โฆษกบัวแก้วฉุนสื่อต่างชาติบางสำนักตั้งธง-ไทยทำอะไรก็วิจารณ์เสียหายถามมีวาระแอบแฝงหรือไม่



โฆษกกระทรวงต่างประเทศ เผยต่างชาติยินดีไทยทำประชามติเรียบร้อย ติงสื่อต่างชาติวิจารณ์การตัดสินใจของประชาชน เลือกกำหนดอนาคตของประเทศ ชี้บางฉบับตั้งธงไว้ ไทยจะทำอย่างไรก็วิจารณ์ไปในทางเสียหาย ตั้งคำถามมีวาระใดแอบแฝงหรือไม่

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 25589 นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ทราบผลอย่างไม่เป็นทางการหลังจากทำประชามติในวานนี้ (7ส.ค.) ทางคณะทูตจากประเทศต่างๆได้แสดงความยินดีกับประเทศไทยที่ได้จัดทำประชามติเสร็จสิ้นและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อีกทั้งได้แสดงความยินดีกับผลประชามติที่ออกมา ซึ่งต่อจากนี้ไปจะได้เห็นความชัดเจนของประเทศไทยที่จะเดินตามโรดแมปทำให้ประชาธิปไตยแข็งแรงและยั่งยืน

เมื่อถามว่า ขณะนี้สื่อต่างชาติวิพากษ์วิจารณ์ผลประชามติ นายเสข กล่าวว่า ผลประชามติที่ออกมาคือการตัดสินใจของประชาชนส่วนใหญ่ ผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วม เหตุใดสื่อต่างชาติถึงตั้งคำถามต่อสิ่งเหล่านี้ อยากให้ยอมรับผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่ออกมา เพราะนี่เป็นการตัดสินใจของคนไทย

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีบางประเทศถามว่า ทำไมถึงจัดประชามติ เราชี้แจงว่า รัฐบาลมีเจตนาที่อยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ประชาชนเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาประเทศที่มั่นคงและยั่งยืน

“แปลกใจที่บางสื่อมีธงที่ชัดเจนในใจแล้วหรือไม่ เพราะไม่ว่าไทยจะทำอย่างไรก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสียหาย ซึ่งสื่อบางแห่งอยู่ในไทยแต่กลับไม่มีความเข้าใจวิถีประชาธิปไตยของไทยเพียงพอ ส่วนเรื่องความไม่เข้าใจสถานการณ์ในไทยไม่ใช่ข้ออ้าง เพราะสื่อต่างประเทศได้ติดตามมาตลอด ดังนั้นตั้งคำถามว่าสื่อต่างๆเหล่านั้นมีวาระใดแอบแฝงหรือไม่ ทำไมมีการวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สร้างสรรค์” นายเสข กล่าว

นายเสข กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับสื่อต่างชาติแต่ละแห่งมาโดยตลอด ขณะเดียวกันในวันนี้ได้สรุปผลการทำประชามติอย่างไม่เป็นทางการให้สถานทูตไทยทั่วโลกได้ทราบ เพื่อนำไปชี้แจงต่อรัฐบาลประเทศนั้นๆ ที่ประจำการอยู่

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่มีชาติใดแสดงความกังวลว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินการตามโรดแมดที่ได้เคยได้ประกาศไว้

เมื่อถามว่าหลังจากผลประชามติอย่างเป็นทางการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาแล้วกระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายเสข กล่าวว่า เมื่อทราบผลประชามติอย่างเป็นทางการแล้วขั้นตอนต่อไปกระทรวงการต่างประเทศจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาบรรยายสรุปต่อคณะทูตานุทูต เพื่อให้ทราบขั้นตอนจองการดำเนินการตามโรดแมปของไทยในการเลือกตั้ง ปี 2560 ต่อไป

ตัวอย่างข่าวไม่ได้มีความปรารถนาดีต่อประเทศไทยเพราะอ่านเสร็จเกิดผลลบต่อรัฐบาลคสช.-ทหารทันที 

Thailand votes in favor of new constitution, preliminary results show

//edition.cnn.com/2016/08/07/asia/thailand-new-constitution/index.html

 ที่มา thaitribune




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2559    
Last Update : 8 สิงหาคม 2559 23:54:27 น.
Counter : 269 Pageviews.  

อายุ 50 ปีกู้ได้ ธอส.จัดโครงการบ้านผู้สูงอายุ ผ่อนชำระอัตราดอกเบี้ยต่ำนาน 4 ปีแรก



ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ขานรับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุ เตรียมวงเงินรวม 7,000 ล้านบาท จัดทำ “โครงการบ้าน ธอส. เพื่อผู้สูงอายุ” ให้กู้สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 - 4 เท่ากับ MRR – 3.25% ต่อปี นาน 4 ปีแรก

 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า จากนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในการก้าวไปสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society)ของประเทศไทยในอนาคต ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน”  ได้เล็งเห็นความสำคัญกับการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้เกิดความมั่นคงในการดำรงชีวิตภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จึงได้เตรียมวงเงิน 7,000 ล้านบาท จัดทำ โครงการบ้าน ธอส. เพื่อผู้สูงอายุ แบ่งเป็น

1.สินเชื่อสำหรับผู้กู้รายย่อย (Post Finance) วงเงิน 3,000 ล้านบาท ให้กู้สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยสามารถกู้ร่วมกับคู่สมรสจดทะเบียน บุตร หรือหลานได้ อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 - 4 เท่ากับ MRR – 3.25% ต่อปี (หรือ 3.50% ต่อปี) คิดจาก MRR ธอส.ปัจจุบันเท่ากับ 6.75% ต่อปี ปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ กรณีลูกค้าสวัสดิการเท่ากับ MRR - 1% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยเท่ากับ MRR - 0.5% ต่อปี และกรณีกู้ซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัยเท่ากับ MRR  วัตถุประสงค์ให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม และซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด หรือซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย และระยะเวลาผ่อนชำระพิจารณาจากอายุของผู้กู้รวมกับจำนวนปีที่ขอผ่อนชำระต้องไม่เกิน 70 ปี (กรณีผู้กู้ร่วมที่อายุไม่ถึง 40 ปี ผ่อนได้นานสูงสุดไม่เกิน 30 ปี) 

2.สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ (Pre Finance) วงเงิน 4,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1-2 เท่ากับ 4% ต่อปี ปีที่ 3 – 5 คิดอัตราดอกเบี้ยของภาระหนี้ส่วนที่เหลือ ไม่ต่ำกว่า MLR – 1% ต่อปี (ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR เท่ากับ 6.4% ต่อปี) ให้กู้สำหรับจัดทำโครงการที่มีที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุทั้งประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวเฮาส์ และห้องชุดไม่น้อยกว่า 40% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมดของโครงการ โดยผู้ประกอบการที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ต้องมีคุณสมบัติ อาทิ เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ ผู้ประกอบการในโครงการ FAST TRACK/ REGIONAL FAST TRACK ของธนาคาร เคยมีประสบการณ์และมีความสำเร็จในการทำธุรกิจจัดสรร

คุณสมบัติสำคัญที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุที่สามารถเข้าร่วมโครงการบ้าน ธอส. เพื่อผู้สูงอายุได้ อาทิ ประตูทางเข้าอาคาร หรือห้อง ต้องมีขนาดอย่างน้อย 90 เซนติเมตร พื้นต้องทำจากวัสดุที่เรียบเสมอกัน ไม่ลื่น หากพื้นมีระดับที่ต่างกันต้องมีบันไดหรือทางลาดที่สามารถขึ้น-ลงได้สะดวก ยกเว้นห้องครัว/ห้องนอน/ห้องน้ำต้องไม่มีพื้นต่างระดับ มีที่นั่งสำหรับการอาบน้ำพร้อมราวจับด้านข้างที่นั่ง สวิตซ์ไฟต้องมีขนาดใหญ่กว่าปกติ มีระบบตัดไฟฟ้าลัดวงจร และต้องติดตั้งสัญญาณฉุกเฉินในพื้นที่สำคัญ เช่น ห้องนอน(บริเวณหัวเตียง) ห้องน้ำ เป็นต้น

ลูกค้าที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2559 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2559 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ //www.ghbank.co.th และ Facebook fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2559    
Last Update : 8 สิงหาคม 2559 23:08:37 น.
Counter : 349 Pageviews.  

ประชามติร่างรัฐธรรมคือการพิพากษานักการเมืองและพรรคการเมือง



เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศผลการนับคะแนนการลงประชามติอย่างไม่เป็นทางการรวม 94% พบว่า ประเด็นที่ 1 ร่างรัฐธรรมนูญมีผู้เห็นชอบ 61.40% ไม่เห็นชอบ 38.60% ประเด็นที่ 2 การให้ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง 250 คนมีสิทธิ์ลงมติแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร โดยเห็นชอบ 58.11% ไม่เห็นชอบ 41.89 % กกต.คาดว่ามีผู้มาใช้สิทธิ 58% หรือมากกว่าปี 2550 ผลอย่างเป็นทางการกกต.จะประกาศวันที่ 10 สิงหาคม กล่าวได้ว่าการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในครั้งแรกหลายคนมองว่าเป็นการพิพากษาคสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เมื่อผลลงประชามติออกมากลายเป็นการพิพากษานักการเมืองและพรรคการเมือง

การลงประชามติครั้งนี้แม้ว่าประชาชนมาลงประมาณ 58 % จากผู้มีสิทธิลงคะแนนกว่า 50 ล้านคนก็ตามเกิดจากหลายสาเหตุเพราะ 1.ไม่ใช่การเลือกตั้งที่พรรคการเมืองจะต้องแข่งขันกันหาเสียง มีหัวคะแนนออกเดินสาย มีคืนหมาหอน  2.สภาพภูมิประเทศและสภาพดินฟ้าอากาศไม่อำนวยกล่าวคือมีฝนตก คนที่เดินทางยากลำบากในต่างจังหวัดหลายจังหวัดก็ต้องงดไปออกเสียง แม้กระทั่งคนในเขตกทม.เองก็ไปลงคะแนนเพียง 49 % เท่านั้นไม่ถึงครึ่ง 3.คนนอนหลับทับสิทธิ์มาตั้งแต่เกิดก็ไม่สนใจจะไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ 4.มีการต่อต้านเช่นการแจกใบปลิว Vote No การส่งจดหมายออกบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญจนกลุ่มคนเชียงใหม่และกลุ่มบูรณุปกรณ์ถึงถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาผิดพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ และ 5. เงื่อนไขอื่นๆ

ในครั้งแรกทั้งฝ่ายต่อต้านคสช.และรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมทั้งนักวิจารณ์ต่างประเทศมองว่าผลการออกเสียงประชามติจะเป็นการชี้ชะตาคสช.และรัฐบาล  หากไม่ผ่านทั้งคสช.และรัฐบาลย่อมขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ โดยถึงขั้นมีผู้วิเคราะห์ว่าจะสร้างแรงกดดันขับไล่คสช.ด้วยซ้ำ แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว เราเห็นว่าเป็นการพิพากษานักการเมืองและพรรคการเมืองโดยตรง  เพราะก่อนวันลงประชามติทั้งพรรคประชาธิปัตย์โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่าจะไม่รับทั้งประเด็นแรกและประเด็นที่สอง  เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร เจ้าของพรรคตัวจริงก็ออกมาบอกว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับที่โง่เขลา รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอนาคตจะไม่สามารถบริหารประเทศได้ ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยก็ออกมาประกาศไม่รับทั้ง 2 ประเด็น

ที่บอกว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2559  ผ่านประชามติไม่เพียงแต่สร้างความชอบธรรมต่อคสช.และรัฐบาลเท่านั้น แต่ในแง่ของประชาชนพวกเขาต้องการที่จะดูแลประเทศผ่านการควบคุมนักการเมืองและพรรคการเมืองที่ฉ้อฉลทุจริตตลอดมาประเภทไม่ถึงศาลฎีกาไม่ยอมติดคุก สภาพความรู้สึกเสื่อมศรัทธาต่อนักการเมืองได้เกิดขึ้นและสะสมมานานแล้ว  นอกจากนี้ร่างรัฐธรรมนูญยังมีการคัดกรองและควบคุมนักการเมือง เช่นนักการเมืองที่เคยทุจริตจะถูกห้ามลงสนามการเมืองตลอดชีวิต คดีทุจริตจะไม่มีอายุความ  เป็นต้น ทำให้นักการเมืองช่วยกันบิดเบือนว่าไม่มีสิทธิเสรีภาพและไม่เป็นประชาธิปไตย จึงต้องการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านคำว่า“ไม่รับ”

ดังนั้นเมื่อเสียงประชาชนลงมติรับร่างทั้ง 2 ประเด็นจึงทำให้นักการเมืองที่มีประสบการณ์ออกมายอมรับการลงมติครั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ,กลุ่มนปช.,กลุ่มประชาธิปไตยใหม่, ส่วนพรรคเพื่อไทยยังไม่อาจพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าจะยอมรับเพียงแต่อ้อมแอ้มไปว่าเหตุที่ผ่านเพราะประชาชนอยากเลือกตั้ง    อย่างไรก็ตามในระบอบประชาธิปไตยเราต้องรับฟังเสียงข้างน้อยที่พวกเขาไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมอาทิ ใน 14 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 จังหวัดภาคเหนือและ 3 จังหวัดภาคใต้  เราเชื่อว่าเมื่อมีการจัดการเลือกตั้งในปี 2560 หรืออาจต้นปี 2561 บรรดานักการเมืองที่มีฐานเสียงอยู่ใน 22 จังหวัดที่ไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญก็จะออกมาลงสมัครรับเลือกตั้งเหมือนเดิม  แต่หากใครไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญและประกาศไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งจนกว่าจะได้รัฐธรรมนูญที่ตัวเองพอใจก็ถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลในระบอบประชาธิปไตยเช่นกัน

ห้วงระหว่างนี้ไปจนถึงการเลือกตั้งในอนาคต เราอยากเห็นประเทศปฎิรูปสั่งที่คั่งค้างอยู่ต่อไปซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายที่ปล่อยปละละเลยกันมานาน ตัวอย่างที่ดินส.ป.ก.ที่ถูกทั้งนายทุน,นักการเมืองและผู้มีอิทธิพลบุกเข้ายึดครองจะต้องนำกลับคืนมาให้คนยากไร้ได้ทำกิน,ใครทำผิดกฎหมายก็ให้ระบบยุติธรรมดำเนินการตามขั้นตอนไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นพระหรือเป็นโยม เพราะเรื่องของกฎหมายที่บัญญัติไว้ไม่ใช่เรื่องของการปรองดอง  เมื่อดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เราเชื่อว่าประเทศไทยก็จะเดินไปถูกทิศทาง

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2559    
Last Update : 8 สิงหาคม 2559 19:00:35 น.
Counter : 556 Pageviews.  

เจ้าดุ่ย“สินธุ์เพชร”คว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2016 สร้างประวัติศาสตร์ยกเหล็กชาย-ช็อค‘คุณยายสินธุ์เพชร



สุขปนเศร้า ดุ่ย สินธุ์เพชร์ กรวยทอง สร้างประวัติศาสตร์นักกีฬายกน้ำหนักชายรุ่น 56 กก.คนแรกของไทยคว้าเหรียญทองแดงในกีฬาโอลิมปิกได้สำเร็จ-สุดเศร้าคุณยาย สินธุ์เพชร วัย 82 สิ้นลมระหว่างเชียร์หลานรักแข่งขันยกน้ำหนักเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา(8 ส.ค.)ขณะที่บรรยากาศของการเชียร์หยุดชะงักไปด้วยความเศร้าเสียใจ

 

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2559 สินธุ์เพชร์ กรวยทอง จอมพลังหนุ่มสุรินทร์ วัย 21 ปี เก็บเพิ่มอีก 1 เหรียญทองแดงให้กับทัพนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์2016 ที่ริโอ ประเทศบราซิล หลังจบอันดับ 3 ในยกน้ำหนักชายรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 56 กก. โดยทัพไทยได้ลุ้นเหรียญที่ 2 จากยกน้ำหนักเหมือนเดิม ในรุ่น 56 กก.ชาย ไทยส่งจอมพลังชิงชัย 2 คนคือ "ดุ่ย" สินธุ์เพชร์ กรวยทอง เจ้าของ 1 ทอง 2 เงินชิงแชมป์เอเชีย 2016 และ "ทูรย์" วิทูรย์ มิ่งมูล ดีกรี 3 ทองแดง ศึกเยาวชนโลกปี 2016 โดยจอมพลังในรุ่นนี้มีทั้งหมด 10 คน

เปิดฉากท่าสแนชท์ สินธุ์เพชร์ยกครั้งแรก 125 กก. ผ่านสบาย ครั้งที่สอง 131 กก.ไม่พลาด และครั้งสุดท้าย 132 กก. ก็ผ่านอีกครั้ง เป็นอันดับ 3 ในท่านี้ เป็นรองหลง ฉิงฉวน จอมพลังจีนที่ยกได้ 137 กก. และออม ยุน โชล จากเกาหลีเหนือที่ 134 กก.

ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก สินธุ์เพชร์ที่ยังมีลุ้นเหรียญ ยกผ่านครั้งแรกที่ 154 กก. ครั้งที่สอง 157 กก. ยกผ่านได้อีกครั้ง ปิดท้ายครั้งที่สาม 161 กก. แต่ยกไม่ผ่าน ทำให้สถิติรวม 289 กก. คว้าเหรียญทองแดงมาครอง และเป็นจอมพลังชายไทยคนแรกที่คว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ได้

เหรียญทองเป็นของหลง ฉิงฉวน จากจีน น้ำหนักรวม 307 กก. ทำลายสถิติโอลิมปิกเกมส์ เหรียญเงิน ออม ยุน โชล จากเกาหลีเหนือ 303 กก.

ประวัติ สินธุ์เพชร์ กรวยทอง

สินธุ์เพชร์ กรวยทอง เป็นชาว จ.สุรินทร์ ปัจจุบันอายุ 21 ปี เป็นบุตรของนายทองคำ-นางจันทร์ กรวยทอง กำลังศึกษาอยู่ที่สถาบันการพลศึกษาวิทยาเขตมหาสารคาม เริ่มเล่นยกน้ำหนักเมื่อปี 2550 ติดทีมชาติครั้งแรกเมื่อปี 2554 และเคยทำผลงานคว้า 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน จากศึกยกน้ำหนักชิงแชมป์เอเชียครั้งล่าสุดที่ประเทศอุซเบกิสถาน

สุขปนเศร้า ยายเจ้าดุ่ย สินธุ์เพชร์ ลุ้นหลานชายยกน้ำหนักโอลิมปิกจนช็อกหมดสติเสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุเศร้าสลดขึ้นระหว่างที่คนไทยกำลังลุ้นเหรียญทองแดงจากเจ้าดุ่ย สินธุ์เพชร์ กรวยทอง นักกีฬายกน้ำหนักชายที่กำลังแข่งขันอยู่ที่นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 8 สิงหาคมตามเวลาในไทย ปรากฏว่า ที่บ้านเกิดของเจ้าดุ่ย เลขที่ 291 หมู่ 10 บ้านโพนม่วง คุ้มโนนระเวียงสามัคคี ต.ไพรขลา ต.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์  ขณะที่ พ่อและแม่ ชาวบ้าน รวมทั้งยายสุบิน คงทัพ อายุ 82 ปี คุณยายที่เลี้ยงเจ้าดุ่ยมาตั้งแต่เล็ดเกิด กำลังลุ้นเจ้าดุ่ยอยู่ คุณยายสุบินเกิดเป็นลมหมดสติไป ญาติๆและชาวบ้านที่มาร่วมเชียร์ต่างตกใจและช่วยกันปั๊มหัวใจ จนคุณยายฟื้นขึ้นมาและรีบหามนำส่งโรงพยาบาลอำเภอชุมพลบุรี แต่ต่อมาประมาณ 1 ชั่วโมง ญาติมาแจ้งว่าคุณยายได้เสียชีวิตแล้ว ทำให้บรรยากาศของการเชียร์หยุดชะงักไปพักหนึ่ง ด้วยความเศร้าเสียใจ เมื่อทุกคนตั้งสติได้ ก็ได้ร่วมใจกันเชียร์สินธุ์เพชร์ หรือเจ้าดุ่ย กันอย่างคึกคักจนถึงท่าสุดท้ายของการแข่งขันและได้รับเหรียญทองแดง และต่างแสดงความดีใจกับแม่และพ่อ ร่วมถึงญาติๆ ของเจ้าดุ่ย

อย่างไรก็ตามหลังจากจบการแข่งขัน บรรยากาศที่บ้านก็ยังคงมีผู้คนมาแสดงความยินดี ขณะที่ทางบ้านได้จัดเตรียมอาหารและเครื่องไว้เตรียมต้อนรับ แม้ว่ายายจะเสียชีวิตลงก็ตามญาติๆมีทั้งดีใจและเสียใจ โดยศพของคุณยายจะตั้งบำเพ็ญที่บ้านโพนม่วง ตำบลไพรขลา อำเภอชุพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ต่อไป

ทั้งนี้ สินธุ์เพชร์ สามารถคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้ ด้วยท่าคลีนแอนด์เจิร์กและเป็นจอมพลังชายไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิกเกมส์ได้ รับเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 4 ล้านบาท ทัพนักกีฬาไทยเก็บไปแล้ว 1 เหรียญทองและ 1 เหรียญทองแดง โดย 1 เหรียญทองจากโสภิตา ธนสาร ยกน้ำหนัก รุ่น 48 กก. และ 1 เหรียญทองแดง จากสินธุ์เพชร์ กรวยทอง รุ่น 56 กก. ชาย

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2559    
Last Update : 8 สิงหาคม 2559 15:19:54 น.
Counter : 309 Pageviews.  

พาณิชย์วางแผนส่งเสริมสินค้าอาหารไทยตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในสหรัฐฯ เชื่อขยายตัวได้อีกมาก โดยเฉพาะข



รกระทรวงพาณิชย์เผย สินค้าอาหารจากไทยสามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคหลากหลายกลุ่มในสหรัฐฯ ทั้งรสชาติ คุณภาพ ความสะดวกรวดเร็วในการปรุง และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ มั่นใจการเจาะขยายตลาดอาหารในสหรัฐฯ เชิงลึกเฉพาะกลุ่ม เพิ่มโอกาสการขยายส่วนแบ่งตลาดอาหารไทย

 

วันที่ 7 สิงหาคม 2559 นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า หลังจากที่มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในสหรัฐฯ วิเคราะห์โอกาสและแนวทางขยายตลาดสินค้าอาหารไทย ในสหรัฐอเมริกา ปรากฏว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติสูง ประกอบกับมีประชากรที่อพยพย้ายถิ่นฐานเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีวัฒนธรรมในการรับประทานอาหารที่หลากหลายและแตกต่างกันไป  ในแต่ละกลุ่มผู้บริโภค การวางแผนเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการขยายส่วนแบ่งการตลาดและมูลค่าการส่งออกของอาหารไทย โดยจำแนกกลุ่มผู้บริโภคออกเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่

กลุ่มเป้าหมายหลัก ชาวเอเชีย ผู้ที่มีเชื้อสายเอเชีย หรือผู้ที่ย้ายถิ่นฐานมาจากเอเชีย นิยมบริโภคข้าวเป็นอาหารหลักและยังมีความเข้าใจถึงการใช้ข้าวเป็นส่วนประกอบของอาหารเป็นอย่างดีผู้บริโภคในกลุ่มนี้ประกอบไปด้วย ผู้ที่มีเชื้อสายจีน ไทย เวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน ซึ่งจะนิยมบริโภคข้าวหอมมะลิ และข้าวบาสมาติ เป็นอาหารหลัก ทั้งนี้ สินค้าไทยที่นอกเหนือจากข้าวสามารถขยายตลาดในกลุ่มนี้ได้อย่างต่อเนื่อง

กลุ่มเป้าหมายรอง ชาวอเมริกันนิยมการบริโภคอาหารแตกต่างกันออกไปตามช่วงอายุ คือGeneration Z (ต่ำกว่าอายุ 20) เป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายด้านชาติพันธุ์มากที่สุดและเป็นกลุ่มผู้บริโภค    ที่เกิดและโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิตอล นิยมลองบริโภคอาหารใหม่ๆ ให้ความสนใจในรสชาติอาหารมากกว่ากลุ่มอื่น เน้นการบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูง และเป็นกลุ่มที่พร้อมที่จะจ่ายเงินเพิ่มเพื่อ     ให้ได้อาหารที่มีคุณค่า สำหรับ Generation X (35-49ปี) เป็นกลุ่มที่อยู่ในช่วงวัยทำงานและเป็นวัยที่ส่วนใหญ่แล้วมีครอบครัวที่จะต้องรับภาระการเป็นหัวหน้าครอบครัว ชอบบริโภคอาหารที่สะดวกและรวดเร็วในการ  ปรุงแต่งและยังคงเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่นิยมรับประทานเนื้อเป็นหลัก Baby Boomer (50-64 ปี) และ Millennial (21-34 ปี) เป็นกลุ่มประชากรที่นิยมเลือกบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์มากที่สุดในสหรัฐฯ เนื่องจากผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มต่างให้ความสำคัญทางด้านสุขภาพ

กลุ่มเป้าหมายศักยภาพ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มย่อย ประกอบด้วย ผู้บริโภคเชื้อสายฮิสแปนิก ที่มีวัฒนธรรมในการบริโภคใกล้เคียงกับคนไทย มีการรับประทานข้าวเป็นหลัก ชอบทานอาหารรสจัด อีกทั้งปัจจุบันในสหรัฐฯ พบว่ามีประชากรฮิสแปนิกทั้งที่เป็นผู้ย้ายถิ่นฐานหรือเกิดในสหรัฐฯ กระจายตัวอยู่ตามรัฐต่างๆ ค่อนข้างมาก กลุ่มอนามัย คือ กลุ่มผู้บริโภคอาหารที่ไม่มีสารปรุงรส/ Gluten-free/ส่วนผสมจากธรรมชาติ จะเป็นทางเลือกสำหรับคนกลุ่มนี้ เนื่องจากสามารถทำรับประทานที่บ้านได้ง่าย และส่วนใหญ่     เป็น Gluten free และไม่มีสารปรุงรส

จุดเด่นของสินค้าอาหารของไทยในสายตาของผู้บริโภคสหรัฐฯ ได้แก่ ความหลากหลายของสินค้า      ที่ตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่ม สามารถปรุงง่ายและประยุกต์ร่วมกับอาหารชาติต่างๆ ได้อย่างเอร็ดอร่อยและลงตัว เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพ รวมทั้งมีอาหารออร์แกนิคและอาหารจากธรรมชาติ อาทิ กลุ่มข้าวสีต่างๆ ธัญพัช และผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว ซึ่งเป็นได้รับความนิยม    ในการบริโภคมากขึ้นตามลำดับ

ในปี 2558 สินค้าอาหารที่ 3 ลำดับแรกที่สหรัฐฯ นำเข้าจากทั่วโลก ได้แก่ 1) ปลาและอาหารทะเล มูลค่า 14,600.28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นำเข้าจากประเทศแคนาดา จีน ชีลี อินเดีย อินโดนีเซีย ตามลำดับ และไทยอยู่ลำดับที่ 10 2) ผลไม้และถั่ว มูลค่า 14,020.40 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าจากประเทศเม็กซิโก ชีลี กัวเตมาลา คอสตาริกา เวียดนาม ตามลำดับและไทยอยู่ลำดับที่ 21 และ 3) เนื้อสัตว์ มูลค่า 9,116.37 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย แคนนาดา นิวซีแลนด์ เม็กซิโกตามลำดับและไทยอยู่ลำดับ ที่ 31  หากพิจารณาเฉพาะการนำเข้าอาหารจากไทยพบว่า ในช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2559 สินค้าอาหารจากไทย 5 อันดับแรกที่สหรัฐฯนำเข้า ได้แก่ 1) ของปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ ปลา (นำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 2 คู่แข่งที่สำคัญของไทย คือ จีน แคนาดา เวียดนามและอินโดนีเซีย และโคลัมเบีย) 2) ของปรุงแต่ง  ทำจากพืชผัก ผลไม้ (นำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 4 คู่แข่งที่สำคัญของไทยคือ เม็กซิโก แคนาดา จีนและสเปน) 3) ปลาและอาหารทะเล มูลค่า 181.65 ล้านเหรียญสหรัฐ (นำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 10 คู่แข่งที่สำคัญ     ของไทยคือ จีน แคนาดา ชิลี อินโดนีเซีย) 4) ข้าว นำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 2 คู่แข่งที่สำคัญของไทย        คือ แคนาดา อินเดีย อาเจนติน่า เนเธอร์แลนด์ และ 5) ของปรุงแต่งเบ็ดเตล็ดที่บริโภคได้ มูลค่า 89.85 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (นำเข้าจากไทยเป็นลำดับที่ 4 คู่แข่งที่สำคัญของไทยคือ แคนาดา เม็กซิโก จีนและเยอรมัน)

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 07 สิงหาคม 2559    
Last Update : 7 สิงหาคม 2559 22:52:40 น.
Counter : 272 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.