1.ช่วยชาวเขาเพื่อมนุษยธรรม

2.ช่วยชาวไทยโดยลดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติคือป่าไม้และต้นน้ำลำธาร

3.กำจัดการปลูกฝิ่น

4.รักษาดิน และใช้พื้นที่เพาะปลูกให้ถูกต้องคือให้ป่าอยู่ส่วนที่เป็นป่า และทำไร่ทำสวนในส่วนที่ควรเพาะปลูก อย่าให้สองส่วนนี้รุกล้ำซึ่งกันและกัน

จากเรื่องราวของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง  และความงดงามของขุนเขาที่รายรอบเราอยู่  ทำให้เราอยากจะเข้าไปสัมผัสชื่นชมกับโครงการหลวงแห่งนี้อย่างยิ่ง  แต่ก็มีเวลาเหลือไม่มากในช่วงเย็นนี้เราจึงตัดสินใจไปเดินเล่นรอบๆ หมู่บ้าน  ซึ่งมีร้านขายของอยู่มากมาย  ที่เต็มไปด้วยสินค้าที่เป็นผลผลิตจากพื้นที่แถวนี้  เป็นผลผลิตที่ปลูกได้บนยอดดอยแห่งนี้  รวมไปถึงผลไม้แปรรูป  ไม่ว่าจะเป็นชาจีนพันธุ์ดีเบอร์ 12, ชาหย่วนจืออู่หลง   พืชสมุนไพรอย่างเจียวกู้หลาน  ผลไม้ต่างๆ อย่าง ลูกพลัม  ลูกพลับ   ในช่วงเดือนนี้จะมีผลอะโวคาโด้  ที่ออกมาเยอะมาก  แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างยิ่งในการพัฒนาเกษตรบนที่สูงตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช      

ก่อนจะเข้าที่พักเราแวะไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารของชาวจีนยูนนาน  ซึ่งเป็นอาหารจีนต้นตำรับ  และใช้ผลผลิตที่ได้จากการทำเกษตรบนดอยอ่างขางนี้  ได้แก่ ผักชนิดต่างๆ  ผักกะหล่ำปลี  หน่อไม้ฝรั่ง  ปวยเล้ง  ต้นโสม  พร้อมกับไก่กระดูกดำที่เลี้ยงได้ที่นี่ด้วย  มาปรุงเป็นอาหารรสเยี่ยมเลยทีเดียว

สายฝนเริ่มโปรยปรายมาอีกครั้งในยามค่ำคืน  ทำให้อากาศที่เย็นอยู่แล้ว  เพิ่มความเย็นมากขึ้นอีก  เราจึงแยกย้ายกันเข้าพักผ่อนที่บ้านพัก ซึ่งสงบ งดงาม ในอ้อมกอดของขุนเขาและแสงดาวริบหรี่ ที่ทอแสงท่ามกลางละอองฝน

ยามเช้าแสงแดดส่องทะลุม่านหมอกที่ลอยระเรี่ยตามแนวทิวเขา  เป็นภาพที่งดงามอย่างยิ่ง  นอกจากความงามของธรรมชาติที่น่าประทับใจแล้ว  เรายังได้เห็นรอยยิ้ม  ความสุขของชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านต่างๆ    ที่มีทั้งชาวเขาเผ่ามูเซอดำ  ไทยใหญ่ ปะหล่อง และชาวจีนฮ่อ จาก 9 หมู่บ้าน เช่น บ้านขอบด้ง บ้านนอแล บ้านหลวง บ้านปางม้า เป็นต้น   ที่อาศัยในพื้นที่นี้มานานมากแล้ว  ชีวิตในปัจจุบันของพวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดี  มีรายได้จากการขายพืชผักเมืองหนาวให้กับโครงการหลวง มีการท่องเที่ยวซึ่งช่วยให้มีรายได้จากการขายของที่ระลึก  ซึ่งดีกว่าการปลูกฝิ่นในสมัยก่อนมากมาย  รวมถึงสภาพแวดล้อมที่ถูกฟื้นฟู  ไม่มีการทำลายอีกต่อไป   ปัจจุบันดอยอ่างขางกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม  ที่นักท่องเที่ยวจากทุกทิศนิยมมาเที่ยวชม  และสัมผัสอากาศที่หนาวเย็น  โดยเฉพาะการได้เข้าเยี่ยมชมภายในโครงการหลวงดอยอ่างขางนั้น  เป็นสิ่งที่น่าประใจอย่างยิ่ง

กว่า 40 ปี  ที่โครงการหลวงแห่งนี้ได้พยายามทำงานเพื่อประชาชนบนดอยสูง และเพื่อให้บรรลุตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  มีการวิจัยและพัฒนาพืชผักเมืองหนาวหลายชนิด  เพื่อนำไปส่งเสริมให้ประชาชนได้ปลูก  ไม่ว่าจะเป็นผลไม้อย่าง  ลูกพลับ  บ๊วย ท้อ  อะโวคาโด้  กีวี   โดยเฉพาะสตรอเบอรี่ที่เป็นผลไม้ขึ้นขื่อของดอยอ่างขาง   บนพื้นที่ที่ใช้ในการทำเกษตรและวิจัยกว่า 1,989  ไร่  ได้มีการแบ่งโซนต่างๆ ไว้ให้แวะชมอย่างน่าสนใจ 

โซนสวนบอนไซ  ที่เต็มไปด้วยบอนไซชนิดต่างๆ หลากหลายชนิด  ที่ต้องทึ่งในความพยายามของการดูแลอย่างดีเลยทีเดียว  บรรยากาศที่ร่มรื่น  และสวยงาม  ทำให้การใช้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว  และยังต้องใช้เวลาในการชมสวนไม้ดอก  ไม้ประดับอีกมากมาย  ที่ล้วนน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง  ผู้ที่ชื่นชอบดอกกุหลาบ  ต้องให้เวลากับสวนอังกฤษ ที่มีกุหลาบหลากหลายสายพันธุ์  ที่หาดูได้ยาก   และน่าหลงใหลยิ่งนัก

จากจุดที่ตรงข้ามกับสวนดอกกุหลาบ  เราจะสังเกตเห็นจุดรับซื้ผลิตภัณฑ์จากชาวบ้าน  ซึ่งมีชาวบ้านแวะเวียนนำผลิตภัณฑ์มาส่งให้ในโครงการหลวงตลอดเวลา  ด้วยใบหน้าที่มีความสุข  ยิ้มแย้มแจ่มใจ   ซึ่งเป็นภาพที่มีความหมายและสำคัญยิ่งของการมีโครงการหลวงขึ้นมา

ก่อนกลับออกมาจากสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง  เรายังได้แวะหาซื้อของฝากจากร้านของโครงการหลวง  ที่มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกซื้อมากมาย  การไปเยี่ยมเยียนบนดอยสูงของเราครั้งนี้  เราได้พกพาความสุข  ความสนุก  ความรู้  รวมถึงความอิ่มเอมใจที่ได้มาสัมผัสบนพื้นที่แห่งนี้  โดยเฉพาะความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ได้วางรากฐานอันงดงามไว้ให้พสกนิกรของพระองค์ได้อยู่อย่างยั่งยืนตลอดมาที่.......ดอยอ่างขาง......

ที่มา thaitribune

Create Date : 28 ตุลาคม 2559
Last Update : 28 ตุลาคม 2559 20:13:30 น.		0 comments
Counter : 263 Pageviews.
Share Tweet