กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เราจะหามืออาชีพที่ไหนมาบริหารจะได้ไม่ซ้ำ ICT
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยก็ได้กระทรวงชื่อใหม่เอี่ยม"ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม"แทนชื่อเดิม "เทคโนโลยีสารสนเทศ"ที่มีนัยสำคัญว่า กระทรวงนี้จะมีบทบาทนำพาประเทศไทยไปสูยุคดิจิตัล และก่อนหน้านี้ 2 วัน รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงก็ยื่นใบลาออก ซึ่งมีผู้วิจารณ์ว่าที่ลาออกเพราะถึงอย่างไรก็ต้องพ้นหน้าที่ตามเงื่อนไขของกฏหมาย หากไม่ลาออกในเวลานี้ เมื่อกฏหมายประกาศใช้ ความเป็นรัฐมนตรีก็จะต้องพ้นสภาพไปทันที ยังมีอีกกลุ่มบอกว่ารีบลาออกในเวลานี้ก็ถือว่าโชคช่วยแล้ว เพราะได้โอกาสเหมาะเจาะ อาศัยเงื่อนไขของกฏหมาย เพื่อจะหลบหลีกภัยจากภารกิจที่ไม่ได้มีผลงานสู่สาธารณะสักเท่าใดนัก กระทรวงชื่อใหม่เอี่ยมในร่างเก่าที่ค่อนข้างซวนเซ กฏหมายกำหนดให้มีหน้าที่เกี่ยวกับการวางแผน ดำเนินการเกี่ยวกับดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อุตุนิยมวิทยา และสถิติ ความสำคัญอันทันสมัยที่ใคร ๆ ก็อยากไปอยู่ในวงจรก็คือการปฏิรูปประเทศสู่ดิจิตัลไทยแลนด์ ที่สร้างสรรและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิตัลในการพัฒนาที่เริ่มมาตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูลอันมหาศาล,นวัตกรรม และทรัพยากรอันหลากหลายเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ที่จะเดินทางไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน แม้ประเทศไทยจะอยู่ในโลกของยุคดิจิตัล แต่คนไทยอีกมากยังขาดโอกาสที่เท่าเทียมกันด้านข้อมูลข่าวสารและบริการต่าง ๆผ่านทางสื่อดิจิตัล ยังขาดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิตัล ตลอดจนการบริหารราชการแผ่นดินในการทำงานและการให้บริการของภาครัฐ ด้วยเทคโนโลยีและการใช้ประโยชน์จากข้อมูล เพื่อให้การปฏิบัติมีความโปร่งใส เป็นธรรม และเกิดประสิทธิภาพ ถึงคราวนี้ รัฐบาลจะต้องเหน็ดเหนื่อย ในการหาทีมเข้าไปบริหาร การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิตัลของผู้บริหารในฐานะเจ้ากระทรวงต้องเปี่ยมด้วยความคิดอ่านก้าวไกลที่เคียงข้างไปกับยุคดิจิตัล พื้นฐานของความรู้ทางวิทยาศาสตร์โทรคมนาคมหรือมีประสบการณ์ จะเป็นแรงผลักดันอันสำคัญที่จะไม่ให้ภารกิจสะดุด เมื่อย้อนกลับไปดูกระทรวงเก่า แม้จะมีความพยายามสร้างบทบาทที่จะก้าวไปสู่ความทันสมัยของเทคโนโลยีก็เพียงแต่จะก้าวตามไปอย่างช้า ๆ เท่านั้น ในขณะที่ภารกิจในการดำเนินการยังไม่อาจลุล่วงตามวัตถุประสงค์ได้ด้วยซ้ำแถมปล่อยเรื่องทิ้งร้างค้างคาเอาไว้ให้วิจารณ์กันว่า 1. โครงการขยายโครงข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุมทั่วประเทศตามนโยบาบของรัฐบาล หรือที่เรียกกันว่า "เน็ตหมู่บ้าน" ที่กำหนดไว้ 10,000 จุดทำท่าจะไปไม่รอดตั้งแต่แรกแล้ว แถมสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเข้าไปจี้ติด ๆ ให้รายงานชี้แจงว่าเรื่องนี้ ครม.รู้เรื่องโดยตลอดหรือไม่อย่างไร และคณะกรรมการกลางที่รัฐบาลตั้งขึ้นนั้นรู้เห็นกับโครงการและแผนงานมากน้อยเพียงใดไม่ว่าจะเป็นจุดติดตั้งเคเบิลใยแก้วนำแสงและจุดติดตั้งบริเวณที่เป็นวายฟาย (Wi Fi ) ฟรีตามหมู่บ้าน ฯลฯ 2.ความเสียหายที่เกิดขึ้นกรณีสัญญาสิ้นสุดให้ดำเนินกิจการบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบจีเอสเอ็ม (GSM = Global System for Mobile communication) ระหว่าง ทีโอที กับ เอไอเอส. ซึ่งมีการเพิ่มเติมและแก้ไขสัญญาหลายครั้ง จนทำให้อายุของสัญาขยายออกไปจาก 20 เป็น 25 ปี และเกิดผลเสียหายที่เป็นการดำเนินการอันไม่ชอบด้วยกฏหมาย จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านกฏหมายเดินทางไปประชุมที่กระทรวง ตรวจสอบกันแล้วถึงกับตระหนกและให้รีบรายงานข้อเท็จจริงเป็นการด่วน จนปลัดกระทรวงต้องทำรายงานถึงรัฐมนตรี รับอาสาจะเป็นประธานในการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีผู้ใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดบ้าง 3.การดำเนินการตามสัญญากิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศหรือดาวเทียมไทยคมกับการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม ซึ่งมีประเด็นในการจ่ายผลตอบแทนให้กับรัฐ เพราะเจ้ากระทรวงเป็นผู้กำกับดูแลการบริหารสัญญา แต่ที่ผ่านมามีผลกระทบต่อผลประโยชน์ของรัฐ สูญเสียทั้งรายได้และผลประโยชน์ตอบแทนที่จะได้รับตามสัญญารวมทั้งทรัพย์สิน คือดาวเทียวไทยคม 7 และ ไทยคม 8 ที่จะต้องให้ส่งมอบ 4.โครงการสมาร์ท ซิตี้.ที่นายกรัฐมนตรีเพิ่งจะไปเปิดที่ภูเก็ตเมื่อ 2 วันมานี้ที่ดูว่าจะเดินทางได้อย่างล่าช้าและไม่ทันกับยุคสมัยที่จะก้าวไกลไปกับชื่อกระทรวงใหม่ 5. การบริการงานบุคคล กำลังชุลมุนพัลวันอย่างมาก แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งขั้วเกาะกลุ่ม ใครไม่อ่อนน้อมถ่อมตนก็ผลักออกจากกลุ่ม และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ขจัดปัญหาผู้ไม่ยอมอยู่ในอาณัติให้พ้นจนออกไปจากกระทรวงได้ ก่อนหน้านี้ก็แพร่กระจายในสื่อต่างๆ ว่ารองปลัด ฯลาออก จนต้องรีบปิดข่าวกันจ้าละหวั่น พอพ้นไประยะเดียวได้ลาออกไปแล้วจริง ๆ ด้วยเหตุที่ไม่อาจจะทำงานแบบโบราณนิยมที่ให้ทำตามคำสั่งอย่างเดียวโดยหลายครั้งหลายคราฝ่าฝืนระเบียบและไม่ชอบมาพากล นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของความล้มเหลวในองค์กรที่เจ้ากระทรวงและผู้บริการระดับสูงไม่อาจบริหารจัดการในระดับพื้นฐานของนักบริหารมืออาชีพได้ นอกจากจะไม่สันทัดแล้ว ยังไม่อาจใช้ความคิดอ่านในบริบทของเทคโนโลยีและสารสนเทศได้ จนเกิดปัญหามากมาย. มีภารกิจคั่งค้าง, ความไม่ชอบมาพากลของบางโครงการ และปัญหาบุคลากรระดับบริหารภายในกระทรวง ยังไม่อาจแก้ไขได้ ถึงวันนี้ น่าชื่นชมยินดีที่นายกรัฐมนตรี มีความคิดก้าวไกลทันยุคทันโลก ปรับเปลี่ยนกระทรวงไอซีทีให้ทันยุคสมัย เป็นกระทรวงดิจิตัลที่จะยกระดับการพัฒนาต่าง ๆ จากเทคโนโลยี สำคัญแต่ว่าจะหามืออาชีพมาจากไหน ! มีข่าวกระเซ็นกระสายว่า เจ้ากระทรวงคนเก่า อาจ"โชคดี"ที่จะได้กลับไปนั่งเป็นรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ถ้าเผอิญว่าเป็นความจริง ก็ต้องถือว่าเป็น"โชคร้าย" ของคนไทยที่จะต้องหันหลังกลับไปสู่ดิจิตัลย้อนยุคกลับไปต้วมเตี้ยมเตาะแตะกันใหม่ตรงจุดไหนก็ยังไม่รู้ แล้วค่อยๆ เดินตามประเทศอื่นๆ ที่เขาไปกันไกลแล้ว ที่่มา thaitribune
Create Date : 18 กันยายน 2559 |
Last Update : 18 กันยายน 2559 11:59:08 น. |
|
0 comments
|
Counter : 340 Pageviews. |
|
|