เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐทำให้สังคมอเมริกันแตกแยกมากขึ้น- 16 ปีแห่งความหลังที่ Quality of Life ของค



ภายหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2016 นายดอนัลด์ ทรัมพ์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะเหนือนางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ทำให้เกิดปรากฎการณ์ “ช็อค"ไปทั้งโลกเพราะโพลต่างๆที่ออกมานั้นนายทรัมพ์ถูกนำแบบหายห่วง หนังสือพิมพ์ฉบับหลักๆในสหรัฐให้การสนับสนุนนางฮิลลารี 57 ฉบับ สนับสนุนนายทรัมพ์ 2 ฉบับ

 

นายทรัมพ์ชนะ Electoral College  270 คะแนนมีสิทธิ์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐตามระบบที่วางไว้ แม้ว่าคะแนน Popular Votes เขาจะได้ประมาณ 60.3 ล้านเสียง ฮิลลารีได้ 60.8 ล้านเสียงและยังนับไม่หมดในรัฐแคลิฟอร์เนียอีกกว่า 4 ล้านเสียง การเลือกตั้งครั้งนี้คนอเมริกันออกมาลงคะแนนน้อย เมื่อเทียบกับปี 2012  ที่มาลงคะแนน 130.2 ล้านคนหรือคิดเป็น 58.6 % จากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในปีนั้น 241 ล้านคน  

การเลือกตั้งปี 2016 นำไปสู่การประท้วงตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายนเป็นต้นมา กลุ่มที่ออกมาประท้วงนายทรัมพ์มีหลายกลุ่มแตกต่างกันอาทิเช่นกลุ่มสตรีที่เห็นว่านายทรัมพ์เป็นคนละเมิดทางเพศ,เป็นคนเหยียดผิว,กลัวคนต่างชาติเช่นกลุ่มมุสลิม,เป็นคนเกลียดผู้อพยพ,การละเมิดสิทธิกลุ่มรักร่วมเพศ ฯลฯ ความจริงแล้วนายทรัมพ์เล่นหนักไปกว่านั้นเขาหมายถึงกลุ่มที่ตั้งมั่นแล้ว (the establishment) อันประกอบด้วยผู้นำทางการเมือง,นายธนาคาร,นักอุตสาหกรรม,นักวิชาการ,ดาราฮอลลีวู้ดและสื่อต่างๆ รวมทั้งประกาศว่าจะเข้าไปล้างท่อในกรุงวอชิงตันดีซี.อีกด้วย  ดังนั้นความหมายของเขาน่าจะหมายถึงนักการเมืองทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ดังที่เขามีปัญหากับผู้นำพรรครีพับลิกันเกือบทุกคน

ชัยชนะของนายทรัมพ์สรุปได้ว่ามี 3 ประเด็นคือตำหนิการย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐทำให้คนอเมริกันตกงาน,มีการสนับสนุนกลุ่มอพยพผิดกฎหมายที่เข้ามาแย่งงานคนอเมริกันและเข้ามาประกอบอาชญากรรม จึงเสนอให้สร้างกำแพงชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ประการที่สามคือฝ่ายบริหารออกไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนอกสหรัฐมากเกินไปไม่ดูแลคนในประเทศของตน  ทั้ง 3 ประเด็นเป็นเรื่องถูกใจชนชั้นคนงานในสังคมอเมริกัน  รัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของพรรคใดพรรคหนึ่ง (Swing States ) จึงเทคะแนนให้นายทรัมพ์คว้าชัยไป

การประท้วงของคนอเมริกันส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหนุ่มสาว เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย โดยทั่วไปเป็นไปอย่างสงบ ผู้ประท้วงสามารถแสดงออกได้ตาม  First Amendment ที่ประกันไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐ แต่จะมีที่เมืองปอร์ตแลนด์ รัฐออเรกอน  การประท้วงนำไปสู่การจลาจลเพราะมีการเผารถยนต์,ทุบกระจกร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมถนน,ทำลายทรัพย์สิน จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ปืนยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางเพื่อสลายการชุมนุม  อีกทั้งยังมีผู้ประท้วงคนหนึ่งถูกกลุ่มมือปืน 4 คนยิงบาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้ถึงหมายเลขรถและจำนวนกลุ่มที่ลอบยิงแล้ว

การประท้วงยังแสดงออกถึงการไม่ยอมรับว่านายทรัมพ์เป็นประธานาธิบดีของพวกเขา (Not my president) หรือ “ต้องไม่มีเผด็จการฟาสซิสม์ในอเมริกา” (No Fascism in America)และการชูป้ายอื่นๆทั้งแบบสุภาพและหยาบคาย เราเชื่อว่าการประท้วงจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่จะจัดในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์  ในกรณีนี้มีการประท้วงติดต่อกันมาตั้งแต่วันที่ 9-13 พฤศจิกายน ตามเมืองใหญ่ๆอาทิเช่นที่ประท้วงหนักที่สุดคือนิวยอร์ก,ลอส แอนเจลิสและชิคาโก้ นอกจากนั้นยังมีที่เมือง Salt Lake City – รัฐยูท่าห์,ซาน ฟรานซิสโก,โอ๊คแลนด์, ฮิวสตัน- รัฐเท็กซัส,วอชิงตันดีซี.,เมืองซินซินเนติ,ไมอามี่-รัฐฟลอริด้า,เดนเวอร์,มินเนียโพลิส,มิลวอล์คกี้ ฯลฯ กลุ่มสตรีที่เรียกตัวเองว่า A million women ประกาศว่าจะเดินขบวนประท้วงในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2017 ที่กรุงวอชิงตันดีซี.

ขณะเดียวกันแม้จะมีกลุ่มประท้วงนายทรัมพ์ แต่ก็ยังมีกลุ่มให้การสนับสนุน อาทิเช่นกลุ่ม KKK หรือ  Ku Klux Klanหรือรู้จักกันในนาม the Klan ซึ่งเป็นกลุ่มขวาจัดประกาศว่าจะเดินขบวนประกาศชัยชนะ (victory parade)สนับสนุนนายดอนัลด์ ทรัมพ์ กำหนดไว้วันที่ 3 ธันวาคม 

เชื่อว่าจะเป็นที่รัฐนอร์ธ แคโลไรน่า แต่ยังไม่ได้บอกเวลาและสถานที่ที่แน่นอน กลุ่มนี้มีสมาชิกอยู่ประมาณ 150-200 คน สัญลักษณ์ของกลุ่มคือสวมหมวกคลุมหัวสีขาว ( The Loyal White Knights of the Ku Klux Klan) กลุ่ม  Klanพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ.1860 เป็นกลุ่มคนผิวขาวที่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุด พฤติกรรมคือการต่อต้านกลุ่มผู้อพยพ,ต่อต้านคนผิวดำ,ต่อต้านคาทอลิก,ต่อต้านยิว ชอบใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบกับกลุ่มที่พวกเขาต่อต้าน 

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักคิดผิวขาวที่เรียกตัวเองว่า National Policy Institute สำนักงานอยู่รัฐเวอร์จิเนียที่ออกมาสนับสนุนนายดอนัลด์ ทรัมพ์ กลุ่มนี้ยังมีขบวนการที่ชื่อว่า  the Alt-right, the Amorphous, the Nationalist Fringe Movement ด้วยการเคลื่อนไหวสนับสนุนนายทรัมพ์ตลอดมาอยู่ตรงกันข้ามกับพรรคเดโมแครตที่มีนโยบายสนับสนุนคนผิวดำและคนอพยพ  กลุ่มเคลื่อนไหวเหล่านี้ระดมคนผิวขาวที่ระดับการศึกษาไม่มากนัก อีกทั้งเป็นระดับชนชั้นคนงานออกมาเทคะแนนให้กับนายทรัมพ์

เมื่อดูภาพรวมที่กล่าวมาแล้วจึงมองเห็นได้ว่า สังคมอเมริกันเกิดความแตกแยกขึ้นมาแล้วอย่างชัดเจน  นายทรัมพ์และทีมงานจะเข้าไปนั่งเป็นฝ่ายบริหารประเทศแล้วจะยังใช้คำพูดท้าทาย,หยาบคาย ฯลฯในที่สาธารณะอีกต่อไปหรือไม่ หลังจากที่ได้ตอกลิ่มความแตกแยกมาแล้วในช่วงของการหาเสียงเสมือนหนึ่งความผิดได้ทำสำเร็จแล้ว  นายทรัมพ์ประกาศว่าจะรวบรวมคนอเมริกันทุกคนไม่ว่าจะเป็นรีพับลิกัน,เดโมแครตและพรรคอิสระเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวจะกระทำได้ง่ายหรือ  หากจะให้ลดโทนลงเราเห็นว่านายทรัมพ์และทีมงานจะต้องออกมาขอโทษคนอเมริกันทุกกลุ่มที่เขาได้ล่วงเกินหรือกระทำอย่างไม่เหมาะสม  แต่เราเชื่อว่านายทรัมพ์จะไม่ทำ เพราะเขากล่าวเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนในการให้สัมภาษณ์รายการ 60 minutes ของสถานีทีวี CBS News ถึงสถานการณ์ในปัจจุบันว่า “กลุ่มประท้วงอย่าหวาดกลัวอนาคต  เราจะร่วมกันนำประเทศของเรากลับคืนมา”

ตามความเป็นจริงแล้วสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมอเมริกันขณะนี้เป็นผลมาจากเหตุการณ์ 9/11 หรือการใช้เครื่องบินถล่มตึกเวิลด์เทรดในนิวยอร์กและตึกเพนตากอนที่ดีซี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001  จนนำมาสู่นโยบายการปราบปรามการก่อการร้ายทั่วโลก,การทำสงครามในตะวันออกกลางหลายประเทศเพราะเป้าหมายอยู่ที่คนมุสลิมผู้ถูกตราหน้าว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย  อย่างไรก็ตามหลังเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา สหรัฐไม่เคยชนะสงครามใดๆ มีแต่ความพ่ายแพ้นำกลับไปสู่สังคมอเมริกัน  จึงไม่น่าแปลกใจที่นายทรัมพ์ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ  สิ่งที่เกิดขึ้นโดยรวมถือเป็น“เหตุจากปี 2001 ถึงผลในปี 2016” สังคมอเมริกันได้รับผลกระทบมากมายในห้วงระยะเวลา 16 ปีกับนโยบายปราบปรามการก่อการร้ายของฝ่ายบริหาร ทำให้ Quality of Life ของคนอเมริกันโดยรวมลดลง เราจะมาพูดถึงรายละเอียดกันต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2559 14:59:47 น.
Counter : 242 Pageviews.  

กรุงเทพมหานคร ประกาศปิด 70 ท่าเรือ-โป๊ะ ห้ามใช้ในช่วงเทศกาลลอยกระทง ป้องกันอันตรายคนตกน้ำ



กรุงเทพมหานคร ประกาศปิด 70 ท่าเรือ ห้ามใช้ในช่วงเทศกาลลอยกระทงในวันที่ 14 พ.ย.นี้ เพื่อดูแลให้ประชาชนสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลลอยกระทง

 เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2559 - กรุงเทพมหานครได้ออกประกาศแจ้งปิด 70 ท่าเรือ-โป๊ะ ที่มีอยู่ในพื้นที่ ห้ามใช้ในช่วงเทศกาลลอยกระทง เนื่องจากท่าเรือ-โป๊ะดังกล่าวเกิดชำรุดเสียหาย และอาจจะไม่ปลอดภัยหากเปิดให้ใช้งานในช่วงดังกล่าว โดยทางกรุงเทพมหานครจะทำการปิดกั้นเชือก และติดป้ายห้ามประชาชนเข้าใกล้อย่างเด็ดขาด

ปัจจุบันท่าเรือและโป๊ะเรือในความรับผิดชอบของกทม. มีจำนวน 436 ท่า แบ่งเป็น
1.ท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 253 ท่า ซึ่งอยู่ในสภาพแข็งแรงมั่นคงใช้งานได้ 216 ท่า และเป็นท่าชำรุดเสียหายห้าใช้งาน 37 ท่า
2.ท่าเรือในคลองต่างๆของกรุงเทพจำนวน 183 ท่า ซึ่งเป็นท่าที่อยู่ในสภาพแข็งแรงมั่นคง 150 ท่า และท่าที่ชำรุดเสียหายห้ามใช้งาน 33 ท่า รวมท่าเรือโป๊ะเรือที่ห้ามใช้งานในช่วงลอยกระทงทั้งสิ้น 70 ท่า

สำหรับท่าเรือ-โป๊ะ ทั้ง 70 แห่งที่มีการประกาศปิด ประกอบด้วยท่าเรือ-โป๊ะในแม่น้ำเจ้าพระยา และตามริมคลองต่างๆ ดังนี้

1. เรือวัดดาวคะนอง

2. ท่าเรือวัดกลางดาวคะนอง เขตธนบุรี

3. ท่าเรือวัดบุคคโล เขตธนบุรี

4. ท่าเรือเอกชน เขตราษฎร์บูรณะ

5. ท่าเรือธนาคารกสิกรไทยสาขาใหญ่ เขตราษฎร์บูรณะ

6. ท่าเรือสถานีสูบน้ำ ซอยราษฎร์บูรณะ 29 เขตราษฎร์บูรณะ

7. ท่าเรืออย่างท่าทรายมิตรเจริญ เขตราษฎร์บูรณะ

8. โป๊ะท่าเทียบเรือพระอาทิตย์ เขตพระนคร

9. ท่าเรือกองท่องเที่ยว เขตพระนคร

10. ท่าเรือราชนาวีสโมสร เขตพระนคร

11. โป๊ะท่าเรือแดง เขตพระนคร

12. ท่าเรือวัดหลักสาม เขตหนองแขม

13. ท่าเรือวัดหนองแขม เขตหนองแขม

14. ท่าเรือซอยทวีวัฒนา 1 เขตหนองแขม

15. ท่าเรือบ้านเจ้าพระยา เขตบางพลัด

16. ท่าเรือวัดฉัตรแก้วจงกลณี เขตบางพลัด

17. ท่าเรือทูซีทเพียร์ 92 เขตบางพลัด

18. ท่าเรือคลองตันในคลองแสนแสบ เขตห้วยขวาง

19. โป๊ะเรือบ้านเลขที่ 550 คลองลาดพร้าว เขตห้วยขวาง

20. ท่าเรือลานกีฬาชุมชนคลองพลับพลา เขตห้วยขวาง

21. ท่าเรือส่วนบุคคล เขตบางกอกน้อย

22. ท่าเรือวัดสุวรรณนาราม 3 เขตบางกอกน้อย

23. ท่าเรือบุคคลคลองบางกอกน้อย เขตบางกอกน้อย

24. ท่าเรือวัดบางเสาธงคลองมอญ เขตบางกอกน้อย

25. ท่าเรือวังหลัง หรือพรานนก เขตบางกอกน้อย

26. อู่ต่อเรือแอลพีเอ็น เขตยานนาวา

27. ท่าเทียบท่าทรายสาธุประดิษฐ์ เขตยานนาวา

28. ท่าเทพพาณิชย์ เขตยานนาวา

29. ท่าเรือข้างสะพานพระรามเจ็ด เขตบางซื่อ

30. ท่าเรือสี่แยกบางโพ เขตบางซื่อ

31. ท่าเรือทรงสวัสดิ์ เขตสัมพันธวงศ์

32. ท่าเรือรามคำแหง 29 เขตบางกะปิ

33. ท่าเรือวัดโมลีโลกยาราม เขตบางกอกใหญ่

34. ท่าเรือซอยสมชาย เขตบางกอกใหญ่

35. ท่าเรือรัชดาภิเษก คลองบางกอกใหญ่ เขตบางกอกใหญ่

36. ท่าเรือวัดเครือวัลย์ 1 คลองมอญ เขตบางกอกใหญ่

37. ท่าเรือวัดเครือวัลย์ 2 คลองมอญ เขตบางกอกใหญ่

38. ท่าเรือวัดบำเพ็ญเหนือ เขตมีนบุรี

39. ท่าเรือหลังตลาดเก่ามีนบุรี เขตมีนบุรี

40. ท่าเรือหอนาฬิกาดาวคะนอง คลองดาวคะนอง เขตจอมทอง

41. ท่าเรือวัดใหม่ช่องลม คลองแสนแสบ เขตวัฒนา

42. ท่าเรือพระโขนง คลองพระโขนง เขตวัฒนา

43. ท่าเรือวัดแสมดำ คลองสนามชัย เขตบางขุนเทียน

44. ท่าเรือวัดธรรมคุณาราม เขตบางขุนเทียน

45. ท่าเรือคลองสนามชัย เขตบางขุนเทียน

46. ท่าเรือบริเวณอนุสาวรีย์ปู เขตบางขุนเทียน

47. ท่าเรือคลองสนามชัย 2 เขตบางขุนเทียน

48. ท่าเรือโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ เขตบางขุนเทียน

49. ท่าเรือขวัญใจ เขตบางขุนเทียน

50. ท่าเรือวัดม่วงแค เขตบางรัก

51. ท่าเรือวัดทองธรรมชาติ เขตคลองสาน

52. ท่าเรือจีจินเกาะ เขตคลองสาน

53. ท่าเรือชุมชนมัสยิดสุวรรณภูมิ เขตคลองสาน

54. ท่าเรือวัดสุวรรณ เขตคลองสาน

55. ท่าเรือวัดเศวตฉัตร เขตคลองสาน

56. ท่าเรือกินซ่า เขตคลองสาน

57. ท่าเรือศุภาคารเ ขตคลองสาน

58. ท่าเรือดูแม็กซ์ เขตคลองสาน

59. ท่าเรือส่วนบุคคล เขตคลองสาน

60. ท่าเรือบ้านริมน้ำเจ้าพระยา เขตคลองสาน

61. ท่าเรือพิมานเขต คลองสาน

62. ท่าเรือตลาดคลองสาน เขตคลองสาน

63. ท่าเรือถนนตก เขตบางคอแหลม

64. ท่าเรือครั้งน้ำมันเชลล์ เขตคลองเตย

65. ท่าเรือวัดคลองเตย เขตคลองเตย

66. ท่าเรือวัดสะพานคลองพระโขนง เขตคลองเตย

67. ท่าเรือคลองระหัสคลองแสนแสบ เขตคันนายาว

68. ท่าเรือสุเหร่าแดงคลองแสนแสบ เขตคันนายาว

69. ท่าเรือประตูน้ำบางชันด้านใต้คลองแสนแสบ เขตคันนายาว

70. ท่าเรือประชุมตูน้ำบางชันด้านเหนือคลองแสนแสบ เขตคันนายาว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 13 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2559 22:44:03 น.
Counter : 379 Pageviews.  

รถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชนรถเก๋งถึง“กราบรถกู”-ต้องให้กฎหมายจัดการไม่ใช่แสดงอาการนักเลง



เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2559 มีคลิปโดยผู้ใช้เฟซบุ๊กว่า“อยากดังเดี๋ยวจัดให้ V4” ถูกแชร์อย่างกว้างขวางกรณีรถมอเตอร์ไซค์ชนเฉี่ยวรถเก๋ง จากนั้นหนุ่มเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อมินิคูเปอร์ สีเหลือง-ดำ ทะเบียน ญย 8585 กทม.ดึงผู้ขับขี่จักรยานยนต์ไปชกและตบที่ใบหน้าสองครั้ง พร้อมสั่งสอนที่ชนรถของตนแล้วหนี ก่อนจะบังคับให้กราบรถหรูขอโทษ

เหตุเกิดเมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 4 พ.ย.บริเวณซอยเจริญกรุง 44 ถนนเจริญกรุง แขวงและเขตบางรัก กทม. ใกล้กับห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาบางรัก ที่เกิดเหตุเป็นถนน 4 เลนรถเก๋งยี่ห้อมินิคูเปอร์จอดนิ่งสนิทอยู่เลนขวาทางมุ่งหน้าห้างโรบินสันบางรัก โดยมีจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีขาว ทะเบียน 1 กด 8816 กทม.คู่กรณีจอดอยู่ฝั่งตรงข้าม

เจ้าของรถเก๋งชื่อนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือรู้จักกันในวงการชื่อ“น็อต เวคคลับ”นักแสดงวัยรุ่น นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่ารถคันดังกล่าวนั้นเป็นของแม่นักแสดงหนุ่ม (จดทะเบียนชื่อนางพรทิพย์ บุญก่อ 256/2 ซ.บางขวาง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม.) นายอัครณัฐ เกิดวันที่ 8 ก.พ. 2531 จบปริญญาตรีจากคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กลุ่มวิชาโค้ชและจิตวิทยาการกีฬา เริ่มเข้าวงการจากการเข้ารอบ 50 คน หนุ่มโสดคลีโอปี 2009 ภาพยนตร์เรื่อง “ทองสุก 13” และ “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก” เขาเป็นพิธีกรรายการ WAKE CLUB ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 รายการรถโรงเรียน ออกอากาศทางช่องจีเอ็มเอ็ม 25 เป็นต้น

สำหรับคู่กรณีชื่อนายกิตติศักดิ์ หรือบอย สิงโต อายุ 25 ปี อาชีพฝ่ายคัดกรองเอกสาร สำนักงานสรรพากรพื้นที่ตลิ่งชัน สภาพจมูกหัก ใบหน้าบวมปูด และบริเวณใต้ตาทั้งสองข้างเขียวคล้ำ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.สมยศ บุญญะแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สน.ยานนาวา เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ภายหลังจากนายบอยถูกนายอัครณัฐ หรือน็อต อริยฤทธิ์วิกุล อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 256/2 ซอยบางขวาง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กทม. ทำร้ายร่างกายจนได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส

ก่อนหน้านี้ตำรวจสอบปากคำ นายกิตติศักดิ์ สิงโต ผู้ขับขี่จักรยานยนต์ให้การว่า ตนถูกรถแท็กซี่ชนท้าย ก่อนที่หน้ารถจะเสียหลักพุ่งไปเฉี่ยวชนรถมินิคูเปอร์ จากนั้นรถแท็กซี่ได้ขับหลบหนีไปซึ่งตนได้ขับตาม แต่ไม่ทันจึงวนรถกลับมา กระทั่งเจ้าของรถมินิคูเปอร์กระชากคอเสื้อพร้อมด่าทอก่อนที่จะทำร้ายร่างกายและให้กราบรถ ขณะเกิดเหตุไม่ได้ตอบโต้อะไร กระทั่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงได้ให้ทั้งสองไปที่ สน.ยานนาวา เจ้าหน้าที่ตำรวจแยกเป็น 2 คดีคือคดีจราจรและคดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งก็คงจะมีการดำเนินคดีกันต่อไป เพราะนายอัครณัฐนำทนายความมาพบตำรวจและแจ้งความกลับข้อหาขับรถโดยประมาททำให้เสียทรัพย์กับชนแล้วหนี

สิ่งที่ต้องพิจารณาในเรื่องนี้คือ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจากการจราจรไม่ว่าใครจะชนใคร เป็นหน้าที่ของบริษัทประกันภัยที่จะชดใช้ค่าเสียหายแก่เจ้าของรถทั้ง 2 ฝ่ายไม่ว่ารถคันนั้นจะราคา 5 แสนบาทหรือ 10 ล้านบาทก็ตาม เพราะจะต้องคาดหวังไว้ว่าการจราจรบนท้องถนนทุกแห่งในโลกโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมีได้ทุกเมื่อ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องซื้อรถมาขับ หากคิดว่ารถคือบรรพบุรุษถึงกับให้คนไปกราบนั้นก็ควรจะนำขึ้นหิ้งไว้ที่บ้าน ไม่ต้องนำออกมาขับบนท้องถนน กรณีนี้หากเกิดอุบัติเหตุแล้วมีผู้บาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิตเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายที่จะเข้าไปสอบสวนดำเนินคดี นี่คือระบบกฎหมายที่ทุกคนจะต้องยึดไม่งั้นสังคมไทยจะมีกฎหมายไว้ทำไม 

นายอัครณัฐเปิดเผยว่าจะแถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตึกจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ชั้น 30 วันที่ 7 พฤศจิกายน ทั้งนี้ในระหว่างสอบปากคำได้มีบุคคลปริศนาส่งข้อความมายังเบอร์โทรศัพท์ของตนในลักษณะด่าทอที่มีคำหยาบคาย รวมทั้งมีการขว้างปาสิ่งของเข้าไปในบ้านพักตนย่านเจริญกรุงอีกด้วย ตนและครอบครัวได้รับผลกระทบ อยู่ระหว่างขั้นตอนการปรึกษากับทนายความว่าจะแจ้งความหรือไม่ เหตุเกิดในพื้นที่สน.วัดพระยาไกร

นายอัครณัฐเรียนจบปริญญาตรีจากจุฬาฯ จะบอกว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ จึงบันดาลโทสะแสดงอาการของนักเลงออกมา ทั้งๆที่คู่กรณีไม่ได้แสดงว่าจะหลบหนีหรือตอบโต้ (โปรดดูคลิปเป็นตัวอย่าง) ยังหัวหมอนำทนายความมาต่อสู้  แทนที่จะกราบขอโทษสังคมไปทุกทิศ อาจได้รับอภัยบ้าง  เมื่อนายอัครณัฐแจ้งความกลับ สังคมอาจจะออกมาช่วยนายกิตติศักดิ์มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นทุนสู้คดีหรือกระหน่ำด้วยโซเชียล มีเดีย ซึ่งนายอัครณัฐจะเสียหายมากขึ้นไปอีก หากนายอัครณัฐจะค้าความก็เตรียมเงินไว้ค่าทนายความ และเตรียมตัวด้วยอนาคตทางด้านการแสดงหรือการเป็นพิธีกรก็จะดับวูบไปด้วยไม่ว่าจะสังกัดแกรมมี่หรือแกรมม่าก็ตาม  เพราะในอนาคตสังคมจะต้องคัดเลือกทั้งคนเก่งและคนดีมีคุณธรรมกว่านี้มาเป็นนักแสดง

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2559 7:07:31 น.
Counter : 244 Pageviews.  

ครม.เห็นชอบขยายเวลามาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน



ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติขยายระยะเวลามาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 - 30 เมษายน 2560 พร้อมให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดดำเนินการนำระบบตั๋วร่วมมาใช้ในการเชื่อมการเดินทางสาธารณะของประชาชนอย่างครบวงจรให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

 

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชา ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559-30 เมษายน 2560

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง(กค.)เสนอดังนี้

1. เห็นชอบการขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559- 30 เมษายน 2560 โดยให้สำนักงบประมาณ (สงป.) พิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางต่อไป ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

1.1 มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทางดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)

โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดาจำนวน 800 คันต่อวัน ใน 73 เส้นทาง ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

1.2 มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น 3 ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)

โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถไฟชั้น 3 เชิงสังคม จำนวน 152 ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์จำนวน 8 ขบวนต่อวันให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

2. ให้กระทรวงคมนาคม(คค.) เร่งรัดดำเนินการนำระบบตั๋วร่วมมาใช้ในการเชื่อมการเดินทางสาธารณะของประชาชนอย่างครบวงจรให้แล้วเสร็จโดยเร็วและให้ คค. โดย ขสมก. และ รฟท. เร่งรัดการดำเนินการจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางที่เกิดขึ้นจริงผ่านคณะกรรมการตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง และเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงต่อไป รวมถึงรายงานการประเมินผลความพึงพอใจของผู้ใช้บริการตามมาตรการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 โดยด่วนด้วย

สาระสำคัญของเรื่อง

กค. รายงานว่า มาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางถือเป็นมาตรการที่มีความจำเป็นในการที่จะช่วยเหลือภาระค่าครองชีพของประชาชนในสภาวะปัจจุบัน ซึ่งโดยหลักการแล้วการให้การช่วยเหลือจะต้องสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน แต่เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณามาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ ให้มีความถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์และสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ

โดยกรมสรรพากรอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง(Post Audit) ของข้อมูลการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนพฤศจิกายน 2559 ประกอบกับ คค. จะต้องมีการออกบัตรให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเพื่อให้สวัสดิการมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ (รถเมล์ฟรีและรถไฟฟรี) โดยกำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2560 และสิ้นสุดในเดือนเมษายน 2560 จากนั้น จึงจะสามารถเริ่มดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่ได้ประมาณเดือนพฤษภาคม 2560

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2559 10:43:07 น.
Counter : 380 Pageviews.  

นายกฯเตือนใช้ชีวิตต้องมีสติชี้“น๊อต กราบรถกู”กฎหมายและสังคมลงโทษแล้ว-คู่กรณีผ่าตัดดั้งจมูกตำรวจเพิ่ม



นายกรัฐมนตรี เตือนใช้ชีวิตต้องมีสติระงับยับยั้งชั่งใจ เห็นใจคนอื่นอย่างโมโหจนเกิดความขัดแย้งไม่เกิดประโยชน์ ชี้กรณี“น๊อต กราบรถกู”กฎหมาย-สังคมลงโทษแล้ว ครม.เห็นชอบเพิ่มโทษทำร้ายร่างกายจำคุก 10 ปี ตำรวจตั้งข้อหาเพิ่ม“น็อต”ข่มขืนใจผู้อื่น-คู่กรณีเข้าผ่าตัดดั้งจมูกที่รพ.เลิดสิน

เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ความเห็นภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ “น๊อต กราบรถกู”ส่งผลต่อสังคมในเรื่องความรุนแรงว่าเรื่องความรุนแรงนั้นไม่มีใครชอบ และไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

“ทุกคนต้องมีความระงับยับยั้งชั่งใจ ในเวลานี้ควรมองที่เจตนาก่อน และถึงอย่างไรก็มีกฎหมายบังคับอยู่แล้ว ดังนั้นต้องถูกดำเนินคดีไปและควรระมัดระวังไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะเกิดขึ้นมา 2-3 ครั้งแล้ว อย่างเมื่อวันก่อน เรื่องด่านทางด่วน และอีกไม่กี่วันก็เกิดเรื่องนี้อีก ผมเกรงว่าจะกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี จึงจำเป็นต้องเตือนไว้ก่อน ขอย้ำว่ากฎหมายมีอยู่แล้ว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย และสังคมก็ลงโทษ ผมไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีก ต้องรู้จักระงับยับยั้งชั่งใจ และมีสติในการใช้ชีวิตประจำวัน ต้องรู้จักเห็นใจคนอื่นบ้าง การโมโหกันไปมาไม่เกิดประโยชน์”นายกรัฐมนตรีกล่าว

ครม.เห็นชอบร่างแก้ไขกม.เพิ่มโทษจำคุก 10 ปีฐานทำร้ายร่างกาย

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. …  แก้ไขอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด เนื่องจากมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 22 ) พ.ศ.2558  ซึ่งแก้ไขอัตราโทษปรับสำหรับความผิดลหุโทษ ในภาค 3 เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า ขณะที่อัตราโทษปรับสำหรับความผิดในภาค 2 ไม่ได้แก้ไขเพิ่มเติม จึงเกิดความไม่สอดคล้องกัน ครม.จึงเห็นชอบให้ปรับภาค 2 ให้เหมาะสมกับภาค 3

นอกจากนี้ยังได้พิจารณาในส่วนความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส มีบทเฉพาะกำหนดโทษจำคุก แต่ไม่ได้กำหนดโทษปรับเอาไว้ ทำให้ศาลพิจารณาลงโทษจำคุกได้เพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับลักษณะการกระทำผิดหรือผลของการกระทำความผิดที่มีความร้ายแรงแตกต่างกัน ส่งผลให้สภาพบังคับโทษทางอาญาไม่เกิดประสิทธิภาพเต็มที่

พ.อ.อธิสิทธิ์แถลงว่าร่างพรบ.แก้ไขฯได้เพิ่มอัตราโทษปรับในภาค 2 ความผิด ในสัดส่วนอัตราโทษจำคุก 1 ปีต่ออัตราโทษปรับ 20,000 บาท ปัจจุบันปรับ 2,000 บาทเพิ่มโทษปรับ สำหรับความผิดฐานทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส ปัจจุบันมีโทษจำคุกเท่านั้น เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจกำหนดโทษให้เหมาะสมกับพฤติการณ์ของการกระทำผิดคือ จำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี ตามมาตรา 297 และปรับตั้งแต่ 10,000-200,000 บาท

มาตรา 298 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 2 - 10 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000-200,000 บาท และแก้ไขเพิ่มเติม ขณะที่มาตรา 99 กำหนดเพิ่มกรณีอายัดสิทธิเรียกร้องในทรัพย์สิน ใช้ค่าปรับที่ต้องทำภายในกำหนด 5 ปี นับแต่มีคำพิพากษาถึงที่สุด

จากนี้จะส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ปนช.) พิจารณา ก่อนจะให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ต่อไป

กิตติศักดิ์ สิงโต ผ่าตัดดั้งจมูกแตกที่เลิดสิน

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ อาคารกาญจนาภิเษก โรงพยาบาลเลิดสิน ความคืบหน้าอาการของนายกิตติศักดิ์ สิงห์โต อายุ 25 ปี คู่กรณีนายอัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล หรือ น๊อต อดีตพิธีกรจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ 25 ภายหลังสืบทราบว่าได้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก ขณะนี้ยังคงนอนพักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บอยู่บนเตียงผู้ป่วย ที่บริเวณใบหน้ายังมีร่องรอยฟกช้ำไปทั่วบริเวณโดยรอบ และยังต้องใช้เจลประคบเย็นที่บริเวณบาดแผลอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ นายกิตติศักดิ์ ยังไม่สามารถตอบข้อซักถามใดๆ ได้ โดยมี น.ส.สุธิรา หงษ์ทอง อายุ 53 ปี มารดาและทีมแพทย์ดูแลอาการอย่างใกล้ชิด

น.ส.สุธิรา เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.วันที่ 7 พฤศจิกายนได้พาบุตรชายมาพบแพทย์ เพื่อตรวจสอบอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งแพทย์ตรวจสอบแล้วเปิดเผยว่าดั้งจมูกแตกละเอียดต้องอยู่พักฟื้นตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อที่จะเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกในช่วงเวลา 09.00 น. ของวันนี้ ก่อนใช้เวลาผ่าตัดจนแล้วเสร็จนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงนำตัวออกมานอนพักฟื้นที่ห้องผู้ป่วยพิเศษโดยย้ายจากห้องผู้ป่วยรวม ขณะนี้บุตรชายยังอยู่ในอาการบาดเจ็บ ยังไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ มีอาการบาดเจ็บจากการผ่าตัดและต้องพักฟื้นดูอาการอีกประมาณ 2 - 3 วัน

น.ส.สุธิรา เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมา นายอัครณัฐ ติดต่อมาทางโทรศัพท์ว่าจะเข้ามาเยี่ยมบุตรชาย และสอบถามเรื่องค่าใช้จ่าย ซึ่งตนได้ปฏิเสธไป เพราะต้องการความเป็นส่วนตัว ส่วนค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น ขณะนี้บุตรชายใช้สิทธิประกันสังคม แต่ก็ต้องออกค่าใช้จ่ายเรื่องค่ารักษาพยาบาลเองในบางส่วน ยังไม่ทราบว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไร

ที่ทำงานของบุตรชายได้ติดต่อเข้ามา พร้อมทั้งยื่นข้อเสนอให้การช่วยเหลือเช่นกัน ทั้งนี้ ต้องพักกิจการที่บ้านไว้ก่อน เพื่อมาดูแลอาการบุตรชายอย่างใกล้ชิด และไม่ได้มีฐานะดีอะไรมากมาย รวมถึงมีอายุมากแล้วต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด

น.ส.สุธีราเปิดเผยว่าที่ผ่านมา มีผู้หยิบยื่นโอกาสให้ความช่วยเหลือหลายราย ไม่ว่าจะเป็นการออกค่าทำศัลยกรรมใบหน้า และเรื่องว่าคดีความนั้น ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความช่วยเหลือ ส่วนตัวคิดว่า บุตรชายไม่จำเป็นต้องทำให้ใบหน้าหล่อเหลาถึงขนาดนั้น

ส่วนเรื่องคดีความ ขณะนี้ นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อให้การช่วยเหลือว่าความในคดีนี้ให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

“แม่ต้องการให้ลูกหายดีเป็นปกติก่อน ส่วนเรื่องคดีความปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากตนเองไม่มีความรู้เรื่องนี้ ส่วนในเรื่องของนายอัครณัฐ ที่จะขอเข้ามาเยี่ยมนั้น เรื่องที่ตนปฏิเสธไม่ได้รู้สึกไม่ดี แต่ต้องการความเป็นส่วนตัว หาก นายอัครณัฐ เดินทางเข้ามาเยี่ยม กองทัพสื่อมวลชนก็ต้องติดตามมาด้วย ส่วนตัวเพียงแค่อยากให้ลูกพักฟื้นรักษาตัวให้อาการดีขึ้นเสียก่อน นอกจากนี้ บุตรชายยังมีนิสัยที่รักความสงบ จึงต้องการความเป็นส่วนตัว” น.ส.สุธิรา กล่าว

เพิ่มข้อหา“น๊อต กราบรถกู”ข่มขืนใจผู้อื่น

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ที่ สน.ยานนาวา พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทรัพย์ละออ ผกก.สน.ยานนาวา เปิดเผยความคืบหน้าคดีนายอัครณัฐทำร้ายร่างกายนายกิตติศักดิ์ว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่หาพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมถึงกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม  ยังไม่มีการเชิญใครมาสอบปากคำเพิ่ม แต่หากทางคู่กรณีทั้งสองฝ่าย จะให้การอ้างใครเป็นพยานพนักงานสอบสวนก็จะมีการเชิญบุคคลนั้นมาสอบปากคำ

พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์เปิดเผยอีกว่าพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อนายอัครณัฐ ในข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น

เนื่องจากหลักฐานจากคลิปวิดีโอ พบว่านายอัครณัฐมีพฤติการณ์ฉุดกระชาก ก่อนบังคับข่มขู่ให้นายกิตติศักดิ์กราบรถมินิคูเปอร์คันดังกล่าว โดยได้มีการประสานไปยังนายอัครณัฐให้เดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ หากไม่เดินทางมาก็จะถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินการออกหมายจับต่อไป

มีรายงานว่าพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการโทรศัพท์ติดต่อไปยังนายอัครณัฐ พร้อมได้รับการยืนยันว่า จะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในวันนี้ เวลา 20.00 น.ที่ สน.ยานนาวา

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2559 11:48:15 น.
Counter : 246 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.