....OUR FAMILY'S JOURNEY....

มีความรู้สึกที่ดีมากๆ...เมื่ออ่านเรื่องนี้


มีความรู้สึกที่ดีมากๆ.....
เมื่ออ่านเรื่องนี้




ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ ของฉันมีกัน จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด

ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"

พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า

"ผมขโมยเองครับ"

ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย พ่อนั่งลงบนเก้าอี้และด่าว่าน้องชายของฉัน "ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"

คืนนั้นฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย กลางดึกคืนนั้นฉันนอนร้องไห้เสียงดังและนานมาก น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า "พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"

ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ หลายปีผ่านไปแต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...







เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

คืนนั้นพ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ"

แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อได้พูดว่า "แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"

ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อแล้วพูดว่า "ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"

พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่ "ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"

คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า "ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"

แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้ ใครจะรู้ได้ ....... วันต่อมาในตอนเช้ามืด น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน ขณะฉันกำลังหลับ

"พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ..ผมจะไปหางานทำ..แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"

ฉันนั่งอยู่บนเตียง อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ....... ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี .....

ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหามที่ไซท์ก​่อสร้างท่าเรือ ....... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ" ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???

ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่ ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง .. ฉันถามเขาว่า "ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"

น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ
ก็ได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"

ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ "พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"

จากนั้นน้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ เขาติดกิ๊บให้ฉันแล้วพูดว่า "ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"

ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี







วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่า หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า "แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"

แม่ยิ้มแล้วพูดว่า "แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"

ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม" ฉันถาม

"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ และ..."

น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด เพราะฉันหันหน้าหนีเขา น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง "เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ" ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...







หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน.. แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง แต่เมื่อออกไปแล้ว ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป เขาบอกกับฉันว่า "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"

สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

วันหนึ่งน้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า "ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!! ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้ ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"

คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา "พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"

น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย ฉันบอกกับน้องว่า "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."

" ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ" น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...







เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า " ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"

น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" ..... และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้ "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล

เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ นับจากวันนั้นผมสาบานกับตัวเองว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี และจะทำดีกับเธอ"

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก "ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ" ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้ น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง

จงรักและห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ วันในชีวิตของคุณและเขา คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จักก็ตาม






ปล.(ปี 2007) ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท น้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า " ซัมซุง" และเรื่องราวของท่านทั้ง 2 คนกำลังถูกนำมาสร้างเป็นซี่รี่ย์ โดยดาราเล็กๆ คนคือ ซอง เฮ เคียว และ ลี ดอง ฮุคครับ



บู มิง ฮอง
เล่าเรื่อง
ภาพ : จากเวบ (ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง) .






ผมลงเรื่องนี้ แม้หลายๆคนเคยอ่านมาแล้ว เพราะ

ผมมีความรู้สึกที่ดีเมื่ออ่านเรื่องนี้ทุกครั้ง...

ขณะที่บ้านเมืองแยกเขา แยกเรา... ผมอยากให้ทุกคนได้อ่านอีกรอบ...

และสุดท้าย ขณะที่หลายคนกำลังท้อแท้...อยากให้ได้อ่านเรื่องนี้เพื่อจะได้มีกำลังใจในการต่อสู้ครับ.

ด้วยรัก

นาย wicsir






__________END__________








 

Create Date : 07 ตุลาคม 2553
37 comments
Last Update : 22 มิถุนายน 2557 20:13:35 น.
Counter : 1501 Pageviews.

 

อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยค่ะ..
ขอบคุณที่นำเรื่องราวดี ๆ มาฝากกันนะคะ

 

โดย: i'm not superman 7 ตุลาคม 2553 8:24:46 น.  

 

ประทับใจมาก ๆ

 

โดย: แมวถุงทอง IP: 10.0.4.33, 202.143.128.35 7 ตุลาคม 2553 8:43:30 น.  

 

สวัสดีค่ะ..

อ่านเรื่องนี้ทีไรก็น้ำตาชึมทุกที
เข้าใจความรักของพี่น้องเลยค่ะ
น้องชายหนึ่งก็ประมาณนี้ล่ะ
แม้จะไม่มากมายเท่านี้
แต่ก็รับรู้ได้ถึงความรักที่น้องชายมีให้ค่ะ

 

โดย: chenyuye 7 ตุลาคม 2553 8:55:46 น.  

 



อ่านอีกครั้ง .. ก็ยังรู้สึกดีเสมอเลยค่ะ

 

โดย: d__d (มัชชาร ) 7 ตุลาคม 2553 9:25:00 น.  

 

สวัสดียามสายๆค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปทักทายที่ -5° Ice Bar ค่ะ
ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะค่ะ

 

โดย: iamorange 7 ตุลาคม 2553 9:57:04 น.  

 

มอร์นิ่งค่ะ คุณ wicsir
ไม่แน่ใจว่าเคยอ่านรึยัง
แต่อ่านแล้วอินตาม น้ำตาซึมค่ะ
ตอนแรกแอบโกรธพี่สาวอยู่ในใจ
เอ..ทำไมไม่เคยทำอะไรเพื่อน้องเลยนะ เป็นพี่เค้าแท้ๆ
มาถึงบางอ้อตอนท้าย อิอิ
คนเราถ้ารักกันได้อย่างนี้มากๆก็คงจะดีอ่ะนะคะ

 

โดย: nLatte 7 ตุลาคม 2553 10:03:37 น.  

 

สวัสดีค่ะ

รู้สึกดีจริงๆ

แวะมาทักทายค่ะ

 

โดย: LoveTurJang 7 ตุลาคม 2553 10:39:49 น.  

 

อ่านแล้วร้องไห้เลยค่ะ คิดถึงน้องชายที่เขาจากไปโดยไม่มีวันกลับค่ะ

 

โดย: อาร์ทตัวแม่ IP: 117.47.131.253 7 ตุลาคม 2553 11:00:30 น.  

 

ผมเพิ่งอ่านเป็นครั้งแรก อ่านแล้วก็น้ำตาซึม
เพราะผมอายุ ๗๙ ปี และน้องสาวอายุ อ่อนกว่า ๔ ปี
แม้จะไม่มีชีวิตที่สูงส่ง แต่เราก็รักกันมากครับ.

 

โดย: เจียวต้าย 7 ตุลาคม 2553 11:26:59 น.  

 

น่าประทับใจจริงๆๆค่ะ

 

โดย: kwan_3023 7 ตุลาคม 2553 12:08:14 น.  

 

อ่านแล้วก็น้ำตาซึมทุกทีค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 7 ตุลาคม 2553 15:53:20 น.  

 

สบายดีค่ะ ขอบคุณค่ะ

เสียดายไม่ได้แวะทานของอร่อยที่โคราชนะคะ มาอยู่นี่ก็น้ำหนักเพิ่ม 15 กิโลค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 7 ตุลาคม 2553 16:25:59 น.  

 

เคยอ่านแล้ว แต่อ่านอีกทีก็ยังซึ้ง

บางทีพวกฟอร์เวิร์ดเมล์ ก็ใช่จะมีแต่อะไรที่ไร้สาระเนอะ

 

โดย: babyL' 7 ตุลาคม 2553 17:12:30 น.  

 

เคยมีคนส่งเมลล์มาให้ แต่อ่านทีไรก็น้ำตาไหลทุกทีเหมือนกัน
เรากับพี่น้องเหมือนจะไม่ค่อยรักกัน แต่พอเราป่วยหนัก เราถึงได้รู้ว่า จริง ๆ ทุกคนล้วนรักเราทั้งนั้น แค่ไม่ได้แสดงออก ตอนนี้อยู่กันคนละที ถ้าคิดถึงก็โทรบอกเลยว่าฉันคิดถึงนะ

 

โดย: magic-women 7 ตุลาคม 2553 18:19:43 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


หลับฝันดีจ้าคุณวิก เรื่องนี้ยาวซะ

 

โดย: หอมกร 7 ตุลาคม 2553 21:29:48 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณ wicsir วาเพิ่งได้อ่านครั้งแรกเลยค่ะ
เรื่องราวดี ดีน่าประทับใจแบบนี้
เป็นแนวทางให้หลายๆคน ในความรูสึกที่กำลังแย่ๆนะคะ
สำหรับคนที่กำลังรู้สึกดีดีก็ซึ้งไปด้วยค่ะ


 

โดย: Sweety-around-the-world 7 ตุลาคม 2553 22:51:38 น.  

 









อ่านแล้วคิดถึงพี่สาวตัวเองเหมือนกันค่ะพี่อ๊อด ถ้าไม่มีเค้าอ้อก็คงไม่มีวันนี้เหมือนกัน

นอนหลับฝันดีค่ะ

 

โดย: thainurse@norway 8 ตุลาคม 2553 1:25:24 น.  

 



สวัสดียามเช้าค่ะ^^



 

โดย: d__d (มัชชาร ) 8 ตุลาคม 2553 5:51:15 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวัสดีเช้าวันศุกร์
ยิ้มรับความสุขที่มีด้วยกันทุกวันค่ะคุณ wicsir

ฝิ่นเป็นพี่สาวคนโต มีน้องสาวอีกหนึ่งคนเป็นคนเล็ก
เราอายุห่างกันสิบปี
ตอนเล็ก ๆ ฝิ่นเป็นคนดูแลเขา
แต่ตอนนี้เติบโตและทำงานกันแล้ว
น้องสาวกลายเป็นคนดูแลพี่สาวตลอด
นี่คือความห่วงใยที่อยู่ใกล้ตัวเราจริง ๆ ค่ะ

 

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว 8 ตุลาคม 2553 6:50:28 น.  

 

ขอบคุณมากค่ะ

 

โดย: magic-women 8 ตุลาคม 2553 8:40:34 น.  

 

หวัดดีครับ
เรื่องนี้ผมอ่านเป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ
สองครั้งอ่านจากเพื่อนบล๊อกแก๊ง "ในความอ่อนไหว"

 

โดย: เศษเสี้ยว 8 ตุลาคม 2553 8:50:04 น.  

 

สวัสดี ยามเย็นคร้าฟ

แวะมาทักทายยยย จร้า อิอิ

 

โดย: boyalonejang 8 ตุลาคม 2553 18:20:02 น.  

 


สวัสดีวันสุกร์ค่ะคุณ wicsir
วันหยุดนี้ได้พักบ้างแล้วนะคะ
หาจังหวะเช็คสุขภาพด้วยนะคะ



 

โดย: Sweety-around-the-world 8 ตุลาคม 2553 21:20:58 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


แวะมาทักทายกันวันศุกร์จ้า
จากบล็อกพูดเหมือนรู้ข้อมูลเบื้องลึกนะคุณวิก

 

โดย: หอมกร 8 ตุลาคม 2553 23:46:01 น.  

 



สวัสดียามเช้าค่ะ
ดี.มารับไปเย็บถุงผ้าด้วยกันค่ะ

 

โดย: d__d (มัชชาร ) 9 ตุลาคม 2553 4:45:49 น.  

 



ช่วงนี้ดี.เข้าบล็อกเช้าค่ะ
แต่ตื่นเช้านี่เป็นปกติ
เดี๋ยวเสร็จเทศกาล
ยังไม่ปรากฏตัวที่บล็อกเหมือนเดิมค่ะ

 

โดย: d__d (มัชชาร ) 9 ตุลาคม 2553 5:22:10 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


แวะมาทักทายกันวันหยุดจ้าคุณวิก

 

โดย: หอมกร 9 ตุลาคม 2553 7:05:33 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ค่ะ สดชื่นแจ่มใสรับวันหยุดนะคะ..

 

โดย: i'm not superman 9 ตุลาคม 2553 8:55:44 น.  

 

เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้เป็นครั้งแรก
ประทับใจกับความรักและความเอาใจใส่ต่อกันของน้องที่มีต่อพี่มาก
ถ้าโลกนี้มีคนอย่างนี้มากๆ คงจะทำให้ชีวิตสงบสุขขึ้นอีกเยอะ
ค่ะ


 

โดย: addsiripun 9 ตุลาคม 2553 10:29:52 น.  

 

ประทับใจ และรู้สึกดีมาก ๆ คะที่ได้อ่านเรื่องนี้

 

โดย: Rinsa Yoyolive 9 ตุลาคม 2553 13:37:38 น.  

 

ิขอบคุณคร้าฟ ที่แวะไปทักทายกันคร้าฟ


แวะมาทักทาย ยาม ดึกๆ นะคร้าฟ

 

โดย: boyalonejang 9 ตุลาคม 2553 21:59:09 น.  

 



สวัสดียามเช้าค่ะ
ดี.มารับไป ..
มองเรา .. มองโลกค่ะ

 

โดย: d__d (มัชชาร ) 10 ตุลาคม 2553 4:31:33 น.  

 

ประทับใจมากค่ะ
อ่านแล้วนึกถึงพี่ชาย เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว จำได้ว่าสมัยนั้น
พ่อพาลูกสองคนนั่งรถจิ๊บซึ่งสมัยนั้นรถจิ๊บจะโล่งๆ สองคนพี่น้อง
นั่งเบาะหลัง วันนั้นเป็นทางขึ้นเขาและมีฝนตกหนักมาก พี่ชายกลัว
น้องเปียกฝน กอดน้องและถอดเสื้อของเขาคลุมให้น้องกลัวน้องจะ
เปียก กลัวน้องไม่สบาย น้องสาวจำได้จนทุกวันนี้ และไม่เคยลืมพี่
ที่แสนดีคนนี้เลย...
ขอบคุณ...ที่ทำให้นึกถึงพี่ชายที่แสนดีของตัวเองค่ะ

 

โดย: Dangjarunun 10 ตุลาคม 2553 8:54:46 น.  

 



ทักทายเช้าวันหยุดค่ะ คุณ wicsir
และขอบคุณที่ไปเจิมบล๊อคให้ยุ้ยด้วยนะค้า

วันนี้พักผ่อนมีความสุขมากมายนะคะ
HappY SundaY ka !!

 

โดย: nLatte 10 ตุลาคม 2553 9:42:19 น.  

 

ดีจังค่ะที่คุณwicsir ค่อนข้างโอเคแล้ว
รู้ว่าเป็นอะไรยังไงก็สบายใจขึ้นนะคะ
สุขสันต์วันหยุดค่ะ
คุณwicsir คงได้พักผ่อนบ้างนะคะ


 

โดย: Sweety-around-the-world 10 ตุลาคม 2553 14:04:12 น.  

 

อ่านกี่ครั้ง น้ำตาก็ยังคงซึมเหมือนเดิมค่ะ......

คุณ wicsir สบายดีนะคะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมกันเสมอค่ะ...

 

โดย: น้ำค้างเดือนหก 10 ตุลาคม 2553 21:35:16 น.  

 



สวัสดียามเช้าค่ะ
วันนี้ดี.มารับไปคลายโลกร้อน .. ด้วยธรรมะนะคะ

 

โดย: d__d (มัชชาร ) 11 ตุลาคม 2553 4:43:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
7 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.