เรื่องสนุก-ทุกสัปดาห์ "ลิฟต์"
"นั่น นายดูซิ ชั้น 27 ไม่มี ว้า เราต้องกดไปชั้น 28 แล้วต้องเดินลงไปชั้น 27 น่ะซี ตึกสมัยนี้แย่จังเลย" เพื่อนบอกกับเพื่อนแล้วสะกิดให้รีบเข้า เพื่อนอีกคนหัวเราะ ก่อนชี้ให้ดูอีกด้าน "นายหันมาดูทางนี้ซิ เห็นไหม..เป็นลิฟต์เลขคี่ เข้าด้านนี้พวก" "ป้า ถึงชั้น 2 แล้ว" หญิงชราหันมาสบตา อมยิ้มนิด ๆ ลิฟต์เลื่อนขึ้นไปเรื่อย ๆ มีทั้งคนออกและคนเข้า "ป้า" หนุ่มคนเดิมสะกิดต่อหน้าความแออัด "ชั้น 9 แล้วนะ" ป้าหันมายิ้มอีกครั้งแล้วค้อนควับ "ฉันไปชั้น 29 " "อ้าว! แล้วป้ากด 2 กับ ...." หนุ่มยังไม่ทันพูดจบป้ารีบสวน "ใช่ ฉัน กด 2 กับ 9 ก็ถูกแล้วไง อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกวัน จะให้กดยังไง" **************************** สาวเจ้าเดินนวยนวดออกจากห้องผู้ป่วย ชั้น 20 รี่เข้าไปในลิฟต์ แล้วกดลงไปลอบบี้ทันที "เอ๊ะ วันนี้ดีจัง ไม่มีคนเหมือนเสาร์อาทิตย์" ลุงเพียงคนเดียวยิ้ม แต่ไม่ได้พูด "ลิฟต์ดีจังเลย ลงเร็วด้วย เอ๊ะ ไม่เห็นมีคนเข้า" "ครับ ไม่มีครับ" ลุงตอบ "ลุงเป็นพนักงานของโรงพยาบาลใช่ไหมคะ" คงเห็นว่าแต่งฟอร์มเรียบร้อย "ครับเป็นพนักงาน" "อ้าว ทำไมลิฟต์ไม่หยุดลอบบี้ ไปชั้นจอดรถเลยหรือคะ" "ครับ ลิฟต์ตัวนี้ใช้เคลื่อนย้ายเฉพาะผู้ป่วยที่ตายครับ" ********************************* ยามเข้าไปในลิฟต์ ไม่ว่าสำนักงาน,ห้างสรรพสินค้า หรืออาคารสูงที่ไหน คนที่อยู่ข้างใน จะยืนนิ่งเงียบแทบไม่ไหวติง คนน้อยก็ยืนตามสบาย คนมากก็ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ ที่เหมือนกันทุกคนก็คือจ้องไปที่หมายเลขบอกชั้น ว่าจะถึงชั้นที่ตนเองจะออกแล้วหรือยัง มีเรื่องเล่าขานกันมานานติดต่อกันว่า ในมหาวิทยาลัยแถวย่านท่าพระจันทร์ เวลากลางคืน ลิฟต์ของตึกหนึ่งจะเลือนขึ้นและลงเอง โดยที่ไม่มีใครอยู่ในตึก บางครั้งใครที่ใช้ลิฟต์ยามค่ำ ๆลิฟต์จะมีอาการกระตุกรุนแรง และสั่นสะท้าน บางคราวระหว่างโดยสารขึ้นหรือลงก็หยุดที่ชั้นบางชั้น แต่ไม่มีคนเข้าหรือออก กลายเป็นตำนานเล่าขานกันว่า ลิฟต์แดง หญิงสาวเอื้อมมือไปกดปุ่มหมายเลข 31 "บึมมม..." "ว๊า ย ย" เสียงร้องของสาว ๆ ในลิฟต์" "ขอโทษครับ ขอโทษ..ผมทำเสียงบึมเองครับ เห็นเงียบ ๆ ก็อยากจะให้สนุก" หนุ่มหน้ามนระร่ำระลักบอก พร้อมยกมือไหว้รอบทิศ "อีตาบ้า" "ไอ้บ้า" ทำให้หนุ่มคนนั้นรีบออกจากลิฟต์ไปทันที *********************************
อีกคราวหนึ่งในลิฟต์ย่านตึกสูงยามเที่ยงที่พนักงานอัดก้นแน่นนับสิบคน "ทุกคนยกมือขึ้นเดี๋ยวนี้ เราควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หมดแล้ว...โอ๊ย.." ไม่ทันสิ้นเสียงหนุ่มคนนั้นก็ผงะไปติดผนังลิฟต์ "ไม่มีอะไรจะเล่นหรือยังไง" สาวใหญ่พูดพลางเงื้อมือขึ้นอีกครั้ง ********************************* มีข่าวอยู่เนือง ๆ ว่าคนใช้บริการลิฟต์กล้วเกิดอุบัติเหตุอยู่เหมือนกัน เมื่อไม่นานมานี้ นักศึกษา 3 คน ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 10 ลิฟต์เกิดค้างระหว่างชั้น 9 กับ 10 แล้ว 2 คนแรกออกมาทางช่องประตูลิฟต์ ส่วนอีกคนเหยียบขอบประตูลิฟต์พลาด พลัดตกเข้าไปในช่องลิฟต์จนตาย ลิฟต์ไม่ใช่พื้นที่เต้นระบำรำฟ้อนที่เมือเข้าไปแล้วจะโยกตัวไปมาสารเพเฮฮา เพราะสลิงอาจขาดในทันทีทันใด ทุกคนในลิฟต์ก็จะพบชะตากรรมได้เท่า ๆ กัน เขาห้ามกันนักหนาว่า ยามฝนตก,ฟ้าคะนอง. ร้องเปรี้ยงปร้าง. หรือเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ในอาคารนั้น ๆ อย่าใช้ลิฟต์โดยสาร เพราะกระแสไฟฟ้าจะถูกตัดเมื่อใดก็ได้ หรือจำเป็นที่จะต้องตัดไฟ ใครที่อยู่ในลิฟต์ก็จะค้างเติ่งตรงจุดนั้น ********************************* เพื่อนแนะนำเพื่อนที่มีความสูงน้อยกว่าเกณฑ์ปกติที่ทำงานในอาคารสูงว่า เมื่อจะขึ้นตึกหรือลงจากตึกควรหาร่มขนาดกระทัดรัดติดตัวไปด้วยทุกครั้ง "นายจะให้ถือร่มทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่หน้าฝนอย่างนั้นหรือ" "ควรถือ และต้องทุกฤดูกาลเชียวแหละ" "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถือไปทำไม" เพื่อนที่แนะนำตอบทันทีว่า "เข้าลิฟต์แล้ว เราไม่ต้องพึ่งใคร ใช้ด้ามร่มกดปุ่มตำแหน่งของลิฟต์ได้เลย" ********************************* "ฮัลโหล กำลังพูด เอาไว้ก่อนได้ไหม อยู่ในลิฟต์ อยู่ในลิฟต์จ้า..... ฮื่อ ฮื่อ เรารู้แล้ว จะไปยุ่งกับมันทำไม เมื่อเค้าไม่รักเรา จะไปยุ่งทำไมอีก เอาไว้ก่อนดีไม๊ อยู่ในลิฟต์. รู้แล้ว รู้แล้ว. เราไม่มีทางดีกับเค้าอีกแล้ว. เธอก็รู้นี่.... อ๋อ เธอเจอเค้าเหรอ ว่าไงมั่ง ถามถึงเราไม๊... ไม่หรอก...ไม่เอาแล้ว. นี่....พูดไม่สดวก เราอยู่ในลิฟต์ ...เอาไว้พูดกันดีไม่. ...เจอเมื่อวานหรอ เค้าไปกับใคร....สงสัยว่าเค้าจะไม่ได้สนใจเราแล้ว,..,,ว่าไงนะ ไม่ค่อยได้ยินนะ บอกว่าอยู่ในลิฟต์ เอ้าเลยชั้นไปแล้ว....." ********************************* สาวอนงค์หนึ่งจีบปากจีบคอเล่าให้เพื่อนสำนักงานเดียวกันฟัง "เมื่อคืน ออกจากออฟฟิส 2 ทุ่ม เพราะมัวแต่เคลียงาน พอจะลงลิฟต์ตกใจมากเพราะไม่มีใครเหลืออยู่เลย แม่บ้านก็กำลังปิดเครื่องมือทำงาน รอก็ต้องเสียเวลา" "แล้วเธอใช้ลิฟต์ไหม" เพื่อนถาม "ปัทโธ่ ถามได้ จะให้ฉันเดินลง 12 ชั้นเลยเหรอ ไม่ไหวแน่" "แล้วมันน่ากลัวตรงไหน" "นี่... น่ากลัวมาก" คนเล่าทำท่าทางกลัว ๆ ขึ้นมาอีก "เจอผีเหรอ" "ผีฉันไม่กลัวหรอก แต่คนซีน่ากลัว" คนเล่าทำท่าทางให้น่ากลัวมากขึ้น พลางเล่าต่อ "พอลิฟต์เปิดออก กำลังจะก้าวเข้าไป ฉันตกใจจนผงะ ร้องออกมา ทำอะไรไม่ถูกเชียวล่ะ"คนเล่าเอามือทาบอก แสดงท่าทางตกใจจริง ๆ "มีใครอยู่ในนั้น" เพื่อนซัก "มีซี มันยืนอยู่ในลิฟต์คนเดียว ผมเผ้าเป็นกระเซิง เสื้อผ้ารุ่มร่าม หน้าตาน่าเกลียดมาก จ้องมาทางฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อทีเดียว. อ้อ ที่สำคัญ ..." "แลบลิ้นปลิ้นตาล่ะซี" เพื่อนต่อให้ "ไม่ใช่ มันถือมีด ถือมีดยาวสัก 2 คืบ จ้องหน้าฉันไม่กระพริบ เพียงนาทีฉันคิดได้หันหลังกลับวิ่งเข้าไปในออฟฟิสทันที พอเข้าไปในห้องกระจกได้ หันหลังกลับดูไปที่ลิฟต์ มันคงเลื่อนลงไปแล้ว" "แล้วเธอก็กลับกับแม่บ้าน" เพื่อนดักคอ "ก็ต้องเป็นอย่างนั้น ตอนแรกก็คิดจะโทรลงไปที่ รปภ. ข้างล่างให้ขึ้นมาช่วย แต่จำเบอร์ไม่ได้ พอแม่บ้านเห็นหน้าตาไม่ดีก็ถาม ฉันก็เฉไฉไปว่าจะอยู่เป็นเพื่อนกันแล้วลงไปพร้อม ๆ กัน" "ก็เข้าท่าดีนะ. แล้วลงไปคราวนี้หวังว่าไม่เจอไอ้โจรห้าร้อยถือมีดอีกนะ" เพื่อนถาม "เธอว่าเจอ หรือไม่เจอล่ะ" คนเล่าหน้าตาเหนื่อยหน่าย "อ้อ. มันคงเปิดไปไกลแล้ว หรือเจออีก แต่ฉันว่าไม่ใช่ เอาว่าไม่เจออะไร หรือคราวนี้เจอผีมันเสียเลย" พูดจบก็หัวเราะ "เจอไอ้คนเดิม" คนเล่าทำเสียงให้ขึงขัง "ฮ่า...รีบเล่ามาเลย อยากฟังมาก" "แม่บ้านนำหน้า ฉันเดินตามหลัง รอแป๊บเดียวลิฟต์ก็ขึ้นมาจากชั้นล่าง พอลิฟต์หยุดประตูเปิดออก ฮ่ะฮา....." "เจอใช่ไหม" เพื่อนท่าทางร้อนรน "เจอซี มันอยู่ในลิฟต์" "แล้วเธอก็แจ้งตำรวจ" "ไม่...แม่บ้านเดินเข้าไปก่อน ส่วนฉันตามไปติด ๆ . จ้องมันอย่างชัดๆ ช้า ๆเข้าไปชิดมันเลย เฮ้อ.. ฉันนี่กระต่ายตื่นตูมแท้ ๆ ไม่ได้ดูให้ดีหรอกว่ามันเป็นป้ายโฆษณาหนัง.เป็นภาพคนถือมีด. เฮ้อ...แย่จังน้า..." ที่มา thaitribune
Create Date : 25 กันยายน 2559 |
Last Update : 25 กันยายน 2559 18:38:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 322 Pageviews. |
|
|