งานชิ้นก่อนนี้ของจางอี้โหมวคือ The Road home และ Not one less ซึ่งหากยังจำกันได้ก็จะเห็นถึงเจตนารมณ์ของผู้กำกับในภาพยนตร์สองเรื่องก่อนนั้น ที่พยายามเน้นถึงความสำคัญของการศึกษา ใน Hero นี้ก็เช่นกัน ( โดยเฉพาะฉากสีแดงในโรงเรียนประดิษฐ์อักษรและฉากห้องสมุด ) จางอี้โหมวยกย่องความเฉลียวฉลาดและปัญญาในระดับที่ลึกซึ้ง ( ที่ย่อมต้องมาจากการศึกษา ) ว่าเป็นเสมือนอาวุธในการต่อสู้ที่นำมาซึ่งชัยชนะได้เสมอ
(แอบถาม) ใช่วิธีไหน ในการหาภาพประกอบครับ
ดูหนังแล้วกดเซฟเอาหรอ? ทำยังไงสอนมั้งนะครับ วันไหนเขียนถึงหนังผมจะได้ทำมั้ง ^^
เข้าเรื่อง...
เรื่องการเปรียบกองตำราที่ล้มคือชีวิตประชาชนนี่
พออ่านจากบทความแล้วคิดตามแล้ว
ในสายตาของไร้นาม ผมกลับคิดว่า เขาเปรียบถึงด้วยฝีมือดาบของเขา
บวกกับถ้างานนี้สำเร็จ ตำราที้ล้มเกลื่อนน่าจะเปรียบได้กับชีวิตของประชาชนที่จะรอดตายจากน้ำมือของสงครามที่ฉินจะก่อต่อไปจนกว่าจะรวมประเทศได้
แต่ในสายตาของกระบี่หักอาจจะเป็นตรงกันข้าม
เขาไม่ต้องการให้งานนี้สำเร็จ(กระบี่หักตัวจริงนะไม่ใช่ในจินตนาการของฉินอ๋อง)
ตำราที้ล้มลงคงเปรียบได้กับ ชีวิตประชาชนที่ต้องสังเวยให้สงครามที่ยืดเยื้อระหว่างรัฐหากฉินอ๋องล้มเหลวในการรวมอำนาจ
(ฉากแทงพู่กันก็ด้วย การแทงเพียง 1 เล่มจากทั้งหมด
เหมือนกันๆร้นามยึดเอาความคิด(ความแค้น)ของตัวเองเพียง 1 เดียว
ไม่สนใจชะตากรรมของพู่กันที่เหลือว่าจะเป็นเช่นไร...เอ...นี่ผมคิดมากไปไหมเนี่ย -*-)
ฉากซับน้ำ(จากทะเลสาบ)ที่กระเด็นไปถูกหิมะเหินนี่
อ่านจากบทความนี้ ผมคิดว่ามันคงจะเปรียบเหมือน กระบี่หักเข้าใจความต้องการของหิมะเหินดี
ที่อยากจะร่วมเสียสละในงานนี้ ตนจึงให้ความสำคัญกับอารมณ์โศกเศร้า(เช็ดน้ำตา)
มากกว่าการแก้แค้น(หันไปตอบโต้ไร้นามที่พุ่งเข้ามาหา) ในจุดนี้การต่อสู้จึงจบลงตรงที่ไร้เหตุผลให้ต่อกร
ชอบตอนที่หิมะเหินขอแรงไร้นามช่วยสกัดกระบี่หัก...โดนใจ...
แต่ที่โดนใจกว่าคือฉากเก็บดาบของไร้นามที่เก็บเข้าฝักที่พาดอยู่ที่หลัง ชิ้ง!! อย่างเท่ เราไปทำเองนี่คงแทงหลังตัวเองตาย 555+
โทนขาวของไร้นามนี่ เหมือนจะเป็นการดูอะไรที่เด็ดขาด
เหมือนที่คุณเขียนในตอนแรก คือดำจัดกับขาวสะอาดไปเลย
ไร้นามมองในมุมที่ตนเป็นฝ่ายขาวคือถูกต้อง ภารกิจนี้ในความคิดของเขาจึงถือว่าชอบธรรม
แต่กระบี่หักใช้โทนเขียว มองในแง่ของการเข้าใจในธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต(โดยเฉพาะมนุษย์)
เขารู้ว่าความสุขของคนเราเกิดขึ้นง่ายๆ อย่างที่เขาต้องการแค่การไปอาศัยอยู่กับคนรักในบ้านเกิด
ชอบประเด็นที่ฉินอ๋องปลาบปลื้มที่กระบี่หัก นักฆ่าที่ตนประกาศจับเข้าใจในเจตจำนงค์ของตนเอง
ดูแล้วปลื้มแทนเลย คือคนทั้งโลกจะว่าฉินอ๋องโหดและเคียดแค้นยังไงก็ตาม
แต่ก็มีคนที่ยังเข้าใจในเจตนาของเขา ที่ปลื้มจัดคือ คนๆนั้นกลับเป็นคนที่เขาต้องการฆ่าหัว...
การตรวจสอบด้วยมือเปล่าจึงไม่อาจที่จะล่วงรู้ถึงอาวุธแห่งปัญญานั้นได้
ประโยคนี้โดนครับ โดนไม่แพ้กระบี่ 3 ขั้นในหนังเลย
ฉากหิมะเหินพลั้งมือนี่...เศร้าเกินครับ ดูกี่ทีก็แบบว่าจะเศร้าไปไหน ยังเศร้าได้อีก ประมาณนั้น -*-
อ่านจนขอยกมือยืนยันว่าหนังเรื่องนี้คือ งานศิลปะที่ทรงภูมิปัญญาอย่างแท้จริง"
และขอยกนิ้วให้กับบทความดีๆ ทั้ง 2 ตอนที่ทรงคุณค่าเปี่ยมภูมิปัญญาในการวิเคราะห์และการนำสนอไม่แพ้กัน