โปรเม เอรียา คว้ารางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่นแห่งปีในงานรางวัลวันนักกีฬาแห่งชาติ



โปรเม เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟชาวไทยคว้ารางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น ในงานประกาศรางวัลวันกีฬาแห่งชาติ หลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดปีที่ผ่านมา เผยรายละเอียดนักกีฬาอื่นๆที่ได้รับรางวัล

 

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ ประจำปี 2559 ที่ อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก กกท. เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณแก่นักกีฬาและบุคลากรทางการกีฬา ที่มีผลงานดีเด่น เป็นที่ประจักษ์ ควรได้รับการยกย่องเชิดชู โดยได้มีพิธีมอบรางวัลแก่นักกีฬาและบุคลากรดีเด่นทางการกีฬา จำนวน 10 ประเภท

รางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น ผลปรากฏว่า “โปรเม”เอรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟหญิงชาวไทย มือ 2 ของโลก คว้ารางวัลไปครอง หลังสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการคว้าแชมป์เมเจอร์แรกในประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทย และแชมป์กอล์ฟแอลพีจีเอทัวร์อีก 4 รายการด้วยกัน ส่งผลให้เจ้าตัวคว้ารางวัลนักกอล์ฟยอดเยี่ยมแห่งปีของแอลพีจีเอในปีนี้มาครอง ไปก่อนหน้านี้

ขณะที่นักกีฬาสมัครเล่นชายดีเด่น ได้แก่ เทวินทร์ หาญปราบ นักกีฬาเทควันโด ที่สร้างผลงานด้วยการคว้าเหรียญเงินจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2016 มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ในปีนี้ รวมถึงเหรียญทองแดงจากการแข่งขันรายการ ยูเอส โอเพ่น

นักกีฬาสมัครเล่นหญิงดีเด่น ได้แก่ “น้องฝ้าย”สุกัญญา ศรีสุราช นักกีฬายกน้ำหนัก ที่คว้าเหรียญทองจากการแข่งขันโอลิมปิก 2016 ในรุ่น 58 กก. หญิง

ส่วนรางวัลอื่นๆที่น่าสนใจประกอบไปด้วย นักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นชายดีเด่น ได้แก่ ทิพย์มงคล เข็มศรี จากกีฬา เจ็ตสกี, นักกีฬาเยาวชนสมัครเล่นหญิงดีเด่น ได้แก่ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จากกีฬาเทควันโด, นักกีฬาพิการชายดีเด่น ได้แก่ พงศกร แปยอ จากกีฬาวีลแชร์เรสซิ่ง, นักกีฬาพิการหญิงดีเด่น ได้แก่ สุบิน ทิพย์มะณี จากกีฬาบอคเซีย, รางวัลชนิดกีฬาทีมดีเด่น ได้แก่ ฟุตซอล ทีมชาย และสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยดีเด่น ได้แก่ สมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย

'เอรียา-เทวินทร์' รับรางวัลนักกีฬาดีเด่น วันกีฬาแห่งชาติ 2559

//www.thairath.co.th/content/813441

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 19 ธันวาคม 2559    
Last Update : 19 ธันวาคม 2559 11:22:59 น.
Counter : 244 Pageviews.  

รองโฆษกตร.เตือนมือคีย์บอร์ดป่วนเว็บไซต์รัฐสภา ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เจอคุก 5 ปี ปรับ 1 แสน



รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติฝากเตือนมือคีย์บอร์ดป่วนเว็บรัฐสภา ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท เตือน ปชช. อย่าหลงเชื่อการยุยงปลุกปั่นชี้มีอีกหลายช่องทางที่สามารถแสดงความไม่เห็นด้วย

 

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2559 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเพจเฟซบุ๊ก “พลเมืองต่อต้าน Single Gateway : Thailand Internet Firewall #opsinglegateway” นัดหมายผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ร่วมกันแสดงออกในการต่อต้าน ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ในการทำปฏิบัติการ “F5 for All Thai people” จนทำให้เว็บไซต์ของรัฐสภาwww.parliament.go.th ล่มไม่สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้

นอกจากนี้ เพจดังกล่าวได้นัดปฏิบัติการอีกครั้ง ในวันที่ 16 ธ.ค. เวลา 14.00 น. ซึ่งเป็นวันที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ วาระ 2 - 3 นั้นหลังเกิดเหตุมีบุคคลบางกลุ่มพยายามดำเนินการก่อกวนโดยนัดกันไปป่วนเว็บไซต์ของหน่วยงานราชการ จนไม่สามารถเข้าชมได้เพื่อแสดงการต่อต้านร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่…) พ.ศ. …ตามที่ปรากฏตามข่าว

ผู้ที่หลงเชื่อเข้าไปกระทำความผิดนั้น จะมีความผิดตามมาตรา 10 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในการทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดนระงับชะลอขัดขวางหรือถูกรบกวนจนไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ มีความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกส่วนคือผู้ยุยงส่งเสริมปลุกปั่นเพื่อให้กลุ่มคนกระทำความผิดจะสุ่มเสี่ยงต่อความผิดมาตรา 116 (3) ฐานยุยงปลุกปั่นเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี

ทั้งนี้ อยากฝากเตือนประชาชนว่าไม่ควรหลงเชื่อกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมยุยงปลุกปั่นให้เกิดความเสียหายต่อเว็บไซต์ต่างๆ หากประชาชนต้องการแสดงความไม่เห็นด้วยในกรณีดังกล่าวมีช่องทางมากมายที่สามารถแสดงความเห็นอยู่แล้ว เช่น ช่องทางการแสดงออกตามกระทู้ต่างๆ หรือการยื่นหนังสือทักท้วง และการลงชื่อร่วมกันเพื่อนำไปยื่นกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถออกกฎหมายให้มีความสมบูรณ์ แต่การเข้าไปดำเนินการกดคีย์บอร์ดกด F5 เพื่อให้เว็บไซต์ต่างๆ ล่มนั้น เป็นการกระทำที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯอย่างชัดเจน โดยตำรวจจะเข้าไปตรวจสอบหาผู้กระทำผิด รวมถึงกำลังสอบสวนสืบสวนหาเจ้าของเพจเฟซบุ๊กที่ยุยงปลุกปั่นดังกล่าวว่าอยู่ในประเทศหรือนอกประเทศต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2559    
Last Update : 16 ธันวาคม 2559 21:17:58 น.
Counter : 256 Pageviews.  

เปิด'กลุ่มทุน-นักธุรกิจ'หนุน 'ธรรมกาย' ? โดย ทีมข่าวไพรม์ไทม์ NationTV



คงจำกันได้ว่าเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2559 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)นำกำลังเข้าตรวจค้นเพื่อจับกุมพระธัมมชโยที่วัดพระธรรมกาย ปทุมธานี แต่ครั้งนั้นเรื่องก็จบไป คราวนี้หมายค้นออกให้ดำเนินการวันที่ 13-16 ธันวาคม 2559 ภายหลังวันที่ 16 ธันวาคมเรื่องก็น่าจะจบอีกเพราะตำรวจบอกว่าไม่พร้อม เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 ทีมข่าวไพรม์ไทม์ NationTV จัดทำรายละเอียดว่ามีกลุ่มทุน-นักธุรกิจใดบ้างที่เข้าไปหนุนวัดพระธรรมกาย มีเงินตั้งแต่พันล้านไปจนถึงหมื่นล้าน ดังนั้นคนที่มี 10 ล้านและไปบริจาคหมดตัวจึงออกมาโวยวาย เมื่อเทียบกับคนที่มีเป็นพันล้านหมื่นล้านแล้ว เขาเรียกว่า 10 ล้านน่ะเศษตังค์ ดังนี้......

 

นักธุรกิจ และกลุ่มทุนที่สนับสนุนวัดพระธรรมกาย ใช่มีแต่ “บุญชัย เบญจรงคกุล" ประธานกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค ที่ได้ออกมาเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมปฏิบัติธรรมและปกป้องพระธัมมชโยให้พ้นจากมลทิน เท่านั้น

“ทีมข่าวไพรม์ไทม์” ช่อง NationTV พบว่ายังมีนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงและมีความใกล้ชิดวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย ที่สร้างเครือข่ายให้วัดแห่งนี้ โด่งดังไปทั่วประเทศ และทั่วโลก

“วันนี้ผมมาเชิญชวนทุกท่าน ให้มาร่วมกันปฏิบัติธรรม กลั่นใจใสๆ แผ่เมตตา ผมก็เชื่อว่า ทุกท่านได้เห็นจากข่าวที่ออกไปว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมก็คิดว่าพลังที่เราจะมาร่วมกันนับล้าน เพื่อปฏิบัติธรรมและแผ่เมตตาให้กับสิ่งที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้นกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา ให้มันหายไป” นั่นคือเสียงเปิดตัวของเจ้าสัวหมื่นล้าน “บุญชัย เบญจรงคกุล”ประธานกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค ที่ได้ประกาศผ่านรายการ “ข่าวเคลียร์ เคลียร์ข่าวชัด วัดพระธรรมกาย” ซึ่งออกอากาศผ่านสถานีโทรทัศน์ดีเอ็มซี เมื่อ 2 วันก่อน

ดังนั้นไม่อาจสื่อเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากเพื่อปลุกพลังนักธรรมทั่วประเทศและทั่วโลก ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อ “พระธัมมชโย” โดยใช้หลักอหิงสาเข้าสู้กับกรมสอบสวนพิเศษ หรือดีเอสไอ ที่เพียรพยายามจะเข้าไปจับกุม “พระธัมมชโย” ถึงถิ่นวัดพระธรรมกาย

ขณะเดียวกัน ภาพของเจ้าสัวบุญชัยถือผ้าไตรเดินนำหน้าขบวนในพิธีอัญเชิญผ้าไตรบรมจักรพรรดิมหาสมบัติ เมื่อปี 2546 คงไม่ต้องอธิบายว่า เจ้าสัวบุญชัย แนบสนิทกับวัดพระธรรมกายขนาดไหน ดูเหมือนจะเป็นภาพที่คนในวัดพระธรรมกายเห็นจนชินตามานานกว่า 10 ปี

ทีมข่าวไพรม์ไทม์ ได้รับข้อมูลว่า เสี่ยบุญชัยเข้าไปร่วมกับวัดพระธรรมกาย เพราะการชักชวนจากน้องสาว คือ วรรณา จิรกิติ ภรรยา ดร.ประกอบ จิรกิติ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจที่จะเห็นภาพ ดร.ประกอบและภรรยา เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของวัดพระธรรมกาย ซึ่ง ดร.ประกอบเคยรายงานบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าเขาและภรรยามีทรัพย์สินรวมกันกว่า 2,482 ล้านบาท

ในส่วน “อนันต์ อัศวโภคิน” ประธานคณะกรรมการ บริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์ และค้าปลีกโฮมโปร ที่มีสินทรัพย์รวมกว่า 9.7 หมื่นล้านบาท เป็นอีกคนที่มีความสัมพันธ์แนบชิดกับวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย

นิตยสารฟอร์บส์ไทยแลนด์ จัดอันดับให้ อนันต์ อัศวโภคิน เป็นเศรษฐีไทยที่ร่ำรวยอันดับ 26 มีทรัพย์สินรวม 925 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 33,300 ล้านบาท

“เสี่ยสอง วัชรศรีโรจน์” อดีตนักเล่นหุ้นที่โด่งดังจากคดีปั่นหุ้น ธนาคารกรุงเทพฯ พณิชย์การ หรือบีบีซี เมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ก็เป็นอีกคนที่มีความใกล้ชิดและร่วมกิจกรรมกับวัดพระธรรมกายอยู่ตลอดเวลา

เสี่ยสอง เป็นพี่ชาย พระมหา ดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ หรือพระมหาสมชาย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ทุกคนในวัดแห่งนี้รู้ดีว่ารองจากพระธัมมชโยแล้ว พระมหาสมชาย คือผู้ที่มีอำนาจสั่งการมากที่สุดในขณะนี้

อีกทั้ง “มโนทิพย์ จักรวาลธรรม” นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้น ที่เข้าไปกว้านซื้อหุ้นบริษัท บูติคนิวซิตี้ ในเครือสหพัฒน์ จนสามารถเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 6 ของบริษัทแห่งนี้ ก็เป็นนักธุรกิจอีกคนที่มีบทบาทสำคัญในวัดพระธรรมกาย และมักปรากฏตัวคู่กับเสี่ยสองเสมอ

ทีมข่าวไพรม์ไทม์ ยังพบว่ามีนักธุรกิจอีกหลายคนที่เข้าร่วมกิจกรรมกับวัดพระธรรมกายอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น “มงคล จิรพัฒนกุล” เจ้าของบริษัท แลคตาซอย ผู้ผลิตน้ำนมถั่วเหลือง ที่มีสินทรัพย์รวมกว่า 6.6 พันล้านบาท รายได้ปีละ 9 พันกว่าล้าน

“กฤษฎา จ่างใจมนต์” เจ้าของเนเจอร์กิฟ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตเครื่องดื่มปรุงสำเร็จชนิดผง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อบำรุงสุขภาพ ภายใต้ตราสินค้าเนเจอร์กิฟ

“ธีรวัฒน์ ฐานะโชติพันธ์” เจ้าของบริษัท ทีแมนฟาร์มา จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์ ที่มีสินทรัพย์กว่า 678 ล้านบาท

“นพ.มโน เลาหวณิช” อดีตศิษย์วัดพระธรรมกาย บอกกับทีมข่าวไพรม์ไทม์ว่า อนันต์ เจ้าของแลนด์แอนด์เฮ้าส์ เป็นนักธุรกิจอันดับหนึ่ง คนที่สองคือเจ้าสัวบุญชัย ส่วนคนที่สามคือ นายสอง ที่มีบทบาทในการบริจาคและดึงปัจจัยต่างๆ เข้าวัด

นอกจากนี้ ยังมีนักธุรกิจรุ่นเก่า อาทิ มรกต มณีไพโรจน์, ดิฐพงศ์ เรืองฤทธิเดช เจ้าของชายี่ห้อตรามือ,วรชัย ชูชัยศรี นักธุรกิจส่งออกกรอบรูปร้อยล้าน และศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ขณะนี้ถูกดำเนินคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ก็รวมอยู่ในกลุ่มนักธุรกิจวงในของวัดพระธรรมกายด้วย

นาทีนี้...คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า วัดพระธรรมกายคืออาณาจักรอันยิ่งใหญ่ ที่รวบรวมบรรดานักธุรกิจไว้อย่างมากมาย !!

“ไพรม์ไทม์กับเทพชัย”

https://youtu.be/TWf2whPrYGs

โฉมหน้าอัครสาวก ธรรมกาย ธรรมโกย

//www.manager.co.th/AstvWeekend/ViewNews.aspx?NewsID=9580000024079

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 16 ธันวาคม 2559    
Last Update : 16 ธันวาคม 2559 14:17:57 น.
Counter : 319 Pageviews.  

Sony เปิดตัวเครื่องเล่นมีเดียสำหรับอัพเกรดการใช้งาน Apple CarPlay ในรถยนต์



การใช้งานสมาร์ทโฟนภายในรถยนต์แต่ก่อนนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนอยู่บ้าง แต่ถ้าเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ๆ จากบางค่ายผู้ผลิตก็อาจจะติดตั้งระบบจัดการความบันเทิงภายในรถมาให้เสร็จสรรพ หรือถ้าอัพเกรดไปกว่านั้นบรรดาผู้ผลิตรถยนต์แต่ละค่ายนั้น ก็จะมีการเปิดตัวเป็นพันธมิตรสนับสนุนเทคโนโลยีอย่าง Apple CarPlay หรือ Android Auto ให้ได้เลือกใช้งานกันตามความต้องการและสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมายน้อยลงสำหรับการใช้งานสมาร์ทโฟนในระหว่างการขับขี่บนท้องถนน

ซึ่งในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาทาง Sony ก็ได้จัดการเปิดตัว XAV-AX100 ระบบ In-Car Entertainment หน้าจอสัมผัสประเภท Resistive ขนาด 6.4 นิ้ว รุ่นล่าสุดของบริษัท ซึ่งสนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 499.99 เหรียญสหรัฐ ออกมาให้บรรดารถยนต์ในท้องตลาดอื่นๆ สามารถได้เลือกอัพเกรดการรองรับเทคโนโลยีเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนในท้องตลาด โดยสนับสนุนการใช้งาน Apple CarPlay ให้ผู้ใช้งานโทรศัพท์ iPhone สามารถเชื่อมต่อใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโทรออกรับสาย ใช้งานระบบแผนที่นำทาง หรือการเล่นเพลงจากตัวเครื่อง

ที่มา macstroke




 

Create Date : 13 ธันวาคม 2559    
Last Update : 13 ธันวาคม 2559 6:02:49 น.
Counter : 278 Pageviews.  

นิดด้าโพลเผยผลสำรวจ 48.88 % ประชาชนให้พระธัมมชโยมอบตัวพิสูจน์ตัวเอง-สมัชชาสงฆ์เถรวาทโลกขออย่าใช้ความ



“นิด้าโพล”เผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ 48.88 % ระบุว่า พระธัมมชโยควรมอบตัวด้วยตนเองเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ สมาชิกสมัชชาสงฆ์เถรวาทโลก ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีไทยยุติความรุนแรงต่อธัมมชโย

 

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2559 ศูนย์สำรวจความคิดเห็น“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “กรณีการดำเนินคดีพระธัมมชโย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 6 – 7 ธันวาคม2559 จากประชาชนทั่วประเทศ กระจายทุกระดับการศึกษา และอาชีพ รวมทั้งสิ้น 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการดำเนินคดีพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างด้วยความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ“นิด้าโพล”ด้วยวิธีแบบอย่างง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ 95.0 % และมีค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน (Standard Error: S.E.) ไม่เกิน 1.4

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินคดีพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่

48.88 % ระบุว่า พระธัมมชโยควรมอบตัวด้วยตนเอง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธ์ รองลงมา 23.12 % ระบุว่า เจ้าหน้าที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจ ควรรีบบุกจับกุมพระธัมมชโยโดยเร็วเพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

16.80 % ระบุว่า คสช. ควรใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปรับเปลี่ยนผู้บริหารวัดพระธรรมกาย และผู้บริหารของมูลนิธิที่อิงวัดพระธรรมกาย

5.68 % ระบุว่า เจ้าหน้าที่รัฐควรมีมาตรการกดดันให้พระธัมมชโยมอบตัว เช่น ตัดน้ำ ตัดไฟ หรือระบบสื่อสารของวัดพระธรรมกาย

1.52 % ระบุอื่น ๆ ได้แก่ การจับกุมเป็นไปได้ยาก เห็นมีการยืดเยื้อมานานพอสมควร, กฎหมายไม่หนักแน่นพอ, ควรใช้วิธีการที่เหมาะสม เช่น การเจรจา, ขณะที่บางส่วนเห็นแย้งว่าไม่ให้ดำเนินการใด ๆ เนื่องจากเห็นว่า พระธัมมชโย ไม่ได้กระทำความผิดใด ๆ 4.00 % ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถนำตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีภายใน 3 เดือน ตามที่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวไว้ พบว่า ประชาชน 14.40 % ระบุว่า มั่นใจมาก

16.40 % ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ

2.08 % ระบุว่า มั่นใจครึ่งหนึ่ง ไม่มั่นใจครึ่งหนึ่ง

36.08 % ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ

28.00 % ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย

3.04 % ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ  

สมัชชาสงฆ์ฯขอให้นายกฯยุติความรุนแรง

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2559  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกสมัชชาสงฆ์เถรวาทโลก ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีใจความดังต่อไปนี้

พระศาสนรักขิตตะ มหาเถโร เจ้าอาวาสวัดปันชารี สันติปูร์ อรัญญกุฎิ ประเทศบังคลาเทศ สมาชิกสมัชชาสงฆ์เถรวาทโลก ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีไทย ยุติความรุนแรงต่อพระเทพญาณมหมุนี วัดพระธรรมกาย 10 ธันวาคม 2559

เรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อาตมาในฐานะพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา มีความกังวลใจอย่างมากต่อสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทยที่เนื่องด้วยข่าววัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียง เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและต่างประเทศ ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก

วัดพระธรรมกายมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในด้านการทำกิจกรรมทางศาสนา เช่น โครงการบวชสามเณร 1 ล้านรูป โครงการจุดประทีป การรณรงค์เลิกเหล้าเลิกบุหรี่ โครงการปฏิบัติสมาธิ ฯลฯ ซึ่งโครงการดังกล่าวข้างต้นมิได้มีเฉพาะในประเทศไทย แต่ขยายไปทั่วโลก ทั้งภาคพื้นยุโรป และอเมริกา และคนทุกชนชั้นต่างมีความเคารพในพระเทพญาณมหามุนี หลวงพ่อธัมมชโย

จากการที่อาตมาได้เห็นการกระทำของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองกำลังตำรวจได้ร่วมมือกันเพื่อจับกุมเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ ซึ่งเราคิดว่าท่านถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งนี้เนื่องจากท่านอาพาธทำให้ไม่สามารถไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ศาลได้ จากนั้นมา ได้มีความพยายามที่จะจับกุมท่าน จากหนังสือพิมพ์และอินเตอร์เน็ตเราได้เห็นตำรวจพร้อมอาวุธร้ายแรงพยายามบุกวัดพระธรรมกายหลายครั้ง และสถานการณ์ล่าสุด ได้มีการออกหมายจับมีระยะเวลา 4วัน ตั้งแต่วันที่ 13-16 ธันวาคม นี้

ทุกคนต่างทราบดีว่าประเทศไทยเป็นประเทศเมืองพุทธ ซึ่งปกครองโดยรัฐบาลชาวพุทธ นับเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีเลยในการบุกเข้าวัดพร้อมอาวุธร้ายแรง วัดเป็นสถานที่สงบ ที่ซึ่งประชาชนมาเรียนรู้เรื่องศีลธรรม ความซื่อสัตย์ ความถูกต้องและความยุติธรรม สถาบันที่มีความสงบและดีงามดังเช่นวัดพระธรรมกายซึ่งต้อนรับทุกคนที่อยากมา

หาก DSI และตำรวจ ทำการจู่โจมบุกวัด ก็จะมีผลกระทบต่อวัดทั่วโลก และเป็นการทำลายองค์กรการกุศลทั้งหมด อาทิเช่น วัด และองค์กรเอกชน (NGO) ซึ่งพึ่งพารายได้จากการรับบริจาค

และอาตมารู้สึกแปลกใจอย่างยิ่งที่ช่องรายการสื่อธรรมะที่ดีงามอย่าง DMC channel ได้ถูกปิดลงอย่างสิ้นเชิงโดยคำสั่งของผู้มีอำนาจ ประชาชนทั่วทุกมุมโลกได้รับประโยชน์จากการรับชมและเรียนรู้เส้นทางธรรมที่แท้จริงจากช่องรายการนี้ นับเป็นเวลา 14 ปีมาแล้ว ที่ช่องรายการนี้ได้สอนพระพุทธศาสนาที่แท้จริง การปิดรายการนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร

เรียนฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขอท่านได้โปรดพิจารณาประเด็นระหว่างวัดพระธรรมกายและDSI อาตมาเชื่อว่า การผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยนี้จะนำมาสู่ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ ต่อการล่มสลายของพระพุทธศาสนาและประเทศไทย โดยโปรดหยุดการใช้กำลังทหารและอาวุธ การเจรจาในทางสันติ จะเป็นทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหานี้ อาตมาหวังว่า ท่านจะใช้สติปัญญาที่ชาญฉลาดและความยุติธรรมของท่านในการให้เรื่องนี้สิ้นสุดลงโดยสันติ

พระศาสนรักขิตตะ มหาเถโร

เจ้าอาวาสวัดปันชารี สันติปูร์ อรัญญกุฎิ

สมาชิกสมัชชาสงฆ์เถรวาทโลก

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2559    
Last Update : 12 ธันวาคม 2559 0:48:48 น.
Counter : 256 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.