จักรยานปฏิวัติเมือง รวมเรื่องของทางจักรยานและการออกแบบเมือง

เนเธอร์แลนด์แดนสวรรค์ของจักรยาน ตอนที่2 (ภาคต่อที่รอเวลานานมากกกกกกกกก)

กว่าจะได้เขียนตอนสองผมก็ทิ้งเวลาเนิ่นนานจากตอนหนึ่งมาประมาณสองสามเดือน รู้สึกตัวอีกเป็นครั้งที่ห้าร้อยสามสิบสองว่าผลัดวันประกันพรุ่งอีกแล้วเรา

มาว่ากันต่อถึงแดนสวรรค์ของจักรยานกันต่อดีกว่าครับ ก่อนอื่นก็ต้องทำความเข้าใจกับผุ้ที่ผ่านมาพบเห็นข้อความนี้เสียก่อนครับว่า ขัอความและภาพที่ปรากฏในบล๊อคนี้ มิได้มีจุดประสงค์ที่จะโอ้อวดอัตตาของผุ้เขียนว่าข้าพเจ้าเคยไปเมืองนอกเมืองนามาแต่อย่างใด แต่วัตถุประสงค์หลักก็คืออยากเอาภาพมาเล่าให้คนผ่านทางมาเจอจะได้รู้จักว่าเมืองนั้นมันพัฒนาด้วยแนวคิดพึ่งพาจักรยานก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอะไรๆก็รถยนต์สะดวกอย่างที่พวกนักเลือกตั้งหัวสี่เหลี่ยมชอบคิดกัน อย่างน้อยก็จะได้คนที่มีความรุ้เท่าและรู้ทันพวกนักเลือกตั้งเหล่านี้บ้าง บ้านเมืองเราจะได้มีอะไรดีๆให้ลูกหลานได้ดูกัน

ตลอดเวลาที่ผมได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้นั้น มันเหมือนคนที่ได้เห็นบ่อน้ำกลางทะเลทราย ดื่มกินอย่างไรก็ไม่รู้จักอิ่ม ไม่ว่าจะมองไปทางไหนทิศทางใด ก็เห็นแต่จักรยานๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ้แม่เจ้า สงสารแต่ก็เจ้ากล้องคู่ใจผมนี่แหละที่ต้องทำงานตั้งแต่เก้าโมงเช้าจนถึงสี่ทุ่ม ถ่ายกันเป็นชอทต่อเนื่องแบบแทบจะทุกนาที(กะว่ายังไงได้มาทั้งทีต้องตุนไว้เยอะๆ)









ภาพแรกนั้นคือป้ายบอกทางสำหรับจักรยานครับ เป็นป้ายเล็กๆไม่ใหญ่โตอะไร เพราะว่าจักรยานนั้นใช้ความเร็วต่ำ ยังไงก็ต้องมองหรือสังเกตเห็นจะบอกว่าทางนี้ไปไหนทางโน้นไปไหนเป็นภาษาดัทช์ครับ ไม่ค่อยมีภาษาอังกฤษด้วยว่าเค้าเองก็คงทะนงตัวว่าฉันก็เป็นชาติมีอารยธรรมไม่แพ้อังกฤษเรื่องไรฉันต้องใช้ภาษาแกด้วยประมาณนั้นมั้ง ส่วนเจ้าป้ายกลมๆสีน้ำเงินก็ทำเป็นรูปจักรยานกับมอเตอร์ไซด์ ความหมายก็คือใช้เส้นทางร่วมกันได้ เท่าที่สังเกตุก็เห็นรถมอเตอร์ไซด์น้อยเต็มที ถ้าเป็นบ้านเราคงจะยากที่จะเอามอเตอร์ไซด์มาใช้ร่วมกับทางจักรยานเพราะบ้านเรานั้นปริมาณมอเตอร์ไซด์มันมากกว่าจักรยานมหาศาลนัก

ภาพต่อๆมาก็เป็นมุมกว้างของเส้นทางนี้นะครับ เนื่องจากว่าบริเวณที่ผมถ่ายภาพนี้มันเป็นย่านที่เค้ากำลังปรับปรุงบูรณะใหม่จากที่ว่างเดิมๆต่อไปก็จะกลายเป็นชุมชน เค้าก็เลยมีการวางระบบถนนเอาไว้ก่อน เราจะเห็นถนนสายหลักที่เป็นเส้นแนวนอนนั่นคือสำหรับให้รถยนต์วิ่งได้ครับ ส่วนเส้นอื่นๆที่เข้ามาแตะอย่างที่เห็นในภาพสังเกตว่าจะมีเสาเตี้ยๆต้นนึงโผล่ขึ้นตรงกลาง ก็เพื่อเป็นอุปสรรคกันไม่ให้รถยนต์ใช้เป็นทางลัดครับ อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่าประเทศนี้เค้าอำนวยความสะดวกให้จักรยานเป็นที่หนึ่งก่อนเสมอครับ ประชากรในบ้านเมืองเค้าก็เลยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสอย่างเจ้าพวกเด็กๆวัยรุ่นที่ผมถ่ายภาพมานี่แหละครับ อากาศเดือนมีนาคมซึ่งเป็นช่วงกำลังจะเข้าหน้าร้อนของเค้าครับ แต่ความหนาวยังสะท้านได้ใจอยู่(สังเกตจากการแต่งกายครับ)










สามรูปต่อมานี่คือทางจักรยานในบริเวณใกล้ๆกันกับสี่รูปแรกครับ ด้านซ้ายมือนั้นจะเป็นถนนสองเลนครับ ไปกับสวนมาแล้วก็จะมีการทำเป็นริ้วสีเขียวเล็กๆคั่นระหว่างถนนกับทางสีแดงในภาพนั่นคือทางจักรยานครับแล้วพื้นที่ืที่เหลือก็คือทางเท้าสำหรับคนเดินเท้าทั่วไป ผมรักประเทศนี้ก็ตรงวิธีคิดของเค้านี่แหละครับ คือเค้าให้พื้นที่กับคนที่ไม่มีรถยนต์นี่เกือบจะเท่าๆกับถนนสองเลนทีเดียว บ้านเราลองไปหาดูซิครับว่ามีที่ไหนในประเทศไทยบ้างที่ไหล่ถนนมันมีพอให้คนเดินสวนกันได้สะดวก








ข้างๆถนนก็เป็นที่ว่างบ้างเป็นบ้านบ้าง ย่านนี้ยังดูเป็นชานเมืองอยู่ครับ มีการเลี้ยงม้าด้วย ไม่น่าเชื่อว่าพ้นชานเมืองนี้ไปอีกนิดเดียวก็เป็นตัวเมืองแล้ว







สองภาพนี้เป็นทางจักรยานริมถนนอีกเหมือนกัน จะเห็นว่าเค้าทำทางจักรยานเอาไว้ริมถนนด้านเดียวแต่ทำกว้างพอที่จะขี่สวนกันได้ แล้วก็ยังมีขอบกันระหว่างถนนกับทางจักรยานอีกเพื่อป้องกันไม่ให้รถยนต์ลักไก่เข้ามาใช้พื้นที่จักรยาน ไอเดียนี้เคยนำเสนอนักเลือกตั้งบ้านเรา เค้าบอกว่ามันอันตรายเดี๋ยวคนขับรถยนต์จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย(ดูมันคิดเถอะ) และให้ดูที่ขนาดของถนนนั้นจะเรียกว่าแคบพอควรทีเดียวคือหนึ่งเลนก็คือหนึ่งเลนจริงๆไม่เหลือพื้นที่ให้จอดหรือให้ฉวยโอกาสแซงได้เลย รถยนต์ก็เลยต้องขับด้วยความระมัดระวังตรงตามความต้องการของประเทศเค้า












สี่ภาพสุดท้ายนี้คือบริเวณที่ถนนสองสายมาตัดกันเป็นทางแยกครับ ถ่ายมาเพื่อให้เห็นภาพว่าเค้าทำระบบอำนวยความสะดวกให้กับคนขี่จักรยาน คนเดินเท้า บริเวณทางแยกทางข้ามอย่างไร จะเห็นผู้หญิงใส่เสื้อโค้ทสีแดงแล้วยืนอยู่กับเสาเตี้ยๆลายขาวดำนั่นคือเสาสำหรับกดสัญญาณเพื่อให้ไฟจราจรทำงานในกรณีที่มีคนจะข้ามถนน ส่วนไอ้ถนนกว้างๆที่อยู่ด้านหลังเธอนั้นมันคือทางจักรยานนะครับ(ดูจากป้ายสีน้ำเงิน)ไม่ใช่ถนนสำหรับรถยนต์ แต่ที่เห็นมีรถยนต์จอดอยู่นั่นเพราะว่าพอดีว่าตรงนั้นมันมีการก่อสร้างก็เลยมีคนลักไก่เอารถยนต์เข้าไปจอดด้วย เมื่อเธอกดปุ่มสักพักก็จะได้สัญญาณอนุญาตให้ข้ามอย่างที่เห็นในภาพต่อมา


Create Date : 09 สิงหาคม 2552
Last Update : 9 สิงหาคม 2552 23:14:22 น. 3 comments
Counter : 1999 Pageviews.  

 
บ้านเมืองเค้าสะอาดจัง.......................


โดย: band IP: 118.173.25.162 วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:11:12:57 น.  

 
สวัสดีค่ะตอนนี้ดิฉันอยู่เนเธอร์แลนด์ และเห็นด้วยกับท่านเจ้าของบล๊อกค่ะว่าที่เขามีวิธิคิดได้น่าทึ่งมาก และเมืองที่ดิฉันอยู่ ก็ยังคงรักษาธรรมชาติเอาไว้ได้เป็นอย่างดีค่ะ(สวยมากๆ) ยกตัวอย่างค่ะ ถ้าตัดต้นไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต นี่ผิดกฏหมายค่ะ แต่เท่าที่เห็นส่วนใหญ่คนที่นี่จะอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมค่ะ เขาจะตัดต้นไม้ในป่าที่ได้รับสัมปทานจากรัฐเท่านั้นซึ่งก็เป็นพวกไม้สนค่ะที่ใช้ทำฟืน และจะตัดเฉพาะต้นที่มีอายุที่สมควรตัดได้แล้วเท่านั้น เฮ้อ ถ้าบ้านเราได้แบบนี้บ้างก็ดีเนอะ แต่ถึงจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็ยังรักเมืองไทยค่ะ


โดย: แม่บ้านฮอลแลนด์ IP: 87.208.13.219 วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:16:21:00 น.  

 
ในภาพนี้ยังไม่ไม่ค่อยสวยงามนัก ดิชั้นดูจาก google map ค่ะ สวยมาก ดูสะอาดา อยากให้เมืองไทยเป็นแบบนี้บ้าง
ถ้าขืนเราใช้จักยานบนถนน แบบเค้า ตายอย่างเดี่ย แบนค่ะ แบน ไปเที่ยวกับแผนที่ ที่เพื่อนทางโน้นส่งมาให้ที่เมืองไทย
นังดู ตังไม่เสีย หมาไม่เห่า เยี่ยมชมทุกบ้านเลย อิอิ

กำลังจะไปเที่ยว หนึ่งเดือน ในกรกฏาคม 54 นี้ ค่ะ เพื่อนพิเศษ ตื่นเต้น เตรียม ทั้งบัตรคอนเสิตร์ และจักรยานไว้ให้เสร็จสรรพ


โดย: คนที่เริ่มรักฮอนแลนด์ IP: 124.120.53.58 วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:21:04:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

bicycleman
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




บุคคลหนึ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร วันหนึ่งค้นพบว่าเรากำลังตกอยู่ในอิทธิพลของเจ้าเครื่องจักรบริโภคน้ำมันที่ชื่อว่ารถยนต์ จนหลงลืมทำลายเมืองและวิถีวัฒนธรรมเพื่ออำนวยความสะดวกให้มัน ตั้งแต่นั้นก็มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติเมืองด้วยจักรยาน จึงสร้างบล็อคนี้มาเพื่อหาแนวร่วม
[Add bicycleman's blog to your web]