เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 ที่รัฐสภา นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 กล่าวถึงการทำงานของ สปท.ภายหลังจากที่มีรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ว่า สปท.วางแผนการทำงานล่วงหน้ามาโดยตลอดและก่อนที่รัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ ได้หารือกับแม่น้ำ 5 สาย โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับ ป.ย.ป. โดยจะมีแผนการทำงานเมื่อรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ใน 3 ส่วน คือ

1.การช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนวาระปฏิรูป 146 วาระที่ส่งไปยังรัฐบาลก่อนหน้านี้

2.การร่วมขับเคลื่อนภายใต้ ป.ย.ป.โมเดล และ

3.การจัดทำแผนปฏิรูปและกฎหมายที่จำเป็นต่อการปฏิรูปตาม แผน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2564 ตามที่รัฐธรรมนูญบทบัญญัติ ทั้งประเด็นยุทธศาสตร์ชาติ และ หมวดปฏิรูปประเทศ

นายอลงกรณ์ยืนยันว่าการทำงานปฏิรูปจะไม่มีรอยต่อแน่นอน เพราะได้วางแผนเป็นกระบวนการทำงานที่ ดังนั้นเมื่อรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้แล้วจะมีกฎหมายใหม่ว่าด้วยการปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ โดยจะมีองค์กรและกลไกใหม่เกิดขึ้น อาจต้องใช้เวลาในกระบวนการสรรหาหรือแต่งตั้งกรรมการ ซึ่งในระหว่างนี้ ป.ย.ป.จะทำหน้าที่เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการปฏิรูป

นายอลงกรณ์กล่าวถึงกระแสข่าวที่ สปท.จะลาออกเพื่อไปลงเลือกตั้ง ส.ส. ตามกติกาของรัฐธรรมนูญใหม่ว่า การลาออกไม่มีปัญหาอะไร เพราะที่รัฐธรรมนูญเขียนนั้นแยกเป็นสองส่วน คือ สปท. จะสิ้นวาระเมื่อมีกฎหมายปฏิรูป ภายในกรอบเวลาไม่เกิน 120 วัน หรือการลาออกเพื่อไปลงเลือกตั้ง ภายในกรอบ 90 วันหลังมีรัฐธรรมนูญใหม่ ดังนั้นแม้จำนวน สปท.จะเปลี่ยนแปลง แต่ไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน เพราะได้เตรียมงานไว้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะมีสมาชิกลาออกไปเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง หลังรัฐธรรมนูญใช้ ภายใน 90 วันถือเป็นสิทธิส่วนบุคคล และสมาชิก สปท.คงจะมีจำนวนหนึ่งที่ลาออก แต่ไม่มากนักเพราะอาจจะมีผลกระทบการทำงาน

สปท.20 คน และสนช. 10 คนเตรียมลาออก  

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2560 นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากมีข่าวว่ารัฐธรรมนูญฉบับผ่านการลงประชามติจะประกาศใช้วันที่ 6 เมษายนนี้ ตนได้พูดคุยกับสมาชิก สปท.และ สนช.หลายคน ทราบว่า จะมีสปท.ประมาณ 20 คน และ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 10 คน ลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้ได้สิทธิลงสมัคร ส.ส.ได้ เป็นไปตามมาตรา 263-266 ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติ ที่ระบุให้บุคคลที่จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.จะต้องลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ภายใน 90 วันเพื่อป้องกันข้อครหาในเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ส่วนบุคคลดังกล่าวจะสมัครส.ส.จริงหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่เป็นการเตรียมคุณสมบัติไว้

นายวันชัย กล่าวว่า ในส่วนตัวนั้นขอตัดสินอีกครั้งว่าจะขอลาออกหรือไม่ แต่ถ้าจะลาออกจริงก็จะเปิดเผยให้รับทราบอีกครั้ง

สำหรับบทเฉพาะกาล มาตรา 263-266 ของรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติ ได้กำหนดห้ามแม่น้ำ 4 สาย ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี (ครม.) คสช. สนช. สปท. จะลงสมัคร ส.ส.จะต้องลาออกจากตำแหน่งภายใน 90 วันหลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับ

เงินค่าตอบแทนตำแหน่งต่างๆในคสช./สนช./สปช.

บัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มของผู้ดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พบว่ามีการกำหนดต่อเดือนไว้ดังนี้

ตำแหน่งหัวหน้าคสช. กำหนดเงินประจำตำแหน่งไว้ที่ 75,590 บาท เงินเพิ่ม 50,000 บาท รวม 125,590 บาท เทียบเท่ากับประธาน สนช.

ส่วนผู้ดำรงตำแหน่งอื่นใน คสช. และประธาน สปช. กำหนดเงินประจำตำแหน่งไว้ที่ 74,420 บาท เงินเพิ่ม 45,000 บาท รวม 119,920 บาท

รองประธาน สนช. และรองประธาน สปช. กำหนดเงินประจำตำแหน่งไว้ที่ 73,240 บาท เงินเพิ่ม 42,500 บาท รวม 115,740 บาท

สนช., สปช. กำหนดเงินประจำตำแหน่งไว้ที่ 71,230 บาท เงินเพิ่ม 42,330 รวม 113,560 บาท 

ต่อมามีการยุบสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)และแต่งตั้งสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)พร้อมกับแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งมีการกำหนดเงินเดือน-เบี้ยประชุมของสมาชิก 2 องค์กรไว้ดังนี้

ที่มา thaitribune

Create Date : 04 เมษายน 2560
Last Update : 4 เมษายน 2560 22:40:24 น.		0 comments
Counter : 214 Pageviews.
Share Tweet