ศาลอุทธรณ์สหรัฐลงมติ 3-0 ยืนตามศาลชั้นต้นคดีผู้อพยพ-ทรัมพ์โวยจะยื่นฎีการะบุคำตัดสินเป็นการเมือง-กระท
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 สหรัฐลงมติ 3-0 เห็นด้วยกับศาลชั้นต้นที่พิพากษาสั่งระงับชั่วคราวคำสั่งฝ่ายบริหารที่ห้ามรับผู้ลี้ภัยอพยพรวมทั้งห้ามคนถือพาสปอร์ต 7 ประเทศเข้าสหรัฐ ระบุฝ่ายบริหารไม่มีหลักฐานอะไรมาหักล้างโจทก์ อีกทั้งยังกล่าวหาชาวมุสลิมอย่างหนัก รวมทั้งมีปัญหาขัดกับรัฐธรรมนูญสหรัฐหรือไม่ ทรัมพ์โวยศาลอุทธรณ์ตัดสินเป็นเรื่องการเมือง สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากซาน ฟรานซิสโกเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2017 ว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 9 ของสหรัฐลงมติ 3-0 ไม่อนุมัติตามกระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลสั่งให้คำสั่งของฝ่ายบริหารมีผลใช้บังคับ ประกอบด้วย 3 ประการคือ 1.ห้ามผู้อพยพเข้าสหรัฐ 120 วัน 2.ห้ามผู้อพยพจากซีเรียเข้าสหรัฐตลอดไปและ 3. ห้ามบุคคลผู้ถือวีซ่า 7 ประเทศประกอบด้วยอิหร่าน,อิรัก,ลิเบียย,โซมาเลีย,ซูดาน,ซีเรียและเยเมน เข้าประเทศเป็นเวลา 90 วัน ศาลมองเห็นว่าการสั่งห้ามดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่ชาวมุสลิมซึ่งถือว่า เป็นข้อกล่าวหาที่อันตราย และอีกทั้งยัง มีปัญหาขัดกับรัฐธรรมนูญสหรัฐหรือไม่ ภายหลังจากคำสั่งศาลอุทธรณ์นายดอนัลด์ ทรัมพ์ก็ทวีตออกมาว่า พบกันในศาลพร้อมกับเพิ่มเติมว่า ความมั่นคงของประเทศเราถือเป็นเดิมพัน ต่อมานายเจย์ อินสลี ผู้ว่าการรัฐวอชิงตันในฐานะ 1 ในรัฐที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องตอบกลับว่า ท่านประธานาธิบดี,เราเพิ่งพบกับท่านในศาล และเราก็ชนะท่าน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศาลอุทธรณ์เห็นด้วยกับคำฟ้องของโจทก์ โดยเฉพาะข้อโต้แย้งของกระทรวงยุตbธรรมที่ระบุว่าศาลไม่มีอำนาจหน้าที่ในการทบทวนการตัดสินใจของประธานาธิบดีในปัญหาคนเข้าเมืองอพยพและปัญหาความมั่นคงของประเทศ ศาลยังระบุอีกว่ารัฐบาลไม่มีหลักฐานใดเสนอก่อนออกคำสั่งที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าจะต้องมีการนำเสนอหลีกฐานเพื่อมีการไต่สวนก่อนที่จะออกคำสั่งของฝ่ายบริหาร (Executive Order) จำกัดการเดินทาง อีกทั้งไม่ได้นำเสนอว่ามีหลักฐานใดบ้างที่พลเมืองของ 7 ประเทศจะต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้ก่อการร้ายโจมตีในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าทั้งศาลชั้นต้นและความเห็นของเราเองได้เชื้อเชิญให้อธิบายถึงความเร่งด่วนในการออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อให้มีผลทันที ,รัฐบาลกบัไม่ได้ยื่นหลักฐานประกอบเพื่อลบล้างคำฟ้องของรัฐ คำพิพากษาของสาลชั้นต้นก็เพื่อที่จะให้ประเทศกลับไปอยู่ในสภาพปกติชั่วคราวเหมือนที่เคยเป็นมีนานหลายปีคำอธิบายของศาลอุทธรณ์เขียนออกมา รายงานข่าวเปิดเผยว่าการต่อสู้คดีครั้งนี้อาจไม่สิ้นสุดลงง่ายๆเพราะอาจจะมีการยื่นคำร้องถึงศาลฎีกาต่อไป แต่ปัยหาก็จะตามมาเพราะปัจจุบันศาลสูงยังมีตำแหน่งว่างเหลืออีก 1 ที่อยู่ในระหว่างการเสนอชื่อแต่งตั้งที่นายทรัมพ์เสนอนายนีล กอร์ซัช (Neil Gorsuch)เพื่อให้ครบองค์ 9 คน แต่เป็นที่คาดว่าผู้พิพากษาท่านนี้อาจยังไม่ได้รับการรับรองจากวุฒิสภาได้ทันการณ์ ศาลอุทธรณ์ให้ความเห็นแก่ผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ด้านแรกสาธารณะจะต้องได้รับผลประโยชน์เต็มที่จากนโยบายของประธานาธิบดีที่ออกมา อีกด้านหนึ่งสาธารณะก็มีผลประโยชน์ที่จะเดินทางได้อย่างเสรีเพื่อที่จะไม่ได้แยกจากครอบครัว,และมีเสรีภาพที่จะไม่ได้รับการเลือกปฏิบัติ ศาลชั้นต้นสั่งระงับชั่วคราวคำสั่งฝ่ายบริหาร เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายเจมส์ รอบาร์ท ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นรัฐบาลกลาง,ซีแอตเติ้ลได้พิพากษาให้ระงับคำสั่งของฝ่ายบริหารเป็นการชั่วคราว (temporary restraining order) เป็นระยะเวลา 120 วันเกี่ยวกีบคำสั่งห้ามผู้อพยพและห้ามผุ้ถือพาสปอร์ต 7 ประเทศเดินทางเข้าสหรัฐตามคำฟ้องของรัฐวอชิงตันและรัฐมินเนโซต้า นักกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 9 ด้วยการโต้แย้งว่าคำสั่งของประธานาธิบดีเป็นอำนาจตามรัฐธรรมนูญที่ให้ไว้ที่จะห้ามไม่ให้บุคคลดินทางเข้าสหรัฐ โดยที่ศาลเองกลับใช้การคาดเดา ว่ารัฐบาลได้ก้าวข้ามขั้นตอนของการป้องกันการก่อการร้ายในประเทศ คำโต้แย้งวของรัฐระบุว่าคำสั่งของประธานาธิบดีทำให้เกิดผลเสียกับส่วนบุคคล,ธุรกิจและมหาวิทยาลัยต่างๆ นอกจากนี้นายทรัมพ์ยังหาเสียงว่าจะห้ามคนมุสลิมเข้าประเทศหากได้รับเลือกตั้ง ดังนั้นคำสั่งห้ามจึงถือว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญโดยใช้พื้นฐานด้านศาสนาเป็นเกณฑ์ อย่างไรก็ตามศาลอุทธรณ์เข้าข้างกระทรวงยุติธรรมอยู่ประเด็นเดียวในกรณีที่ ศาลชั้นต้นระบุว่าคำพิพากษาระงับชั่วคราวคำสั่งของประธานาธิบดีนั้นไม่สามารถนำขึ้นอุทธรณ์ได้ แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ากรณีนี้เป็นผลประโยชนือันเร่งด่วนของาธารณะ และก็ไม่ทราบว่าผลบังคับจากคำตัดสินของศาลชั้นต้นจะต่อเนื่องไปอีกนานเท่าใด จึงถือว่าการรับคำอุทธรณ์ของรัฐบาลเป็นเรื่องเหมาะสม ทรัมพ์ยังมั่นใจว่าจะชนะฎีกา ต่อมาเย็นวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ห้องแถลงข่าวทำเนียบขาวที่มีผู้สื่อข่าวรออยู่จำนวนมาก นายทรัมพ์กล่สวว่า เราจะได้พบกันในศาล พร้อมกับระบุว่าคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์เป็น คำตัดสินทางการเมือง อย่างไรก็ตามนายทรัมพ์ยังมั่นใจว่าเขาจะชนะคดีนี้ นายโจช แบล็คแมน อาจารย์สอนกฎหมายจาก South Texas College of Law ในฮิวสตันให้ความเห็นว่าม่คำถามถึงล้านคำถามว่าฝ่ายบริหารรัฐบาลทรัมพ์จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาหรือไม่ เพราะมีผู้พิพากษาอยู่ 8 คน หากศาลสูงตัดสินออกมาเสมอกัน ไม่มีใครชนะคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็จะยืน ถือว่าเสี่ยงเกินไปที่จะยื่นฎีกา เจสสิก้า ลีวินสัน อาจารย์สอนกฎหมายจาก Loyola Law School ให้ความเห็นว่าการตัดสินของศาลอุทธรณ์ครั้งนี้เป็นเอกฉันท์ จึงเป็น สารที่จะต้องรับฟังและน่าศึกษา เพราะผู้พิพากษา 3 คนมาจากการแต่งตั้งทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยมีความเห็นตรงกันแสดงว่าผู้พิพากษาไม่ได้มีนอกในหรือมีวาระทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่มีวาระเฉพาะเรื่องความถูกผิดตามกฎหมายเท่านั้น ผู้พิพากษาได้รับการแต่งตั้งเข้ามาทำหน้าที่ไปตลอดชีวิต ท่านไม่ได้สนใจว่าท่านจะได้รับความนิยมหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่ผู้พิพากษาห่วงคือความถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นอาจารย์ลีวินสันกล่าว ภายหลังจากคำพิากษาศาลอุทธรณ์ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ออกคำชี้แจงว่า บรรดาผู้ที่ถือพาสปอร์ต 7 ประเทศและได้รับวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐอย่างถุกต้องสามารถเดินทางเข้ามาสหรัฐได้ การสั่งห้ามของประธานาธิบดีมีผล 90 วันแต่คำสั่งนี้ก็ถูกระงับโดยคำพิพากษาของศาลชั้นต้นไปเรียบร้อย สถานการณ์กลับเข้าสู่ปกติและจะเป็นปกติมากขึ้นเมื่อเรื่องผ่าน 90 วันนับตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม เป็นต้นไป หรือประมาณวันที่ 26 เมษายน 2017 สำหรับการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกานั้นกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเปิดเผยว่าจะต้องรอคำพิพากษาและขอเวลาระยะหนึ่งก่อนตัดสินใจ ทรัมพ์ประกาศลดผู้อพยพ-ตัดวีซ่าเข้าเมือง รายงานข่าวเปิดเผยว่าไม่เพียงแต่นายทรัมพ์จะลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีดังกล่าวเท่านั้น แต่ยังมีนโยบายที่จะลดผู้อพยพเข้าสหรัฐอีกด้วยอาทิเช่นนโยบายรับผู้อพยพตามปีงบประมาณที่ผ่านการเสนอของรัฐบาลโอบามาไปแล้ว 110,000 คนให้เหลือ 50,000 คน,จะไม่รับผู้ลี้ภัยอพยพอีกต่อไป,ขณะนี้มีการเสนอร่างกฎหมายเข้าสภาเพื่อที่จะตัดผู้มีโอกาสได้ใบเขียวจากปีละ 1 ล้านคนเหลือปีละ 500,000 คน รวมทั้งจะยกเลิกวีซ่า ล้อตโต้ที่อนุญาตให้ประเทศที่มีผู้อาศัยอยู่ในสหรัฐน้อยได้เข้าไปปักหลักในสหรัฐปีละ 50,000 ราย ที่มา thaitribune
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2560 |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2560 23:23:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 294 Pageviews. |
|
|