เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559 มีรายงานข่าวจาก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)แจ้งว่า ขณะนี้ได้มีสมาชิก สนช.จำนวนหนึ่งนำโดย พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ประธานกรรมาธิการ การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ได้รวบรวมรายชื่อสมาชิก สนช. เพื่อเสนอแก้ไข พรบ.คณะสงฆ์ 2505 แก้ไขเพิ่มเติมปี 2535 ในมาตรา 7 โดยแก้ไขให้มีข้อความว่าให้เหลือใจความสำคัญคือ “การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ให้เป็นพระราชอำนาจ” ส่วนเรื่องเงื่อนไขอื่นๆ คือ ลำดับอาวุโสโดยสมณศักดิ์ให้ตัดออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื้อหามาตรา 7 ของ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ปี 2535 มี 3 วรรค ดังนี้

 “มาตรา 7 พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง

ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอ นามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช

ในกรณีที่สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ไม่อาจปฏิบัติ หน้าที่ได้ให้นายกรัฐมนตรีโดย ความเห็นชอบของมหาเถรสมาคมเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นผู้มีอาวุโสโดย สมณศักดิ์รองลงมา ตามลำดับ และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช”

ทั้งนี้ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 มีข้อความในวรรคหนึ่งเพียงวรรคเดียว ส่วนวรรคสอง และ วรรคสาม มีการแก้ไขเพิ่มเติมเข้าไปโดย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ปี 2535

รายงานข่าวเปิดเผยว่าขณะนี้มีสมาชิก สนช. ร่วมลงชื่อหลายคนแล้ว ขั้นตอนต่อไปหลังจากสมาชิกลงรายชื่อครบตามที่กฎหมายกำหนดคือ 25 คน จะเสนอเรื่องดังกล่าวไปยังคณะกรรมการกลั่นกรองกฎหมายที่ประธาน สนช.แต่งตั้งขึ้นมา เพื่อตรวจสอบว่าการเสนอแก้ไข พ.ร.บ.นี้เป็น พรบ.การเงินหรือไม่ เป็น หากเป็น พ.ร.บ.การเงิน จะต้องให้นายกฯรับรองก่อน แต่หากไม่ใช่ก็สามารถส่งเข้าวิป สนช. เพื่อพิจารณาได้เลย

จากนั้นวิป สนช.จะเสนอไปยัง ครม. เพื่อแจ้งให้ทราบว่า สนช.จะเสนอร่างกฎหมายนี้เพื่อให้ ครม.พิจารณาว่าจะเสนอร่างกฎหมายมาประกบหรือไม่ คาดว่าขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 30 วัน จากนั้นก็เข้าสู่การพิจารณาของ สนช.

 “เรื่องนี้มีการเคลื่อนไหวมาช่วงต้นเดือนธันวาคม แต่ไม่ต้องการให้มีการเผยแพร่ออกไป เพราะเกรงว่าจะมีแรงต่อต้าน และมีการคาดว่าอาจจะมีการผลักดันให้ผ่าน 3 วาระรวด” แหล่งข่าวกล่าว

ปัจจุบัน อยู่ในขั้นตอนของการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 โดยก่อนหน้านี้มหาเถรสมาคมมีมติเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 เสนอชื่อ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ หรือ “สมเด็จช่วง”ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช แต่ต่อมามีปัญหาถูกร้องเรียนและร้องคัดค้านในข้อกฎหมาย จนทำให้กระบวนการแต่งตั้งล่าช้าออกไป

เผยแก้กฎหมายสมเด็จทั้ง 8 รูปมีโอกาสลุ้น

ขณะเดียวกันเว็บไซต์อะลิตเติ้ลบุดดะดอทคอม ของวัดไทย ลาส เวกัส รัฐเนวาด้า สหรัฐอเมริกาโดยพระมหานรินทร์ นรินฺโท ป.ธ.9 เจ้าอาวาสเขียนวิจารณ์เรื่อง “แก้ มาตรา 7 ! ตัดอาวุโสโดยสมณศักดิ์ออกจากแคนดิเดทสังฆราช สนช. เล่นเกมเร็ว คาดต้นปีเสร็จ !”ว่า...

“ อา..ก็เป็นอะไรที่เรียกว่า "อืดอาดยืดยาด" เพราะ คสช. ยึดอำนาจมาได้ 2 ปีกว่าแล้ว เพิ่งจะมาขยับเรื่องพระเรื่องเจ้าแบบ "เข้าน้ำเข้าเนื้อ" ก็ในวันนี้ ก่อนหน้านี้ก็ให้นายไพบูลย์ออกมา "ปะฉะดะ" กับพระกับเจ้า จนต้องพับเสื่อไปแล้วรอบหนึ่ง ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องบู๊ขนาดนั้น พระสงฆ์ไทยใช่คนอื่นไกล พูดดีๆ ก็ได้ ไม่เชื่อก็ลองไปถามกรรมการมหาเถรสมาคมดูสิว่า "ถ้าปลดล็อก-เปิดโอกาสให้สมเด็จทั้ง 8 รูป ได้มีโอกาสลุ้นเป็นพระสังฆราช จะเอาไหม" รับรองว่าคะแนนเกินร้อย แม้แต่พวกที่ออกมาหนุนสมเด็จช่วงแต่เริ่มต้นนั้น ก็เชื่อว่า เปลี่ยนใจ !

การมุ่งตัดประเด็น "อาวุโสโดยสมณศักดิ์" ออกจากคุณสมบัติของสมเด็จพระสังฆราช เช่นนี้ มองได้ 2 มุม คือมุมแรก เป็นการ "ตัด" สมเด็จช่วง ออกจากแคนดิเดทสมเด็จพระสังฆราช เพราะเรื้อรังมาเป็นปีแล้ว ถ้าจะได้ก็คงได้ไปนานแล้ว มุมต่อมาก็คือ มองว่าเป็นการเพิ่ม "ตัวชิง" เข้าไปในฐานะเดียวกับสมเด็จช่วง ส่งผลให้ "สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป" มีลุ้นหมด ไม่ต้องเกรงว่าจะขัด พรบ.คณะสงฆ์ มาตรา 7 เหมือนสมเด็จอัมพรและสมเด็จจุณฑ์เคยรักษามารยาทมาแล้ว เพราะเมื่อทุกรูปต่างมีสิทธิ์ ถึงตอนนั้นก็..ตัวใครตัวมัน นั่งลุ้นอยู่ในกุฏิ ถ้าปรากฏว่า "พระบรมราชโองการไปลงตรงหลังพุทธมณฑล" เหมือนวันที่ 5 ธันวาที่ผ่านมา ถึงตอนนั้นก็คง"หัวใจวาย"กันหลายรูป !

สมเด็จพระราชาคณะ

สมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฎ เป็นสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ไทย รองจากสมเด็จพระสังฆราช สูงกว่าพระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีคำนำหน้าราชทินนามว่า "สมเด็จ" เดิมทีสมเด็จพระราชาคณะเป็นตำแหน่งพระสังฆาธิการชั้นเจ้าคณะใหญ่มาตลอด จนกระทั่งมีการแยกออกมาเมื่อมีพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2484 ปัจจุบัน สมเด็จพระราชาคณะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่เพียง 5 รูปและสมเด็จพระราชาคณะทุกรูป ดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง สมเด็จพระราชาคณะมีทั้งหมด 8 รูป (ไม่รวมสมเด็จพระสังฆราช) แบ่งเป็นมหานิกาย 4 รูป และธรรมยุติกนิกาย 4 รูป ดังนี้

สมเด็จพระราชาคณะมหานิกาย

1.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ)วัดปากน้ำ สถาปนาปีพ.ศ. 2538 เกิดวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2468 (91 ปี)

2.สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์ อุปสโม)  วัดพิชยญาติการามวรวิหาร สถาปนาปี พ.ศ. 2554 เกิดวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 (75 ปี)

3.สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร สถาปนาปี พ.ศ. 2557 เกิดวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485 (74 ปี)

4.สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน สถาปนาปี พ.ศ. 2559 เกิดวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2481 (78 ปี)

สมเด็จพระราชาคณะธรรมยุติกนิกาย

1.สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) วัดสัมพันธวงศาราม วรวิหาร สถาปนาปี พ.ศ. 2544        เกิดวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2460 (98 ปี)

2.สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร  สถาปนาปี พ.ศ. 2552 เกิดวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2470 (89 ปี)

3. สมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต)วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร สถาปนาปี พ.ศ. 2552 เกิดวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2479 (80 ปี)

4. สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย) วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร สถาปนาปี พ.ศ. 2553 เกิดวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2490 (69 ปี)

ทั้งนี้ความอาวุโสให้มีการนับจากวันสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฎ เป็นต้นมา

“84 สนช.” เข้าชื่อแก้กม.คณะสงฆ์

//www.komchadluek.net/news/politic/253899

ที่มา thaitribune

Create Date : 27 ธันวาคม 2559
Last Update : 27 ธันวาคม 2559 22:38:32 น.		0 comments
Counter : 385 Pageviews.
Share Tweet