สู้ให้ตรงประเด็น โดย สำเริง คำพะอุ
สำเริง คำพะอุ เขียนไว้ที่สำนักข่าวเจ้าพระยาวนิวส์ ฉบับต่อมาคือวันที่ 27 ตุลาคม 2559 ว่าด้วยเรื่องโครงการรับจำนำข้าวซึ่งเสียหายระหว่าง 5/6 แสนล้านบาท ความจริงก็ไม่น่าจะเสียหายขนาดนั้นสมมติรับซื้อเกวียนละ 15,000 บาท ขายไป 8,000 บาทก็น่าจะมีเงินเหลือ แต่ข้าวตันเดียวเวียนขายสองรอบก็เจ๊งแล้ว นี่คือการทุจริต น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องไปตอบคำถามกับศาลไม่ใช่ตอบคำถามผ่านโซเชียล มีเดียหรือร้องแรกแหกกะเฌอ หาก ทนายของนางยกเอาความที่นางโง่ ไม่รู้เรื่อง เป็นนอมินี เป็นหุ่นเชิด อยู่ในสภาพไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ เผลอๆนางอาจจะรอดก็ได้ ดังนี้.... คดีที่ศาลฏีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนางสาวยิ่งลักษณ์ข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวงวดเข้ามาทุกขณะแล้วครับ สังเกตุได้จากการเคลื่อนไหวของตัวนางสาวยิ่งลักษณ์เอง และบรรดาบริษัท บริวารของนางออกมาเคลื่อนไหว การออกมาเคลื่อนไหวของพวกเขาใช้วิธีเดิมๆ นั่นก็คือ ร้องแรกแหกกระเฌอ ว่าถูกกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม แถล แถ เถือกไปเรื่อย ระหว่างที่ ปปช. พิจารณาก็บอกว่า ปปช. ไม่ฟังคำชี้แจง ให้เวลาชี้แจงน้อย บรรดาขี้ข้าของนางส่วนหนึ่งเสนอให้นางไม่ยอมรับรู้ข้อกล่าวหา โดยหวังว่าจะอาศัยมวลชนที่ขนกันมาล้มมติ หรือการทำงานของ ปปช. ขั้นตอนมาถึงอัยการก็เช่นเดียวกันดังได้กล่าวแล้ว เรื่องไปถึงศาล แทนที่จะเน้นการต่อสู้ทางศาล เป็นต้นชี้แจงแสดงเหตุผลให้ศาลเห็นว่า ไม่ได้ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรมกองต่างๆ อย่างเข้มงวดกวดขันอย่างไร เปล่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็คือนางสาวยิ่งลักษณ์คนเดิม คือกระเปิ้บกระป้าบ ศาลถามอายุก็ยังตอบผิดๆถูกๆ นี่ถ้าหาก ทนายของนางยกเอาความที่นางโง่ ไม่รู้เรื่อง เป็นนอมินี เป็นหุ่นเชิด อยู่ในสภาพไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ เผลอๆนางอาจจะรอดก็ได้ นางและบรรดาลิ่วล้อของนางสมัครใจที่จะต่อสู้ในประเด็นที่ว่า นางเป็นนายกรัฐมนตรี มาจากการเลือกตั้ง ระหว่างหาเสียงได้เสนอนโยบายประกันราคาข้าวตันละ 15,000 บาท เป็นที่ถูกอกถูกใจของประชาชน เมื่อบริหารประเทศก็ได้ใช้นโยบายดังกล่าว นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ดี เป็นนโยบายช่วยเหลือชาวนาที่เป็นคนยากคนจน การช่วยคนยากคนจนต้องไม่คิดถึงกำไรขาดทุน รัฐบาลที่ดำเนินการตามนโยบายต้องไม่มีความผิด พวกเขาจะท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทองอย่างนี้ แต่สิ่งที่พวกเขาท่องกันนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ศาลจะพิจารณา ประเด็นที่ศาลจะพิจารณาก็คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตจริงหรือไม่จริง รัฐบาลดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว ระหว่างที่ดำเนินการตามนโยบายนี้มีการทุจริตเกิดขึ้นไหม ที่ว่ากันว่า รับจำนำทุกเมล็ดข้าวในราคา 15,000 บาทต่อตันนั้น คนที่เอามาจำนำได้เงินครบไหม ได้ข้าวครบไหม ปล่อยให้ข้าวเขมร ข้าวพม่า หรือข้าวจากที่อื่นใดมาจำนำหรือไม่ ปริมาณข้าวครบไหม ที่เน่าที่เสียไปเท่าไหร่โกดังไหน โรงสีไหน ระหว่างดำเนินนโยบายนี้นายกรัฐมนตรี ประธานข้าวเอาใจใส่ขนาดไหน มีหน่วยงานไหนออกมาเตือนบ้าง เตือนแล้วนางสาวยิ่งลักผษณ์เอาใจใส่ขนาดไหน หรือได้แต่แดะๆไปวันๆ ศาลท่านก็ต้องรู้ละครับ ในฐานะ นายกรัฐมนตรีจะมานั่งเข้มงวด นับกระสอบข้าว นับติ้วที่กุลีแบกกระสอบ เป็นไปไม่ได้ดอก แต่ขายข้าวรัฐบาลต่อรัฐบาล นี่สำคัญ มีสัญญาจริงหรือเปล่า ส่งออกจริงไม่จริง ไอ้อย่างนี้ดูออกครับว่าปล่อยปละละเลย หรือเผลอๆอาจจะรู้เห็นเป็นใจด้วย นั่นเรื่องหนึ่งแล้วนะครับ เรื่องที่สอง ว่ากันถึงความเสียหาย ได้มีการประเมินความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว 5/6 แสนล้านบาท ตัวเลขนี้มาจากงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ สำหรับการรับจำนำ แล้วจ่ายไปกับการจำนำข้าว แต่ละงวด ความจริงไม่น่าจะหมดเกลี้ยงหรือมากขนาดนี้ ถ้าไม่ทุจริตกันเสียจนเพลิน เพราะจำนำถึงจะขาดทุนก็ยังพอมีเหลือ เช่นจ่ายไปตันละ 15,000 บาท ขายข้าวได้กลับมา 8,000 บาท แต่มันทุจริตข้าวตันเดียวเวียนขายสองรอบก็เจ๊งแล้ว. หรือบอกว่า ขายให้รัฐบาลจีน แต่ไม่มีการขายจริง ข้าวจำนวนนั้นเวียนมาจำนำใหม่ก็เจ๊งบ้งแล้ว ในที่สุดทางราชการก็เรียกเอาความเสียหายนั้นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะมีชื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ก็มีชื่อรัฐมนตรีพาณิชย์ ช่วยพาณิชย์ เลขารัฐมนตรี เป็นต้น นายบุญทรง เตรียาภิรมย์ นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วย นายวีระวัฒน์ วัจนะภุกกะ เลขาฯ นายมนัส สร้อยพรอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ฯลฯ แล้วในที่สุดก็เรียกเอากับนางสาวยิ่งลักษณ์ 3 หมื่นล้านบาท ไม่มีชื่อ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เพราะไอ้หมอนี่ไม่เกี่ยวกับข้าว มันเกี่ยวเฉพาะยางพารา แต่ที่เอาไปแถลงเรื่องข้าวเขาคิดว่ามันพูดเก่ง แต่ในที่สุดมันก็ไปไม่เป็น นั่งจิบลมในถ้วยน้ำชา เสียยังงั้น เป็นการเรียกค่าเสียหายตาม พรบ. ว่าด้วยความผิดทางละเมิด พ. ศ. 2539 ขั้นตอนต่อไปก็คือ บรรดาคนที่ถูกเรียกเงินตาม พรบ. ที่ว่านี้ ถ้าจ่าย เรื่องก็จบในประเด็นนี้ แต่ถ้าไม่จ่าย คนเหล่านี้ก็ต้องร้องไปที่ศาลปกครอง ศาลปกครองได้รับคำร้องหรือคำฟ้อง ก็พิจารณาคดี จะต้องจ่ายหรือไม่ต้องจ่าย สู้กันถึงศาลปกครองสูงสุดครับ ศาลปกครองสูงสุดว่ายังไงก็เป็นไปตามนั้น สู้กันทางหน้าหนังสือพิมพ์ หรือ โซเซียลมีเดีย ไม่จบครับ อย่างที่นายกรัฐมนตรีว่านั่นถูกแล้ว ค่าเสียหายจากการจำนำข้าว 5/6 แสนล้าน ทำไมเรียเอากับนางสาวยิ่งลักษณ์ 3 หมื่นล้าน บุญทรง ภูมิ และข้าราชการอีกรวมแล้ว ไม่กี่พันล้าน ? ผมเข้าใจว่าคงจะ พิจารณาจากการขายข้าว จีทูจี ที่จริงๆแล้วมันไม่ได้ส่งออก มันมีใครได้เจี๊ยะ ก็ต้องรับผิดชอบ เป็นตัวเลขเห็นๆ ชัดๆ ข้อเท็จจริงเป็นประการใด รัฐบาลคงจะต้องชี้แจง หรือไม่ก็ต้องบอกศาลปกครอง ที่มา thaitribune
Create Date : 30 ตุลาคม 2559 | | |
Last Update : 30 ตุลาคม 2559 12:58:39 น. |
Counter : 362 Pageviews. |
| |
|
|
|