รัฐเตรียมโอนเงินให้เกษตรกรไม่มีงานทำหรือรายได้น้อย 1,500-3,000 บาทผ่านธ.ก.ส.ให้ครั้งเดียว



รัฐบาลเตรียมโอนเงินให้เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยแต่ต้องลงทะเบียนไว้สิ้นสุด 15 สิงหาคม 2559 เผยให้รายละ 1,500-3,000 บาท ใช้ขีดความยากจนเป็นเส้นแบ่งครอบครัวละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีถือว่ามีรายได้น้อยหรือบุคคลไม่เกิน 30,000 ต่อปีถือว่าอยู่ในเส้นความยากจน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต

 

เมื่อ เวลา 13.40 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเปิดเผยถึงการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยและหลักเกณฑ์ในการโอนเงินภายใต้มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย (มาตรการส่งเสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายย่อย)ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรผู้มีรายได้น้อยและหลักเกณฑ์ในการโอนเงินภายใต้มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ

ทั้งนี้สาระสำคัญของเรื่อง กระทรวงการคลังได้หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กรมส่งเสริมการเกษตร และ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เพื่อกำหนดคุณสมบัติของเกษตรกรและหลักเกณฑ์ในการโอนเงินใต้มาตรการเพิ่มรายได้ฯ ให้มีรายได้เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. คุณสมบัติของเกษตรกรตามมาตรการเพิ่มรายได้ฯ เกษตรกรผู้มีรายได้น้อยที่มีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินโอนตามมาตรการดังกล่าวจะต้องเป็นผู้ที่มาลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม – 15สิงหาคม 2559 ซึ่งต้องมีคุณสมบัติพื้นฐานและคุณสมบัติเฉพาะสำหรับมาตรการเพิ่มรายได้เกษตรกรผู้ที่มีรายได้น้อย ดังนี้

1) คุณสมบัติพื้นฐาน ได้แก่ เป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ณ วันที่ 15 สิงหาคม 2559 (วันสุดท้ายของการเปิดให้ลงทะเบียน) และเป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ในปี 2558 โดยมีการตรวจสอบสถานะบุคคลและความถูกต้องของข้อมูลในเบื้องต้นจากกรมสรรพากรและกรมการปกครองแล้ว

2) คุณสมบัติเฉพาะสำหรับมาตรการเพิ่มรายได้ฯ ต้องเป็นผู้มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนเกษตรกรหรือเป็นสมาชิกในครัวเรือนของผู้ที่อยู่ในทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร หรือเป็นผู้มีรายชื่ออยู่ในทะเบียนผู้เลี้ยงสัตว์ของกรมปศุสัตว์ หรือทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามข้อเสนอของ สศช.

ทั้งนี้ในกรณีที่เกษตรกรที่ลงทะเบียนในโครงการนี้เป็นหัวหน้าครัวเรือนในทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสริมการเกษตร จะต้องปรากฏเป็นที่ประจักษ์ว่าครัวเรือนนี้มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จึงจะมีสิทธิ์ได้รับเงินโอน ทั้งนี้ ธ.ก.ส. จะเป็นผู้ดำเนินการเทียบข้อมูลจากฐานข้อมูลผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐในข้อ 1

2. หลักเกณฑ์การโอนเงิน

1) หลักเกณฑ์ในการกำหนดจำนวนเงินที่โอนให้แก่เกษตรกรตามมาตรการเพิ่มรายได้ฯ หลักเกณฑ์ในการโอนเงินให้เกษตรกรจะใช้เส้นความยากจน (Poverty Line) ที่คำนวณโดย สศช. เป็นเกณฑ์ในการอ้างอิง โดยในปี 2257 เส้นความยากจนอยู่ที่ระดับประมาณ 30,000 บาทต่อปี ดังนั้น รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่มีรายได้ต่ำกว่า30,000 บาทต่อปี เป็นมูลค่ามากกว่าเกษตรกร ที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี เนื่องจากเป็นกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบทางรายได้มากกว่า

2) อัตราเงินโอน

2.1) เกษตรกรที่ไม่มีรายได้หรือมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี โอนเงินให้จำนวน 3,000 บาทต่อคน เพียงครั้งเดียวผ่าน ธ.ก.ส.

2.2) เกษตรกรที่มีรายได้สูงกว่า 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี โอนเงินให้จำนวน 1,500 บาทต่อคน เพียงครั้งเดียวผ่าน ธ.ก.ส.

3) วิธีการโอนเงิน กำหนดใน ธ.ก.ส. เป็นผู้โอนเงินเข้าบัญชีให้แก่เกษตรกรที่มีคุณสมบัติตามข้อ 2.1 โดยตรง ทั้งนี้ ในกรณีที่เกษตรกรดังกล่าวไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. นั้น ธ.ก.ส. จะดำเนินการประสานงานกับธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทยเพื่อโอนเงินให้เกษตรกรต่อไป

สำหรับเกษตรกรที่ไม่มีบัญชีเงินฝากใน 3 ธนาคารข้างต้น ให้ ธ.ก.ส. ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรมาแจ้งเลขที่บัญชี ชื่อบัญชี และธนาคารที่ประสงค์จะให้โอนไปให้ได้ที่ ธ.ก.ส. ได้ทุกสาขา

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2559    
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2559 16:17:58 น.
Counter : 270 Pageviews.  

สมเด็จพระบรมฯโปรดเกล้าฯให้ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมพระบรมศพแจ้งผ่านสำนักพระราชวังตั้งแต่ 1 พ.ย. 2



สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯโปรดเกล้าฯ ให้หลายภาคส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หลังพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ปัญญาสมวาร (๕๐ วัน) แสดงความจำนงได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559- 28 กุมภาพันธ์ 2560

 

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 29 ตุลาคม 2559  สำนักพระราชวัง แจ้งว่า หลังจากการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (๕๐ วัน) ถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และ ภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหารุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล

ผู้มีความประสงค์ขอเป็นเจ้าภาพร่วมบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สามารถแสดงความจำนงขอเป็นเจ้าภาพได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560

ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดตัวอย่างหนังสือการขอร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ที่ www.brh.thaigov.net ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป หรือขอตัวอย่างหนังสือได้ที่ฝ่ายทะเบียนสำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) และเมื่อเขียนหรือพิมพ์ครบถ้วนแล้ว สามารถส่งมาที่สำนักพระราชวังได้ 4 ช่องทาง คือ

1. ส่งเอกสารด้วยตนเองที่ฝ่ายทะเบียน อาคาร 601 สำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) ถนนศรีอยุธยา แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

2. ส่งเอกสารทางโทรสารหมายเลข 02-280-8708  

3. ส่งเอกสารทางไปรษณีย์ พร้อมจ่าหน้าซองถึง เรียน เลขาธิการพระราชวัง สำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) ถนนศรีอยุธยา แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300

4.ส่งทาง E-mail address : brh@palaces.mail.go.th โดยแสกนเป็นไฟล์ PDF เมื่อผู้ขอได้ส่งเอกสารการจองเป็นเจ้าภาพร่วมในการบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แล้ว สำนักพระราชวังจะส่งหนังสือตอบรับกำหนดวันและแจ้งรายละเอียดในการเป็นเจ้าภาพให้ทราบ ก่อนวันและเวลาที่ท่านเป็นเจ้าภาพ 15 วัน

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 31 ตุลาคม 2559    
Last Update : 31 ตุลาคม 2559 10:45:27 น.
Counter : 633 Pageviews.  

อดีต 2 ส.ส.พิษณุโลก“นคร มาฉิม”กับ“นพ.วรงค์”โต้ราคาข้าวตกต่ำใครมีเหตุผลกว่า ตัดสินเอาเอง



อดีตส.ส.พิษณุโลก นคร มาฉิม จวกหมอวรงค์ชาวนาพิษณุโลกถามหา ต้นเหตุไร้เงินอุดหนุนซื้อข้าวเปลือก หมอวรงค์โต้นครเปลี่ยนไป เคยตำหนินโยบายรับจำนำข้าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรว่ามีแต่การทุจริตแล้วเอาชาวนามาอ้าง ระวังคำถามนักการเมืองขายตัว

 

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2559 นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.จังหวัดพิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ชาวนาที่พิษณุโลกต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคาข้าวเปลือกปีนี้ต่ำสุดในรอบ 10 ปี เดือดร้อนอย่างหนักเมื่อไม่มีโครงการรับจำนำข้าวช่วยชาวนาเป็นปีที่ 3 ติดกัน ทั้งนี้ ตนรู้สึกสมเพชแกมเศร้าใจที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลนี้หางบประมาณอุดหนุนชาวนา ทั้งๆที่ นพ.วรงค์เป็นตัวการสำคัญคนหนึ่งที่ใช้ทุกวิธีการทำลายโครงการรับจำนำข้าว เพียงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้นแม้จะหมิ่นเหม่ต่อการถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกสมุนเผด็จการเพราะโต้แทนรัฐบาลทุกเม็ดก็ยอม พร้อมทั้งตนทำนายว่า สุดท้ายรัฐบาลก็จำเป็นจะต้องอุดหนุนชาวนา อาจจะเรียกชื่อโครงการแตกต่างกันไปบ้างก็ไม่ว่ากัน และสิ่งนี้จะได้เป็นข้อพิสูจน์ให้สาธารณชนและกระบวนการยุติธรรมเห็นว่า โครงการรับจำนำข้าว หรือโครงการอุดหนุนเกษตรกรรูปแบบต่างๆ จะคิดกำไร ขาดทุนไม่ได้

“ชาวนาพิษณุโลกถามหาหมอวรงค์กลับไปเยี่ยมชาวนาที่พิษณุโลกบ้าง อย่าทำตัวเป็นบุคคลสาบสูญจากพื้นที่ กิน อยู่สบายในเมือง แต่ชาวนาอดอยากปากแห้ง ผมทราบมาตั้งแต่ต้นและพยายามเตือนสติเพื่อน ส.ส.มาหลายครั้งว่า นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรไม่ควรไปมีอคติและใช้เป็นเครื่องมือทำลายกันทางการเมืองเมื่อนำเอานโยบายที่ดีมาทำลายกันทางการเมือง สุดท้ายชาวนา ชาวไร่มันสำปะหลัง และไร่ข้าวโพดก็ตายทั้งเป็น”นายนครกล่าว

หมอวรงค์โต้กลับนครเปลี่ยนไป

ต่อมาวันที่ 30 ตุลาคม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่คิดเลยว่านายนคร มาฉิม คนที่ตนเคยเชื่อถือนั้นเปลี่ยนไป จากที่ก่อนหน้านี้เคยตำหนินโยบายรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่ามีแต่การทุจริตแล้วเอาชาวนามาอ้าง

จำได้หรือไม่ว่าข้าวชาวนาถูกวัดความชื้น 38% มีประเทศเดียวในโลก มีการสวมสิทธิชาวนา เซอร์เวย์เรียกเก็บหัวคิว นั่งร้านซุกในกองข้าว มีข้าวเน่าข้าวเสื่อมและข้าวผิดประเภทยัดภายในกองข้าวดี อ้างทำข้าวถุงราคาถูกขายคนจน รวมทั้งอ้างขายข้าวจีทูจี โกงกันจนโครงการเสียหาย ไม่มีเงินจ่ายชาวนาจนชาวนาฆ่าตัวตาย ก็ไม่มีคนพรรคเพื่อไทย (พท.) สนใจสักราย

ดังนั้น นายนครน่าจะรู้ว่ารัฐบาลต้องจ่ายเงินค่าจำนำข้าวไปทั้งหมดประมาณ 9.4 แสนล้านบาท แต่ทำไมชาวนายังจนอยู่ เงินไปอยู่ที่ใครหมด มีแต่นายทุนโรงสี เจ้าของโกดัง เซอร์เวย์เยอร์ และนักการเมืองเท่านั้นที่ร่ำรวย

เซอร์เวย์เยอร์ทุน 15 ล้านทำความเสียหาย 42,000 ล้าน

นพ.วรงค์กล่าวต่อว่า นายนครรู้หรือไม่ว่า บริษัทเซอร์เวย์เยอร์เฉพาะในพื้นที่ของสำนักงาน ป.ป.ท.เขต 6 ที่ตั้งใน จ.พิษณุโลกบ้านเรานั้น มีเซอร์เวย์ประมาณ 5 บริษัท ทุนจดทะบียนรวมประมาณ 15 ล้านบาท ตรวจข้าว 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง แต่สร้างความเสียหายของข้าวสูงถึง 42,000 ล้านบาท เงินทุนรวมประมาณ 15 ล้านบาท สร้างความเสียหายสูงถึง 4.2 หมื่นล้านบาท มีแต่จำนำข้าวรัฐบาลยิ่งลักษณ์เท่านั้นที่ทำได้ ย้ำนะว่าทุกคนต้องการให้ช่วยชาวนา แต่ไม่ใช่ให้ทุจริตครั้งมโหฬารที่สุดของประเทศ

“ส่วนที่บอกว่า ให้ผมมาดูแลชาวนานั้น แสดงว่านายนครไม่รู้เลยว่าผมอยู่กับพี่น้องชาวนาตลอด ผมรู้แม้กระทั่งราคาข้าวเปลือกหอมมะลิราคาตกต่ำเท่ากับข้าวเปลือกเจ้า เพราะมีการรวมหัวกันทุบราคาเพื่อหวังดิสเครดิตรัฐบาล เพื่อช่วยพวกทุนสามานย์ ทำไมนายนครและพรรค พท.จึงไม่ตำหนิพวกเหล่านี้ นายนครรู้หรือไม่ว่า ผมยังช่วยรวมกลุ่มพี่น้องชาวนาให้ชาวนาทำนาปลูกข้าว สีข้าวเปลือก ขายข้าวสาร เพื่อปลดแอกตนเองจากนายทุนในนามข้าวบ้านเสาหิน พิษณุโลก เห็นว่าเป็นแนวทางที่ดีจึงเสนอให้รัฐบาลดำเนินการ หรือว่านายนครต้องการให้ชาวนาเป็นทาสนายทุน อยากฝากถึงนายนครว่า ยังไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจ เมื่อรู้ว่าเขาเป็นโจรจะเดินตามโจรทำไม เพราะตอนนี้ประเทศของเราก็ยังอยู่ในภาวะเสี่ยง กลับมาช่วยกันกอบกู้ชาติบ้านเมืองดีกว่า ถ้ายังดื้อดึง ระวังเวลาที่ไปไหนชาวบ้านเขาจะถามว่า นักการเมืองเขาขายตัวกันอย่างไร” นพ.วรงค์กล่าว

(ที่มาของข่าวและภาพ นสพ.มติชน)

'นคร มาฉิม'ร่วมปฐมนิเทศผู้สมัครส.ส.ชพน.

//www.bangkokbiznews.com/news/detail/553790

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 31 ตุลาคม 2559    
Last Update : 31 ตุลาคม 2559 6:40:33 น.
Counter : 259 Pageviews.  

คนไทยในซานฟรานฯเตรียมประท้วงดร.ปวินไปพูดที่แสตนด์ฟอร์ดหวั่นจาบจ้วงอีกหลังพูดที่ยูซีเบิร์กเลย์มาแล้ว



คนไทยในซาน ฟรานฯเตรียมประท้วงถึงแสตนฟอร์ดเปิดโอกาสให้ ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ไปพูด 2 พฤศจิกายน หวั่นกระทบสถาบันเบื้องสูงอีก หลังจากพูดที่เบิร์กลี่ย์สัปดาห์ที่แล้วถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเมืองไทยหลังรัชกาลที่ 9 สวรรคต

 

เมื่อบ่ายวันที่ 28 ตุลาคม 2016 นายเจือ รัตนพันธุ์  เจ้าของร้านอาหารไทยในเบย์ แอเรีย ในฐานะผู้สื่อข่าวอาวุโสเดินทางไปยังตึก Encina Hall เลขที่ 616 Serra St.,Stanford, CA ภายในมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ดเพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวการจัดกิจกรรมที่จะให้ ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ไปพูดในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้

นายเจือ ได้พบกับ Chaney Kourouniotis  ผู้ช่วยผอ.ฝ่ายการสื่อสาร(Assistant Director of Communication) ของสถาบัน Freeman Spogli Institute International ช่วงแรกเธอยังไม่ทราบว่าจะมีกิจกรรม เมื่อตรวจสอบรายการในคอมพิวเตอร์จึงทราบรายละเอียด  จึงแจ้งให้มิสชานีย์ทราบว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาดร.ปวินไปพูดที่มหาวิทยาลัย ยูซีเบิร์คเลย์ โดยกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ที่สวรรคตไปแล้วอย่างไม่ตรงกับความเป็นจริงส่งผลกระทบต่อชุมชนไทยมาก

นายเจือยังแจ้งกับมิสชานีย์ทราบว่า ดร.ปวินไปพูดเป็นเรื่องของการเมืองออกเดินสายพูดที่วอชิงตัน ดีซี.และชิคาโก โดยมีประชาชนคนไทยในสหรัฐออกมาประท้วงกันมาก ทำให้เธอทำท่าตกใจ พร้อมกับถามกลับมาว่า คนไทยที่ ซานฟรานฯจะมาประท้วงหรือไม่

“ผมบอกว่าน่าจะ เขาสนใจที่จะมากันหลายร้อยคน ผมจึงมาบอกคุณ พร้อมกับถามว่านายปวิน จะมาพูดถึงเรื่องอะไร เธอบอกว่าจะมาพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ผมแจ้งไปว่านายปวินคนนี้มีการเมืองอยู่เบื้องหลัง เขาอาจจะเซ็ทอัพให้คนที่ฟังถามเรื่อง King ที่เพิ่งเสด็จสวรรคตก็ได้ แล้วเขาจะพูดเรื่องเก่าที่ไม่จริงอีก”นายเจือกล่าว

มิสชานีย์กล่าวว่าหากเป็นเช่นนั้นก็ให้คนไทยที่เข้าไปฟังสามารถถามและพูดโต้แย้งได้

เมื่อถามว่ารายการในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้จะมีผู้คนลงทะเบียนเข้าร่วมรับฟังกี่คน มิสชานีย์ตอบว่าประมาณ 25-30 คน พร้อมกับรับปากว่าจะนำสิ่งที่พูดคุยกันไปบอกกับทางผู้จัดงาน เอเชีย แปซิฟิค ทราบถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มสังคมไทยในเบย์แอเรียว่าชุมชนไทยไม่แฮปปี้กับนายปวิน ที่จะมาพูดในวันที่ 2 พฤศจิกายน หากมีความคืบหน้าอะไรจะแจ้งให้ทราบผ่านทางอีเมล

พูดที่ยูซีเบิร์กเลย์วันที่ 25 ตุลาคม

ก่อนหน้านี้ นายเจือ รัตน์พันธ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสของชุมชนไทยในซานฟรานซิสโก แจ้งไปยัง นสพ.สยามทาวน์ยูเอส ที่ออกในลอส แอนเจลิสเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ อดีตอาจารย์ประจำศูนย์วิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้ได้ปักหลักอยู่ในซาน ฟรานซิสโก และใช้เครดิตจากความเป็นนักวิชาการของตนเองบรรยายโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยตามสถาบันและองค์กรต่างๆในหลายเมือง รวมถึงที่มหาวิทยาลัยยูซี เบิร์คเลย์ เมื่อค่ำวันอังคารที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา

นายเจือ กล่าวว่า การเสวนาที่เบิร์คเลย์ ใช้ชื่อรายการว่า The end of an era: Remembering and reflecting on the life of King Bhumibol Adulyadej หรือ “สิ้นรัชกาล : ความทรงจำและสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ขึ้นที่ห้อง Geballe Room, Townsend Center ในยูซีเบิร์คเล่ย์ มีผู้ฟังไม่ถึง 40 คน

นายปวิน ได้รับเชิญให้บรรยายร่วมกับนักวิชาการไทยอีกคนคือ จี หรือจูจี้ สุธรรมวัทนีย์ (Jee Suthamwanthanee) เจ้าหน้าที่องค์กรช่วยเหลือสตรีชื่อ เอเชียน วูเม่นส์ เชลเตอร์ ในซานฟรานซิสโก ถือเป็นคนไทยในต่างประเทศที่ยังรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกับคนไทยทั้งประเทศ จึงสามารถพูดหักล้างข้อกล่าวหาต่างๆของนายปวินได้พอสมควร

นายเจือกล่าวว่าหลังจากได้บรรยายเพื่อหักล้างข้อกล่าวหาของนายปวิน เสร็จแล้ว จี สุธรรมวัทนีย์ ได้เชิญชวนผู้ร่วมฟังการบรรยายยืนถวายความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เป็นเวลาหนึ่งนาที ซึ่งผู้ฟังทุกคนได้ปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจทั้งห้อง มีนายปวินเพียงคนเดียวที่นั่งนิ่งเฉย

เตรียมแนวทางประท้วงนายปวิน

ต่อมา เมื่อค่ำวันที่ 26 ตุลาคม กลุ่มคนไทยในซานฟรานซิสโก เบย์แอเรีย รวมถึง จี้ สุธรรมวัทนีย์ นัดพบกันเพื่อพูดคุยถึงแนวทางในการแสดงออกเพื่อตอบโต้พฤติกรรมอันไม่เหมาะสมของนายปวินโดยนายเจือ รัตนพันธ์ กล่าวว่าการหารือครั้งนี้ มีนายธานี แสงรัตน์ กงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส ร่วมรับฟังผ่านระบบออนไลน์ด้วย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ จี สุธรรมวัทนีย์ บอกต่อที่ประชุมว่า นายปวินจะเดินทางไปบรรยายตามสถาบันต่างๆ อีกหลายแห่ง เช่นที่Council on Foreign Relations ที่วอชิงตัน ดีซี วันที่ 27 ตุลาคม ก่อนจะเดินทางต่อไปบรรยายให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ชิคาโก้ แล้วกลับมาบรรยายที่มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด วันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ Freeman Spogli Institute for International Studies Encina Hall

“ที่ประชุมตกลงกันว่า เราจะชักชวนคนไทยในซานฟรานฯ มารวมกลุ่มกันสัก 400-500 คน เพื่อไปร่วมแสดงออกอย่างสงบ มีสติ โดยจะทำแผ่นป้ายกระดาษขนาดเท่าที่ทางผู้จัดอนุญาตให้ใช้ และในขณะเดียวกันจะพิมพ์ข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษ เกี่ยวพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่องค์กรนานาชาติทั่วโลกทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลให้มากมาย นำไปแจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมฟัง เพื่อจะได้เปรียบเทียบกับข้อมูลที่เป็นเท็จ ที่นายปวินเอาไปพูด ในขณะเดียวกัน เราก็จะส่งตัวแทนคนไทย 2-3 คนเข้าไปฟัง เพื่อที่จะลุกขึ้นแสดงความคิดเห็นอีกด้วย” นายเจือกล่าว

ผู้สื่อข่าวอาวุโสจากซานฟรานซิสโกรายงานว่า กลุ่มคนที่นัดรวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด จะอยู่กันอย่างสงบและไม่เข้าไปรบกวนการเสวนาในฮอลล์ เพื่อป้องกันการตกเป็นเครื่องมือในการ “เพิ่มค่า” ให้กับตัวเองของนายปวิน  

“เราต้องระวัง อย่าไปให้ความสำคัญกับเขา เพราะเขาเป็นมือปืนรับจ้าง พูดด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จเพื่อทำลายความเชื่อถือและศรัทธาต่อระบบกษัตริย์ไทย แล้วเขาพูดแบบไม่มีความรับผิดชอบ พูดซ้ำๆ ซากๆ ทั้งที่ทุกคนรู้ว่าเป็นขบวนการเมืองที่จะทำลายและล้มสถาบัน สร้างความแตกแยกให้กับคนไทย”นายเจือกล่าว

นายเจือรายงานว่า ขณะนี้กลุ่มคนไทยกำลังประสานงานกับชุมชนไทยในเมืองอื่นๆ รวมถึงที่ชิคาโก้ ให้ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ เพราะเป็นการเหยียบย่ำความรู้สึกของพวกเราที่อยู่ระหว่างโศกเศร้ากับการสูญเสียครั้งใหญ่ของประเทศ

“ตอนนี้ ทางคนไทยในชิคาโก้ ก็มีการเคลื่อนไหวแล้วนะครับ โดยคุณมาโนช พุฒวันเพ็ญ บอกว่าจะมีการรวบรวมคนไทยออกไปต่อต้านนายปวินในวันเสาร์นี้ โดยจะไปรวมตัวกันอย่างสงบ เพื่อแสดงออกให้เห็นว่าในช่วงที่คนไทยทั่วโลกกำลังอยู่ระหว่างความโศกเศร้ากับการเสด็จสวรรคตของพระองค์เช่นนี้ ไม่ควรที่กลุ่มล้มเจ้าจะออกมาจาบจ้วง มันน่าโมโห คนพวกนี้ไม่รู้บุญคุณของประเทศกันเลย น่าจะรู้กาละเทศะกันบ้าง อย่ามุ่งแต่เรื่องการเมืองเพราะทุกคนเขารู้ว่าคุณเป็นใคร รับจ้างให้กับกลุ่มใด” นายเจือ กล่าว

ทั้งนี้ นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟสบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมาว่าตนเองเพิ่งย้ายเข้าอพาร์ทเมนท์ที่ซานฟรานซิสโกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริเวณที่อยู่นั้นห่างจากยูเนียนสแควร์ เพียงเดินสิบนาที เป็นบริเวณที่ไม่ดีนัก เพราะมีโฮมเลสเยอะ แต่ตนเองไม่วิตกกังวลอะไร ยังคงเข้าออกบ้านพักได้อย่างสบายใจ และบอกว่าชอบซานฟรานซิสโกมาก.ไทยซานฟรานนัดรวมตัว สู้’ปวิน’จาบจ้วงสถาบันฯ

ปวินขอเคลียร์ทำหน้าที่ในฐานะนักวิชาการ

ต่อมาเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นายปวินโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ว่า “ผมขอพูดให้เคลียร์นะครับ ใครที่ตามผมมานานย่อมรู้ดีว่า ผมทำตามหน้าที่ของนักวิชาการด้วยความซื่อสัตย์ งานเล็คเชอร์ของผมนั้น ผมทำตามที่ได้รับคำเชิญจากสถาบันการศึกษาต่างๆ ไม่ว่าจะในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา ดังนั้น ผมจะไม่แคร์หากใครที่ด่าผมลับหลัง หรือใส่ความว่าผมได้รับการว่าจ้างจากใครก็ตาม เพราะผมรู้แก่ใจว่ามันไม่เป็นความจริง ส่วนที่จะตามมากลั่นแกล้ง ข่มขู่กันนั้น ขอเรียนเชิญ หากเมื่อใดก็ตามที่ล้ำเส้นผม ผมจะแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสหรัฐอเมริกาทันที... โลกมันศิวิไลซ์ครับ หากใครไม่เห็นด้วยกับผม โต้แย้งอย่างศิวิไลซ์ครับ เท่านั้น”

สำหรับภาษาอังกฤษดร.ปวินเขียนไว้ด้วยว่า “I have to make it clear: If you have followed my works for quite sometime you must know I have performed as an academic with honesty. I accepted invitations to give lectures from various universities, both in Europe and here in the US, as I did my job once again with honesty. Therefore, I don't care if some of you may not like to hear what I say, or accuse me of working on behalf of someone else, because I know it is untrue. For those who want to threaten me, I will not let you get away. I will report it to the US police immediately. We live in a civilised world, so deal with me like civilised peoples!”

สำหรับสถานบันที่นายปวินจะมาพูดที่แสตนฟอร์ดมีเว็บไซต์อยู่ที่

//fsi.stanford.edu/

ที่มา thaitribune




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2559    
Last Update : 30 ตุลาคม 2559 13:17:41 น.
Counter : 257 Pageviews.  

สู้ให้ตรงประเด็น โดย สำเริง คำพะอุ



สำเริง คำพะอุ เขียนไว้ที่สำนักข่าวเจ้าพระยาวนิวส์ ฉบับต่อมาคือวันที่ 27 ตุลาคม 2559 ว่าด้วยเรื่องโครงการรับจำนำข้าวซึ่งเสียหายระหว่าง 5/6 แสนล้านบาท ความจริงก็ไม่น่าจะเสียหายขนาดนั้นสมมติรับซื้อเกวียนละ 15,000 บาท ขายไป 8,000 บาทก็น่าจะมีเงินเหลือ แต่ข้าวตันเดียวเวียนขายสองรอบก็เจ๊งแล้ว นี่คือการทุจริต น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะต้องไปตอบคำถามกับศาลไม่ใช่ตอบคำถามผ่านโซเชียล มีเดียหรือร้องแรกแหกกะเฌอ “หาก ทนายของนางยกเอาความที่นางโง่ ไม่รู้เรื่อง เป็นนอมินี เป็นหุ่นเชิด อยู่ในสภาพไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ เผลอๆนางอาจจะรอดก็ได้” ดังนี้....

คดีที่ศาลฏีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของนางสาวยิ่งลักษณ์ข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวงวดเข้ามาทุกขณะแล้วครับ สังเกตุได้จากการเคลื่อนไหวของตัวนางสาวยิ่งลักษณ์เอง และบรรดาบริษัท บริวารของนางออกมาเคลื่อนไหว

การออกมาเคลื่อนไหวของพวกเขาใช้วิธีเดิมๆ นั่นก็คือ ร้องแรกแหกกระเฌอ ว่าถูกกลั่นแกล้ง ไม่เป็นธรรม แถล แถ เถือกไปเรื่อย

ระหว่างที่ ปปช. พิจารณาก็บอกว่า ปปช. ไม่ฟังคำชี้แจง ให้เวลาชี้แจงน้อย

บรรดาขี้ข้าของนางส่วนหนึ่งเสนอให้นางไม่ยอมรับรู้ข้อกล่าวหา โดยหวังว่าจะอาศัยมวลชนที่ขนกันมาล้มมติ หรือการทำงานของ ปปช.

ขั้นตอนมาถึงอัยการก็เช่นเดียวกันดังได้กล่าวแล้ว

เรื่องไปถึงศาล แทนที่จะเน้นการต่อสู้ทางศาล เป็นต้นชี้แจงแสดงเหตุผลให้ศาลเห็นว่า ไม่ได้ละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรมกองต่างๆ อย่างเข้มงวดกวดขันอย่างไร

เปล่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็คือนางสาวยิ่งลักษณ์คนเดิม คือกระเปิ้บกระป้าบ ศาลถามอายุก็ยังตอบผิดๆถูกๆ

นี่ถ้าหาก ทนายของนางยกเอาความที่นางโง่ ไม่รู้เรื่อง เป็นนอมินี เป็นหุ่นเชิด อยู่ในสภาพไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ เผลอๆนางอาจจะรอดก็ได้

นางและบรรดาลิ่วล้อของนางสมัครใจที่จะต่อสู้ในประเด็นที่ว่า นางเป็นนายกรัฐมนตรี มาจากการเลือกตั้ง ระหว่างหาเสียงได้เสนอนโยบายประกันราคาข้าวตันละ 15,000 บาท เป็นที่ถูกอกถูกใจของประชาชน เมื่อบริหารประเทศก็ได้ใช้นโยบายดังกล่าว

นโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ดี เป็นนโยบายช่วยเหลือชาวนาที่เป็นคนยากคนจน การช่วยคนยากคนจนต้องไม่คิดถึงกำไรขาดทุน รัฐบาลที่ดำเนินการตามนโยบายต้องไม่มีความผิด

พวกเขาจะท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทองอย่างนี้

แต่สิ่งที่พวกเขาท่องกันนี้ไม่ใช่ประเด็นที่ศาลจะพิจารณา ประเด็นที่ศาลจะพิจารณาก็คือ นางสาวยิ่งลักษณ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตจริงหรือไม่จริง

รัฐบาลดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว ระหว่างที่ดำเนินการตามนโยบายนี้มีการทุจริตเกิดขึ้นไหม ที่ว่ากันว่า รับจำนำทุกเมล็ดข้าวในราคา 15,000 บาทต่อตันนั้น คนที่เอามาจำนำได้เงินครบไหม ได้ข้าวครบไหม ปล่อยให้ข้าวเขมร ข้าวพม่า หรือข้าวจากที่อื่นใดมาจำนำหรือไม่ ปริมาณข้าวครบไหม

ที่เน่าที่เสียไปเท่าไหร่โกดังไหน โรงสีไหน

ระหว่างดำเนินนโยบายนี้นายกรัฐมนตรี ประธานข้าวเอาใจใส่ขนาดไหน

มีหน่วยงานไหนออกมาเตือนบ้าง เตือนแล้วนางสาวยิ่งลักผษณ์เอาใจใส่ขนาดไหน หรือได้แต่แดะๆไปวันๆ

ศาลท่านก็ต้องรู้ละครับ ในฐานะ นายกรัฐมนตรีจะมานั่งเข้มงวด นับกระสอบข้าว นับติ้วที่กุลีแบกกระสอบ เป็นไปไม่ได้ดอก

แต่ขายข้าวรัฐบาลต่อรัฐบาล นี่สำคัญ

มีสัญญาจริงหรือเปล่า ส่งออกจริงไม่จริง

ไอ้อย่างนี้ดูออกครับว่าปล่อยปละละเลย หรือเผลอๆอาจจะรู้เห็นเป็นใจด้วย

นั่นเรื่องหนึ่งแล้วนะครับ

เรื่องที่สอง ว่ากันถึงความเสียหาย

ได้มีการประเมินความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว 5/6 แสนล้านบาท

ตัวเลขนี้มาจากงบประมาณที่ตั้งเอาไว้ สำหรับการรับจำนำ แล้วจ่ายไปกับการจำนำข้าว แต่ละงวด

ความจริงไม่น่าจะหมดเกลี้ยงหรือมากขนาดนี้ ถ้าไม่ทุจริตกันเสียจนเพลิน  เพราะจำนำถึงจะขาดทุนก็ยังพอมีเหลือ เช่นจ่ายไปตันละ 15,000 บาท ขายข้าวได้กลับมา 8,000 บาท แต่มันทุจริตข้าวตันเดียวเวียนขายสองรอบก็เจ๊งแล้ว.

หรือบอกว่า ขายให้รัฐบาลจีน แต่ไม่มีการขายจริง ข้าวจำนวนนั้นเวียนมาจำนำใหม่ก็เจ๊งบ้งแล้ว

ในที่สุดทางราชการก็เรียกเอาความเสียหายนั้นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง

ก่อนจะมีชื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ก็มีชื่อรัฐมนตรีพาณิชย์ ช่วยพาณิชย์ เลขารัฐมนตรี เป็นต้น นายบุญทรง เตรียาภิรมย์ นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วย นายวีระวัฒน์ วัจนะภุกกะ เลขาฯ นายมนัส สร้อยพรอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ฯลฯ

แล้วในที่สุดก็เรียกเอากับนางสาวยิ่งลักษณ์ 3 หมื่นล้านบาท

ไม่มีชื่อ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เพราะไอ้หมอนี่ไม่เกี่ยวกับข้าว มันเกี่ยวเฉพาะยางพารา แต่ที่เอาไปแถลงเรื่องข้าวเขาคิดว่ามันพูดเก่ง แต่ในที่สุดมันก็ไปไม่เป็น นั่งจิบลมในถ้วยน้ำชา เสียยังงั้น

เป็นการเรียกค่าเสียหายตาม พรบ. ว่าด้วยความผิดทางละเมิด พ. ศ. 2539

ขั้นตอนต่อไปก็คือ บรรดาคนที่ถูกเรียกเงินตาม พรบ. ที่ว่านี้ ถ้าจ่าย เรื่องก็จบในประเด็นนี้ แต่ถ้าไม่จ่าย คนเหล่านี้ก็ต้องร้องไปที่ศาลปกครอง

ศาลปกครองได้รับคำร้องหรือคำฟ้อง ก็พิจารณาคดี จะต้องจ่ายหรือไม่ต้องจ่าย

สู้กันถึงศาลปกครองสูงสุดครับ

ศาลปกครองสูงสุดว่ายังไงก็เป็นไปตามนั้น

สู้กันทางหน้าหนังสือพิมพ์ หรือ โซเซียลมีเดีย ไม่จบครับ

อย่างที่นายกรัฐมนตรีว่านั่นถูกแล้ว

ค่าเสียหายจากการจำนำข้าว 5/6 แสนล้าน ทำไมเรียเอากับนางสาวยิ่งลักษณ์ 3 หมื่นล้าน บุญทรง ภูมิ และข้าราชการอีกรวมแล้ว ไม่กี่พันล้าน ?

ผมเข้าใจว่าคงจะ พิจารณาจากการขายข้าว จีทูจี ที่จริงๆแล้วมันไม่ได้ส่งออก มันมีใครได้เจี๊ยะ ก็ต้องรับผิดชอบ เป็นตัวเลขเห็นๆ ชัดๆ

ข้อเท็จจริงเป็นประการใด รัฐบาลคงจะต้องชี้แจง หรือไม่ก็ต้องบอกศาลปกครอง

 ที่มา thaitribune




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2559    
Last Update : 30 ตุลาคม 2559 12:58:39 น.
Counter : 362 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.