ภาพตัวอย่างชุมชนที่กระชับของกรุงปารีสที่มีตั้งแต่อดีต
ที่มา : Urban Splatter
ความหมายและความเป็นมา
FBCs มีเป้าหมายสำคัญต้องการให้เกิดการใช้ประโยชน์ที่ดินให้มีความคุ้มค่าและเกิดผลประโยชน์ต่อสาธารณะ นับเป็นกลยุทธ์หนึ่งของการเติบโตอย่างชาญฉลาดที่ใช้เพื่อการหยุดยั้งการกระจัดกระจายของเมือง( Urban Sprawl) ออกแบบปรับปรุงกายภาพให้เกิดความกระชับส่งเสริมให้ใช้พื้นที่เพื่อเป็นชุมชนแห่งการเดิน ( Walkable Community) ชุมชนสุขภาวะ ( Healhty Community) รวมทั้งการใช้ทรัพยากรที่ดินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด FBCs ก่อกำเนิดขึ้นจากสถาปนิกนักออกแบบชุมชนเมือง และนักผังเมืองที่ต้องการสร้างแนวทางที่เด่นชัดในการจัดการกายภาพย่านและชุมชนรวมทั้งสร้างยุทธศาสตร์การประโยชน์ที่ดินในอนาคตซึ่งได้บูรณาการปัจจัยการพัฒนาด้านต่างๆไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์โดยการประกาศใช้เป็นกฎหมายหรือข้อกำหนดร่วมกับผังเมืองรวมหรือข้อกำหนดรายละเอียดในผังเมืองเฉพาะ หรือเทศบัญญัติของเทศบาลระดับต่างๆ FBCs มีพัฒนาการมาอย่างยาวนาน แต่มีความชัดเจนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 โดย Andres Duany และ ElizabethPlater-Zyberk สองสถาปนิกออกแบบชุมชนเมืองซึ่งได้นำเสนอแนวทางในการออกแบบฟื้นฟู The Florida resort town of Seaside พร้อมการนำเสนอข้อกำหนดการใช้ที่ดินอย่างละเอียดพร้อมสร้างมาตรฐานทางกายภาพจำแนกกายภาพถึงระดับแปลงที่ดิน ซึ่งแนวทางการใช้ FBCs ในเมือง Seaside ได้เป็นแบบอย่างการวางผังและออกแบบกายภาพให้เมืองต่างๆเป็นต้นมา
เปรียบเทียบการวางผังแบบดั้งเดิมกับ Form-Based Codes
ในการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน FBCs ได้แสดงให้เห็นการใช้ประโยชน์ที่ดิน 2 ลักษณะ สรุปได้ดังนี้
การใช้ประโยชน์ที่ดินลักษณะแรก ได้แก่ การวางผังปล่อยให้การใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นไปอย่างธรรมชาติหรือมีลักษณะทางกายภาพที่กระจัดกระจายซึ่งได้แก่ การวางผังกำหนดแยกประเภทอาคารและกิจกรรมการใช้ประโยชน์ออกจากกัน ข้อกำหนดตราไว้เพื่อการบริหารจัดการในเชิงภาพรวม ไม่มีการออกข้อกำหนดกระชับอาคารและส่งเสริมการเกิดกลุ่มอาคาร แต่ได้ส่งเสริมการขยายตัวของอาคารในแนวราบ มีการกำหนดความสูงและไม่สนับสนุนให้เกิดความหนาแน่นในการใช้ที่ดินและอาคาร ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ด้วยปัจเจกชนซึ่งไม่สามารถทำนายหรือคาดการณ์อนาคตการใช้ประโยชน์พื้นที่และสภาพแวดล้อมได้แม้จะมีการออกข้อกำหนดขนาดมวลอาคารและประเภทอาคารก็ตามซึ่งการกำหนดดังกล่าวเป็นการบังคับใช้สำหรับปัจเจกชนหรือผู้ประกอบการในเชิงเดี่ยวไม่มีความสัมพันธ์กับบริบทและความต้องการของชุมชนหรือสาธารณะอย่างแท้จริง การเติบโตของเศรษฐกิจและการลงทุนซึ่งมีการใช้ที่ดินภายในชุมชนไม่ได้เกิดขึ้นจากความเห็นร่วมของประชาชนและหน่วยงานระดับท้องถิ่นซึ่งก็หมายถึง ประชาชนในพื้นที่ไม่มีโอกาสรับทราบอนาคตการใช้ทรัพยากรที่ชุมชนมีอยู แม้ประชาชนส่วนหนึ่งอาจได้รับประโยชน์จากการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจแต่ประชาชนส่วนใหญ่อาจจะต้องกลายเป็นผู้รับภาระทางสังคมและสภาพสิ่งแวดล้อมที่เป็นผลจากการพัฒนา
การใช้ประโยชน์ที่ดินในลักษณะที่ 2 มีรูปลักษณ์ตรงกันข้ามกับการใช้ที่ดินลักษณะแรกซึ่งได้แก่ การวางผังให้เกิดย่านและชุมชนที่กระชับ เป็นชุมชนที่สมบูรณ์ ( Complete Community) เศรษฐกิจและการใช้ประโยชน์ที่ดินเติบโตตามแผนที่ทุกผู้มีส่วนได้ส่วนเสียร่วมกันวางและคาดการณ์ไว้ มีการวางผังชุมชนให้มีขอบเขต แบ่งพื้นที่อนุญาตเพื่อการพัฒนาและเพื่อการอนุรักษ์ไว้อย่างชัดแจ้ง ภายในเนื้อเมืองได้กำหนดให้กระชับอาคารและส่งเสริมให้เกิดกลุ่มอาคาร ส่งเสริมให้เกิดความหนาแน่นและการขยายอาคารในแนวตั้งในระดับชั้นความสูงที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เป็นปัญหาด้านทัศนอุจาด กำหนดรูปลักษณ์และประเภทอาคาร จัดสรรที่ว่างไว้สำหรับการสร้างสถานที่สาธารณะ( Public Spaces) สถานที่บริการส่วนกลาง ( CivicSpaces) สร้างระบบการเชื่อมต่อหลักภายในย่านและชุมชนด้วยทางเดินและทางจักรยาน วางแผนการใช้ระบบการขนส่งมวลชนรูปแบบต่างๆที่มีความเหมาะสมกับย่าน กำหนดรายละเอียดภูมิทัศน์เมือง ภูมิทัศน์ถนน มาตรฐานถนน และระบบนิเวศเมืองที่สามารถปกป้องและบรรเทาปัญหาภัยพิบัติที่อันอาจเกิดขึ้นในอนาคตในการคาดการณ์การใช้ประโยชน์ที่ดินเริ่มต้นจากเจ้าของกรรมสิทธิที่ดิน ประชาชนในชุมชน หน่วยงานในท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกลุ่มผู้ประกอบการค้าและนักลงทุนที่มีความสนใจร่วมการพัฒนาพื้นที่ เมื่อได้ข้อสรุปแนวทางในการพัฒนาพื้นที่แล้ว หน่วยงานในท้องถิ่นมีหน้าที่ในการนำรายละเอียดด้านกายภาพและด้านต่างๆประกาศเป็นเทศบัญญัติหรือกฏหมายของท้องถิ่นเพื่อบังคับใช้เป็นแนวทางการพัฒนาในระยะยาว 5 10 20 และ 50 ปีต่อไป
ที่มา : Daniel G. Parolek, Form-Based Codes,2008
ส่วนประกอบของ Form-Based Codes
FBCs แบ่งแนวทางการออกแบบย่านและชุมชนออกเป็น 4 กลุ่มประกอบด้วย
1. กฎหมายและแผนการปฏิบัติ( A Regulating Plan) ได้แก่ ข้อบัญญัติระเบียบและข้อกำหนดทางกายภาพย่านซึ่งอาจจะกำหนดขึ้นตามระยะเวลาที่คาดการณ์ไว้
2. มาตรฐานสถานที่สาธารณะ( Public Spaces Standard) เหตุที่ต้องกำหนดรายละเอียดที่ตั้งและลักษณะทางกายภาพของสถานที่สาธารณะขึ้นมาก่อนการวางผังและออกแบบรายละเอียดอื่นๆเนื่องจากต้องที่ตั้งของสถานที่สาธารณะเป็นอันดับแรกและให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมประชาชน มีความงดงามและมีรูปลักษณ์เป็นสถานที่พิเศษ ( TheGreat Places) ของชุมชน
3. แผนการบริหารจัดการ( Administration Plan) ได้แก่การกำหนดแนวทางการบริหารจัดการทางกายภาพ ทางสังคมและระบบการพัฒนาเศรษฐกิจให้เป็นไปตามแผนงานที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวางไว้
4. มาตรฐานการผังเมืองและรายละอียดทางกายภาพ ( Glossary) ประกอบด้วย 4 มาตรฐานการออกแบบได้แก่
4.1 มาตรฐานแปลงที่ดิน ( BlockStandard) ได้แก่รูปแบบและขนาดแปลงที่ดินในพื้นที่พัฒนาจำแนกเป็นรายชุมชนและรายแปลง
4.2 มาตรฐานรูปแบบอาคาร ( Building Type Standard) ได้แก่ ประเภท การใช้ประโยชน์ความสูง ระยะถอยร่นจากแนวเขตสาธารณะ เป็นต้น
4.3 มาตรฐานด้านสถาปัตยกรรม ได้แก่ รูปทรงอาคาร รูปด้านหน้า ทัศนียภาพและรายละเอียดการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ ความงามและความสมดุลในการใช้อาคารและสภาวะแวดล้อม
4.4 มาตรฐานอาคารเขียว ( Green Building Standard) ได้แก่ แนวทางการกำหนดคุณลักษณะอาคารตามเกณฑ์ของ LEEDเช่น การใช้ทรัพยากรอาคาร วัสดุพลังงาน การบำบัดและกำจัดของเสีย การรับแสง การระบายอากาศ เป็นต้น
4.5 มตรฐานภูมิทัศน์ ( LandscapeStandard) ได้แก่ การกำหนดรายละเอียดด้านภูมิสถาปัตยกรรมสภาพแวดล้อมทั้งในบริเวณแปลงที่ดิน พื้นที่สาธารณะ ที่โล่ง พื้นที่สีเขียว ภูทัศน์ถนน ทางเดิน ทางจักรยาน ทางระบบขนส่งมวลชน ถนน ต้นไม้ใหญ่ ที่นั่งพัก เฟอร์นิเจอร์ถนน และระบบสาธารณูปโภคพร้อมระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม
ตัวอย่างการกำหนดประเภทอาคารและภาพด้านตัดแสดงสภาพแวดล้อมชุมชนเกาะสมุยตามแนวทาง FBCs
ที่มา : บริษัท พิพิธภัณฑ์เอเซีย จำกัด
การนำ FBCs ลงสู่การปฏิบัติ
เพื่อให้ประเทศ เมือง ย่าน ชุมชน และประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินสามารถร่วมมือกันพัฒนาการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดมูลค่าและคุณค่าสูงสุด พร้อมทั้งสามารถมองอนาคตของพื้นที่ชุมชน ย่านเมืองได้ ดังนั้น ผู้บริหารเมืองจึงควรนำ FBCs บรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์ แผนการพัฒนาเมือง ผังเมืองรวม ผังพัฒนาพื้นที่ และแผนการพัฒนาประเภทต่างๆ ดังนี้
1. แผนการปรับปรุงย่านการใช้ประโยชน์ที่ดินและการปรับปรุงข้อกำหนดการใช้ประโยชน์อาคาร( Complete Zoning and Development Code Updates)
2. ผังแม่บทและแผนการปรับปรุงฟื้นฟูย่านพาณิชยกรรม( Downtown Master Plan)
3. แผนการปรับปรุงฟื้นฟูกายภาพพื้นที่ตามแนวถนน( Corridor Revitalization Plans)
4. แผนการปรับปรุงฟื้นฟูย่านและชุมชน( Neighborhood Revitalization Plans)
5. มาตรฐานสำหรับการจัดทำผังเฉพาะหรือผังพัฒนาพื้นที่( Specific Plan Development Standards)
6. รายละเอียดการปฏิบัติในแผนภาค ( RegionalPlan Implementation)
7. รายละเอียดการปฏิบัติในผังเมืองรวมหรือผังแม่บทการพัฒนาพื้นที่( Comprehensive Plan Implementation)
8. แผนการสงวนรักษาทรัพยากรด้านประวัติศาสตร์( Historic Resource Preservation Planning)
9. รายละเอียดการปฏิบัติในแผนการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน( Transit Village Implementation)
10. แผนการอนุรักษ์และพัฒนาที่ดิน ( LandConservation Development Plans)
11. แผนการปรับปรุงฟื้นฟูย่านที่พักอาศัย( Greyfield Redevelopment)
12. แผนแม่บทการพัฒนาวิทยาเขต ( CampusMaster Planning)
13. แผนการพัฒนาและฟื้นฟูชุมชนรอบมหาวิทยาลัย( University/Community Interface Plans)
14. ข้อกำหนดและรูปแบบการจัดสรรที่ดิน ( Subdivision Ordinances)
นอกจากนี้ยังสามารถนำ FBCs ไปใช้สำหรับเทียบเคียงค่ามาตรฐานในการวางผังพัฒนาเมืองอื่นๆที่ผู้บริหารเมืองต้องการกำหนดรายละเอียดทางกายภาพและเศรษฐกิจ เช่น การประมาณการมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการปรับปรุงฟื้นฟูพื้นที่ การประมาณการฐานภาษีทางตรงและทางอ้อมที่ประชาชนและรัฐฯจะได้รับในช่วงระยะเวลาต่างๆ หรือใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภารกิจการบริหารจัดการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนหรือการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ระบบการคมนาคมและขนส่ง ระบบสาธารณูปโภค หรือแม้แต่การใช้ในการจัดการทางกายภาพให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เป็นต้น
สรุป
จะเห็นได้ว่า FBCs มีศักยภาพระดับสูงในการวางผังและออกแบบปรับปรุงฟื้นฟูเมืองและสามารถยกระดับการใช้ประโยชน์ที่ดินให้มีความคุ้มค่าประหยัดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมืองและประชาชนสามารถคาดการณ์โอกาสและความมั่งคั่งในการใช้ที่ดินในอนาคต ในขณะเดียวกัน พื้นที่ซึ่งใช้ FBCs จะได้รับการแปรเปลี่ยนจากสภาพไร้การวางแผน( Unplanned Area) เป็นพื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์( Complete Area) ด้วยกายภาพที่ได้รับการออกแบบซึ่งเกิดจากความต้องการและความเห็นร่วมกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในบทความฉบับต่อไป จะได้นำผลประโยชน์ของ FBCsที่มีต่อการเพิ่มพูนมูลค่าทางเศรษฐกิจต่อเมืองและประชาชนมาเสนอแต่ที่พลาดไม่ได้สำหรับผู้บริหารเมืองคือ ผลการวิจัยการใช้ FBCs ในต่างประเทศที่สามารถตอบคำถามการเพิ่มขึ้นของฐานภาษีและมูลค่าทางเศรษฐกิจที่วัดได้ในระดับย่านหลังจากการนำ FBCs บังคับใช้ร่วมกับกลยุทธ์ TOD ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นเครื่องยืนยันว่า แนวทางการปรับปรุงฟื้นฟูทางกายภาพของ FBCsสามารถสร้างความยั่งยืนในการพัฒนาให้เกิดแก่มวลมนุษย์ได้อย่างแท้จริง
ชมวีดีโอ
VIDEO
เอกสารอ้างอิง
Daniel G. Parolek, AIA, Karen Parolek, Paul C. Crawford, FAICP, 2008,Form-Based Codes, A Guide for Planners,
Urban Designers, Municipalities, and Developers. New Jersey.John Wiley& Sons, Inc
Galina Tachieva, 2010, Sprawl Repair Manual, Island Press, Washington
ท่านใดสนใจแนวความคิด Smarth Growth (การวางผังเมืองพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนตามแนวทางการเติบโตอย่างชาญฉลาด)เข้าไป กด like fanpage กับอาจารย์ได้ตามลิ้งก์ Facebookนี้ครับ //www.facebook.com/smartgrowththailand
อ่านเนื้อเรื่อง ย้อนหลัง ลิ้งก์ตามที่อยู่ด้านล่างนี้(เพื่อจะได้รับทราบข้อมูล ผังเมือง ในระดับโลกเค้าไปถึงไหนกันแล้ว //www.oknation.net/blog/smartgrowth
Create Date : 30 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2555 11:06:54 น.
2 comments
Counter : 6389 Pageviews.
Ray Ban Wayfare //www.packageone.com/