|
|
ทางจักรยานในประเทศเยอรมัน ตอนจบ
จากบล๊อคที่แล้วผมพูดถึงเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับจักรยานมากกว่ารถยนต์ที่แตกต่างจากบ้านเราที่อำนวยความสะดวกทุกอย่างให้รถยนต์ เราก็เลยได้เมืองแบบเราๆ ที่ใครมีรถก็รู้สึกไปไหนมาไหนสะดวก ยิ่งใครมีรถแพงเท่าไร ก็รู้สึกว่าตนเองช่างประสบความสำเร็จ มีหน้าตาเหลือเกิน หารู้ไม่ว่าเราได้เสียโอกาสที่จะได้เมืองที่ดีๆ เดินไปไหนมาไหนได้ง่าย สะดวก และไม่มีมลพิษ หารู้ไม่ว่าเราต้องเสียงบประมาณแผ่นดินไปไม่รู้เท่าไรเพื่อแก้ปัญหาจราจร(ซึ่งเป็นปัญหาของคนที่มีรถเท่านั้น) ยิ่งอำนวยความสะดวกให้รถยนต์มากเท่าไร เราก็ยิ่งผลักภาระความยากลำบากให้กับคนที่เดินเท้าและขี่จักรยานมากเท่านั้น
บางคนบอกว่าประเทศเค้านั้นขี่จักรยานกันได้สิ เพราะเค้ามีระบบขนส่งมวลชนที่ดีนี่นา อย่ากล่าวเช่นนี้ครับเพราะนั่นมันคือคำแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆเพื่อที่จะไม่ให้รู้สึกว่าเราขาดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมืองเพื่อคนที่อยู่ในเมืองไม่ใช่เพื่อรถยนต์ แม้เราจะไม่มีระบบขนส่งมวลชนแต่ถ้าเราทำให้คนเดินเท้าหรือขี่จักรยานสะดวกด้วยการอำนวยความสะดวกให้แบบสุดโต่ง คนก็จะออกมาใช้งาน คนก็จะเดินกันมากขึ้น เมื่อนั้นเมืองเราก็จะน่าอยู่มากยิ่งขึ้น อย่าลืมนะครับว่าไม่ว่าคุณจะขับรถโรลสลอยคันละสี่สิบห้าล้านบาท แต่สุดท้ายคุณก็ต้องลงจากรถเพื่อเดินไปที่เป้าหมายที่ต้องการ นั่นก็คือไม่ว่าจะอย่างไรทุกคนก็ต้องมีโอกาสที่จะกลายเป็นคนเดินเท้า แล้วทำไมเราจึงลืมอำนวยความสะดวกให้กับคนเดินเท้าล่ะ?
เมื่อถนนไม่ใช่แค่ของรถยนต์เท่านั้น วิถีชีวิตเช่นนี้จึงเกิดขึ้น เด็กเล็กๆก็ใช้พื้นที่ถนนได้อย่างปลอดภัย เจ้าหนูคนนี้ท่าทางโตขึ้นจะเป็นนางแบบครับ เห็นผมเดินถ่ายรูปอยู่ ชีหันมาเรียกร้องความสนใจด้วยรอยยิ้มหวานปานนี้ ใครจะอดใจไม่ถ่ายรูปเธอได้เล่า?
เมื่อไม่ต้องเสียพื้นที่ให้กับถนน เมืองก็มีพื้นที่สำหรับเป็นสีเขียวให้กับเมืองเช่น สวนสาธารณะมากขึ้น เมืองที่ผมไปเยือนนี้มีสวนสาธารณะอยู่ติดกับชุมชน เด็กๆก็มีที่ว่างให้วิ่งเล่นกันสนุนสนาน
ความพิถีพิถันในการออกแบบชุมชนของเค้านั้นเห็นได้จากสองภาพนี้ครับ แรกทีเดียวผมก็เดินผ่านไปเฉยๆไม่ได้สนใจอะไร แต่ให้นึกเอะใจว่าทำไมถังขยะมันใบเล็กแล้วก็ตั้งเรียงรายกันแบบนี้ แต่จริงๆแล้วก็คือมันคือถังขยะใบโตแต่ออกแบบฝาหลอกว่าเป็นถังขยะใบเล็กๆ เวลามาเก็บกันทีก็ใช้รถยกยกถังขึ้นมา ด้านในจะเป็นขยะพวกที่รีไซเคิลได้ (สังเกตุจากตัวเดือยด้านบนสุดของถังขยะครับ)
เราคงจบเรื่องเส้นทางจักรยานในประเทศเยอรมันด้วยสามภาพสุดท้ายนี้ครับ ข้อสรุปจากสามภาพสุดท้ายนี้ก็คือ ประเทศเค้านั้นมีวัฒนธรรมการขี่จักรยานกันมายาวนานตั้งแต่สมัยที่เริ่มตั้งถิ่นฐาน ก่อนที่รถยนต์จะเข้ามา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จักรยานจะได้รับการยอมรับในการใช้งานมาตั้งแต่โบร่ำโบราณมาจนถึงปัจจุบันที่ผู้คนต่างก็ขี่จักรยานกันเป็นเรื่องปกติในวิถีการดำเนินชีวิต และด้วยนโยบายที่เข้มแข็งในการที่จะอนุรักษ์ชุมชนเก่าแก่เอาไว้ รถยนต์จึงขาดโอกาสที่จะเข้ามาครอบครองพื้นที่ในเมืองอย่างสมบูรณ์ได้เช่นในเมืองไทยของเรา เพราะเค้าไม่ยอมขยายถนนเพื่ออำนวยความสะดวกให้รถยนต์ เพราะเค้าไม่ยอมเสียพื้นที่เพื่อการจัดสวนในบ้านไปให้กับพื้นที่จอดรถยนต์ เพราะเค้ามองเห็นว่ารถยนต์ก็เป็นเพียงพาหนะหนึ่งที่ใช้สำหรับการเดินทางในระยะไกล การเดินทางในระยะไม่กี่กิโลเมตรในเมืองด้วยรถยนต์จึงเป็นเรื่องที่ไร้สาระเพราะระบบโครงข่ายเส้นทางจักรยานและทางเท้า รวมถึงรถรางที่กระจายอยู่รอบชุมชน ทำให้ประชากรมีทางเลือกในการเดินทางมากกว่าที่จะพึ่งพาแต่รถยนต์ประการเดียว
Create Date : 01 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 1 พฤษภาคม 2552 23:34:24 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1957 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: Pool IP: 114.128.15.189 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:54:54 น. |
|
|
|
โดย: ann IP: 124.122.84.21 วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:51:41 น. |
|
|
|
โดย: ทีมงานรายการสารคดีการเดินทาง IP: 58.8.225.68 วันที่: 11 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:32:35 น. |
|
|
|
| |
|
|
bicycleman |
|
|
|
Location :
นครราชสีมา Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]
|
บุคคลหนึ่งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร วันหนึ่งค้นพบว่าเรากำลังตกอยู่ในอิทธิพลของเจ้าเครื่องจักรบริโภคน้ำมันที่ชื่อว่ารถยนต์ จนหลงลืมทำลายเมืองและวิถีวัฒนธรรมเพื่ออำนวยความสะดวกให้มัน ตั้งแต่นั้นก็มุ่งมั่นที่จะปฏิวัติเมืองด้วยจักรยาน จึงสร้างบล็อคนี้มาเพื่อหาแนวร่วม
|
|
|
ขอเป็นแนวร่วมรณรงค์การใช้จักรยานอีกเสียงหนึ่ง
เข้าไปเยี่ยมชมเว็บจักรยานของผมที่ //www.bkbike.com ได้เสมอ ยินดีต้อนรับครับ