"The single best way to grow a better brain is through challenging problem solving." - Eric Jensen (1998), Teaching with the Brain in Mind
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
20 กรกฏาคม 2549
 
All Blogs
 

น้ำมันแพง

20 ก.ค. 2549



จริงๆ แล้ว ผมอยากจะจั่วหัวว่า น้ำมันแพง...บหาย แต่ก็ต้องสงวนไว้เพื่อความเหมาะสม

ผมรู้สึกไม่ค่อยประทับใจในการรับมือกับปัญหาน้ำมันแพงของภาครัฐบ้านเราสักเท่าไร ที่ทำได้แต่ชักชวนให้คนไทยหันไปใช้ก๊าซโซฮอล์ที่ราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว หรือหันไปใช้ก๊าซธรรมชาติแทนน้ำมันเบนซินเสียเลย โดยให้เหตุผลว่าราคาถูกกว่าและผลิตได้เองในประเทศไทย

สิ่งที่ภาครัฐทำนั้นไม่ผิดหรอกครับ เหตุผลที่ให้ก็ไม่ผิด แต่ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ทำนั้นมันยังน้อยเกินไป และไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง



ก่อนที่จะบ่นต่อไป ต้องขออธิบายคร่าวๆ เท่าที่พอจะมีความรู้อยู่บ้างว่า แนวทางการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานนั้นมีอยู่ 2 แนวทางใหญ่ๆ คือ การใช้พลังงานทดแทนที่ราคาถูกกว่า และการอนุรักษ์พลังงาน

การใช้พลังงานทดแทนก็หมายความตรงตัวเลย ก็คือ การหาพลังงานรูปแบบอื่นๆ มาใช้แทนพลังงานรูปแบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลในการหาพลังงานทดแทนว่าเป็นเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องของค่าใช้จ่าย ก็จะต้องหาพลังงานที่ราคาถูกกว่ามาใช้แทน ตัวอย่างก็เช่น การเชิญชวนให้ประชาชนหันไปใช้ก๊าซโซฮอล์หรือก๊าซธรรมชาติแทนน้ำมันเบนซินอย่างที่บ้านเรากำลังทำกันอยู่

ส่วนเหตุผลอื่นก็อาจจะเป็นเพราะว่า พลังงานรูปแบบที่ใช้อยู่สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม หรือพลังงานรูปแบบที่ใช้อยู่กำลังจะหมดไปจากโลกนี้แล้วในไม่ช้า เช่น เชื้อเพลิงประเภทฟอสซิลอันได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ ฯลฯ ซึ่งกำลังจะหมดไปในหลักสิบปี ก็เลยต้องมีการเตรียมการหาพลังงานชนิดอื่นมาใช้แทน โดยอาจจะเป็นพลังงานหมุนเวียน ซึ่งหมายถึงพลังงานที่สามารถสร้างขึ้นใหม่ทดแทนได้ภายในเวลาไม่นานนัก ได้แก่ พลังงานชีวภาพจากพืชและสัตว์ทั้งหลาย ทั้งถ่านไม้ ฟืน ไบโอดีเซล ก๊าซชีวภาพ ฯลฯ หรืออาจจะเป็นพลังงานที่จะหมดไปก็ต่อเมื่อโลกและจักรวาลล่มสลายไปแล้ว ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานจากคลื่นในทะเล ฯลฯ แต่พลังงานเหล่านี้ยังมีปัญหาในเรื่องต้นทุนที่ยังคงสูงกว่าพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ค่อนข้างมาก

ที่น่าสงสารก็คือ แทนที่ภาครัฐจะให้การสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ เพื่อให้มีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นที่จะทำให้สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนเหล่านี้ได้ในราคาที่ถูกลง ก็กลับไม่ได้ทำกันอย่างจริงจัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะงานวิจัยมันไม่เห็นกำไรอยู่ตรงหน้าเหมือนกับการโปรยงบประมาณแล้วได้คะแนนเสียงกลับมาหรือเปล่า

มาถึงอีกแนวทางหนึ่งในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานคือ การอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งก็ยังสามารถมองแยกย่อยลงไปได้เป็น 2 ส่วนอีก คือ การประหยัดพลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

การประหยัดพลังงานนั้นคงเข้าใจกันดีอยู่แล้ว เคยใช้พลังงานอยู่เท่าไร ก็ใช้ให้น้อยลง ค่าใช้จ่ายก็จะน้อยลงตามไปด้วย

ส่วนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้น พูดง่ายๆ ก็คือ การใช้พลังงานให้คุ้มค่าที่สุด เคยใส่พลังงานเข้าไป 100 แล้วได้ประโยชน์ออกมา 30 ก็ต้องมานั่งคิดว่า จะทำอย่างไรจึงจะได้ประโยชน์ออกมามากกว่า 30 หรือทำอย่างไรจึงจะลดการสูญเสียให้น้อยกว่า 70 ได้

ยกตัวอย่างเช่น แอร์ขนาด 1 ตัน กินไฟประมาณ 1 กิโลวัตต์หรือ 1,000 วัตต์ ถ้าเป็นการใช้งานโดยทั่วไปก็ไม่มีอะไร ป้อนไฟเข้าไป 1 กิโลวัตต์ ก็จะทำความเย็นได้ 1 ตัน แต่ถ้าคิดจะใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก็อาจจะเดินท่อน้ำประปาไปพันรอบคอมเพรสเซอร์หรือคอยล์ร้อนที่อยู่นอกห้อง แล้วก็วนกลับเข้ามาใช้เป็นน้ำอุ่นในห้องน้ำ อย่างนี้ เรายังคงใช้ไฟ 1 กิโลวัตต์เท่าเดิม แต่เราจะได้น้ำอุ่นเพิ่มขึ้นมาด้วยนอกเหนือจากการทำความเย็น 1 ตันที่ได้อยู่ตามปกติ หลายท่านก็คงจะเคยเห็นโรงแรมบางแห่งทำน้ำอุ่นด้วยวิธีนี้มาแล้ว



กลับมาบ่นเรื่องน้ำมันแพงต่อ ที่ผมบอกว่าภาครัฐแก้ปัญหาน้อยเกินไป หรือไม่ได้แก้ตรงจุดสักเท่าไรนั้น ก็เพราะว่าการชักชวนให้ประชาชนหันไปใช้ก๊าซโซฮอล์หรือก๊าซธรรมชาตินั้น เป็นการมุ่งไปที่การลดค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ได้เป็นการลดปริมาณการใช้พลังงานอย่างแท้จริงแต่อย่างใด ไม่แน่ใจว่ากลัวตัวเลขทางเศรษฐกิจจะลดลงหรือเปล่าหากคนไทยใช้น้ำมันกันน้อยลง ประเดี๋ยวค่า GDP ซึ่งรัฐบาลยุคนี้ยึดเป็นสรณะจะต่ำลง แล้วจะคุยไม่ได้ว่าเศรษฐกิจยังดีอยู่

สมมติว่าผมมองโลกในแง่ร้ายเกินไป จริงๆ แล้วภาครัฐต้องการจะลดปริมาณการใช้พลังงานให้น้อยลงด้วย แล้วจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ประชาชนใช้น้ำมันกันน้อยลง

ในทางเจาะลึกลงไปที่ตัวประชาชน ก็ต้องให้ความรู้สิครับ อยากให้ประเทศไทยเป็นสังคมฐานความรู้ก็ต้องให้ความรู้ จะต้องทำอย่างไรบ้างเพื่อให้รถกินน้ำมันน้อยลง เช่น ต้องตรวจสอบความดันลมยางเป็นประจำ ต้องไม่ขับรถลากเกียร์ ต้องไม่ขับรถเร็วเกินไป ต้องไม่บรรทุกสิ่งของเกินความจำเป็น ฯลฯ ก็ประชาสัมพันธ์กันเข้าไปให้หนัก

แต่ขอสักทีเถอะครับ เวลาประชาสัมพันธ์ก็ให้เน้นที่ข้อมูลเป็นหลัก ไม่ใช่มัวแต่มาห่วงว่าจะต้องทำเป็นละครสั้นๆ ให้มีตลกปนด้วยจะได้ไม่เครียด หรือจะต้องแต่งเป็นเพลงตลกๆ ให้ร้องให้จำกัน มันจะกลายเป็นเรื่องไร้สาระหรือไม่จริงจังไปเสียเปล่าๆ แล้วก็จะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรตามมาเลย

เอาอย่างการประชาสัมพันธ์เรื่องความปลอดภัยเมื่อสมัยก่อนอย่างชุด "ระวัง! อย่ามองข้ามความปลอดภัย" ก็เข้าทีดี ตรงประเด็น ไม่บ้าๆ บอๆ ด้วย หรือจะให้มีบรรยากาศคลายเครียดพอประมาณก็อย่างชุดที่ให้ช่วยกันประหยัดน้ำมันที่ออกโทรทัศน์อยู่เรื่อยๆ ที่มีคุณดาแกขนเครื่องเพชรเสียเต็มรถ หรือนักซิ่งหัวตั้งที่โดนกับดักหนูหนีบเท้านั่นก็ได้ บ้าๆ บอๆ บ้าง แต่ก็ตรงประเด็นชัดเจนดี

นอกจากนี้ ภาครัฐก็ต้องสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังและจริงใจ จะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีให้รถกินน้ำมันน้อยลง หรือจะสร้างรถที่ใช้พลังงานอย่างอื่นที่ไม่ใช่น้ำมัน เช่น หันไปใช้เซลล์เชื้อเพลิงแทน ก็ว่ากันไป

แล้วในภาพรวมระดับประเทศจะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้สมศักดิ์ศรีของความเป็นภาครัฐที่ควรจะแก้ปัญหาในระดับมหภาคให้เกิดผลเป็นรูปธรรมจับต้องได้ มากกว่าการสร้างกระแสทางการตลาดเป็นครั้งคราวอย่างการรณรงค์ให้พับนกกระดาษ (แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้?) หรือการกินไก่โชว์ที่สนามหลวงออกโทรทัศน์ (แก้ปัญหาความหวาดกลัวไข้หวัดนก?)

การค่อยๆ ปรับผังเมืองหรือการจัดโซนนิ่งก็ช่วยได้ พื้นที่ไหนที่จะกำหนดให้เป็นย่านที่อยู่อาศัย ย่านธุรกิจพาณิชย์ ย่านอุตสาหกรรม ก็ค่อยๆ ทยอยปรับกันไป ในเมื่อเราไม่ได้วางผังเมืองกันตั้งแต่แรก ก็ต้องเริ่มจากการงดสร้างของใหม่แล้วก็ค่อยๆ ย้ายของเก่าออกไป ทิศทางของการจราจรก็จะเป็นระเบียบมากขึ้น ไม่ใช่ว่าไปถนนไหนก็เห็นรถครบทุกประเภท ทั้งจักรยาน ทั้งซาเล้ง ทั้งมอเตอร์ไซค์ ทั้งรถเก๋ง รถเมล์ รถบรรทุก วิ่งสวนกันไปมาให้ขวักไขว่ไปหมด พอการจราจรเป็นไปแบบมีทิศทาง เป็นเวลา ไม่มั่ว ก็ควบคุมให้ไหลไปได้ง่ายขึ้น หรือถ้าติดขัดขึ้นมา ก็สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว น้ำมันที่จะถูกเผาทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์จากการที่รถติดก็จะลดลง

การปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนให้ดี เพื่อให้คนใช้รถส่วนตัวน้อยลง ก็เป็นเรื่องของการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพโดยตรงเลยทีเดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมสงสัยจนทุกวันนี้ว่า ทำไมถึงไม่สร้างรถไฟฟ้าออกชานเมืองกรุงเทพฯ ตั้งแต่แรก สร้างก็ง่ายกว่า เร็วกว่า เพราะถ้าไม่สร้างลอยฟ้า ก็สร้างบนดินได้เลย แต่นี่กลับไปพยายามขุดดินลึกๆ ในใจกลางกรุงเทพฯ ก่อน ทั้งยาก ทั้งช้า แล้วก็รับคนได้แค่กระจุกเดียวในใจกลางเมืองเท่านั้น

ถามว่ารถไฟฟ้าในใจกลางเมืองจำเป็นหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าจำเป็นล่ะครับ แต่ก็น่าจะทำให้กับชานเมืองไปพร้อมๆ กันด้วย

ถ้าเรามองกรุงเทพฯ ก็จะเห็นชานเมืองใน 3 ทิศหลักๆ ด้วยกัน ก็คือ ทางตะวันออก ที่ออกไปสำโรง บางนา จนถึงปากน้ำ ทางเหนือ ที่ออกไปถึงบางเขน ดอนเมือง และรังสิต และทางตะวันตก ที่ออกไปบางแค หนองแขม จนถึงอ้อมใหญ่

อย่างผมอยู่หนองแขม ผมก็เห็นรถเมล์สาย 84 ที่วิ่งระหว่างอ้อมใหญ่กับคลองสาน จะรถร้อนหรือรถเย็น กี่คันๆ ก็แน่นหมด ขยับเข้าไปอีกนิดก็รถสาย 7 ที่วิ่งระหว่างคลองขวางกับหัวลำโพง กี่คันๆ ก็แน่นหมดเหมือนกัน

รถที่วิ่งไปบางนาหรือปากน้ำ จะทางด่วนหรือไม่ทางด่วน ผมก็เห็นยืนเบียดกันแน่นทุกสาย แถมยังต้องมีรถตู้มาช่วยเสริมอีกหลายต่อหลายสาย เช่นเดียวกับรถที่วิ่งไปทางดอนเมืองหรือรังสิต

ถ้าจะบอกว่าสร้างให้คนในใจกลางเมืองก่อนเพราะเป็นย่านธุรกิจสำคัญ ประกอบกับคนมีกำลังซื้อมากกว่า ก็ถูกครับ แต่ถ้าจะบอกว่าสร้างออกชานเมืองแล้วจะขาดทุนเพราะคนมีกำลังซื้อน้อยกว่า ผมว่าไม่ใช่ครับ จริงอยู่ที่คนส่วนหนึ่งคงจะจ่ายค่ารถไฟฟ้าวันละ 60 ถึง 80 บาทไม่ไหว คนส่วนนั้นก็คงจะใช้รถเมล์ต่อไป แต่คนอีกส่วนหนึ่งที่ขับรถส่วนตัวเข้าไปทำงานหรือไปส่งลูกที่โรงเรียนในเมืองตอนเช้า แล้วกลับออกมานอกเมืองในตอนเย็นนั้น มีจำนวนไม่น้อยหรอกครับ ผมว่าคนส่วนนี้มีกำลังซื้อมากพอสมควร ทำ Park-and-Ride แถวชานเมืองให้ห่างออกมาหน่อย แล้วก็ให้รถไฟฟ้าวิ่งออกมาไกลหน่อย ผมว่าเขาน่าจะเลือกใช้รถไฟฟ้ามากกว่าที่จะต้องไปเครียดและตื่นแต่เช้ามืดเพื่อขับรถด้วยตัวเอง

อย่าง Park-and-Ride ที่จตุจักร (ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็น Park-and-Ride แห่งเดียวที่มีอยู่) ผมก็ยังคิดว่ามันอยู่ใกล้เมืองเกินไป กว่าจะเข้าไปถึงก็ต้องฝ่ารถติดให้ประสาทเสียก่อนอยู่ดี

ผมว่ารถไฟฟ้าชานเมืองไม่ขาดทุนหรอกครับ ที่ไม่สร้างน่าจะเป็นเหตุผลอย่างอื่น เช่น เหตุผลทางการเมือง หรือผลประโยชน์ไม่ลงตัวเสียมากกว่า



ผมว่าภาครัฐทุกยุคทุกสมัย ถ้ามีความจริงใจในการแก้ปัญหาน้ำมันแพงก็คงจะพอรับมือกันไหว วิกฤติการณ์น้ำมันโลกเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1973 (พ.ศ. 2516) ก็ตั้ง 30 กว่าปีมาแล้ว ครั้งนั้นเป็นการส่งสัญญาณให้ทั่วโลกตื่นตัวกันหมดในการหาพลังงานทดแทนน้ำมันและพัฒนาเทคโนโลยีการอนุรักษ์พลังงาน ส่วนบ้านเราก็เรื่อยๆ เฉื่อยๆ ทะเลาะกันเองเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวกันไป แล้วก็รอให้คนอื่นเขาคิด เสร็จแล้วเราก็ค่อยไปซื้อเขามาตามวิสัยของคนไทย ป่านนี้ก็เลยยังไปไม่ถึงไหน

ยิ่งภาครัฐออกโทรทัศน์กล่าวชื่นชมพระราชอัจฉริยภาพของในหลวง ที่ทรงเล็งเห็นการณ์ไกล ค้นคว้าวิจัยเรื่องพลังงานทดแทนมาตั้งแต่น้ำมันยังไม่แพงบ่อยมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการประจานตัวเองว่าบกพร่องต่อหน้าที่โดยตรงของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ก็ทำอะไรกันอยู่ล่ะครับถึงต้องให้ในหลวงต้องทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย ทำงานเหล่านี้แทนรัฐบาล

ไม่ใช่เฉพาะชุดนี้หรอกครับ ทุกชุดตลอด 30 กว่าปีที่ผ่านมาต้องร่วมกันรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วยกันทั้งหมด



วันนี้ผมมาบ่นอย่างเดียวเลย ก็ต้องขอสักวันหนึ่งล่ะครับ

วันก่อน ผมนั่งรถมอเตอร์ไซค์จากถนนใหญ่เข้าซอยบ้าน ระยะทางก็ประมาณ 2 กิโลเมตร ค่าโดยสารจาก 7 บาทขึ้นพรวดเดียวเป็น 10 บาทเลย จะหันไปนั่งรถสองแถวซึ่งอาจจะช้ากว่าหน่อยเพราะต้องรอรถเต็มก่อนถึงจะออก พ่อคุณก็ขยับจาก 6 บาทเป็น 9 บาทแล้วเช่นกัน ต่อไปนี้ผมคงจะต้องเดินแล้วล่ะครับ

นี่รถเมล์ก็ร่ำๆ จะขึ้นราคาอีก ดีว่ารัฐบาลยังกลัวจะเสียคะแนนเสียงที่ขาลงสุดๆ สำหรับในเมือง ก็เลยสั่งระงับไว้ก่อน

ก็เข้าใจอยู่ว่าน้ำมันมันแพง ราคาก็ต้องขึ้นตามกันไป แต่มันก็ยังอดที่จะหัวเสียไม่ได้จริงๆ




 

Create Date : 20 กรกฎาคม 2549
15 comments
Last Update : 20 กรกฎาคม 2549 14:23:01 น.
Counter : 1236 Pageviews.

 




ถ้ารถไฟฟ้าครอบคลุมพื้นที่ในกทม.ได้ คงดีอ่ะเนาะ



 

โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ 20 กรกฎาคม 2549 14:32:36 น.  

 

สนับสนุนเรื่องการทำให้รถสาธารณะมีบริการที่ดีขึ้น ราคาไม่สูงมาก ให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ได้

แล้วให้พวกที่จะซื้อรถส่วนตัว ต้องลำบากในการใช้มากขึ้น

เช่น ต้องมีที่จอดที่แน่นอนเท่านั้น (ไอ้พวกจอดหน้าบ้าน ทั้งที่เป็นถนนที่ชาวบ้านเค้าใช้ร่วมเนี่ย ไม่ได้เฟ้ย)

กำหนดอายุของรถ ฯลฯ


อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ

เฮ้อ..คงยากเนาะ



ตราบใดที่คนยังชื่นชมคนมีรถว่าเป็นคนมีฐานะดี มากกว่าชื่นชมคนที่คิดจะใช้รถสาธารณะเพื่อช่วยชาติประหยัดพลังงาน

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 20 กรกฎาคม 2549 15:35:46 น.  

 

ได้แต่นั่งมองตาปริบๆครับ ... คนไทยตัวเล็กๆอย่างกระผมเมื่อหมดฤดูกาลเลือกตั้ง ก็ต้องนั่งมองดูพวกเค้าทางหน้าจอทีวีอย่างเดียวนั่นแหละ ... เอากะมันสิ

น้ำมันแพงอย่างเนี๊ย อีกหน่อยก็คงต้องถึงคราว"วิบากกรรม"
คนไทยเป็นหนี้กันทั่วเลย เห็นหรือเปล่า ?ตั้งแต่รากหญ้าจนถึงข้าราชการ
เวรกรรม ...

 

โดย: plang_ks 20 กรกฎาคม 2549 15:43:13 น.  

 

ที่เมกาก้อแพงค่ะ ไม่อยากไปไหนเลยค่ะ
สบายดีนะค่ะคุณคนทับแก้ว
ขอให้มีความสุขมากๆช่วงบ่ายนะค่ะ

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 20 กรกฎาคม 2549 15:59:54 น.  

 

ไม่รู้ชะตากรรมพลังงานในอนาคตจะเป็นอย่างไร
ทำไมเราจะอยู่แบบใช้พลังงานให้น้อยที่สุดไม่ได้หรือ
ผมว่ารัฐบาลไมาค่อยได้คิดถึงเรื่องนี้เท่าไหร่
กลับส่งเสริมให้คนใช้พลังงานมากมากทางอ้อมมากกว่า
ดูอัตราเติบโต ทางจีดีพี และอื่นอื่น
กระตุ้นกันเข้าไป

 

โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า 20 กรกฎาคม 2549 18:04:40 น.  

 

อาจารย์วิเคราะห์ได้ละเอียด ถึงใจ ถึงแก่นดีแท้

น้ำมันแพง ไม่รู้ว่าต้องรออีกเท่าไรจึงจะแก้ไขได้นะคะ
เดี๋ยวนี้ต้องกินน้อย ๆ เก็บเงินไว้เติมน้ำมันรถค่ะ
เพราะขาดรถ ก็เหมือนขาดขา ไปไหนลำบาก

แต่ที่นี่เขาทำไบโอดีเซลใช้ ก็ทดแทนน้ำมันได้บ้าง
แต่ยังไม่กว้างขวางค่ะ เพราะถ้าไปไกล ๆ ไม่มีไบโอดีเซล ก็ต้องเติมน้ำมันอยู่ดี

ผสมกันไปมา เครื่องยนต์จะเสียหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะ


 

โดย: ซออู้ 20 กรกฎาคม 2549 20:07:31 น.  

 

น้ำแพง ของก็แพงตามไปด้วย แต่มนุษย์เงินเดือนๆ ก็เท่าเดิม ใช่ป่ะคะ???

ที่นอร์เวย์ขนาดว่าประเทศเค้ามีน้ำมันเป็นของตัวเองนะ ราคาน้ำมันก็ไม่ถูกลงค่ะ เพราะว่าเค้ารณรงค์ให้คนไม่หันมาขับรถกันเยอะ แต่ค่ารถเมล์ รถไฟ ที่นี่ก็ใช่ย่อยนะแพงเหมือนกัน จ่ายขาไปขากลับคิดเป็นเงินไทยแล้วเหยียบๆ 600 เลยนะบางทีน่ะ ยิ่งรถเท็กซี่ไม่ต้องพูดถึงจ้ะ ถ้าไม่จำเป็นกันจริงๆ ไม่อยากจะเรียกมานั่งเลย เพราะว่าแพงจนหน้ามืด บ้านสตาร์ทที่ 35 ก็ว่าแพงแล้วที่นี่ยิ่งแพงกว่าถ้าเทียบเป็นเงินไทย แต่มีคนบอกว่าอย่าเทียบเป็นเงินไทยแล้วจะสบายใจ เราว่าไม่จริงหรอกขนาดฝรั่งยังบ่นว่าแพงเลย แล้วคนไทยจะไปเหลืออะไร

ช่วงหน้าร้อนคนส่วนใหญ่เลยหันมานิยม ขี่จักรยาน กันค่ะ นี่พ่อบ้านก็บอกให้ฝนหัดขี่จักรยานของที่นี่ที่มันมีเกียร์ด้วย โหย เราไม่ถนัดเลย ยากยิ่งกว่าขี่จักรยานธรรมดาๆ บ้านเราเสียอีกแน่ะ คิดแล้วกลุ้มจะขี่ได้ไม๊เนี่ย

 

โดย: Malee30 20 กรกฎาคม 2549 23:06:27 น.  

 

แวะเอามาฝาก




อ่านจบก้ออิ่มพอดี

 

โดย: somnumberone 20 กรกฎาคม 2549 23:08:40 น.  

 

จน เครียด นอนอยู่บ้าน... ทำงานถีบจักรยาน





เครียดจริงๆ เลยค่ะ เรื่องน้ำมันเนี่ย จะเดินทางไปไหน ถ้าไม่มีหมาย จุไม่ไปเลย

 

โดย: กระจ้อน 21 กรกฎาคม 2549 9:19:23 น.  

 





 

โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ 21 กรกฎาคม 2549 10:27:46 น.  

 

เห้อ เห็นราคาน้ำมันแล้วสลดเลยอะค่ะ ทำยิ่งไม่กล้าออกไปไหน จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วยังแค่ 16 บาทกว่าเอง ตอนนี้ขึ้นมาเกือบเท่าตัวแย้วว

อาจารย์สบายดีมั้ยคะ ตอนนี้มีลูกน้องเข้าไปทำห้องคอมที่คณะอะค่ะ เดี๋ยวนี้คณะมีห้องคอมเกือบทุกภาคเลยนะคะ

 

โดย: bamboolerther 21 กรกฎาคม 2549 10:43:27 น.  

 

ขอบคุณที่ไปตามเที่ยวนะคะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 21 กรกฎาคม 2549 13:17:30 น.  

 

นอกจากนี้ ภาครัฐก็ต้องสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาอย่างจริงจังและจริงใจ <<< อ่านถึงตรงนี้ผมก็เห็นความมืดมนไปหมด เท่าที่รู้ ไม่เคยมีรัฐบาลไหน แม้แต่กระทั่งภาคเอกชนของไทยที่ใส่ใจกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง


เรื่องเล้กๆยังไม่ทำเลย แล้วเรื่องใหญ่อย่างน้ำมัน เคื่องการขนส่งคมนาคมที่ผลประโยชน์มันอุดปาก ไหลลงคอจนพุงปลิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึง


มืดมนครับ มืดมนจริงๆ ที่อาจารย์เขียนมานะใช่เลยทุกอย่างแหละ พวกตัวเอ้ในสภาก็รู้ แต่ไม่ทำครับ

 

โดย: นายเบียร์ 22 กรกฎาคม 2549 5:42:15 น.  

 

น้ำมันแพงเป็นเรื่องน่าเศร้าอะไรๆก็แพงตามน้ำมัน ถ้าบ้านเรามีระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกสบายและทั่วถึงมากกว่านี้คนคงจะลดการใช้รถส่วนตัวลงมากกว่านี้นะ คิดว่า...

 

โดย: ปลาสวย (pp_b23 ) 23 กรกฎาคม 2549 15:04:40 น.  

 

สวัสดีน๊าาา ทักทายจ้า สปาชา sparsha A Moment of Bride เจ้าสาว เสริมจมูก ศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมจมูก สลายไขมันด้วยความเย็น ลดเซลลูไลท์ Leg Squeezing ผิวเปลือกส้ม FIS หน้าท้องใหญ่ ตัวเล็กแต่มีพุง Body Contouring ลดสัดส่วนทั้งตัว ลดปีกด้านหลัง เนื้อปลิ้นรักแร้ เนื้อปลิ้น Build Muscle สร้างกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อหน้าท้อง สลายไขมันหนา สลายไขมัน ลดไขมัน Lock Shape รักษารูปร่าง สลายไขมัน ลดสัดส่วน Oxy Peel ทำความสะอาดหน้า ทำความสะอาดหน้าแบบล้ำลึก ยกกระชับ Ulthera ปรับรูปหน้า ปัญหาผิวหย่อนคล้อย Beauty Shape สลายไขมันแบบเร่งด่วน ลดไขมัน ลดเซลลูไลท์ ผิวเปลือกส้ม สลายไขมันสะโพก กระชับผิว Sexy Mama แม่หลังคลอด รอยแตกลาย ปรับรูปร่าง กำจัดขน Hair Removal กำจัดขนถาวร สลายไขมันเหนียงด้วยความเย็น สลายไขมัน สลายไขมันเหนียง IV Drip ฟื้นฟูร่างกาย เสริมภูมิต้านทาน Bye Bye Panda Eye ลดรอยหมองคล้ำใต้ดวงตา ลดริ้วรอยใต้ตา นวดกระชับหน้าอก หน้าอกกระชับ อกหย่อนคล้อย Beauty Breast Lifting Enlarge Beauty Breast นวดอกเล็กให้ใหญ่ หน้าอกเล็ก ยกกระชับหน้า รักแร้ขาว รักแร้ดำ เลเซอร์รักแร้ขาว ผิวใต้วงแขน Love Fit กระชับช่องคลอด เลเซอร์กระชับช่องคลอด แก้ไขปัสสาวะเล็ด Meso Shine ผลักวิตามิน บำรุงผิว สวยด้วยเลือด รักษาผิว หนวดเครา กำจัดขนหนวด กำจัดขน กำจัดขนเครา เลเซอร์ขน เลเซอร์ขนถาวร กำจัดขนถาวร เลเซอร์เครา เลเซอร์หนวด กำจัดขน ยกกระชับ ร้อยไหม Thread Lift การดูดไขมัน ดูดไขมัน ศัลยกรรมตา 2 ชั้น ตา 2 ชั้น ศัลยกรรมตา สปาน้ำนม เพิ่มความชุ่มชื่น แก้ผิวแห้ง นวดผ่อนคลาย การนวดผ่อนคลาย Rest Time Aroma Massage Aroma Massage Acne Body Mist ลดรอยสิว ลดจุดด่างดำ ลดรอยดำ Former Lift ยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า ฆ่าเชื้อสิว Acne Clear ปัญหาสิว เลเซอร์รักษาสิว Supreme White Lucent รักษาฝ้า ฝ้า กระ จุดด่างดำ ด็อกเตอร์ไลฟ์ doctorlife ศัลยกรรมเสริมจมูก ศัลยกรรมจมูก เสริมจมูก Cellulysis สลายไขมัน ulthera ยกกระชับ Acne Clear รักแร้ขาวเนียน เลเซอร์กำจัดขนถาวร กำจัดขน ร้อยไหม Freeze V Lift กำจัดไขมันด้วยความเย็น PRP ผิวหน้า PRP ผมบาง ผมร่วง เลเซอร์กระชับช่องคลอด กระชับช่องคลอด Love Fit สลายไขมันด้วยความเย็น Cell Repair ผิวขาวใส ลดสัดส่วน ปรับรูปร่าง Perfect Shape สลายไขมันแบบเร่งด่วน ฟิลเลอร์ Filler รักษาหลุมสิว Dual Yellow เลเซอร์หน้าใส Love Fit ปัญหาปัสสาวะเล็ด ปัสสาวะเล็ด Oxy Bright ทำความสะอาดรูขุมขน Bye Bye Fat ลดไขมัน Luminous แสงสีฟ้า รักษาสิว ฆ่าเชื้อสิว ABO Active 3D Toxin IV Drip เพื่อสุขภาพและความงาม ยกกระชับผิว hifu ให้ใจ สุขภาพ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 6258618 7 มกราคม 2564 14:36:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนทับแก้ว
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






ศิลปิน: เฉลียง
เพลง: หวาน
ชุด: ปรากฏการณ์ฝน
ปี: 2525



Friends' blogs
[Add คนทับแก้ว's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.