รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาลาออก-ส่งจดหมายถึงสื่อยอมรับทำไปเพราะเมา



รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีถูกทางการญี่ปุ่นจับกุมในข้อหาขโมยภาพวาดในโรงแรมที่เกียวโต ระบุสังสรรค์กับเพื่อนเก่าสมัยเรียนเผลอเมามายจนขาดสติกระทำในสิ่งที่ไม่สมควร พร้อมขอลาออกจากตำแหน่งยินดีรับการลงโทษ รมว.พาณิชย์ยันต้องสอบโทษทางวินัยแม้ลาออก

 

เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2560 นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้มีหนังสือชี้แจงกรณีถูกจับกุม ข้อหาลักทรัพย์ที่กรุงเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ระบุหลังเสร็จภารกิจได้ดื่มสังสรรค์กับเพื่อนสมัยเรียนที่ญี่ปุ่น สนุกสนานกันเต็มที่ และเผลอตัวดื่มสุรามากเกินไปจนเมามายขาดสติ ไม่รู้ตัว กระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำ

พร้อมกันนี้ นายสุภัฒได้ส่งอีเมล์กระจายถึงสื่อมวลชนทุกสำนัก ทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และวิทยุ เพื่อชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุถึงการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และทราบดีว่าการลาออกจากตำแหน่ง มิได้ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงกระบวนการตามระเบียบราชการได้ หากมีการดำเนินการทางวินัยก็น้อมรับ และยินดีให้ความร่วมมือในการให้ข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่

เนื้อหาในแถลงการณ์ มีดังนี้

เรียนท่านสื่อมวลชนที่เคารพ

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวว่าทางการญี่ปุ่นจับข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ ตำแหน่งรองอธิบดี ในข้อหาลักทรัพย์อันเป็นภาพเขียนจำนวน 3 ภาพ จากโรงแรมที่พัก ซึ่งต่อมาได้มีการชดใช้ค่าเสียและขออภัยต่อทางโรงแรม โดยทางโรงแรมมิได้ติดใจเอาความ พนักงานอัยการแห่งนครเกียวโตจึงได้ยุติคดีและปล่อยตัวแล้วนั้น

กระผม นายสุภัฒ สงวนดีกุล ตำแหน่งรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา คือ บุคคลตามที่ปรากฏเป็นข่าวดังกล่าว กระผมรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ที่ข่าวดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ต่อกระทรวงพาณิชย์ และต่อประชาชนคนไทย รวมถึงประเทศไทย ในชั้นนี้ กระผมจึงใคร่ขอโทษต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้บริหารราชการ เพื่อนข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ทุกท่าน และสำคัญที่สุด ต่อประชาชนชาวไทย

กระผมขอชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยขอย้ำว่า ไม่มีเจตนาเพื่อการแก้ตัว เมื่อกระทำผิด ก็ขอยอมรับผิด เพียงขอโอกาสชี้แจงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนดังกล่าว เมื่อเสร็จภารกิจในการเดินทางไปราชการที่ประเทศญี่ปุ่น กระผมได้มีโอกาสสังสรรค์กับเพื่อนชาวญี่ปุ่น ที่เป็นเพื่อนสมัยที่ผมไปศึกษาที่ญี่ปุ่น ได้สนุกสนานกันเต็มที่ จนเผลอตัวดื่มสุรามากเกินไป เป็นเหตุให้เมามายจนขาดสติโดยไม่รู้ตัว และกระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำ

ตลอดระยะเวลา 33 ปี ที่กระผมรับราชการในกระทรวงพาณิชย์ ทั้งตำแหน่งในประเทศและต่างประเทศ ได้ทุ่มเทต่อการทำงานอย่างเต็มที่ ไม่เคยมีประวัติที่ก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียต่อทางราชการเลย กระผมมุ่งมั่นตั้งใจที่อยู่รับราชการจนเกษียณอายุในกระทรวงที่ตนรัก อันเป็นจุดมุ่งหมายของข้าราชการเกือบทุกคน แต่เมื่อมีเหตุที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียดังกล่าว กระผมย่อมต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนตามแนวทางความคิดปกติในสังคมญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่กระผมได้เติบโตเล่าเรียนมาว่าการลาออกจากตำแหน่งหน้าที่เป็นการแสดงความรับผิดชอบที่พึ่งปฏิบัติ ดังนั้น กระผมขอแสดงเจตจำนงผ่านคำแถลงนี้ว่าจะขอลาออกจากตำแหน่งราชการ โดยจะยื่นใบลาออกให้ถูกต้องเป็นทางการต่อไป

และจากการที่รับราชการมาจนถึงปัจจุบัน กระผมทราบดีว่า การลาออกจากราชการมิได้ทำให้จะสามารถหลีกเลี่ยงกระบวนการตามระเบียบราชการได้ และเมื่อมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริง รวมทั้งหากต้องมีการดำเนินการทางวินัย กระผมก็น้อมรับและยินดีให้ความร่วมมือให้ข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่

ท้ายที่สุด กระผมขอขอบคุณผู้บังคับบัญชาและเพื่อนข้าราชการที่เข้าใจและให้กำลังใจต่อกระผม ตลอดจนกระทรวงการต่างประเทศที่กรุณาดำเนินการช่วยเหลือ ประสานงานต่อทางการญี่ปุ่น และขอบคุณเจ้าของโรงแรมที่เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ติดใจเอาความ

กระผมหวังว่า ท่านทั้งหลายจะเข้าใจและให้อภัยกระผมต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้

‘พาณิชย์’ ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ‘สุภัฒ’ ยันแม้ลาออกก็ไม่มีผล

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายสุภัฒ สงวนดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่กระทรวงพาณิชย์ได้จัดตั้งขึ้นได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว และเสนอผลการตรวจสอบว่ามีมูลเข้าข่ายความผิดวินัยร้ายแรง ฐานทำให้เสียภาพลักษณ์ที่ดีต่อราชการไทย และประชาชนคนไทยทั้งประเทศ จึงมีความเห็นเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ซึ่งกระทรวงฯ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยตามที่เสนอ โดยมีผู้แทนกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการประกอบด้วยผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้แทนกระทรวงพาณิชย์เป็นกรรมการ โดยคาดว่าจะพิจารณาและเสนอความเห็นได้โดยเร็ว

 “การตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเป็นไปตามระเบียบ ก.พ. และจะยังคงเดินหน้าต่อไป แม้ว่ารองอธิบดีจะยื่นใบลาออก เพราะกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เริ่มดำเนินการแล้ว และทำในช่วงที่ท่านยังเป็นข้าราชการอยู่ แม้ตอนนี้ลาออกไปก็ต้องทำต่อให้จบ โดยคาดว่าจะพิจารณาได้เร็ว” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว

สำหรับโทษของการผิดวินัยร้ายแรง มีโทษอยู่แค่ 2 โทษ คือ ปลดออก กับไล่ออก ซึ่งโทษปลดออกจะยังคงได้บำเหน็จบำนาญ แต่ถ้าเป็นโทษไล่ออกจะไม่ได้อะไรเลย

น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าวว่า นายสุภัฒได้แจ้งลาออกจากราชการต่ออธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แล้ว โดยแจ้งในช่วงเดียวกันกับที่ได้มีการทำแถลงการณ์เผยแพร่ต่อสื่อมวลชน และขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นหนังสือตามแบบฟอร์มที่ราชการกำหนด

ที่มา thaitribune




Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2560 2:48:46 น. 0 comments
Counter : 256 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.