น้องทรายช่างตัดผมสาวสวยสุดทนโพสต์ประจานพระทักแชทไลน์-เฟซบุ๊กจีบส่งรูปไม่เว้นวัน



เดือดสุดทน!"ทราย"ช่างตัดผมสาวสวยสุดแซ่บ โพสต์ข้อความประจานพระ หลังส่งข้อความรูปภาพป่วนไม่เว้นวัน เผยเตือนแล้วกลับโดนพระสวนกลับ "ว่าพระบาปกรรม"

 

จากกรณีโลกออนไลน์เกิดกระแสการแชร์ภาพจากเฟซบุ๊กของช่างตัดผมสาวสวยชื่อดัง “ทราย ณิชชามณ” ที่เจ้าตัวได้ออกมาโพสต์ระบุว่า “คือนี่อุตส่าห์เตือนในข้อความไปแล้วนะ! ยังอุตส่าห์จะทักไลน์มาอีก วัดไหนคะ! เป็นพระทำอะไรแบบนี้ก็ได้เหรอ?!!! เป็นพระแล้วเล่นเฟซสอนธรรมไม่ผิดหรอก แต่นี่เล่นเฟซกวนใจสีกา! #สึกเหอะ สงสารศาสนา” จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของพระสงฆ์รูปดังกล่าวไปทั่วสังคมออนไลน์

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2560 น.ส.ณิชชามณ จิรภัชนนท์ หรือทราย เจ้าของร้านตัดผมชื่อดังได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” ว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ตั้งค่าการคัดกรองข้อความในเฟซบุ๊กไว้ แต่ตนก็ตามอ่านข้อความที่มีเหล่าแฟนคลับส่งข้อความมาหา จนมาสะดุดใจกับผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นพระสงฆ์ที่ส่งข้อความและรูปมาหาตนมานานกว่า 1 สัปดาห์ จนเริ่มรู้สึกทนไม่ไหว และรับไม่ได้ที่พระสงฆ์จะทำเช่นนี้ จึงตอบข้อความตักเตือนว่าไม่ควรกระทำเรื่องดังกล่าว แต่พระภิกษุได้ตอบข้อความกลับมาว่าให้ตนสำรวม และบาปกรรมที่ไปว่าพระ ซึ่งหลังจากนั้นพระรูปดังกล่าวก็ยังไปทักข้อความตนทั้งในข้อความเฟซบุ๊ก และแอพพลิเคชั่นไลน์อีก จนตนรู้สึกทนไม่ไหวจึงได้บล็อกเฟซบุ๊กของพระสงฆ์รูปดังกล่าว และนำบทสนทนาที่เกิดขึ้นมาโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ซึ่งก็มีชาวโซเชียลเข้ามาคอมเม้นท์ให้กำลังใจตน และวิจารณ์การกระทำของพระสงฆ์รูปดังกล่าว ซึ่งทุกคนก็รู้สึกรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก

“การที่ทรายนำรูปบทสนทนามาลงเฟซบุ๊กก็เพราะว่ารับไม่ได้กับการกระทำของพระสงฆ์รูปดังกล่าว รู้สึกว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมมาก ๆ ทุกวันนี้ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระที่ไม่ดีก็มาก แต่ทรายก็ไม่อยากให้ใครมาทำให้พระพุทธศาสนาต้องเสื่อมความศรัทธาลงไปมากกว่านี้อีก และตั้งใจไว้ว่า หากพระสงฆรูปดังกล่าวยังทำพฤติกรรมก่อกวนอีกก็จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีอย่างแน่นอน” ทราย ช่างตัดผมสวยกล่าวทิ้งท้าย

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 04 มีนาคม 2560    
Last Update : 4 มีนาคม 2560 2:02:36 น.
Counter : 350 Pageviews.  

กทม.เปิดใช้ลิฟท์รถไฟฟ้า “BTS” 4 สถานี เพื่อผู้พิการ คาดปี 60 เสร็จทุกสถานี



กรุงเทพมหานคร เปิดใช้งานลิฟต์คนพิการในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส วันนี้(3มี.ค.60) พร้อมกัน 4 สถานี คือ ราชดำริ สถานีพร้อมพงษ์ สถานีทองหล่อ และสถานีอ่อนนุช เพื่อความสะดวกแก่คนพิการ คาดสิ้นปี 2560 เสร็จทั้งหมด

 

วันที่ 3 มี.ค.60 - พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดการใช้งานลิฟต์สำหรับคนพิการบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ณ สถานีราชดำริ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่คนพิการสามารถเดินทางในระบบขนส่งมวลชนได้อย่างเท่าเทียมและสะดวกมากที่สุด โดยในวันนี้ กรุงเทพมหานครได้เปิดใช้งานลิฟต์สำหรับคนพิการพร้อมกัน 4 สถานี รวม 11 ตัว ประกอบด้วย สถานีราชดำริ จำนวน 3 ตัว สถานีพร้อมพงษ์ จำนวน 3 ตัว สถานีทองหล่อ จำนวน 3 ตัว และสถานีอ่อนนุช จำนวน 2 ตัว ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ โดยจะทยอยเปิดให้บริการ คาดว่าจะก่อสร้างและเปิดลิฟต์คนพิการบริเวณสถานีบีทีเอสได้ทั้งหมดภายในปี 2560 โดยมีพล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร นายกฤษณะ ละไล และนายมานิตย์ อินทร์พิมพ์ ผู้แทนภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ (T4A) มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. สำนักงานเขตปทุมวัน ผู้แทนจากทหาร ตำรวจในพื้นที่ ร่วมพิธี

ทั้งนี้กรุงเทพมหานครมีแผนงานติดตั้งลิฟต์สำหรับผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ที่ไม่สะดวกในการใช้บันได หรือบันไดเลื่อน บริเวณสถานีบีทีเอส จากชั้นพื้นดินขึ้นสู่ชั้นจำหน่ายตั๋วและจากชั้นจำหน่ายตั๋วถึงบริเวณชานชาลา เพิ่มเติมใน 19 สถานี รวมจำนวน 56 ตัว จากสถานีที่มีอยู่ทั้งหมด 23 สถานี โดยสถานีบีทีเอสที่มีลิฟต์ให้บริการแล้วจำนวน 5 สถานี ได้แก่ สถานีช่องนนทรี สถานีสยาม สถานีหมอชิต สถานีอโศก และสถานีอ่อนนุช ส่วนที่ก่อสร้างเพิ่มเติม 19 สถานีนั้น เป็นสถานีที่เหลือ 18 สถานี และเพิ่มเติมที่สถานีอ่อนนุชอีกจำนวน 1 ตัว นอกจากนี้ได้จัดสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ อาทิ ทางลาด ทางเดินสำหรับคนพิการ เพิ่มเติมเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการ ผู้สูงอายุให้สามารถเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการเร่งรัดโครงการติดตั้งลิฟต์คนพิการตามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ทั้งหมด 56 ตัว ซึ่งได้ทำสัญญาการก่อสร้างตั้งแต่ปี 2556 โดยมีการต่อสัญญา 2 ครั้ง ในปี 2558 และเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2559 โดยก่อนนี้ประมาณ 1 เดือน ได้เชิญผู้รับเหมามาหารือเพื่อให้เร่งรัดดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในปี 60 โดยกรุงเทพมหานครกำหนดเป็นช่วงๆ ในการส่งมอบงาน ยกตัวอย่างสถานีราชดำรินี้ ทางผู้รับเหมาแจ้งว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2560 แต่กรุงเทพมหานครได้ขอให้ทำให้เสร็จภายในกุมภาพันธ์ 2560 อย่างน้อย 11 ตัว 4 สถานี ซึ่งประมาณเดือนสิงหาคม 2560 ก็จะได้เนื้องานประมาณร้อยละ 90  และภายในปี 2560 ก็จะแล้วเสร็จทั้งหมด ยกเว้นสถานีตากสิน เนื่องจากบริเวณนั้นมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าทางคู่ จึงมีความจำเป็นให้การสร้างรถไฟฟ้าแล้วเสร็จก่อน จึงจะสามารถดำเนินการต่อได้

ด้านนายกฤษณะ ละไล พิธีกรชื่อดังและตัวแทนคนพิการ ได้กล่าวขอบคุณกรุงเทพมหานครและรัฐบาล ที่ได้สั่งการและเร่งดำเนินการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนพิการในสถานีรถไฟฟ้าให้ครบทุกสถานี ซึ่งแต่เดิมโครงการนี้เป็นโครงการที่มีปัญหาล่าช้ามายาวนาน ทำให้ผู้สูงอายุและคนพิการไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการของรถไฟฟ้าได้ แต่เมื่อพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มากำชับสั่งการให้มีการติดตั้งลิฟต์เอง ซึ่งถือว่าเป็นการติดตั้งออกแบบการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะทำให้กรุงเทพฯ มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศทั่วโลก

นายมานิตย์ อินทร์พิมพ์ ประธานคณะติดตามกรุงเทพมหานคร ภาคีเครือข่ายขนส่งมวลชนทุกคนต้องขึ้นได้ (T4A) มูลนิธิอารยสถาปัตย์เพื่อคนทั้งมวล กล่าวเพิ่มเติมว่าในฐานะคณะกรรมการติดตามการก่อสร้างลิฟต์ ซึ่งได้มีการประชุมกับกระทรวงคมนาคม โดยปัจจุบันทางท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้พูดไว้ชัดเจนว่า “เราต้องการสร้างคมนาคมเพื่อทุกคน ขนส่งสาธารณะเพื่อทุกคน” ซึ่งพวกเราเครือข่ายฯ มีความยินดีมากที่ท่านผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ลงมากำกับดูแลอย่างชัดเจนทำให้เนื้องานเคลื่อนได้อย่างดี 4 สถานีที่เสร็จในวันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะทำให้งานสำเร็จลุล่วงแล้วเสร็จได้อย่างรวดเร็ว และหวังว่าโครงการทั้งหมดจะเสร็จตามแผนที่วางเอาไว้ ตามที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้รับปากเอาไว้

ทั้งนี้ การดำเนินการติดตั้งลิฟต์สำหรับผู้พิการที่ผ่านมาล่าช้า เนื่องจากติดปัญหาการขอใช้พื้นที่หน้าอาคารบ้านเรือนของประชาชนในการติดตั้งลิฟต์ ซึ่งประชาชนบางส่วนเกรงว่าลิฟต์จะบดบังภูมิทัศน์ กีดขวางหน้าร้านและเป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพ จึงทำให้กทม.ไม่สามารถส่งมอบพื้นที่แก่เอกชนผู้รับจ้างก่อสร้างได้ แต่ขณะนี้ กทม.สามารถเจราจรขอใช้พื้นที่ได้ในทุกๆสถานีเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังติดปัญหาสาธารณูปโภคใต้ดินทำให้ไม่สามารถก่อสร้างฐานรากได้ จึงได้มีการปรับตำแหน่งและแผนงานดำเนินการ อย่างไรก็ตาม กทม.คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการครบทุกสถานีภายในปี 2560

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 03 มีนาคม 2560    
Last Update : 3 มีนาคม 2560 23:52:32 น.
Counter : 255 Pageviews.  

ทายาท ศ.ระพี สาคริก สื่อไปถึง โสมชบา จ๊ะจ๋า-นสพ.ไทยรัฐและสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เรื่องอะไร ?



เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 เฟซบุ๊กของ Sirisak Borisutsawat ได้นำข้อเขียนของ พีระพงศ์ สาคริก บุตรของอาจารย์ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก มาแชร์ให้ได้อ่านกันเพราะเห็นว่าคอลัมน์นี้ได้สร้างความเสื่อมเสีย (the damage was done.) ให้กับทายาทของอาจารย์ระพีไปเรียบร้อย ดังนี้.....

 

เมื่อวานนี้(27 ก.พ.60) หนังสือพิมพ์ที่มียอดขายอันดับหนึ่งของประเทศ ไทยรัฐ ในหน้า 20 คอลัมน์ โสมชบา จ๊ะจ๋า ได้ลงข่าวที่สร้างความเสื่อมเสียให้ผมและพี่น้อง โดยเนื้อข่าวที่ไม่ตรงตามความจริง เมื่อปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว ได้มีผู้สื่อข่าวไทยรัฐได้ติดต่อเข้ามาขอสัมภาษณ์ผม เขาถามว่าตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปนั้น ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร ผมถามเขากลับไปว่า หนังสือพิมพ์คุณลงข่าวที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริงไปก่อนแล้ว ทำให้ครอบครัวเขาเสียหาย แล้วค่อยมาถามหาความจริง มันเป็นการกระทำที่ถูกต้องเหรอ

เขาพยายามจะสัมภาษณ์ผมต่อ ผมไม่มั่นใจว่าคำพูดผมจะถูกไปนำเสนอแบบไม่ตรงต่อความจริงอีกหรือไม่ ผมจึงตอบกลับไปว่า ผมกำลังจะโนติสไปยังบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา ให้แก้ไขข่าวให้ถูกต้องตรงความจริง และจะร้องไปยังสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ถึงการกระทำของผู้เขียน

ผมขอเรียนว่าในเบื้องต้นไม่คิดจะเปิดเผยอาการเจ็บป่วยของคุณพ่อ เพราะคาดหวังว่าการรักษาจะสามารถทำให้ท่านกลับมาเป็นปกติได้เร็ว เนื่องจากท่านเป็นบุคคลที่มีคนรู้จักมักคุ้นอย่างมากมาย ย่อมอาจทำให้มีผู้เข้าเยี่ยมมาก และเป็นอุปสรรคต่อการรักษาและระวังการติดเชื้อง่ายในผู้สูงอายุได้

อย่างไรก็ตามในช่วงอาทิตย์แรก ก็ปรากฏผู้ที่รู้ข่าวได้เข้าเยี่ยม สิ่งที่ปรากฏขึ้นก็คือมีผู้ที่เข้าไปเยี่ยมในห้อง ICU ได้นำที่โกนหนวดเข้าไปโกนหนวดให้คุณพ่อ ซึ่งขณะนั้นคณะแพทย์ได้อยู่ระหว่างการรักษาการติดเชื้อที่ปอด จึงทำให้ลูกๆตัดสินใจที่ขอให้โรงพยาบาลติดป้าย งดเยี่ยม

ตลอดระยะเวลาการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 59 ถึงปัจจุบัน ไม่มีวันใดเลยที่พ่อจะขาดการเฝ้าดูแลจากลูก ในช่วงระยะเวลา 40 วันแรกนั้นน้องสาวของผมคือคุณ มาลีกันยา ได้เฝ้าอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับพยาบาลพิเศษอีก 2 คน จนกระทั่งเราได้รับคำชี้แจงจากคุณหมอว่า อาการของคุณพ่อจะยังคงทรงตัวอยู่เช่นนี้ และคุณหมอก็เป็นห่วงสุขภาพของลูกๆที่บางคนใช้เวลาดูแลตลอด 24 ช.ม เราจึงจัดหาผู้ดูแลคุณพ่อตลอด 24 ช.ม. 2 คน โดยทุกวันจะมีลูกอย่างน้อยหนึ่งคนอยู่ดูแลระหว่างวัน แม้กระทั่งคุณแม่อายุ 91 ปีก็ยังแวะเวียนไปเยี่ยม และก่อนที่สื่อจะลงข่าวที่ไม่จริงเพียงหนึ่งวัน คุณแม่ก็ยังไปเยี่ยมคุณพ่ออยู่ วันรุ่งขึ้นเมื่อคุณแม่ทราบข่าวที่สื่อลง และก่อให้เกิดความเสียหายต่อครอบครัวที่ท่านร่วมปลูกฝังความผูกพันในครอบครัวร่วมกันมาตลอดชีวิต ทำให้ท่านเสียใจและความดันขึ้นสูงจนต้องเพิ่มยาให้อีก

มีคนที่รู้จักมักคุ้นได้ไลน์เข้ามาแสดงความเห็นใจกับครอบครัวเราอย่างมาก...เขาบอกว่าคุณพ่อป่วยก็คงทุกข์ใจมากอยู่แล้ว กลับต้องมาเจอสื่อแบบนี้อีก

หลังจากขอให้สื่อแก้ไขข่าวในคอลัมน์ที่ลงแล้ว ก็จะขอดูความรับผิดชอบของสื่อมวลชนต่อไป

ผมและพี่น้อง ไม่มีอะไรที่จะไปชี้แจงคนทั่วๆไปที่อ่านข่าวหนังสือพิมพ์นับล้านๆคนได้อย่างทั่วถึงแน่ และอาจได้รับการดูถูกเกลียดชังจากผู้คนที่ไม่รู้จักมักคุ้น ทั้งๆที่ความจริงแล้ว คุณพ่อ คุณแม่ ได้พยายามสร้างครอบครัว สาคริก นี้ให้เป็นแบบอย่างของสังคมไทยก็ตาม ที่พอจะทำได้ก็คงเพียงสื่อความผ่านเพื่อนๆ ญาติสนิท มิตรสหาย และผู้ที่รักความเป็นธรรม จะได้ช่วยกันแชร์เรื้องนี้ ให้ปรากฏต่อสังคมอย่างกว้างขวางเท่านั้นครับ

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 01 มีนาคม 2560    
Last Update : 1 มีนาคม 2560 17:43:14 น.
Counter : 588 Pageviews.  

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ 13 รายชื่อบริษัทยกเลิก“กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ”



ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ยกเลิก 13 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เผยมีบริษัทดังๆอาทิเช่น นวนคร,กลุ่มบริษัทบี.กริม,บริษัทเครือโจตัน,พนักงานองค์การสุรา กรมสรรพสามิต,บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด เป็นต้น

 

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560  เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สท. 6/2560 เรื่อง การเลิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ระบุว่าโดยที่มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 กำหนดให้ นายทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพประกาศการเลิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในราชกิจจานุเบกษา เมื่อกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเลิกตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว นายทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจึงประกาศการเลิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพไว้ ดังต่อไปนี้

1. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นวนคร ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 383/2533 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559

2. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 44/2534 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559

3. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัท ไบโอกรุ๊ป ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 63/2538 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559

4. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานกลุ่มบริษัทบี.กริม ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 107/2541 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559

5. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานซิงเกอร์ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 432/2533 ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559

6. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัท สยามเคมีคอลอินดัสตรี้ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 34/2539 ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2559

7. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานบริษัทเครือโจตันในประเทศไทย ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 71/2541 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559

8. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อยุธยาพันธบัตร 2 ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 10/2544 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559

9. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ธนชาติสินไพบูลย์ ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 3/2547 ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559

10. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 65/2535 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559

11. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานองค์การสุรา กรมสรรพสามิต ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 34/2540 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559

12. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริษัท เจ เอส วิชั่น จำกัด ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียนเลขที่ 31/2539 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559

13. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส ซึ่งจดทะเบียนแล้ว ทะเบียน เลขที่ 4/2554 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2559

ประกาศ ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

รพี สุจริตกุล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในฐานะนายทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

รายละเอียดคำประกาศในราชกิจจานุเบกษา

//www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/E/063/2.PDF

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) คือกองทุนที่ลูกจ้างและนายจ้างร่วมกันจัดตั้งขึ้นด้วยความสมัครใจเพื่อให้ลูกจ้างได้มีเงินออมไว้ใช้ยามเกษียณ เงินที่ลูกจ้างจ่ายเรียกว่า "เงินสะสม" ส่วนเงินที่นายจ้างจ่ายเรียกว่า "เงินสมทบ" โดยนายจ้างจะจ่ายสมทบในจำนวนเท่ากันหรือมากกว่าที่ลูกจ้างจ่ายสะสมเสมอ

วัตถุประสงค์ของการจัดตั้ง

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นลักษณะของสวัสดิการที่นายจ้างมีให้กับลูกจ้างเพื่อเป็นหลักประกันทางการเงินให้แก่ลูกจ้างที่เป็นพนักงานบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจต่างๆ โดยอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของรัฐผ่านกฎหมายที่เรียกว่า “พระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” ความสำคัญของการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ นอกจากจะทำให้ลูกจ้างมีการออมอย่างต่อเนื่องโดยมีนายจ้างช่วยออมแล้ว ยังมีการนำเงินไปบริหารให้เกิดดอกผลงอกเงยโดยผู้บริหารมืออาชีพ และดอกผลที่เกิดขึ้นจะนำมาเฉลี่ยให้กับสมาชิกกองทุนทุกคนตามสัดส่วนของเงินที่แต่ละคนมีอยู่ในกองทุน

เงินออมของสมาชิกในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจะเติบโตจากเงินสะสมและเงินสมทบที่ต้องมีการนำส่งเข้ากองทุนทุกเดือน รวมทั้งผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการลงทุนของกองทุน โดยกองทุนจะไม่มีการจ่ายดอกเบี้ยหรือเงินปันผลให้สมาชิก เนื่องจากจะสะสมยอดเงินทั้งหมดให้เป็นก้อนใหญ่ เพื่อเก็บไว้รอจ่ายคืนให้สมาชิกที่สิ้นสุดสมาชิกภาพ เช่น เมื่อลาออกจากงาน

นอกจากนี้ กองทุนจะไม่ให้สมาชิกถอนเงินออกบางส่วน เพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้สมาชิกนำเงินไปใช้ซึ่งไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการออมเงินเพื่อไว้ใช้หลังเกษียณ

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ

//www.thaipvd.com/content_th.php?content_id=00008

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 01 มีนาคม 2560    
Last Update : 1 มีนาคม 2560 11:28:13 น.
Counter : 568 Pageviews.  

วัฒนา เมืองสุข โพสเฟซบุ๊กออกมาแล้วหลังจากพบกับแม่ทัพภาค 1 เผยเหตุถูกเชิญเพราะไม่ร่วมกับปยป.



วัฒนา เมืองสุข แกนนำโพสเฟสบุ๊ค"ออกมาแล้วครับ"หลังแม่ทัพภาคที่ 1 เชิญไปพูดคุย เผยเหตุถูกเชิญเพราะไม่ยอมเข้าร่วมถกในคณะกรรมการ ปยป. ที่กระทรวงกลาโหม ยันจะแสดงความเห็นการเมือง-ต่อสู้ไปจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยตามหลักนิติธรรม

 

เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2560 นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยได้โพสข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Watana Muangsook จั่วหัวข้อว่า "ออกมาแล้วครับ" พร้อมกับเขียนว่าวันนี้ เวลา 10.00 น. ผมไปพบท่านแม่ทัพภาคที่ 1 (พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์) ที่กองทัพภาคที่ 1 ตามคำเชิญ ผมนั่งรถไปกับนายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยและน้องๆ ที่ขอไปเป็นเพื่อน ท่านแม่ทัพอนุญาตให้ผมและคณะทุกคนเข้าไปในกองทัพภาคที่ 1 ได้ โดยให้ลูกน้องขับรถนำรถพวกผมเข้าไปแต่ขอให้คณะพักรอในห้องรับรอง

ส่วนผมท่านเชิญให้เข้าไปคุยในห้องทำงานกับท่านเป็นส่วนตัวเรื่องแนวทางสร้างความปรองดอง ทั้งนี้เนื่องจากผมปฏิเสธการเป็นตัวแทนของพรรคที่จะไปพูดคุยกับ ปยป. ที่กระทรวงกลาโหม ท่านแม่ทัพจึงต้องเชิญผมมาพูดคุยกับท่านต่างหากเพื่อเป็นข้อมูล การสนทนาสิ้นสุดประมาณ 13.00 น. จากนั้นท่านได้ให้นายทหารขับรถนำรถพวกผมออกมาจากกองทัพภาคเป็นอันเสร็จภารกิจ

ผมจะยังคงแสดงความเห็นทางการเมืองต่อไป เพราะไม่มีใครมาขอร้อง จึงขอขอบคุณทุกท่านที่แสดงความเป็นห่วงและให้กำลังใจ ผมออกมาอย่างปลอดภัยและพร้อมจะสู้ต่อไปจนกว่าเราจะได้ประชาธิปไตยบนหลักนิติธรรมครับ

วัฒนา เมืองสุข

พรรคเพื่อไทย

27 กุมภาพันธ์ 2560

ทหารเชิญมาด้วยความสุภาพก็ไปพบ

ก่อนหน้านี้ นายวัฒนา เมืองสุข กล่าวว่า ช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาตนได้รับโทรศัพท์จากผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ ระบุว่าทางการต้องการข้อมูลจากตน และขอเชิญตนไปพบที่กองทัพภาคที่ 1 ตามวันเวลาที่ตน สะดวก และตนเห็นว่าเป็นการเชิญมาด้วยไมตรี จึงได้ตอบตกลง จึงนัดเป็นวันนี้ (27 ก.พ.) เวลา 10.00 น. โดยผู้บังคับกองพันคนดังกล่าวแจ้งว่าตามขั้นตอนจะมีหนังสือเชิญให้ตน จึงได้นัดให้นำหนังสือมาให้บริเวณ ปั้มปตท.ในสนามเสือป่า

ส่วนในรายละเอียดการพูดคุยนั้นตนยังไม่ทราบ ทราบเเต่เพียงว่าผู้บังคับบัญชาต้องการพูดคุย ส่วนจะเกี่ยวกับการเเสดงความเห็นหรือไม่ก็คงไม่พ้นเรื่องเหล่านี้ เพราะตนทำอยู่เรื่องเดียว จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการแสดงความเกี่ยววัดพระธรรมกายหรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะได้แสดงความเห็นไว้หลายเรื่อง หากให้คาดเดา ก็คงเป็นเรื่องที่แสดงความคิดเห็น เพราะกิจกรรมการเมืองด้านอื่นๆ ตนไม่ได้ทำ 

“ช่วงนี้เป็นบรรยากาศของความปรองดอง มีการเชิญมาอย่างสุภาพ ก็ต้องมา เพราะหากไม่มาก็หาว่าไม่ปรองดอง มาในครั้งนี้ผมไม่กังวลว่าจะมีการกักตัว เพราะท่านที่เชิญผมมา บอกว่าจะเชิญมาให้ข้อมูลเท่านั้น หากมีการกักตัว ผมขอพูดแบบตรงๆ ว่าเป็นการเจ้าเล่ห์เพทุบาย จะจับก็จับเลย ไม่ต้องใช้วิธี ให้มาแล้วกักตัว หากเป็นแบบนี้ พี่น้องประชาชน ไม่ต้องเชื่ออะไรกองทัพไทยอีกแล้ว มาอ้างบรรยากาศความปรองดอง แปลว่าโกหก หลอกต้ม ผมยังถูกต้มคนไทยไม่ต้องห่วง และไม่ต้องสงสัยเลยว่าในเรื่องวัดพระธรรมกายคนถึงไม่เชื่อ เชื่อว่าวันนี้การพูดคุยคงเป็นไปได้ด้วยดี และคงใช้เวลาไม่นาน คาดว่า 12.00-13.00 น. คงพูดคุยกันจบ หากเกินเลยไปกว่านี้ ผมก็คงไม่มีอะไรตอบ” นายวัฒนา กล่าว 

เชื่อต้องการพูดด้วยบรรยากาศเป็นไมตรีที่ดี

เมื่อถามว่าหากมีการขอร้องให้มีการงดแสดงความคิดเห็นเรื่องวัดพระธรรมกายจะให้ความร่วมมือหรือไม่ นายวัฒนา กล่าวว่า เรื่องที่ตนเเสดงความเห็นในเรื่องนี้ ได้แสดงไปหมดแล้ว และตนได้พูดเฉพาะประเด็นเรื่องกฎหมาย ไม่ได้ก้าวล่วงไปถึงข้อเท็จจริง ประเด็นที่พูดไปไม่มีอะไรใหม่  

“ก็น่าจะเกิน 13.00 น. เราคงได้ออกมาเจอกัน ผมเชื่อว่า เขาต้องการพูดด้วยบรรยากาศที่เป็นไมตรีที่ดี เพราะใช้คำว่าเชิญ และนายทหารที่โทรมาก็ได้เปิดเผยชื่อ ยศ ตำแหน่ง และพูดจาด้วยความสุภาพ ผมจึงใจอ่อน และเดินทางมา เเละหากเเสดงการข่มขู่ เจอกัน ผมไม่สนใจอยู่แล้ว ทั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้รับการติดต่อเชิญแบบสุภาพ เพื่อต้องการข้อมูลบ้างประการ และในเวลา 09.30 น.เจ้าหน้าที่ทหารก็จะนำหนังสือมาเชิญผมที่ตรงนี้ หลังจากนั้นก็จะเข้าไปในกองทัพภาคที่ นายวัฒนา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเวลา 09.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ได้เข้านำหนังสือเชิญมาให้นายวัฒนา โดยนายวัฒนาได้พิจารณาหนังสือ ประมาณ 5 นาที จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารจึงนำได้ขับรถนำเข้าไปในกองทัพภาคที่ 1

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2560    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2560 6:51:43 น.
Counter : 225 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.