3 องคมนตรีพบนายกฯอัญเชิญพระราชกระแสสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงชาวใต้ที่ประสบภัยน้ำท่วม-นายกฯแนะชาวกร



3 องคมนตรีพบนายกรัฐมนตรีอัญเชิญพระราชกระแสสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาบอกทรงห่วงชาวใต้ที่กำลังลำบากเผชิญวิกฤติน้ำท่วม นายกรัฐมนตรีแนะชาวกรุงเทพฯบริจาคเงินดีกว่าขนสิ่งของ ชี้น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 30 ปีเตรียมจัดระเบียบสิ่งกีดขวางทางน้ำให้ลงทะเลเร็วสุด

 

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2560 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังองคมนตรี ประกอบด้วย พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ และนายวิรัช ชินวินิจกุล เดินทางเข้าหารือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เป็นเวลา 40 นาที ว่า เป็นการอัญเชิญพระราชกระแสของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบปัญหาอุทกภัย ที่อาจจะลำบากในการเข้าช่วยเหลือประชาชน เพราะจะส่งเงินไปประชาชนก็ไม่สามารถนำเงินไปซื้อข้าวของได้ จะส่งข้าวสารไปก็ไม่มีไฟ ไม่มีน้ำ ในการหุงต้ม จึงทำให้ลำบากไปหมด และมีแนวทางที่รัฐบาลรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมนำไปดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากองคมนตรีอัญเชิญพระราชกระแสมาแล้ว รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายวิษณุ กล่าวว่า จะให้ความช่วยเหลือประชาชน เพราะทรงห่วงใยว่า จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร เนื่องจากอาหารแจกจ่ายได้ไม่ทั่วถึง และแต่ละอำเภอมีปัญหาแตกต่างกัน บางแห่งได้ยินมาว่า ราษฎรกว่า 2-3 หมื่นคน ต้องอพยพไปพักอยู่ในโรงแรมหรือโรงเรียนในที่เดียวกันเป็นการชั่วคราว กินอาหารวันละ 3มื้อ ซึ่งแปลว่าต้องใช้งบประมาณเลี้ยงดูวันละประมาณ 1 ล้านบาท ตรงนี้รัฐบาลจะมาพิจารณาว่า จะมีการบริหารจัดการกันอย่างไร

นายวิษณุ กล่าวว่าวันที่ 10 มกราคมนี้ รัฐบาลจะเปิด“ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้”อย่างเป็นทางการ ตั้งอยู่ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) และในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 10 มกราคมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย จะมีการเสนอมาตรการต่างๆในการช่วยเหลือเข้าที่ประชุม

นายกฯขอเป็นกำลังใจชาวใต้ทุกคน-แนะบริจาคเงินเหมาะสมที่สุด

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเหตุการณ์อุทกภัยในภาคใต้ ว่า ขอเป็นกำลังใจให้ประชาชนทางภาคใต้ โดยประชาชนสามารถบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ได้ ในส่วนของกรุงเทพมหานครก็สามารถบริจาคเป็นเงินลงไปในพื้นที่มากกว่า เพราะมันไกลและเป็นภาระต่อการขนส่งสิ่งของในพื้นที่เพราะน้ำท่วมมาก รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวทั้งในระดับอำเภอ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่บูรณาการยกระดับอุทกภัยให้เป็นระดับ 3 โดยสามารถบูรณาการข้ามเขตช่วยเหลือกันได้ ปัญหานี้เป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องเตรียมการให้พร้อมเพื่อรับมือ เนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง

“อย่ามัวทะเลาะกันในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ว่าจะอะไรเมื่อไหร่ แล้วเกิดน้ำท่วมมันหายไหม ใครจะทำ ใครจะแก้ไข ไปหาตัวมาสิ ทั้งแก้ปัญหาน้ำท่วม ฝนแล้ง เกษตร มีใครแก้ปัญหาได้ดีกว่าผมไหม สำหรับมาตรการเยียวยานั้น สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ประกาศออกไปแล้ว โดยเยียวยาตามที่รัฐบาลสามารถให้ได้ตามกฎหมาย ไม่ใช่นึกจะให้เท่าไหร่ก็ให้ ส่วนการเยียวยาอื่นๆนอกจากนี้ ก็กำลังพิจารณาอยู่ หากเห็นว่าประชาชนลำบาก เดือดร้อน ก็จะเพิ่มมาตรการเยียวยาเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะอนุมัติเงิน 9 ล้านบาท ” นายกฯ กล่าว

พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า น้ำท่วม 10 จังหวัดภาคใต้ ถือว่าอาการหนัก เนื่องจากมีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในรอบ 30 ปี และโดยรอบก็เป็นพื้นที่ภูเขาและทะเล เมื่อน้ำไหลลงมาจากภูเขา เข้าสู่เมืองจึงเกิดน้ำท่วม เพราะก่อนหน้านี้ เมืองค่อนข้างจะสะเปะสะปะ เพราะทุกคนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก่อสร้างกีดขวางทางน้ำ โดยหลังจากน้ำลด รัฐบาลจะเร่งทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขปัญหาการระบายน้ำลงทะเลให้ได้มากที่สุด

ดังนั้นขออย่าขัดขวางรัฐบาล และยังต้องการแก้ไขปัญหาทั้งระบบไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม ฝนแล้ง เพราะเมื่อระบายน้ำออกหมด ไม่นานก็จะเกิดปัญหาฝนแล้ง

“ นี่คือผลงานของใคร ใครจะพูดอะไรก็พูด แต่ผมยังมีกำลังกาย กำลังใจ ที่จะทำต่อไป อยากฝากประชาชนให้ช่วยกันดูด้วยก็แล้วกัน หลายคนเร่งให้แก้ไขปัญหาเรื่องน้ำทั้งที่เราแก้ทุกวันและแก้ไขทั้งหมด ทั้งปัญหาซ้ำซ้อน เศรษฐกิจ การขนส่ง แต่ถ้ามันดีอยู่แล้วก็คงไม่ต้องทำอะไร” นายกฯ กล่าว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 09 มกราคม 2560    
Last Update : 9 มกราคม 2560 21:12:34 น.
Counter : 299 Pageviews.  

มหาดไทยยกระดับ 3 น้ำท่วมใต้ขนาดใหญ่-ปลัดสปน.เป็นตัวกลางช่วยให้ติดต่อโทร. 1111-ธนาคารปิดกว่า 60 สาขา



มหาดไทยประกาศยกระดับ 3 น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ ปลัด สปน.ย้ำทุกฝ่ายเร่งให้ความช่วยเหลือน้ำท่วมภาคใต้เต็มที่ พรอมเป็นตัวกลางรับบริจาค“คสช.”แจงหน่วยงานทุกภาคส่วนระดมช่วยประชาชนวิกฤตน้ำเผยหลังน้ำลดเร่งซ่อม“สะพาน-ถนน-ไฟฟ้า”ใช้ได้ปกติ ธนาคารกว่า 60 สาขาปิดทำการ โรงพยาบาล 102 แห่ง 9 จังหวัดได้รับผลกระทบ

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2560  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ออกประกาศยกระดับการจัดการสาธารณภัยขนาดใหญ่(ระดับ3) เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ที่มีความรุนแรงมากขึ้น ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตร่างกายทรัพย์สินของประชาชน กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ตรวจสอบแนวโน้มสถานการณ์ร่วมกับ กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร พบว่าสถานการณ์มีความรุนแรงมากขึ้นถึงแม้จังหวัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัด ช่วยแก้ปัญหาแล้วแต่ยังไม่เพียงพอต่อการบริหารจัดการทั้งระบบ จึงพิจารณาโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพ. ศ. 2550 ประกอบแผนการป้องกันและบรรเทาสารภัยแห่งชาติ 2558

ขณะเดียวกันให้อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ประเมินสถานการณ์ ติดตาม เฝ้าระวัง วิเคราะห์ รายงานและเสนอความเห็นต่อผู้บัญชาการ ทั้งนี้ให้จัดตั้งกองบัญชาการส่วนหน้า ขึ้นที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสารภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานีและเขต 12 สงขลาโดยมีนายประยูร รัตนเสนีย์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ

นอกจากนี้ให้ประสานการช่วยเหลือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บริหารท้องถิ่น เป็นผู้บัญชาการแต่ละระดับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าสถานการณ์จะยุติ

สปน.พร้อมเป็นตัวกลางช่วยผู้ต้องการบริจาค

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 6 มกราคม 2560 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี-สปน.) กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมในภาคใต้ว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายทราบดีถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบภัยในภาคใต้ และกำลังให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

สำหรับ สปน.มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยอยู่ โดยมีหลักเกณฑ์ 3 ลักษณะคือ

1.จ่ายให้ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตรายละ 5 หมื่นบาท

2.มีการเยียวยากรณีที่ทรัพย์สินเสียหายตามข้อเท็จจริง และ

3.หากทางจังหวัดร้องขอมา สปน.สามารถอนุมัติเงินได้ทันทีเบื้องต้น 5 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือนี้จะไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของจังหวัดหรือกรมป้องกันสาธารณภัย (ปภ.) ที่เขาจะมีงบประมาณฉุกเฉินช่วยได้ทันทีอยู่แล้ว แต่ สปน.จะเป็นเพียงส่วนสนับสนุนเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า สปน.จะมีการเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคจากหน่วยงานหรือประชาชนทั่วไปหรือไม่ นายจิรชัยกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเปิดบัญชี แต่ประชาชนที่ต้องการช่วยเหลือหรือบริจาคสามารถใช้บริการสายด่วน 1111 เพื่อแสดงเจตจำนงได้ รวมถึงหากประชาชนทั่วไปต้องการจะบริจาคถุงยังชีพไปช่วยผู้ประสบภัย สปน.ก็จะเป็นตัวกลางในการรับมอบถุงยังชีพเพื่อนำไปส่งมอบให้ประชาชนได้

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 07 มกราคม 2560    
Last Update : 7 มกราคม 2560 11:43:54 น.
Counter : 215 Pageviews.  

ศตส.เผยงดสักการะพระบรมศพ 20-21 มกราคมงานพระราชกุศลสตมวาร 100 วัน-จัดระเบียบใหม่ท้องสนามหลวง



ศตส.เผยงดสักการะพระบรมศพ 20-21 มกราคมนี้งานพระราชกุศลสตมวาร 100 วัน-งดกิจกรรมท้องสนามหลวง จัดระเบียบใหม่ทำอาหารเหลือ 6 จุด แจกน้ำดื่ม 1 ขวดต่อไปให้นำช้อน-จานจากบ้านไปใส่อาหารเองลดขยะและภาวะโลกร้อน

 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 มกราคม 2560 ที่ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์ติดตามสถานการณ์ ครั้งที่ 1/2560 ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมฯ เวลาประมาณ 12.00 น. นายออมสินแถลงข่าวสรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้

ที่ประชุมได้เตรียมความพร้อมของทุกหน่วยงาน ก่อนที่สำนักพระราชวังจะปิดไม่ให้ประชาชนเข้าไปสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ระหว่างวันที่ 20-21 มกราคม เนื่องจากจะมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร 100 วัน จึงจำเป็นต้องหยุดกิจกรรมต่างๆ บริเวณท้องสนามหลวง และจะให้ประชาชนเดินทางเข้าไปในพระบรมมหาราชวังอีกครั้งในวันที่ 22 มกราคม จนกระทั่งครบ 1 ปี  

ทั้งนี้ ศตส. ได้มีการประชาสัมพันธ์ผ่านหน่วยงานของรัฐเพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบถึงจุดให้บริการอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องประชาชนในส่วนการประกอบอาหาร จากเดิม 17 จุด ลดลงเหลือ 6 จุด ซึ่ง 6 จุดที่คงไว้ คือ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์), โรงแรมรอยัล (รัตน์โกสินทร์) ,ประตูเทวาภิรมย์(ด้านซ้าย) , สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เก่า), วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร , และสนามม้านางเลิ้ง (ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์) ในแต่ละจุดจะมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละวัน

นายออมสิน กล่าวว่า ศตส. ยังขอความร่วมมือให้ประชาชนที่เดินทางมาที่ท้องสนามหลวง ให้ช่วยกันดูแลความสะอาด เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ขอความกรุณาทิ้งขยะในพื้นที่ที่จัดไว้ให้ และขอให้เตรียมอาหารและน้ำดื่มของตัวเองติดตัวมาด้วย เพราะเมื่อมีการลดจุดการประกอบอาหาร อาจทำให้การบริการประชาชนมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ

กอร.รส.ปรับระบบใหม่แจกน้ำ 1 ขวด-นำช้อนจานจากบ้านไปใส่อาหารเอง

เมื่อ เวลา 15.30 น. วันที่ 6 มกราคม 2560 ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) พล.ต.พงษ์สวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะรองผู้อำนวยการกอร.รส. กล่าวภายหลังจากการประชุมกอร.รส.ว่า หลังจากนี้ในการให้ประชาชนเข้ากราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จะปรับระบบใหม่ โดยให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมด้วย เพราะขณะนี้ปัญหาขยะจากขวดน้ำและภาชนะใส่มีเพิ่มขึ้น จึงขอความร่วมมือขอให้ช่วยรักษาความสะอาด ไม่ใช่แต่รอรับจิตอาสามาช่วย

นอกจากนี้ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคมเป็นต้นไปจะทดลองแจกขวดน้ำบริเวณจุดเข้าคิวฝั่งตรงข้ามศาลฎีกาให้กับประชาชนแค่ 1 ขวด โดยจะมีจิตอาสาคอยบอกให้ประชาชนช่วยเก็บขวดน้ำนี้ไว้ตลอดอย่าได้ทิ้ง หากต้องการเติมน้ำก็จะมีจิตอาสานำน้ำไปเติมให้ถึงที่ ในอนาคตมีแผนลดจำนวนภาชนะใส่ขยะด้วยการเชิญชวนให้ ประชาชนนำช้อนและจานมาจากที่บ้าน มารับอาหารจากที่นี่เพื่อลดปัญหาขยะในพื้นที่ ลดโลกร้อนและดำเนินรอยตามพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 เรื่องความพอเพียง

พล.ต.พงษ์สวัสดิ์เปิดเผยว่าสัปดาห์หน้ากรมศิลปากรจะนำเสนอแผนการใช้พื้นที่ด้านทิศใต้ของสนามหลวง โดยอยากทราบรายละเอียดว่าต้องการใช้พื้นที่ในสนามหลวงบริเวณใดบ้าง และจุดนั้นจะกระทบกับการเข้าคิวของประชาชนหรือไม่ ก็จะได้ปรับแผนการรองรับประชาชน เพราะเรายังมีพื้นที่ด้านทิศเหนือที่สามารถรื้อได้ บางเต็นท์เป็นจุดรอคิวได้ นอกจากนี้ได้ขอกระทรวงคมนาคมตั้งเต็นท์อำนวยความสะดวกบริการน้ำและอาหารที่ประตูเทวาภิรมย์ ถนนมหาราช เพราะเป็นจุดที่ประชาชนสุขใจจากการเข้ากราบพระบรมศพแต่ก็เหนื่อยล้าจากการรอคอ เมื่อออกจากประตูจึงอยากให้รับประทานอาหารกันก่อน แล้วค่อยขึ้นรถเมล์บริการฟรีเพื่อกลับบ้านไป

พิธีพระราชกุศลสตมวาร (100วัน)

พิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100วัน) วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2560 เวลา 17.00 น. พระสงฆ์ 30 รูปสวดพระพุทธมนต์ จบ มีพระธรรมเทศนากัณฑ์ 1 พระ 4 รูปสวดธรรมคาถา แต่งกายเครื่องแบบเต็มยศ ไว้ทุกข์ สายสะพายจุลจอมเกล้า หรือสายสะพายมงกุฏไทย

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 07 มกราคม 2560    
Last Update : 7 มกราคม 2560 8:38:56 น.
Counter : 352 Pageviews.  

กระทรวงวิทย์ฯเชิญร่วมงาน 9-29 มกราคมที่ตลาดนัดคลองผดุงข้างทำเนียบ-อบรมฟรี 20 หลักสูตรสร้างอาชีพ-ซื้อ



กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯจัดงาน“ตลาดนัดวิถีวิทย์ 2560” ที่ตลาดคลองผดุงกรุงเกษมข้างทำเนียบรัฐบาลระหว่าง 9-29 มกราคมนำสินค้าอาหารปรุงสุก สมุนไพรสุขภาพออกจำหน่ายโชว์เรือดูดตะกอนอเนกประสงค์ กังหันน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ อบปลาแดดเดียวข้าวเกรียบแผ่น สบู่ธรรมชาติกว่า 250 ผลิตภัณฑ์เปิดหลักสูตรสร้างอาชีพฟรีวันละหลักสูตรรวม 20 หลักสูตร

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 มกราคม 2560 ที่ ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นางสาวเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองและรองศาสตราจารย์สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “ตลาดนัดวิถีวิทย์ 2560” ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ระหว่างวันที่ 9 - 29 มกราคม 2560 เวลา 10.00 น. - 19.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์

นางสาวเรณูแถลงว่า ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้สนองนโยบายรัฐบาลเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และความมั่นคงให้แก่พี่น้องประชาชน โดยจัดดำเนินงานโครงการตลาดนัดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 และกำลังก้าวสู่ปีที่ 3 ในปี พ.ศ. 2560  ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา รัฐบาลได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชนต่าง ๆ หมุนเวียนเป็นเจ้าภาพจัดงานอย่างต่อเนื่อง และผลการดำเนินงานที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง

จากนั้น รศ.สรนิตปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แถลงเพิ่มเติมว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) รู้สึกยินดีที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานเป็นครั้งที่สอง ต้อนรับเทศกาลปีใหม่

ทั้งนี้การกำหนดจัดงาน “ตลาดนัดวิถีวิทย์ 2560” วันที่ 9 - 29 มกราคม 2560 รวม 21 วัน มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลงานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และหน่วยงานเครือข่าย ซึ่งมุ่งเน้นการคัดสรรผลงานผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมมาบริการจำหน่ายเพื่อช่วยเหลือชุมชน วิสาหกิจชุมชน รวมถึงผู้ประกอบการ ในการสร้างรายได้ กระจายสินค้า และบริการให้แก่ประชาชน สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลที่จะสร้างอาชีพและสร้างรายได้แก่พี่น้องประชาชนคนไทย

โดยได้ใช้พื้นที่ตลอดแนวคลองผดุงกรุงเกษมกว่า 2,000 ตารางเมตรทั้งภายในและภายนอกเต้นท์และมีบูธแสดงจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์กว่า 250 ผลิตภัณฑ์ จากทั่วทุกภูมิภาค ที่ผ่านการสนับสนุนองค์ความรู้จากหน่วยงานภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และหน่วยงานเครือข่าย

การจัดงานได้แบ่งพื้นที่เป็นโซน เช่น อาหารปรุงสุก สมุนไพรสุขภาพ ตลาดนัดชุมชน หมู่บ้านวิทย์เศรษฐกิจพอเพียง กิจกรรมการเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชน เครื่องจักรอุปกรณ์การเกษตรฝีมือคนไทยที่ได้รับการสนับสนุนการวิจัยพัฒนาจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลงานเด่น ๆ (HILIGHT) เช่น เรือดูดตะกอนอเนกประสงค์ เครื่องอัดเม็ดเชื้อเพลิงชีวมวล กังหันน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องแกะเมล็ดข้าวโพด เครื่องรับขวดพลาสติกอัตโนมัติ นวัตกรรมเรื่องอบปลาแดดเดียว ผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบแผ่น ผลิตภัณฑ์สบู่ธรรมชาติ RICH สบู่ธรรมชาติและอื่น ๆ อีกมากมาย

รศ.สรนิตกล่าวว่า งานนี้ได้สนับสนุนนโยบายรัฐบาล โดยจัดให้มีการฝึกอบรมอาชีพถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อสร้างอาชีพ ซึ่งจัดฟรีทุกวันรวม 20 หลักสูตร การโชว์แนวคิดสินค้าผลิตภัณฑ์โดยเจ้าของผลงาน สนุกกับการแสดง Science Show การจำหน่ายสินค้าของกลุ่มแม่บ้านเหล่าทัพ สินค้าจากร้านประชารัฐ พร้อมกิจกรรมการโปรโมชั่นสินค้าราคาประหยัด (นาทีทอง)

งานจะมีพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการวันที่ 10 มกราคม 2560 จึงใคร่เชิญชวนพี่น้องประชาชนมาเที่ยวงาน “ตลาดนัดวิถีวิทย์ 2560” ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการจับจ่ายใช้สอย กระจายรายได้ซื้อสินค้าคุณภาพมาตรฐานจากฝีมือคนไทย และเพื่อร่วมเป็นกำลังใจแก่พี่น้องชุมชนวิสาหกิจ และผู้ประกอบการคนไทยด้วยกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง และมั่นคงให้แก่สังคมเศรษฐกิจของไทย ต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 06 มกราคม 2560    
Last Update : 6 มกราคม 2560 10:22:36 น.
Counter : 421 Pageviews.  

วอนโซเซียลฯเคารพสิทธิ ผู้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุรถตู้ชนกระบะ หยุดแชร์ภาพ-คลิป ตอกย้ำเหตุการณ์



กรมสุขภาพจิต แนะ โลกออนไลน์เคารพสิทธิผู้รับผลกระทบ ไม่ควรแชร์หรือเผยแพร่ภาพผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือคลิปต่างๆ จากเหตุการณ์ความสูญเสียในครั้งนี้ ป้องกันบาดแผลจิตใจ

 

วันที่ 5 มกราคม 2560 - น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึง เหตุการณ์อุบัติเหตุรถตู้โดยสารเสียหลักข้ามเลนพุ่งชนรถกระบะบนถนนบ้านบึง-แกลง ฝั่งมุ่งหน้า อ.แกลง จ.ระยอง ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 25 คน ว่า เบื้องต้นได้ส่งทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต หรือ MCATT (Mental Health Crisis Assessment and Treatment Team) จากศูนย์สุขภาพจิตที่ 6 ประสานกับทีม MCATT  รพ.บ้านบึง ร่วมกับ ทีมเจ้าหน้าที่ รพ.บ้านบึง และ ทีมเจ้าหน้าที่ สสอ.บ้านบึงประเมินและเยียวยาจิตใจผู้ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิต เพื่อให้ผู้ได้รับผลกระทบได้รับการดูแลสุขภาพจิตอย่างเหมาะสมและทันท่วงที ป้องกันการเกิดบาดแผลทางใจในระยะยาว

    อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า ปฏิกิริยาทางจิตใจที่พบบ่อยในช่วงแรก เช่น ช็อก ร้องไห้ฟูมฟาย   เศร้าโศกเสียใจ เครียด มึนชา พูดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก นอนไม่หลับ กินไม่ได้ ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ซึ่งเป็นภาวะตอบสนองต่อเหตุการณ์   ที่ไม่คาดฝันและรุนแรง ช่วงแรกอาจจะมีอาการมาก และส่วนใหญ่จะลดลงตามระยะเวลาที่ผ่านไป โดยมักจะดีขึ้นเร็ว ถ้าได้รับการดูแลสนับสนุนจากคนใกล้ชิดอย่างเหมาะสม รวมทั้งลดการถามซ้ำๆ หรือตอกย้ำด้วยเรื่องหรือสถานการณ์การเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม ทีมจะเฝ้าระวังและติดตามอย่างต่อเนื่องทุกรายจนกว่าจะมั่นใจว่าไม่มีปัญหาสุขภาพจิต เนื่องจากอาจเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพจิตระยะยาว ได้แก่ ภาวะซึมเศร้า

    ญาติ ครอบครัว เพื่อนบ้าน และคนใกล้ชิด จะมีส่วนช่วยเหลือและเป็นคนสำคัญ ที่จะช่วยสังเกต ดูแล เยียวยา และประคับประคองจิตใจผู้ที่ต้องประสบกับความสูญเสียให้ผ่านพ้นความทุกข์ที่เกิดขึ้นนี้ไปได้ ผ่านการรับฟัง ให้การสนับสนุน ให้กำลังใจ และไม่ตอกย้ำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับ สื่อมวลชนที่หากต้องสัมภาษณ์    ก็สามารถมีส่วนร่วมในการเยียวยาจิตใจผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวที่ต้องประสบกับความสูญเสียได้ โดยหลีกเลี่ยงการสอบถามรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้เลือกใช้คำถามที่เปิดโอกาสให้พวกเขา ได้ระบายความรู้สึกมากกว่าการใช้คำถามชี้นำ เช่น ถามว่าโกรธหรือไม่พอใจใครหรือไม่  เป็นต้น รวมทั้ง โลกออนไลน์ ควรพึงเคารพสิทธิผู้ที่ได้รับผลกระทบ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บจากสถานการณ์ ไม่ควรแชร์หรือเผยแพร่ภาพผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือคลิปต่างๆ จากเหตุการณ์ความสูญเสียในครั้งนี้ เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้ผู้ได้รับบาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตคิดถึงภาพเหตุการณ์สะเทือนใจซ้ำไปซ้ำมา ตอกย้ำซ้ำเติมความรู้สึกให้แย่ลงไปอีก ควรแสดงออกถึงการให้กำลังใจ เพื่อให้ปรับตัวและก้าวผ่านการเปลี่ยนแปลงในช่วงวิกฤต สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติจะเหมาะสมกว่า ทั้งนี้ สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอด  24 ชั่วโมง อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 06 มกราคม 2560    
Last Update : 6 มกราคม 2560 6:56:05 น.
Counter : 222 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.