“กอบกาญจน์”ชี้ รายได้ท่องเที่ยวปี 59 ทะลุเป้า เตรียมเดินหน้าเพิ่มวันพักและดันไทยฮับโลคอสต์



รมต.ท่องเที่ยว คาด รายได้ท่องเที่ยวทั้งปีเกินเป้าแตะ 2.49 ล้านล้านบาท โดยไตรมาส 3 อยู่ที่ 6.2 แสนล้านขยายตัว 12.22% ย้ำต้องเพิ่มทั้งจำนวนและรายได้ แนะเร่งเดินหน้าดันประเทศไทยเป็นฮับเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวไทย ไตรมาส 3 ปี 2559 ว่ามีรายได้รวมจากการท่องเที่ยว จำนวน 627,037.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.22 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวน 410,755.03ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.77 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยท่องเที่ยวภายในประเทศ  จำนวน216,282.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.69จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สถานการณ์ท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (ชาวต่างชาติเที่ยวไทย) ไตรมาสที่ 3 ปี 2559 มีนักท่องเที่ยวทั้งหมด จำนวน 8,228,278 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.09 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมด จำนวน 410,755.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.77จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแยกเป็น

1.)นักท่องเที่ยวจีนมีจำนวน 2.42 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.53 จากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้ จำนวน 123,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.67 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

2.)นักท่องเที่ยวยุโรปมีจำนวน 1.20 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.11 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้ จำนวน 86,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.60จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

3.)นักท่องเที่ยวอาเซียนมีจำนวน 2.20 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.63จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้ จำนวน 67,601 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ส่วนสถานการณ์ท่องเที่ยวภายในประเทศ (ไทยเที่ยวไทย) ไตรมาสที่ 3 ปี 2559 มีจำนวน 36.48 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.55 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็นรายได้ จำนวน 216,282.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.69จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งการท่องเที่ยวเป็น 3 ประเภท ได้แก่

 10 เมืองท่องเที่ยวหลัก สร้างรายได้ จำนวน 155,631.85 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 72 ของรายได้ภายในประเทศทั้งหมด เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.57 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

 12 เมืองต้องห้าม...พลาด พลัส สร้างรายได้ จำนวน 13,777.87 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.4 ของรายได้ภายในประเทศทั้งหมด เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.21 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ด้านสถานการณ์การท่องเที่ยวไตรมาส 4 คาดว่าจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 609,616.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.28จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 389,884.43 ล้านบาท และรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยท่องเที่ยวภายในประเทศ จำนวน 219,731.62ล้านบาท

ดั้งนั้น คาดว่าจะมีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวในปี 2559 จำนวน 2,486,282 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 4 แยกเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 1,627,280.23 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.68 (ประมาณ 32.4 ล้านคน) และรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยท่องเที่ยวภายในประเทศ จำนวน 859,002.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.96 จากปีที่ผ่านมา

นางกอบกาญจน์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 3 และระยะต่อไป ได้แก่ แนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของการท่องเที่ยวโลก รวมถึงบทบาทการเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวภูมิภาคต่างๆ โดยให้ไทยเป็นศูนย์กลางในการเพิ่มเส้นทางการบินของสายการบินต้นทุนต่ำ อาทิ การเปิดเส้นทางบินของ Vietjet ในประเทศไทย, แอร์เอเชีย ใช้ไทยเป็นฐานในการเชื่อมโยงไปยังภายในภูมิภาคเชื่อมโยงแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของกลุ่ม นักท่องเที่ยวสูงอายุ, การเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลางในเอเชียที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวและนิยมสินค้าบริการประเภทAffordable luxury (ราคาสินค้าแบรนด์เนมที่จับต้องได้) ดังนั้นจึง ต้องกำหนดนโยบายการตลาดและแนวทางที่ชัดเจนในการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT ของจีนเพิ่มมากขึ้นและนโยบายด้าน Visa ของต่างประเทศ เช่น ประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ อาจส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดการท่องเที่ยวของไทยและที่สำคัญเราต้องชี้แจงสื่อสารกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้เข้าใจ สถานการณ์ ว่ากิจกรรมต่างๆ ยังดำเนินต่อไปแม้จะเป็นช่วงแห่งการไว้อาลัย อีกทั้ง กระตุ้นกลุ่มนักท่องเที่ยว Responsible tourism ให้เดินทางเข้ามาประเทศไทย เพื่อปรับโครงสร้างกลุ่มนักท่องเที่ยวของไทยไปสู่การท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพต่อไป

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2559 21:58:32 น.
Counter : 281 Pageviews.  

สำนักข่าวทอมสัน รอยเตอร์เตรียมลอยแพพนักงาน 2,000 คน-โฆษณาและขายข้อมูลการเงินลดลง



สำนักข่าวทอมสัน รอยเตอร์เตรียมลอยแพพนักงานทั่วโลก 2,000 รายใน 39 ประเทศ 150 สำนักงานยอมรับค่าโฆษณาลด-คนหันไปอ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น

 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2016 ว่าเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน บริษัทที่บริการข้อมูลด้านการเงินและสำนักข่าวในนามทอมสันรอยเตอร์(Thomson Reuters)ประกาศว่าจะลอยแพพนักงานประมาณ 2,000 ตำแหน่งทั่วโลกเพื่อปรับองค์กรครั้งใหญ่

การลอยแพครั้งนี้คิดเป็น 4 % ของจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 48,000 คน โดยที่ผ่านมาบริษัทก็เคยลอยแพพนักงานไปแล้วหลายพันคน  พนักงานที่จะได้รับผลกระทบอยู่ใน 39 ประเทศรวม 150 สำนักงาน เป็นพนักงานที่ทำงานในสาขา Financial & Risk business , the Enterprise, Technology & Operations Group เป็นต้น

บริษัทให้เหตุผลว่าสถานการณ์ขณะนี้เกิดภาวะวิกฤติเหมือนกับอุตสาหกรรมทั่วไปกล่าวคือค่าโฆษณาลดลง จำนวนคนอ่านก็ลดโดยหันไปอ่านข่าวจากอินเตอร์เน็ตมากขึ้น

สำหรับทอมสันรอยเตอร์งานหลักอันดับสองคือการบริการแหล่งข่าวทางธุรกิจ อาทิเช่นข้อมูลหุ้นและเศรษฐกิจแก่บรรดาลูกค้าต่างๆเช่นธนาคาร สถาบันการเงิน แต่ปัจจุบันการบริการดังกล่าวไม่เข้มแข็งเหมือนที่ผ่านมา

การปรับองค์กรครั้งนี้จะทำให้บริษัทสูญเงินระหว่าง 200-250 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ของปีนี้  ส่วนไตรมาสที่ 3 บริษัทมีกำไรลดลงจาก 293 ล้านดอลลาร์เหลือ 286 ล้านดอลลาร์ แต่ยอดขายยังคงเหมือนเดิมคือประมาณ 2.7 พันล้านดอลลาร์

ตามประวัติเมื่อปี 2008 ทั้งสองบริษัทรวมตัวกันระหว่างบริษัทข้อมูลแคนาดา Thomson กับสำนักข่าวรอยเตอร์แห่งอังกฤษจึงกลายมาเป็นทอมสันรอยเตอร์  โดยมีคู่แข่งสำคัญทางด้านข้อมูลธุรกิจคือบลูมเบิร์กและดาว โจนส์

ประวัติทอมสันรอยเตอร์

ชื่อเต็ม Thomson Reuters Corporation เป็นบริษัทนานาชาติด้านข่าวและข้อมูลทางการเงินมีสำนักงานใหญ่อยู่ 3 Times Square ในแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นที่เมืองโตรอนโต้ จังหวัดออทาริโอ้ ประเทศแคนาดา สำนักงานจดทะเบียนตามกฎหมายอยู่ที่ 333 Bay Street ในดาวน์ทาวนโตรอนโต้

บริษัทนำเข้าตลาดหุนนิวยอร์กในชื่อ NYSE: TRI และตลาดหุ้นโตรอนโต้ TSX: TRI

บริษัททอมสัน รอยเตอร์ตั้งโดยบริษัททอมสัน คอร์ปเรชั่นที่ซื้อกิจการสำนักข่าวรอยเตอร์แห่งอังกฤษเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2008 หุ้นใหญ่เป็นของบริษัท The Woodbridge Company หรือเป็นบริษัทโฮลดิ้งของตระกูลทอมสัน

Thomson Reuters ดำเนินการในกว่า 100 ประเทศทั่วโลกมีพนักงานเต็มที่ 60,000 คน (ปัจจุบันเหลือประมาณ 48,000 ราย)  

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2559 7:24:11 น.
Counter : 421 Pageviews.  

รัฐบาลให้ 14 พ.ย.จัดงานวัฒนธรรม-กิจกรรมบันเทิง-วิทยุทีวีตามปกติ-ธงชาติขึ้นเต็มเสา-พนักงานรัฐยังไว้ทุ



รัฐบาลเผยเริ่มวันที่ 14 พฤศจิกายนจัดงานและกิจกรรมบันเทิงได้ปกติตามความเหมาะสม ทั้งรายการวิทยุ-โทรทัศน์ดำเนินการด้วยสาระและความรู้แทรกไปด้วยเพื่อพัฒนาประเทศ ให้ชักธงชาติเต็มเสาตั้งแต่ 14 พฤศจิกายน ส่วนการไว้ทุกข์ภาครัฐยังคง 1 ปี

 

เมื่อเวลา 14.25 น. วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พันเอกหญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงถึงถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เรื่องที่นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่รัฐบาลได้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนทั้งการนำเสนอข่าวและกิจกรรมบันเทิงว่า ผลจากการหารือดังกล่าวได้มีการจำแนกกิจกรรมต่าง ๆ เป็น 9 ลักษณะ ประกอบด้วย

1.งานเทศกาลระดับประเทศ ได้แก่ งานลอยกระทง การจัดงานคริสต์มาส วันปีใหม่

2. งานเทศกาลระดับจังหวัด เช่น งานกาชาด งานเทศกาลผีตาโขน

3.งานส่งเสริมเศรษฐกิจระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น เช่น กิจกรรมถนนคนเดิน ประเพณีชนวัว

4. งานรื่นเริงวัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น ลิเก ลำตัด ดนตรี มหรสพ และการประกวดต่าง ๆ 

5. กิจกรรมสถานบันเทิงต่างๆ เช่น ไนท์คลับ ผับบาร์ เป็นต้น

6. กิจกรรมที่จัดภายในโรงแรม เช่น การจัดประชุมสัมมนา การเลี้ยงสังสรรค์

7.การแสดงคอนเสิร์ต

8. งานตามประเพณีวัฒนธรรม เช่น งานกฐิน ผ้าป่า และ

9.งานแข่งขันกีฬาทุกระดับและกองเชียร์

ทั้งนี้ รัฐบาลมีความเห็นว่าการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ดังกล่าวสามารถจัดได้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 เป็นต้นไป โดยสิ่งที่ได้มีการดำเนินการอยู่แล้วทุกภาคส่วนสามารถดำเนินการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น การจัดประชุมสัมมนา งานมงคลสมรส งานกฐิน ฯลฯ  และให้ผู้จัดงานพิจารณาถึงความเหมาะสม และให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับที่มีอยู่ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้คำแนะนำและหารือร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้การใช้พื้นที่และรูปแบบกิจกรรมเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่

สำหรับการจัดรายการของสถานีวิทยุโทรทัศน์สามารถดำเนินการได้ตามปกติ โดยขอความร่วมมือผู้ที่รับผิดชอบพิจารณาการนำเสนอรายการต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างเหมะสม และควรมีการนำเสนอรายการที่ให้ความรู้และสาระต่าง ๆ ให้ประชาชนได้รับชม เพื่อการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของประเทศในอนาคตด้วย

“รัฐบาลได้ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐ ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์มีกำหนด 1 ปี เช่นเดิม ในส่วนของประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวให้พิจารณาตามความเหมาะสม” พันเอกหญิง ทักษดากล่าว

ส่วนสถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ และสถานศึกษาทุกแห่งที่ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน จะครบกำหนด 30 วันในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2559 โดยในวันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2559 จะเป็นวันแรกที่จะมีการชักธงเต็มเสาเช่นเดิม

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำถึงดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ว่า ขอให้ทุกภาคส่วนดำเนินการโดยไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย และให้พิจารณาตามความเหมาะสม

รายละเอียดต่างๆ ประชาชน สามารถสอบถามได้ที่ฝ่ายเลขานุการศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์(ศตส.) หรือติดต่อหมายเลขโทรศัพท์ 02-288-6464 

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2559 6:49:52 น.
Counter : 229 Pageviews.  

สำนักข่าวรอยเตอร์ส เสนอข่าว พระบรมฯเตรียมขึ้นครองราชย์ วันที่ 1 ธันวาคม - Exclusive: Thailand 'makin



Thailand's Crown Prince Maha Vajiralongkorn attends an event commemorating the death of King Chulalongkorn, known as King Rama V, as he joins people during the mourning of his father, the late King Bhumibol Adulyadej, at the Royal Plaza in Bangkok, Thailand, October 23,...REUTERS/Athit Perawongmetha



Exclusive: Thailand 'making preparations' for December 1 succession


Mon Oct 31, 2016
Reuters

Thailand is making preparations for Crown Prince Maha Vajiralongkorn to ascend the throne on Dec. 1, two senior military sources with knowledge of the matter said.

The death of King Bhumibol Adulyadej on Oct. 13 at the age of 88 has plunged the Southeast Asian nation of 67 million people into a year of mourning.

News of the December timeframe follows the prince's departure for Germany at the weekend where he had personal business to attend to, one senior military source told Reuters, adding that the prince would return in November.

"We are making preparations. Everything is being prepared for Dec. 1," said another senior military source who declined to be identified. "But this timeframe also depends on His Royal Highness."

Prime Minister Prayuth Chan-ocha had said the prince's formal ascension could be within seven to 15 days of the king's death, or later.

Speaking on behalf of the prince hours after King Bhumibol's death, Prayuth said the prince wanted to grieve with the people and leave the formal succession until later, when parliament will invite him to ascend the throne.

His formal coronation, however, cannot take place until after the king's cremation in a year's time.

FACE OF ESTABLISHMENT

Prem Tinsulanonda, 96, who was head of the powerful Privy Council and is known as the face of Thailand's traditional establishment, is acting as regent until the new king is named.

Thailand's strict lese-majeste laws have left little room for public discussion about the succession. The laws have also severely curbed public discussion about the prince, who does not enjoy the same level of public support as his father.

Thailand has weathered more than a decade of political upheaval that has pitted the royalist-military establishment against populist political forces.

The latest chapter was a May 2014 military coup which removed the government of prime minister Yingluck Shinawatra and which the military said it carried out to end Thailand's cycle of political instability.

Kan Yuenyong, executive director of the Siam Intelligence Unit think-tank, said he did not foresee any political violence over the next year but added that political divisions would resurface if the succession did not go smoothly.

"Political tensions might warm up again and struggles could follow," he said.

Thailand's baht has slid 0.9 percent throughout October amid concern the king's death may increase political uncertainties and hurt economic activity in the near term.


(Reporting by Amy Sawitta Lefevre; Editing by Bill Tarrant, Robert Birsel)

ที่มา thaienews




 

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2559 2:56:15 น.
Counter : 387 Pageviews.  

คืบหน้าโครงการสำรวจและออกแบบทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 ธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2)



กรมทางหลวง สรุปผลการคัดเลือกรูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสมของโครงการการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรมและผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี – ปากท่อ (ถนนพระราม 2) คาดนำเสนอเพื่อขออนุมัติโครงการต่อรัฐบาลภายในปี 2560-2561

 

จากปัญหาการจราจรที่ติดขัดของถนนพระราม 2 ตั้งแต่บริเวณฝั่งธนบุรี กรุงเทพมหานคร ถึงจังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากบริเวณสองข้างทางมีชุมชนหนาแน่น มีสถานที่สำคัญหาลายแห่ง ทั้งสถานศึกษา โรงพยาบาล นิคมอุตสาหกรรม และสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้เกิดความไม่สะดวกและความล่าช้าในการเดินทาง อีกทั้งทางหลวงสายนี้ยังมีข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ในการขยายถนน  

ทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากท่อ หรือถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นทางหลวงที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2516 มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมขนส่งสู่ภาคใต้ซึ่งจะช่วยย่นระยะทางลงสู่ภาคใต้ได้สั้นกว่าถนนเพชรเกษม ประมาณ 40 กิโลเมตร โดยมีการก่อสร้างขยายเป็นทางขนาด 8-12 ช่องจราจรแล้วในบางช่วง ปัจจุบันถนนพระราม 2 มีการจราจรประมาณ 100,00-150,000 คันต่อวัน และยังมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี  ทำให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนและวันหยุดในเทศกาลต่างๆ

กรมทางหลวงจึงมีแนวคิดที่จะก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี–ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ในลักษณะรูปแบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway)  ซึ่งมีการควบคุมการเข้า-ออกและระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง เพื่อแก้ปัญหาการจราจรดังกล่าว และเสริมโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กับพื้นที่ภาคใต้ เพื่อให้การเดินทางเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สามารถลดต้นทุนการขนส่ง ทำให้การเดินทางสู่ภาคใต้สามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้นรวมทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันของประเทศอีกด้วย

กรมทางหลวง จึงดำเนินการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ในปี พ.ศ. 2556 โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการที่ กม.9+731 บริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 35 กับทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 2) ไปจนถึง กม.84+000 บริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 35 ไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 4 (แยกวังมะนาว) ระยะทางรวมประมาณ 75 กิโลเมตร

ดำเนินการโดย บริษัท เอ็ม เอ เอ คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท นิวแอสเซท แอดไวเซอรี่ จำกัด บริษัท ยูทิลิตี้ ดีไซน์ คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท พรี ดีเวลลอปเมนท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2557 และได้ดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียด โครงการสำรวจและออกแบบรายละเอียดทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) โดยแบ่งพื้นที่ศึกษาออกเป็น 3 ตอน โดยมีรายละเอียดดังนี้

ตอน 1 : ปี พ.ศ. 2556 กรมทางหลวงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอซิลอน จำกัด บริษัท โชติจินดา มูเชล คอนซัลแตนท์ จำกัด บริษัท ซี คอนซัลท์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด และบริษัท ยูไนเต็ด
แอนนาลิสต์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด ให้เป็นผู้ดำเนินการศึกษาในระยะทาง 11.5 กิโลเมตรแรก เริ่มจากที่ กม.9+731 บริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 35 กับทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร รอบที่ 2) ไปจนถึง กม.21+500 บริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 3242 (ถนนเอกชัย) ดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน พ.ศ. 2557

ตอน 2 ส่วนที่ 1 : ปี พ.ศ. 2557 กรมทางหลวงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอพซิลอน จำกัด บริษัท แพลนโปร จำกัด บริษัท นูแมพ จำกัด บริษัท เอส ที เอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เอเซีย แล็ป แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ให้ดำเนินการศึกษาสำรวจและออกแบบทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ตอน 2 (ส่วนที่ 1) ช่วง กม.21+500 บริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 3242
(ถนนเอกชัย) ถึง กม.41+500 บริเวณบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ระยะทาง 20 กิโลเมตร ดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนกันยายน พ.ศ. 255
8

ตอน 2 ส่วนที่ 2 : ปี พ.ศ. 2557 กรมทางหลวงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนส์ จำกัด บริษัท พีเอสเค คอนซัลแตนส์ จำกัด และบริษัท แมคโครคอนซัลแตนท์ จำกัด ให้ดำเนินการศึกษาสำรวจและออกแบบทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ตอน 2
(ส่วนที่ 2) ช่วง กม.41+500 บริเวณบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ถึง กม.62+800 บริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 325 (แยกจังหวัดสมุทรสงคราม) ระยะทาง 21 กิโลเมตร ดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม พ.ศ. 255
8

ต่อมา กรมทางหลวงได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ให้ดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียดในแนวเส้นทางของทางหลวงหมายเลข 35 ตอน 3 ที่ยังเหลืออยู่ ตั้งแต่บริเวณ กม.62+800 ถึง กม.84+000 ระยะทางประมาณ 21.2 กิโลเมตร โดยแบ่งเป็น 2 โครงการ ดังนี้

ตอน 3 ส่วนที่ 1 : ช่วง กม.62+800 บริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 325 (แยกสมุทรสงคราม)

ถึง กม.72+800 บริเวณจุดตัดทางหลวงชนบท สค.4012 กรมทางหลวงโดยสำนักสำรวจและออกแบบ ได้ว่าจ้าง
กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนส์ จำกัด บริษัท พีเอสเค คอนซัลแตนส์ จำกัด และบริษัท ธรรมชาติ คอนซัลแตนท์ จำกัด ให้ดำเนินการศึกษาสำรวจและออกแบบทางยกระดับ
บนทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ตอน 3 (ส่วนที่ 1) ระยะทาง 10 กิโลเมตร

ตอน 3 ส่วนที่ 2 : ช่วง กม.72+800 บริเวณจุดตัดทางหลวงชนบท สค.4012 ถึง กม.84+000 บริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 35 ไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 4 (แยกวังมะนาว) กรมทางหลวงโดยสำนักสำรวจและออกแบบ ได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วย บริษัท เอพซิลอน จำกัด บริษัท แพลนโปร จำกัด บริษัท นูแมพ จำกัด บริษัท เอส ที เอส เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแตนท์ จำกัด และบริษัท เอเซีย แล็ป แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ให้ดำเนินการศึกษาสำรวจและออกแบบทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ตอน 3 (ส่วนที่ 2) ระยะทาง 11.2 กิโลเมตร

โครงการมีจุดเริ่มต้นจากบริเวณจุดตัดทางหลวงหมายเลข 35 กับทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ถนนกาญจนาภิเษก) บริเวณทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน กิโลเมตรที่ 9+731 ไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม)  บริเวณทางแยกต่างระดับวังมะนาว กิโลเมตรที่ .84+000)  อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี  รวมระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร  โดยมีจุดขึ้น-ลง จำนวน 7 จุด คือ

1.บางขุนเทียน  2.พันท้ายนรสิงห์  3.มหาชัยเมืองใหม่  4.สมุทรสาคร  5.บ้านแพ้ว  6.สมุทรสงคราม 7.วังมะนาว  อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี

รูปแบบโครงการ : เป็นทางหลวงพิเศษเก็บค่าผ่านทาง โดยบางช่วงเป็นทางยกระดับ บางช่วงเป็นทางพิเศษระดับพื้น มีกำแพงคอนกรีตเพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งมีเขตทางกว้าง 80 เมตร   การพัฒนาโครงการดังกล่าว จะพัฒนาในเขตทางเดิม โดยลงเสาเข็มบนพื้นที่เกาะกลางถนน จุดที่เป็นจุดกลับรถจะมีการเพิ่มพื้นที่ และจะมีการชดเชยค่าเวนคืนที่ดินแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ

สำหรับรูปแบบการลงทุนมอเตอร์เวย์นั้น จะเป็นการร่วมทุนเอกชน (PPP) ทั้งสาย โดยอาจจะเปิดประมูลหรือพิจารณาใช้เงินกองทุนโครงสร้างพื้นฐานหรือไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ เพื่อเป็นแหล่งเงินของโครงการ

แผนการดำเนินงาน : โครงการดังกล่าวกำลังอยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียด  เพื่อนำเสนอกระทรวงคมนาคม โดยคาดว่าจะนำเสนอเพื่อขออนุมัติโครงการต่อรัฐบาลภายในปี 2560-2561 วงเงินค่าก่อสร้าง 89,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามและติดตามรายละเอียดของโครงการก่อสร้างฯเพิ่มเติมได้ที่สำนักสำรวจและออกแบบ กรมทางหลวง โทร. 0 2354 1048 หรือเว็บไซด์ www.highway35-3.com และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)

ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารบ้านพร้อมอยู่ , //www.highway35-3.com

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 03 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2559 21:58:12 น.
Counter : 471 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.