มหาวิทยาลัย Oxford คว้าอันดับ 1 มหาวิทยาลัยดีที่สุดในโลกแซงหน้า Caltech - ม.มหิดลติดอันดับ 501-600



Times จัดอันดับประจำปีให้มหาวิทยาลัยอ๊อกเฟิร์ดดีที่สุดในโลกแซงหน้า Caltech ที่อยู่อันดับ 1 ติดต่อมา 5 ปี เผยสหรัฐมีมหาวิทยาลัยดีๆหลายแห่งแต่ยังไม่ดีที่สุด ในเอเชียสิงคโปร์และจีนขยับพรวด มหิดลติดอันดับ 501-600 ผลการจัดอันดับเป็นแนวทางให้นักเรียนเลือกเข้าศึกษาต่อ

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2016 หนังสือพิมพ์วอล สตรีท เจอร์นัล รายงานผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกโดยนิตยสาร Times Higher Education  แห่งลอนดอนโดยระบุว่ามหาวิทยาลัยในสหรัฐมีดีจำนวนมากในโลก แต่ยังไม่ดีที่สุด เมื่อผลการสำรวจและจัดอันดับออกมาในปี 2016 -2017

มหาวิทยาลัยอ๊อกเฟิร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่พูดและสอนด้วยภาษาอังกฤษเก่าแก่ที่สุดได้รับการจัดอันดับดีที่สุดในโลก โดยอ๊อกเฟิร์ดเปิดสอนมาตั้งแต่ปีค.ศ.1096 หรือ 920 ปีที่แล้วเข้ามาเบียดอันดับหนึ่งจากแคลเทค ( the California Institute of Technology) แห่งเมืองพาสซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนียที่อยู่อันดับ 1 ติดต่อกันมา 5 ปีต้องหลุดไป

วอลสตรีทรายงานว่านับเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีที่มหาวิทยาลัยนอกสหรัฐถูกจัดขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก  นอกจากนี้ในปีนี้ยังพบว่ามหาวิทยาลัยในเอเชียทั้งที่จีนและฮ่องกงไต่อันดับขึ้นมา บางมหาวิทยาลัยขยับเป็นตัวเลขถึง 2 ตัว

การจัดอันดับปีนี้นอกจากจะสลับอันดับ 1 อ๊อกเฟิร์ดกับอันดับ 2 แคลเทคแล้วอันดับอื่นยังเหมือนๆเดิม โดยมีอันดับดังนี้ 

1. University of Oxford (U.K.)

2. California Institute of Technology (U.S.)

3. Stanford University (U.S.)

4. University of Cambridge (U.K.)

5. Massachusetts Institute of Technology (U.S.)

6. Harvard University (U.S.)

7. Princeton University (U.S.)

8. Imperial College London (U.K.)

9. Swiss Federal Institute of Technology Zurich (SUI)

10. University of California, Berkeley/University of Chicago (U.S.)

12.Yale University(U.S.)

13.University of Pennsylvania (U.S.)

14.University of California, Los Angeles (U.S.)

15.University College London (U.K.)

16.Columbia University(U.S.)

17.Johns Hopkins University(U.S.)

18. Duke University (U.S.)

19.Cornell University (U.S.)

20.Northwestern University (U.S.)

21.University of Michigan (U.S.)

22.University of Toronto (Canada)

23.Carnegie Mellon University (U.S.)

24.National University of Singapore (Singapore)

25.London School of Economics and Political Science (U.K.)

นายฟิล เบตี้  บรรณาธิการของ Times Higher Education เปิดเผยว่าการจัดอันดับครั้งนี้ได้มุ่งเน้นไปที่การค้นคว้าและวิจัยของมหาวิทยาลัย,การนับดัชนีชี้วัดเช่นจำนวนของการอ้างอิงและสิ่งพิมพ์โดยนักวิชาการของมหาวิทยาลัยและปริมาณของเงินทุนวิจัยที่ได้รับในปีที่กำหนด

นอกจากนี้ยังสำรวจความเห็นของนักวิชาการชั้นนำ 20,000  รายที่ให้ความเห็นว่ามหาวิทยาลัยใดสมควรจะได้รับอันดับใดบ้าง ยังมีการอ้างอิงผลงาน 56 ล้านรายการรวมทั้งผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์แล้ว 11.9 ล้านรายการ

การสำรวจยังรายงานถึงทุนการวิจัยด้วยแตกต่างไปยังการสำรวจของ U.S. News & World Report ที่นำเรื่องของอัตราการรับนักศึกษา,คะแนนสอบและเงินเดือนที่ได้รับหลังเรียนจบมาวัด  

มหาวิทยาลัยอ๊อกเฟิร์ดได้รับเงินทุนวิจัยมากถึง 552.9 ล้านปอนด์สเตอร์ลิงหรือคิดเป็น 679 ล้านดอลลาร์เป็นทุนจากภายนอกระหว่างปีการศึกษา 2014-2015

เงินทุนวิจัยเหล่านี้ได้มาจากวงการอุตสาหกรรม,สาธารณสุข,และผู้บริจาคเพื่อการกุศลที่จะลงทุนให้กับมหาวิทยาลัยอ๊อกเฟิร์ด

นายเบตี้ยังให้ข้อสังเกตุว่าในปีนี้มหาวิทยาลัยในเอเชียได้ผ่านมหาวิทยาลัยเกียรติยศหลายแห่งในยุโรปและสหรัฐ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยจากจีนที่ถีบตัวจากอันดับในกลุ่ม 200 ขึ้นมาถึงเลข 2 ตัวอาทิเช่นมหาวิทยาลัยปักกิ่ง (Peking University ) ขึ้นอันดับ 29 สามารถแซงหน้ามหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ซึ่งอยู่อันดับ 32  ในรอบ  8 ปีที่ผ่านมาจีนได้ลงทุนประมาณ 33 พันล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนากลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศของตน

“มาถึงปีนี้มหาวิทยาลัยจีนจึงถูกจัดอันดับเหนือมหาวิทยาลัยในสหรัฐด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการตีพิมพ์ผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์ อีกทั้งต้องยอมรับว่าจีนทุกวันนี้เป็นผู้นำที่มีนักวิทยาศาสตร์มากที่สุดในโลก”นายเบตี้กล่าว

มหาวิทยาลัยจีนอีกแห่งคือซิงหัว (Tsinghua University) อยู่อันดับ 35 ของโลกเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐอยู่ในปักกิ่งสามารถแซงหน้ามหาวิทยาลัยบราวน์ที่อยู่ใน Ivy League ของสหรัฐได้  ขณะที่มหาวิทยาลัยฮ่องกง (The University of Hong Kong) อันดับ 43 และ Hong Kong University of Science and Technology อันดับที่ 49 ก็ยังแซงหน้ามหาวิทยาลัยบราวน์ซึ่งอยู่ในอันดับ 51 ของโลก

นายเบตี้เปิดเผยว่าทราบว่ารัฐบาลจีนพยายามผลักดัน 6 มหาวิทยาลัยชั้นนำของตนเข้าสู่ระดับสูงๆของโลกให้ได้ภายในปี 2020 โดยมีเป้าหมายว่าภายในปี 2030 มหาวิทยาลัยของจีนแห่งใดแห่งหนึ่งจะต้องเข้าไปติดอันดับ 15 ของโลกไม่หลุดไปจากนี้

นายหยวน กุยเรน อดีตรัฐมนตรีศึกษาของจีนให้สัมภาษณ์ว่ารัฐบาลจีนมุ่งเน้นการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมทั้งงานด้านวิจัย “บางสาขาวิชาเฉพาะด้านอาทิเช่นวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ค่าใช้จ่ายสูงกว่าด้านมนุษยศาสตร์ จะต้องมีการเพิ่มจำนวนขึ้นเพื่อให้เหมาะสมกับโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ”

มหาวิทยาลัยของเอเชียที่อยู่ในอันดับสูงสุดคือมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (the National University of Singapore)อยู่อันดับ 24 มีนักศึกษา 38,000 คน โดยบางภาควิชารัฐบาลสิงคโปร์จะให้ทุนสนับสนุนด้านการเรียนอย่างเต็มที่ และมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็มีอันดับสูงกว่า  London School of Economics and Political Science อีกด้วย

การจัดอันดับครั้งนี้มหาวิทยาลัยในสหรัฐถือเป็น 1 ใน 3 ที่อยู่ในอันดับ 200 เหมือนปีที่แล้ว  มหาวิทยาลัยในอังกฤษติด 16 % หรือลดลง 1 % จากปีที่แล้ว ส่วนมหาวิทยาลัยในเยอรมนีเพิ่มเป็น 11 % ของ 200 มหาวิทยาลัย

The Times Higher Education World University Rankings จัดตั้งในปี 2004 เพื่อจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีของโลกไม่ว่าจะเป็นการสอน,การวิจัย,ภาพรวมจากสายตานานาชาติ,ชื่อเสียงและอื่นๆของมหาวิทยาลัย เพื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะมีโอกาสให้นักเรียนผู้สนใจตัดสินใจเลือกเรียนมหาวิทยาลัยต่อไป

สำหรับอันดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ที่ถูกจัดสูงคือ Mahidol University อันดับ 501-600 และมหาวิทยาลัยที่ถูกจัดอยู่ในอันดับ 601-800 ประกอบด้วยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

รายละเอียดเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่

https://www.timeshighereducation.com/world-university-rankings

 ที่มา thaitribune



Create Date : 23 กันยายน 2559
Last Update : 23 กันยายน 2559 15:38:00 น. 0 comments
Counter : 285 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.