เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 8 พฤศจิกายน 2559 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีที่สำนักอัยการสูงสุด มีคำสั่งเลื่อนการสั่งคดีพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายว่า ตนไม่ทราบการเลื่อน เพราะไม่จำเป็นต้องรายงานตน แต่ก็เรียกอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)มาสอบถามว่าทำไมถึงยังสอบสวนไม่จบเสียที เพราะไม่เข้าใจขั้นตอนในการดำเนินการหรือรายละเอียด

ทั้งนี้ดีเอสไอเชื่อมั่นว่าแนวทางที่ทำและประเด็นสำคัญ ๆ ได้สอบทั้งหมดแล้ว รวมถึงมีข้อมูลเพียงพอที่จะฟ้องศาลได้ ทั้งหมดเป็น ความเห็นของพนักงานสอบสวน ประเด็นที่เรียกสอบถามเพิ่มเติมนั้นไม่ใช่หัวใจหลักของคดี ขณะเดียวกันก็ไม่ทราบว่ามุมมองของอัยการคืออะไร ต้องรับฟังทั้งสองฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีการไม่ฟ้อง เหมือนเมื่อหลายปีก่อน โดยอาจมองว่าจะมีการใช้อำนาจของอัยการสูงสุดในการไม่ส่งฟ้อง พล.อ.ไพบูลย์ตอบว่า สังคมสามารถมองได้ เรื่องนี้ต้องถามทางอัยการสูงสุด เนื่องจากประเด็นที่แล้วไม่ได้ถอนฟ้องในประเด็นที่ไม่มีความผิด แต่เพราะเห็นว่าฟ้องแล้วกลัวเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นการใช้อำนาจเฉพาะตัวของอัยการสูงสุด

แต่ที่ศึกษามานั้นไม่ใช่เรื่องของการไม่ฟ้อง เพราะไม่มีความผิด แต่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยขึ้น ต้องไปถามอัยการสูงสุด ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เขาคงรู้ว่าสังคมมองอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าส่งฟ้องแล้วจะมีปัญหาตามมาหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ถามกลับว่า ต้องการให้กฎหมายเป็นกฎหมายหรือไม่ ถ้าจะบอกว่าเหมือนเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปจับกุมตัว และมีประชาชนปิดล้อมไม่ให้เข้านั้น เป็นคนละประเด็นกับการส่งฟ้องศาลของอัยการ ซึ่งศาลอาจจะไม่รับฟ้องก็ได้

“กระบวนการยุติธรรมก็ต้องเดินไปตามกฎหมาย ถ้าเราคิดว่าเรากลัวโน่นนี่แล้ว มันก็จะเป็นคำถามที่ถามว่าจะให้เป็นอย่างนั้นหรือไม่ ก็แสดงว่าพวกเราเองก็ไม่พอใจแบบนั้นใช่หรือไม่ เพราะแบบนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องใช่หรือเปล่า พวกเรากำลังหวั่นใจว่าจะเกิดแบบนี้ใช่หรือไม่ หวั่นใจว่าทำไมไม่ทำกฎหมายออกมา ดังนั้นก็ต้องรอดูกันต่อไป"พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

อัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งไป 30 พฤศจิกายน

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน คณะทำงานฯพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด แจ้งเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดีพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสพระธรรมกายกับพวก 4 คน คดีฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่นอีกครั้งเป็นวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ โดยชี้แจงเหตุผลว่ารอผลการสอบเพิ่มเติมที่ครบถ้วนจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ

ก่อนหน้านี้ ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เคยมีกำหนดนัดสั่งคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาที่ 1 และพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่ 2 กับพวกรวม 5 คน กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร หลังจากมีการเลื่อนกันมาหลายรอบ

พนักงานอัยการ คณะทำงานคดีดังกล่าว ระบุเหตุผลการเลื่อนสั่งคดีว่าได้รับผลการสอบสวนเพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่ครบถ้วน อีกทั้งเอกสารในสำนวนคดีและเอกสารเพิ่มเติมที่พนักงานสอบสวนส่งให้อัยการพิจารณามีจำนวนมาก และเนื้อหามีความสลับซับซ้อน ประกอบกับคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยมีผู้เสียหายที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก และมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนสูงมาก

พนักงานอัยการ คณะทำงานต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการพิจารณาสำนวนและสั่งคดีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย และเพื่อให้เกิดความกระจ่างแก่สังคม พนักงานอัยการจึงเลื่อนการสั่งคดีนี้ออกไปก่อน และนัด น.ส.ศรัณยา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 และนางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาที่ 4 มารายงานตัวเพื่อฟังคำสั่งต่อไปในวันที่  7 พ.ย. เวลา 10.00 น.

สำหรับการเลื่อนสั่งคดีฟอกเงินดังกล่าว มีข้อมูลว่ารอบล่าสุดที่ผ่านมานั้นถือเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่ที่พนักงานอัยการได้รับสำนวนการสอบสวนจากดีเอสไอเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2559 ขณะนี้นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ยังคงถูกคุมขังในเรือนจำฯถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 8 กระทง 32 ปี ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯสำนวนแรก, พระเทพญาณมหามุนี หรือนายไชยบูรณ์ สุทธิผล หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถูกออกหมายจับยังติดตามตัวมาไม่ได้, น.ส.ศรัณยา มานหมัด ถูกออกหมายจับยังติดตามตัวมาไม่ได้, นางทองพิน กันล้อม และนางศศิธร โชคประสิทธิ์  ทั้งหมดเป็นผู้ต้องหาที่ 1-5

อย่างไรก็ตามการเลื่อนฟังคำสั่งคดีในวันนี้ ถือเป็นการเลื่อนครั้งที่ 5 แล้วโดยไม่มีการระบุชัดเจนว่า การนัดครั้งต่อไป จะเลื่อนฟังคำสั่งในคดีดังกล่าวอีกหรือไม่

ไพบูลย์ นิติตะวันเชื่ออธิบดีอัยการคนใหม่

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธาน คณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องกิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้อัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาจำนวน 12 คนไปแล้วในคดีฉ้อโกงประชาชน ผู้ฝากเงิน สหกรณ์คลองจั่น ซึ่งเป็นคดีมูลฐานความผิดของ คดีรับของโจร และฟอกเงิน ของพระธัมมชโย

ดังนั้นตนเองจึงเชื่อมั่นว่าอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ คนใหม่ที่เข้ารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2559 น่าจะมีการสั่งคดีพระธัมมชโยได้ในวันนี้ (7 พ.ย.) นี้ เพื่อดำเนินการฟ้องต่อศาลยุติธรรม และให้ความเป็นธรรมกับประชาชนผู้ฝากเงิน สหกรณ์คลองจั่น และ ประชาชนทั้งประเทศที่รอคอยและติดตามคดีพระธัมมชโย ด้วยความเป็นห่วงเกรงว่ากฎหมายจะบังคับใช้ไม่ได้เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้มีเครือข่ายอิทธิพลที่ใหญ่มาก

ที่มา thaitribune

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2559
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2559 23:45:06 น.		0 comments
Counter : 281 Pageviews.
Share Tweet