จักรยานปฏิวัติเมือง รวมเรื่องของทางจักรยานและการออกแบบเมือง

เนเธอร์แลนด์ แดนสวรรค์ของจักรยาน ตอนที่ 1

เคยอ่านแต่ในเว็บ ในหนังสือ ในตำรา ว่าประเทศเนเธอร์แลนด์นั้น เป็นประเทศที่มีจักรยานจำนวนเท่าๆกับประชากร เป็นประเทศที่มีทางจักรยานที่ถือว่าสวยที่สุด เป็นประเทศที่ผู้คนนิยมที่จะขี่จักรยานมากกว่ารถยนต์ เป็นประเทศที่มีนโยบายการพัฒนาด้วยการทำให้รถยนต์ใช้งานสะดวกน้อยกว่าจักรยานและค่าใช้จ่ายก็สูงกว่าเพื่อคนจะได้ใช้จักรยานกันเยอะๆ

แล้วในที่สุดผมก็ได้มาเห็นกับตาตัวเองในแบบสามมิติ ได้ยินเสียง ได้กลิ่นของเมือง ไม่ใช่แค่อย่างที่เห็น หรือรับรู้เพียงแค่ภาพจำลองผ่านเทคโนโลยี โอ้ สวรรค์ ที่นี่มันช่างเป็นสุขาวดีสำหรับคนขี่จักรยานจริงๆ มองไปทางไหนก็มีแต่การอำนวยความสะดวกให้คนขี่จักรยานทั่วไปหมด




อยู่เมืองไทยจักรยานที่มีกระเป๋าใส่สัมภาระข้างหลังอย่างนี้เป็นอะไรที่ไม่ค่อยจะหาเจอได้ง่ายนัก แต่สำหรับบ้านนี้เมืองนี้แล้ว นี่คือภาพที่คุ้นตา และไม่ต้องใช้ความพยายามในการมองหาแต่อย่างใด ที่ไหนๆก็มีอยู่ทั่วไปหมด













นอกจากระบบขนส่งสาธารณะที่ดีเลิศแล้ว ประเทศนี้เค้ายังจัดลำดับให้คนขี่จักรยานเป็นการเดินทางที่สำคัญเป็นอันดับสองรองลงมาจากการเดินเท้าที่เค้าจะต้องอำนวยความสะดวกให้มากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าจะมองไปทางใดเราจะได้เห็นสภาพแวดล้อมของเมืองที่เอื้อต่อการเดินเท้า และขี่จักรยานเป็นอย่างมาก ใครที่เป็นคนชอบขี่จักรยานถ้าได้มาเหยียบที่ประเทศนี้แล้วรับรองว่ากว่าจะสะกดใจห้ามไม่ให้เคลิ้มไปกับบรรยากาศจนอยากจะขี่จักรยานนั้น ช่างแสนลำบากนัก

แต่หากลองสังเกตุดูบรรดาจักรยานของเค้าที่จอดเรียงรายมหาศาลตามด้านข้างของเส้นทางนั้น เราจะเห็นว่าจักรยานแต่ละคันนั้นไม่ใช่แบบกระป่อง บุโรทั่ง ราคาถูกอย่างที่พบได้ทั่วไป แต่มันเป็นจักรยานแบบมีสกุลรุนชาติเลยทีเดียว เป็นจักรยานที่เมื่อขึ้นไปขี่แล้วคนขี่ดุมีสง่าราศรีจริงๆ (อาจจะเป็นเพราะมันคันใหญ่ก็ได้)









เมกะโปรเจ็คของประเทศเล็กๆแต่ร่ำรวยและมีสติปัญญาประเทศนี้ครับ ลองดูในรายละเอียดดีๆนะครับ จะเห็นว่ามันคือที่จอดจักรยานใต้ดินครับ สร้างชนาดใหญ่โตมาก(คิดดูเถิดว่าจะรองรับจักรยานมากมายเพียงใด) เค้าเอามาโชว์ไว้บริเวณสถานที่ก่อสร้างอย่างภาคภูมิใจครับ แตกต่างกับโคราชบ้านผมเสียเหลือเกิน ที่กำลังถกเถียงกันเรื่องอุโมงค์ทางลอดสำหรับรถยนต์ ที่อยู่ดีๆกรมทางหลวงท่านก็กรุณาเอามายัดใส่มือชาวโคราช(โดยที่ไม่มีใครไปเรียกร้องให้ท่านเอามาเลย)ในงบประมาณสี่ร้อยล้านบาท เพื่อทำให้รถยนต์ที่ผ่านเมืองโคราชวันละกว่าแสนคันได้เดินทางสะดวก(คนโคราชจะข้ามถนนแล้วโดนรถชนตาย..ช่างหัวมัน...เสือกจนเอง)

ฝ่ายที่อยากได้ก็บอกว่าถ้ามีมันโคราชบ้านเราจะดูทันสมัยเหมือนกทม. เชียงใหม่ ขอนแก่นที่เค้ามีกันแล้ว ถ้าใครไม่เอาโครงการนี้พวกนั้นก็ไม่รักโคราช ฝ่ายที่ไม่อยากได้ก็บอกว่าเอามันมาแล้วชาวบ้านร้านช่องที่เคยอยู่ริมถนนเดิมเค้าจะอยู่กันอย่างไรหากรถยนต์มันวิ่งได้ไหลลื่นตลอดแนวหน้าบ้านเค้า แล้วใครจะมาจับจ่ายซื้อของ ผู้คนกลายเป็นแตกเป็นสองฝ่าย

แต่หากพินิจพิจารณาให้ดีจะเห็นประเด็นว่า คนที่ใช้รถยนต์และไม่มีส่วนในความเดือนร้อน(คือคนที่อยู่นอกพื้นที่)ก็จะยินดีไปกับโครงการนี้ โดยไม่ได้นึกพิจารณาว่า การเอาอุโมงค์ลอดของรถยนต์มาใส่ไว้กลางเมืองนั้น มันก็คือการฆาตกรรมวิถีชีวิตเดิมของเมืองนั่นเอง....เฮ้ออออ

เทคโนโลยีน่ะ ต่อให้มันซับซ้อนหรือว่าแพงอย่างไร มีเงินก็ซื้อหามาได้
แต่สติปัญญา ความระลึกรู้ถึงปัญหาร่วมกันของชาวเมืองนี่...........มันต้องให้การศึกษาสถานเดียวครับ

ว่าเรื่องเนเธอร์แลนด์อยู่ดีๆ ถเลไปถึงโคราชได้อย่างไรนี่ แต่เอาไว้มีโอกาสผมจะชำแหละเจ้าโครงการอุโมงค์ทางลอดของโคราชฝากไว้ในบล๊อคนี้ให้คนได้รู้เท่าทันกับเล่ห์กลของเจ้าชนเผ่านิยมรถยนต์กันสักหน่อย













สาระพัดรูปแบบของที่จอดจักรยานครับ ที่จอดจักรยานเหล่านี้จะอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟมากๆ เพียงแค่เดินไม่กี่ก้าวก็ไปถึงได้ เรียกว่าอำนวยความสะดวกให้คนขี่จักรยานมาใช้รถไฟได้แบบสุดๆ ส่วนใครมี่เอารถยนต์มาก็ไปหาที่จอดอื่น ที่อาจจะอยู่ไกลออกไป อย่างที่บอกล่ะครับประเทศนี้เค้าถือว่าถ้าหากคุณมีเงินมากพอที่จะเอาไปซื้อรถยนต์ คุณก็ต้องรับภาระในเรื่องของที่จอดที่อาจจะอยู่ไกลจากขนส่งสาธารณะ ค่าจอดรถที่แพงพอสมควร เส้นทางที่วกวนกว่าจักรยานกว่าจะถึงที่หมาย เพราะเค้ามีทางจักรยานและขนส่งสาธารณะที่ดีสะดวกให้แล้ว คุณไม่เลือกเอง ในขณะที่คนส่วนใหญ่เค้าเลือกจักรยาน ดังนั้นเมืองเค้าก็จะอำนวยความสะดวกให้เฉพาะคนส่วนใหญ่ ว่ากันว่าควีนส์ของประเทศนี้ยังใช้จักรยานในการเดินทางเลยครับ












ที่จอดจักรยานแบบไฮโซครับ ก็อยู่ใกล้ๆกันกับบรรดารูปภาพก่อนๆนั่นแหละครับ แต่เจ้าตัวนี้มันมีระบบควบคุมแบบไฮเทค ใช้ระบบรหัสดิจิตัลในการเปิดปิด โห...ไฮโซสุดๆ เข้าใจว่ามันจะเป็นจักรยานระบบเช่านะครับ








นี่สำหรับบรรดาจักรยานที่จอดเฉพาะตอนเช้า แล้วเจ้าของมาขี่กลับในตอนเย็นหลังเลิกงาน ส่วนใหญ่ก็คือจักรยานของผู้ที่อยู่อาศัยในย่านนี้ เรียกว่าจะทำงานอยู่ไกลแค่ไหนก็แค่ขี่จักรยานมาถึงสถานีรถไฟแล้วนั่งรถไฟไปที่ทำงาน เย็นก็กลับมาตามเส้นทางเดิม ขี่จักรยานกลับบ้าน ไม่ต้องเสียเงินไปผ่อนรถยนต์ไว้เดินทาง มีเงินเก็บเอามาผ่อนบ้านอยู่ได้ ถ้าบ้านเมืองเรานักเลือกตั้งเห็นแก่ตัวน้อยกว่านี้หน่อย และมีสติปัญญาพอสู้กับสากลเค้าได้สักนิด พวกเราหลายคนก็คงไม่ต้องมีรถยนต์ด้วยความจำเป็นในการเดินทางบังคับเช่นนี้กันหรอกครับ




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 6 พฤษภาคม 2552 11:06:24 น.   
Counter : 3708 Pageviews.  

ทางจักรยานในประเทศเยอรมัน ตอนจบ

จากบล๊อคที่แล้วผมพูดถึงเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับจักรยานมากกว่ารถยนต์ที่แตกต่างจากบ้านเราที่อำนวยความสะดวกทุกอย่างให้รถยนต์ เราก็เลยได้เมืองแบบเราๆ ที่ใครมีรถก็รู้สึกไปไหนมาไหนสะดวก ยิ่งใครมีรถแพงเท่าไร ก็รู้สึกว่าตนเองช่างประสบความสำเร็จ มีหน้าตาเหลือเกิน หารู้ไม่ว่าเราได้เสียโอกาสที่จะได้เมืองที่ดีๆ เดินไปไหนมาไหนได้ง่าย สะดวก และไม่มีมลพิษ หารู้ไม่ว่าเราต้องเสียงบประมาณแผ่นดินไปไม่รู้เท่าไรเพื่อแก้ปัญหาจราจร(ซึ่งเป็นปัญหาของคนที่มีรถเท่านั้น) ยิ่งอำนวยความสะดวกให้รถยนต์มากเท่าไร เราก็ยิ่งผลักภาระความยากลำบากให้กับคนที่เดินเท้าและขี่จักรยานมากเท่านั้น

บางคนบอกว่าประเทศเค้านั้นขี่จักรยานกันได้สิ เพราะเค้ามีระบบขนส่งมวลชนที่ดีนี่นา อย่ากล่าวเช่นนี้ครับเพราะนั่นมันคือคำแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆเพื่อที่จะไม่ให้รู้สึกว่าเราขาดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมืองเพื่อคนที่อยู่ในเมืองไม่ใช่เพื่อรถยนต์ แม้เราจะไม่มีระบบขนส่งมวลชนแต่ถ้าเราทำให้คนเดินเท้าหรือขี่จักรยานสะดวกด้วยการอำนวยความสะดวกให้แบบสุดโต่ง คนก็จะออกมาใช้งาน คนก็จะเดินกันมากขึ้น เมื่อนั้นเมืองเราก็จะน่าอยู่มากยิ่งขึ้น อย่าลืมนะครับว่าไม่ว่าคุณจะขับรถโรลสลอยคันละสี่สิบห้าล้านบาท แต่สุดท้ายคุณก็ต้องลงจากรถเพื่อเดินไปที่เป้าหมายที่ต้องการ นั่นก็คือไม่ว่าจะอย่างไรทุกคนก็ต้องมีโอกาสที่จะกลายเป็นคนเดินเท้า แล้วทำไมเราจึงลืมอำนวยความสะดวกให้กับคนเดินเท้าล่ะ?









เมื่อถนนไม่ใช่แค่ของรถยนต์เท่านั้น วิถีชีวิตเช่นนี้จึงเกิดขึ้น เด็กเล็กๆก็ใช้พื้นที่ถนนได้อย่างปลอดภัย เจ้าหนูคนนี้ท่าทางโตขึ้นจะเป็นนางแบบครับ เห็นผมเดินถ่ายรูปอยู่ ชีหันมาเรียกร้องความสนใจด้วยรอยยิ้มหวานปานนี้ ใครจะอดใจไม่ถ่ายรูปเธอได้เล่า?






เมื่อไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับถนน เมืองก็มีพื้นที่สำหรับเป็นสีเขียวให้กับเมืองเช่น สวนสาธารณะมากขึ้น เมืองที่ผมไปเยือนนี้มีสวนสาธารณะอยู่ติดกับชุมชน เด็กๆก็มีที่ว่างให้วิ่งเล่นกันสนุนสนาน








ความพิถีพิถันในการออกแบบชุมชนของเค้านั้นเห็นได้จากสองภาพนี้ครับ แรกทีเดียวผมก็เดินผ่านไปเฉยๆไม่ได้สนใจอะไร แต่ให้นึกเอะใจว่าทำไมถังขยะมันใบเล็กแล้วก็ตั้งเรียงรายกันแบบนี้ แต่จริงๆแล้วก็คือมันคือถังขยะใบโตแต่ออกแบบฝาหลอกว่าเป็นถังขยะใบเล็กๆ เวลามาเก็บกันทีก็ใช้รถยกยกถังขึ้นมา ด้านในจะเป็นขยะพวกที่รีไซเคิลได้ (สังเกตุจากตัวเดือยด้านบนสุดของถังขยะครับ)











เราคงจบเรื่องเส้นทางจักรยานในประเทศเยอรมันด้วยสามภาพสุดท้ายนี้ครับ ข้อสรุปจากสามภาพสุดท้ายนี้ก็คือ ประเทศเค้านั้นมีวัฒนธรรมการขี่จักรยานกันมายาวนานตั้งแต่สมัยที่เริ่มตั้งถิ่นฐาน ก่อนที่รถยนต์จะเข้ามา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จักรยานจะได้รับการยอมรับในการใช้งานมาตั้งแต่โบร่ำโบราณมาจนถึงปัจจุบันที่ผู้คนต่างก็ขี่จักรยานกันเป็นเรื่องปกติในวิถีการดำเนินชีวิต และด้วยนโยบายที่เข้มแข็งในการที่จะอนุรักษ์ชุมชนเก่าแก่เอาไว้ รถยนต์จึงขาดโอกาสที่จะเข้ามาครอบครองพื้นที่ในเมืองอย่างสมบูรณ์ได้เช่นในเมืองไทยของเรา เพราะเค้าไม่ยอมขยายถนนเพื่ออำนวยความสะดวกให้รถยนต์ เพราะเค้าไม่ยอมเสียพื้นที่เพื่อการจัดสวนในบ้านไปให้กับพื้นที่จอดรถยนต์ เพราะเค้ามองเห็นว่ารถยนต์ก็เป็นเพียงพาหนะหนึ่งที่ใช้สำหรับการเดินทางในระยะไกล การเดินทางในระยะไม่กี่กิโลเมตรในเมืองด้วยรถยนต์จึงเป็นเรื่องที่ไร้สาระเพราะระบบโครงข่ายเส้นทางจักรยานและทางเท้า รวมถึงรถรางที่กระจายอยู่รอบชุมชน ทำให้ประชากรมีทางเลือกในการเดินทางมากกว่าที่จะพึ่งพาแต่รถยนต์ประการเดียว




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 23:34:24 น.   
Counter : 1919 Pageviews.  

ทางจักรยานในประเทศเยอรมัน ตอนที่ 3/4 ภาครายละเอียด

จากป้ายบอกทางและที่จอดจักรยาน เรามาดูการอำนวยความสะดวกบริเวณทางแยกทางข้ามบนถนนกัน โดยส่วนใหญ่แล้วทางจักรยานของที่นี่จะกำหนดไว้ให้อยู่คู่กับทางเท้าที่คนเดินโดยมีสัญลักษณ์แยกจากกันชัดเจน ถ้าตรงไหนเป็นเลนจักรยานทางเท้าบริเวณนั้นก็จะปูซีเมนต์บล๊อคเป็นสีแดง แรกๆที่มาถึงผมก็ออกจะงงๆเหมือนกันว่าคนจะเดินกันอย่างไร แต่ดูๆชาวบ้านชาวเมืองเค้าก็ไม่เดือนร้อนอะไรกันนะครับ คงเป็นเพราะเค้ารู้กันหมดแล้วว่าส่วนใดเป็นทางสำหรับคนเดิน ส่วนใดเป็นทางสำหรับจักรยาน ต่างคนต่างเคารพในพื้นที่ของกันและกัน ส่วนกะเหรี่ยงอย่างผมที่เพิ่งเคยมาเหยียบแผ่นดินประเทศนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตก็นึกว่าทางเท้านี่สำหรับคนเดินอย่างเดียวเลยเผลอเดินล้ำเข้าไปในเลนจักรยานในช่วงแรกๆ แต่ภายหลังสังเกตุได้ก็เลยไม่ได้ปล่อยไก่อีก





นี่เป็นบริเวณทางข้ามของจักรยานครับ ทำเป็นพื้นผิวสีแดงเลย ให้เห็นกันชัดๆ คนขับรถก็จะต้องหยุดในระยะที่ห่างจากทางข้ามนี้ตามที่กำหนด



นี่ทางข้ามสำหรับคนเดินเท้าครับ จากในภาพจะมองไม่เห็นรถยนต์ที่จอดให้คนข้ามถนนเลย เพราะว่าเค้าจะมีเส้นกำหนดให้รถต้องหยุดตรงเส้นขาวนี้ห่างจากจุดที่เป็นทางข้ามประมาณสามถึงห้าเมตร บ้านเราก็มีนะครับเส้นขาวอย่างที่ว่านี่ แต่ว่าเรากำหนดไว้ใกล้กับทางม้าลายมากไปหน่อย คนส่วนใหญ่จึงมักจะไม่ค่อยให้ความสำคัญ (แต่ว่าตอนสอบรับใบขับขี่น่ะหยุดตรงไหน?) พวกเราที่ขับรถยนต์กันทั้งหลายมีใครเคยคิดจะหยุดตรงเส้นกันบ้างหรือเปล่าครับ เห็นบางรายแม้แต่ทางม้าลายยังหยุดทับไปเลย แค่เราพร้อมใจกันหยุดรถตรงเส้นขาวก็ช่วยให้เมืองมีระเบียบได้แล้วครับ ใครไม่ทำแต่เราทำกันก่อนเป็นคนแรกจะเป็นไรไป





ตลอดแนวของรางสำหรับรถราง เค้าก็จะจัดการปลูกหญ้าให้มันเขียวซะตลอดเส้น อะไรจะละเอียดกันได้ประมาณนั้น ดุแล้วน่านิยมในความพยายามที่จะหาอะไรสีเขียวมาใส่เมืองของเค้าเหลือเกิน ส่วนนักเลือกตั้งบ้านผม มันก็คิดกันแต่จะหาที่จอดรถเพิ่ม (กำลังจะเริ่มบ่นอีกแล้วครับ...ไม่เอา...ไม่พูดดีกว่า)




ที่จอดรถจักรยานในกรณีที่ติดไฟแดงครับ ดูแล้วมันทำยากมั้ยครับ แต่รับรองว่าถ้านำเสนอให้ผู้บริหารเมืองบ้านเราลองเอาไปทำ คำตอบหนึ่งกลับมาก็คือพื้นที่ถนนจะเสียไป คนจะไปจอดรถยนต์ตรงไหน(ถ้าเอาที่จอดรถออกแล้วใส่ทางจักรยานแทน) ครับ ถ้าคิดถึงแต่รถยนต์เป็นใหญ่ ก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นทางจักรยานในชาตินี้

สิ่งหนี่งที่ผมสังเกตุได้จากกรณีของเยอรมันก็คือ เส้นทางสำหรับรถยนต์ในพื้นที่เมืองส่วนใหญ่แล้วเค้าจะทำให้แค่เลนเดียว(เลนเดียวจริงๆ) เป็นเลนแคบๆแบบไม่สามารถที่จะแซงขึ้นมาจากด้านหลังได้ (คือถ้าจะแซงก็ต้องไปล้ำเขตทางของพาหนะอื่น) อย่างนึงที่เค้าได้ก็คือการจำกัดความเร็วของรถยนต์ แน่นอนเมื่อไม่สามารถเร่งแซงกันได้ รถยนต์ก็ต้องขับตามกันไป กลายเป็นความสะดวกของจักรยานที่สามารถที่จะขี่ได้อย่างปลอดภัยบนพื้นที่ถนน

แนวคิดแบบนี้สวนทางกันโดยสิ้นเชิงกับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารท้องถิ่นส่วนใหญ่ในประเทศไทย เพราะเห็นหาเสียงเลือกตั้งทีไรก็โฆษณากันแต่ว่าจะขยายถนนๆๆๆๆๆๆๆๆให้รถวิ่งได้สะดวก แล้วเราก็ได้เมืองของรถยนต์อย่างที่เห็นกันในทุกวันนี้




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 22:56:22 น.   
Counter : 1676 Pageviews.  

ทางจักรยานในประเทศเยอรมัน ตอนที่ 3/3 ภาครายละเอียด

ลองมาดูในรายละเอียดเกี่ยวกับองค์ประกอบเพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ประโยชน์เส้นทางหรือทางเดินเล็กๆ แคบๆ ริมแม่น้ำ ริมทางรถไฟ ให้กลายเป็นทางจักรยานกันนะครับ เผื่อว่าบางท้องถิ่นจะสนใจเอาไปปรับใช้กับพี้นที่ของตัวเอง ก็จะเป็นคุณูปการกับชาวบ้านทั่วไปที่ไม่มีเงินมากพอที่จะหาซื้อรถยนต์มาใช้บ้างน่ะครับ










นี่เป็นป้ายบอกเส้นทางสำหรับจักรยานครับ บอกว่าเส้นทางนี้ระยะทางอีกเท่าไร จะถึงจุดพัก จากตรงนี้ไปไหน ลักษณะของป้ายก็ไม่ได้มีเทคนิคซับซ้อนอะไรมากมาย ป้ายก็ป้ายเล็กๆไม่ใหญ่โตเหมือนป้ายบอกทางสำหรับรถยนต์เพราะการขี่จักรยานไม่ต้องใช้ความเร็วมาก อยากรู้ว่าจะไปทางไหนได้อย่างไรก็จอดดูป้ายได้ง่ายๆ ไม่เหมือนรถยนต์ที่ต้องทำป้ายขนาดใหญ่เพื่อให้ขับผ่านแล้วอ่านได้สะดวก











นี่ก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับเส้นทางจักรยานครับ ที่จอดจักรยาน ซึ่งการออกแบบที่จอดจักรยานนั้นอย่าไปนึกว่ามันจะเหมือนกับจอดมอเตอร์ไซด์นะครับ เพราะยานพาหนะทั้งสองนี้น้ำหนักมันผิดประเภทกัน จักรยานนั้นควรจะมีที่จอดที่อยู่ใกล้อาคารให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อเป็นการจูงใจให้คนหันมาใช้จักรยาน รูปแบบก็อย่างที่เห็นในภาพล่ะครับ จอดได้สองคันต่อเจ้าตัวที่จอดหนึ่งอัน ที่จอดจักรยานนั้นมีหลากหลายรูปแบบมากมายครับ บางครั้งหากเป็นที่จอดในย่านที่เป็นย่านธุรกิจหรือย่านการค้าของเมือง ที่จอดจักรยานก็จะถูกออกแบบให้ดูเหมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับพื้นที่ไปเลยทีเดียว






 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 22:28:49 น.   
Counter : 1880 Pageviews.  

ทางจักรยานในประเทศเยอรมัน ตอนที่ 3/2 ภาครายละเอียด

ไปเห็นตัวอย่างดีๆอย่างนี้มาแล้วรู้สึกว่าเลือดลมในกายมันเดือดปุดๆ อยากจะเอากลับมาทำที่เมืองไทยที่รักของผมเสียเหลือเกิน แต่ด้วยว่าหน้าที่หลักของผมคือการให้คำปรึกษาในการพัฒนาเมือง ไม่ใช่นักการเมืองที่มีหน้าที่ในการนำแนวคิดไปปฏิบัติ ดังนั้นผมจึงต้องเคารพในกรอบของหน้าที่ก็คือบอกไป บ่นไป ผ่านบล๊อคนี้ล่ะครับ ต้องขออภัยผู้อ่านบางท่านด้วยที่อาจจะรู้สึกว่ามันจะด่านักการเมืองหรือบ่นแต่ข้อด้อยของประเทศเกิดมันอะไรนักหนา ที่บ่นที่ด่ามานี่ก็เพราะด้วยความใจร้อนอยากได้อยากมีดีๆอย่างเค้า เพื่อจุดสุดท้ายก็คือประเทศเราจะได้ไม่น้อยหน้าใครไงครับ...ซึ่งผมยืนยันว่าเราทำได้..และทำได้เดี๋ยวนี้ด้วย..เพียงแต่ว่าในวันนี้นักการเมืองที่เป็นผู้บริหารเมืองยังไม่เคารพในหน้าที่ของตัวเอง...แทนที่จะหาแนวคิดจากคนที่ศึกษาและเชี่ยวชาญเฉพาะทาง กลับลืมตัวว่าตัวเองแน่และรู้ดีทำไปตามที่ตัวเองอยากได้ จนหลายๆเมืองต้องสูญเสียอะไรที่ดีๆไปโดยความโอหังและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของนักการเมืองสายพันธ์ุนี้ล่ะครับ

ผมคิด ผมวิจัย ผมค้นคว้า ผมศึกษา แล้วสร้างแนวทางการพัฒนาเมือง
คุณ(นักการเมือง ผู้บริหารเมือง)เอาไปทำให้เป็นรูปธรรม แล้วถ้ามันมีข้อด้อย มีอุปสรรคอะไร นั่นก็คือเนื้อหาและความรู้ที่เราจะได้กลับมาเพื่อสร้างแนวทางพัฒนาที่เป็นของเราเองต่อไป.....แค่นี้เองครับ ไม่ใช่อะไรพอบอกไปทีไร ก็ย้อนกลับมาว่ามันทำไม่ได้หรอก มันเป็นอุดมคติเกินไป บลาๆๆๆๆๆ....อย่างนี้ก็สงสารคนที่เลือกนักเลือกตั้งเหล่านี้เข้ามาครับ.....นั่นว่าจะบ่นน้อยๆแล้วเชียว สงสัยปีนี้คงเป็นปีที่ผมแก่ไปเยอะกว่าทุกๆปี....ฮ่าๆๆๆๆ




เส้นทางเล็กๆอย่างที่เห็นนี่แหละครับ คือเป็นเส้นทางจักรยานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ อบต. เทศบาลต่างๆ ที่มีเส้นทางคล้ายๆนี้ เพียงแค่เอาองค์ประกอบอำนวยความสะดวกสำหรับการขี่จักรยาน พวกป้ายบอกทาง พวกที่จอดต่างๆเช้าไปใส่ เท่านี้เราก็ได้เส้นทางจักรยานแล้วครับ บ้านเรามีทางแบบนี้เยอะแยะ เลียบตามคลองส่งน้ำบ้าง ตามแม่น้ำบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ไปขยายมันให้ใหญ่แล้วก็ราดยางกลายเป็นถนนใหญ่ไปเสีย ผู้บริหารก็ได้ผลงานว่าทำถนนให้แล้วนะ ชาวบ้านก็ชื่นชมว่าบ้านตูมีถนนผ่านแล้วนาเว้ย(หารู้ไม่ว่ามันมาพร้อมกับรถยนต์จากข้างนอกอีกมหาศาล..แล้วชีวิตเค้าก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป) แต่ที่เยอรมันนี่เค้าให้มีความกว้างไว้แค่นี้ครับ แล้วก็เส้นทางแบบนี้จะพบเห็นได้ทั่วไปในประเทศนี้ อย่างที่ผมเคยเล่าไว้ตั้งแต่ตอนแรกน่ะครับว่าเค้ามีนโยบายที่จะทำให้เป็นโครงข่ายกันทั้งประเทศ







นี่แหละครับหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกที่ผมกล่าวถึง บันไดขึ้นลง ก็ต้องมีไม้แผ่นนึงพาดไว้ทั้งสองด้าน ประโยชน์ของเจ้าไม้แผ่นนี้ก็คือเป็นที่วางล้อจักรยานสำหรับการเข็นขึ้นลงบันไดไงครับ บ้านเราพอจะทำได้มั้ยครับ..แน่นอน...ทำได้อยู่แล้ว(แต่ไม่ทำ?)






เมื่อมีเส้นทางดีๆอย่างนี้ คนก็ออกมาขี่จักรยาน ออกมาวิ่งออกกำลัง ออกมาเดินเล่น ดูน่าอิจฉาในวิถีชีวิตเค้านะครับ ทั้งๆที่อากาศก็แสนจะหนาวเหน็บ(สังเกตุจากเสื้อผ้าที่เค้าใส่กันนะครับ) นี่ถ้าเป็นบ้านเรามีเส้นทางดีๆแบบนี้ เราจะสบายกว่าคนเยอรมันขนาดไหนเพราะอากาศบ้านเราจะหนาวอย่างไรก็ไม่มีทางหนาวเหน็บประมาณว่าอุณหภูมิเป็นเลขตัวเดียวอย่างเค้าหรอก แต่ต้องนับถือคนชาตินี้เค้าจริงๆ เค้าช่างชอบการออกกำลังกันจริงๆ แต่ลองคิดในมุมกลับมันอาจจะเป็นเพราะเค้ามีสิ่งอำนวยความสะดวกให้อยากออกกำลังต่างหาก

ท่านนายกเทศมนตรีครับ ท่านนายกอบต.ครับ ทำให้คนที่ลงคะแนนให้ท่านหน่อยได้มั๊ยครับ




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2552   
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 22:09:55 น.   
Counter : 1085 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  

bicycleman
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




บุคคลหนึ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร วันหนึ่งค้นพบว่าเรากำลังตกอยู่ในอิทธิพลของเจ้าเครื่องจักรบริโภคน้ำมันที่ชื่อว่ารถยนต์ จนหลงลืมทำลายเมืองและวิถีวัฒนธรรมเพื่ออำนวยความสะดวกให้มัน ตั้งแต่นั้นก็มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติเมืองด้วยจักรยาน จึงสร้างบล็อคนี้มาเพื่อหาแนวร่วม
[Add bicycleman's blog to your web]