|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
สมุย (IS)LAND FOR SALE
1 มิ.ย. 2549
จั่วหัวไว้ดุเดือดอย่างนี้ ใครที่เป็นคนสมุยหรือคนสุราษฎร์ฯ ก็อย่าเพิ่งเคืองกันนะครับ
ผมเพิ่งมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่เกาะสมุยกับคุณภรรยาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่ผมเคยไปครั้งแรกและครั้งเดียวเมื่อ 16 ปีที่แล้ว ครั้งนั้นไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่เรียนมัธยมด้วยกัน หลังจากที่ทุกคนรู้ผลสอบเอ็นทรานซ์กันหมดแล้วว่าใครจะได้ไปเรียนที่ไหน เหมือนเป็นการเที่ยวก่อนที่ต่างคนต่างจะแยกย้ายกันไปเรียนที่ใหม่ สมุยวันนั้นสะอาดสดใสไร้มลทินครับ เป็นความประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิตเลยทีเดียว
ส่วนการไปครั้งนี้ ไปเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและลดระดับความเครียดจากการเรียน (ก่อนที่จะต้องกลับมาเครียดใหม่อยู่ดี...) ก่อนไปก็รู้สึกกังวลว่าอาจจะไปเห็นสภาพของสมุยที่ไม่เหมือนเดิม ผมไม่อยากเห็นสมุยในสภาพที่ผมเรียกเอาเองว่า "เจริญเกินไป" ไม่อยากเห็นสมุยในสภาพที่คล้ายกับพัทยาตามที่ได้ข่าวมา
ลงจากเรือเฟอรี่ข้ามฟากขนาดใหญ่ที่ท่าเรืออีกแห่งหนึ่งที่ไม่ใช่ท่าเรือหน้าทอนซึ่งเป็นท่าหลักแต่ดั้งเดิมของเกาะ เราเดินออกมาเพื่อมองหารถสองแถวแต่ไม่เห็น เห็นแต่รถแท็กซี่เหลืองแดงหลายคันกับรถตู้คันหนึ่งที่พี่คนขับเขาตะโกนถามมาว่าจะไปไหน เราบอกว่าจะไปที่หาดเชิงมนเพราะที่พักที่จองไว้อยู่ที่นั่น ส่วนพี่คนขับกำลังจะพาฝรั่งสี่คนไปส่งที่หาดเฉวง ตกลงราคากันได้ที่คนละ 200 บาท เพราะตามที่พี่คนขับบอก หากเรียกแท็กซี่อาจต้องจ่ายถึง 600 บาทเลยทีเดียว
ค่าแท็กซี่ 600 บาทนี่ ถ้าเป็นที่กรุงเทพฯ เราสามารถนั่งจากมุมหนึ่งของชานเมือง ทแยงมุมไปยังอีกมุมหนึ่งได้อย่างสบายๆ เลยทีเดียว แถมยังมีเงินเหลือพอที่จะนั่งเข้าไปยังใจกลางเมืองได้อีกเที่ยวหนึ่งด้วย
ผมเริ่มเหงื่อตกเล็กน้อย เพราะแววของค่าครองชีพที่สูงผิดธรรมดาเริ่มปรากฏให้เห็น
หาดเฉวงนั้นอยู่ทางตะวันออกของเกาะ จากท่าเรือที่อยู่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ หาดเฉวงจะถึงก่อนที่พักที่เราจะไป สภาพถนนที่หาดเฉวงนั้นช่างคล้ายกับที่พัทยาเสียจริงๆ ถนนแคบ แต่เต็มไปด้วยร้านค้าที่แย่งกันติดป้ายหน้าร้านสารพัดสี สารพัดขนาด รถบนถนนก็หนาแน่นมากและขับกันอย่างไม่ค่อยมีระเบียบ พี่คนขับรถตู้บอกว่าหลังจากห้าโมงเย็นเป็นต้นไป รถจะติดจนแทบจะไม่ขยับเขยื้อนเลยทีเดียว อย่าได้คิดจะขับรถเข้ามาเด็ดขาด ควรเดินอย่างเดียวเท่านั้น
ผมได้เห็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะเห็นบนสมุยโดยไม่ต้องรอให้เนิ่นนาน สภาพความเจริญที่เจริญเร็วเกินไปจนกลายเป็นไร้ระเบียบที่กลัวว่าจะได้เห็น
หลังจากที่ฝรั่งทั้งสี่คนลงที่เฉวงไปแล้ว เราก็นั่งรถต่อไปยังหาดเชิงมนซึ่งอยู่ประมาณมุมขวาบนของเกาะ ระหว่างทางที่เป็นเนินเขาขึ้นๆ ลงๆ สลับกับเลียบเคียงชายหาดเป็นบางช่วงตั้งแต่ออกจากท่าเรือมา เราได้เห็นที่ดินติดป้ายขายอยู่ตลอดทาง แทบจะไม่มีที่ว่างที่ไหนที่ไม่มีป้ายขาย ป้าย "LAND FOR SALE" นั้นมีให้เห็นเกลื่อนไปหมด พี่คนขับรถตู้บอกว่า ช่วงหลังนี้คนสมุยขายที่กันเยอะเพราะได้ราคาดี ไร่หนึ่งก็ตกหลายสิบล้านบาท เขาเล่าต่อไปอีกว่า รายได้จากการขายที่นั้น คนสมุยก็เอาไปออกรถบ้าง ลงทุนทำสวนยางบนแผ่นดินใหญ่บ้างเพราะยางราคาดี แต่ส่วนใหญ่จะเอาไปเล่นการพนัน ทั้งชนควาย ตีไก่ กัดปลา พนันมวย จะหาคนที่เก็บเงินหรือเอาไปลงทุนออกดอกออกผลต่อกันนั้นน้อยมาก ยิ่งการทำมะพร้าวนั้นแทบจะไม่เหลือแล้ว ฟังพี่เขาแล้วก็ได้แต่ถอนใจครับ
สิ่งที่สะดุดใจผมมากก็คือป้ายขายที่ที่มีแต่ภาษาอังกฤษครับ หรือว่าผมไม่เห็นป้ายภาษาไทยก็ไม่ทราบ แต่ป้ายขายที่ทั้งหมดที่ผมสังเกตตลอดสองวันกว่าที่อยู่บนสมุยนั้นเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
ลองนึกดูครับว่าใครจะเป็นคนซื้อ พอถามพี่คนขับรถตู้ เขาก็ตอบว่าฝรั่งยังไงล่ะ พวกนั้นเขาใช้วิธีจดทะเบียนแต่งงานกับคนไทยก็ซื้อที่ได้แล้ว คิดแล้วก็ให้นึกน้อยใจว่าทำไมเราถึงไม่ค่อยหวงแผ่นดินเกิดกันก็ไม่รู้ ไม่ใช่เฉพาะบนเกาะนี้หรอกครับ เหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ในระดับประเทศก็เห็นกันอยู่ไม่ใช่หรือ
วันรุ่งขึ้น เราก็เช่ารถเพื่อตระเวนเที่ยวรอบเกาะกัน จริงๆ อยากจะนั่งเรือไปเที่ยวที่หมู่เกาะอ่างทองหรือเกาะพงัน แต่เก็งสภาวะอากาศกันผิดไป นึกว่าจะครึ้มฟ้าครึ้มฝนเหมือนวันแรก รวมทั้งก่อนหน้านี้ฝนก็ตกเกือบทุกวัน ที่ไหนได้ แดดเปรี้ยงเลยครับ แต่ทำยังไงได้ เรือก็ไม่ได้จอง แถมรถก็เช่าเอาไว้แล้ว ก็เลยต้องเลยตามเลย
การได้ขับรถรอบเกาะก็ดีไปอย่างครับ ได้เห็นสภาพบ้านเมืองว่าเป็นอย่างไร ก็เป็นไปอย่างที่ผมไม่อยากเห็นนั่นแหละครับ เป็นสภาพที่เจริญเร็วเกินไป สิ่งปลูกสร้างต่างๆ เกิดขึ้นกันอย่างไม่มีระเบียบ ไม่มีการวางผังเมืองกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ไม่มีการแบ่งพื้นที่ว่าตรงไหนควรจะเป็นโรงแรมที่พัก ตรงไหนควรจะเป็นหมู่บ้านที่อยู่อาศัย ตรงไหนควรจะเป็นพื้นที่ของกลุ่มร้านค้าพาณิชย์ต่างๆ ตรงไหนควรจะเป็นกลุ่มสถานบันเทิง ใครใคร่สร้างอะไรตรงไหนก็ทำกันไป
เห็นคนสมุยพูดกันว่าธุรกิจก่อสร้างนั้นทำเงินดีที่สุดเวลานี้ จริงเท็จประการใดก็ไม่ทราบได้
หาดทรายที่มีชื่อเสียงที่สุดทั้งสองหาด คือ หาดเฉวงและหาดละไม ก็คล้ายกับว่าจะเป็นหาดส่วนตัวของโรงแรมหรือรีสอร์ตที่สร้างอยู่ติดหาด โดยเฉพาะหาดเฉวงนั้นดูจะอาการหนักกว่า ที่หาดทั้งสองนั้นแทบจะไม่เหลือที่ว่างหรือหาดสาธารณะสำหรับคนที่มาเที่ยวแต่ไม่ได้พักอยู่ที่ที่พักริมหาดเหล่านั้น แม้แต่คนสมุยเองยังเล่าให้ฟังเลยว่า เคยโดนคนของโรงแรมมาไล่ให้ไปนั่งที่อื่นเพราะกลัวว่าถ้าแขกฝรั่งลงมาแล้วจะไม่มีที่ว่าง ฟังแล้วสะท้อนใจยังไงชอบกลนะครับ
ตกลงแล้ว ที่ที่ผมประทับใจที่สุดในการตระเวนเที่ยวรอบเกาะกลับเป็นที่วัดแหลมสอที่อยู่ตอนล่างสุดของเกาะ ที่วัดไม่มีอะไรเลยครับ มีเจดีย์ริมหาดหนึ่งองค์ มีเจดีย์บนเขาหนึ่งองค์ แล้วก็โบสถ์รูปเรืออีกหนึ่งหลัง แต่บรรยากาศที่วัดนั้นสงบแล้วก็ไม่มีความวุ่นวายเหมือนสถานที่ต่างๆ บนเกาะที่ได้ขับรถผ่านมา แล้วอีกประการหนึ่งก็คือ ที่วัดไม่มีฝรั่งด้วยครับ
เรื่องนักท่องเที่ยวที่มีแต่ฝรั่งนี้ก็เป็นสิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนเหมือนกัน ทั้งขาไปและขากลับ ไม่ว่าจะเป็นบนรถโดยสารระหว่างสถานีรถไฟกับท่าเรือดอนสักบนฝั่งสุราษฎร์ หรือบนเรือข้ามฟาก ผมว่ามีคนไทยไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ครับ โดยเฉพาะขากลับนี่ มีเราแค่สองคนที่เป็นคนไทย (เหลือไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ) นอกนั้น ฝรั่งล้วนๆ
คิดในแง่ดีก็ดีครับ เพราะเงินทองจะได้ไหลเข้าประเทศ แต่อีกแง่หนึ่ง ผมก็กลัวว่าอีกหน่อย สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ก็อาจจะไม่ต้อนรับคนไทยเหมือนบางแห่งที่เราได้ยินข่าวกันมาก็เป็นได้ โชคดีที่บนสมุยยังไม่มีความรู้สึกแบบนั้นครับ ผู้คนยังคงมีอัธยาศัยไมตรีต่อคนไทยด้วยกันเป็นอย่างดี มีแต่โรงแรมหรือรีสอร์ตสองสามแห่งที่เราเข้าไปขอข้อมูลเท่านั้นที่มองเราด้วยสายตาแปลกๆ และไม่ต้อนรับ ก็หวังว่าอัธยาศัยที่ดีต่อคนไทยด้วยกันจะยังคงเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป ไม่ว่าสมุยจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนก็ตาม
พูดถึงอัธยาศัยไมตรีของคนสมุย จุดที่ประทับใจอีกจุดหนึ่งในการไปเที่ยวครั้งนี้ก็คือ การที่ได้นั่งดื่มน้ำชาเย็นๆ ที่ร้านกาแฟเล็กๆ ตรงทางที่จะเข้าไปดูหินตาหินยาย ไม่ใช่ร้านกาแฟหรูๆ แบบที่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดทั่วประเทศหรอกครับ เป็นร้านกาแฟแบบที่เราเรียกกันว่ากาแฟโบราณ (เป็นชื่อที่ผมไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะผมไม่เห็นว่ากาแฟแบบนี้มันจะโบราณคร่ำครึตรงไหน) มีโต๊ะชงชากาแฟเล็กๆ หนึ่งโต๊ะ กับโต๊ะเล็กๆ ให้ลูกค้านั่งอีกสองสามโต๊ะตั้งอยู่ชานบ้านเท่านั้น เรากับเจ้าของร้านนั่งคุยกันอยู่นานพอสมควร คุยกันถึงสภาพสังคมความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป ทัศนคติในการใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไป ความฟุ้งเฟ้อที่เข้ามาเยือนบนเกาะ และอื่นๆ อีกจิปาถะ พอดีว่าเจ้าของร้านนั้นเป็นคนสมุยและอยู่สมุยตั้งแต่เกิด ก็เลยได้คุยย้อนไปถึงบรรยากาศความสงบสวยงามเมื่อครั้งแรกที่มาเยือนได้อย่างออกรสออกชาติ
เห็นผมเขียนถึงสิ่งที่ไม่ดีหลายอย่าง แต่ก็ไม่ใช่ไม่ประทับใจสมุยแต่อย่างใด หาดทราย ท้องฟ้า และทะเล ก็ยังคงสวยงามอยู่เหมือนเดิม ความมีไมตรีต่อผู้มาเยือนของคนสมุยก็มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม
เพียงแต่จะต้องระวังสภาพบ้านเมืองรอบข้างที่เปลี่ยนไป ไม่ให้รุกล้ำเข้าไปรบกวนธรรมชาติที่เป็นของทุกๆ คน
เพียงแต่คนพื้นที่ที่แน่นอนว่าบางส่วนจะต้องทำมาหากินเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวจากการให้บริการนักท่องเที่ยว ไม่ให้ผู้ที่มาเยือนรู้สึกว่าถูกขูดรีดหรือเอาเปรียบจากค่ากิน ค่าอยู่ และค่าเดินทางที่สูงจนเกินไป
ก็อยู่ที่เราจะเลือกมองและเลือกที่จะรักษาไว้นั่นแหละครับ หากเลือกมองและเลือกเก็บรักษามุมที่ดีเอาไว้ เกาะสมุยก็ยังคงน่าอยู่น่าเที่ยวอยู่ครับ
วันหน้าหากมีโอกาส (และมีทรัพย์พอ...) ก็จะแวะเวียนไปเที่ยวสมุยอีก
Create Date : 02 มิถุนายน 2549 |
|
18 comments |
Last Update : 2 มิถุนายน 2549 11:36:46 น. |
Counter : 2061 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: นัตโต้ IP: 59.146.150.221 2 มิถุนายน 2549 12:09:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: กระจ้อน 2 มิถุนายน 2549 12:31:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ๊ IP: 202.57.147.17 2 มิถุนายน 2549 14:31:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: keyzer 2 มิถุนายน 2549 14:56:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซออู้ 2 มิถุนายน 2549 16:36:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: mam IP: 202.5.80.117 3 มิถุนายน 2549 11:46:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: kicksan IP: 61.7.137.99 3 มิถุนายน 2549 16:53:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 4 มิถุนายน 2549 1:32:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: กระจ้อน 7 มิถุนายน 2549 20:50:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 8 มิถุนายน 2549 12:01:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: keyzer 8 มิถุนายน 2549 20:52:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซออู้ 8 มิถุนายน 2549 22:48:09 น. |
|
|
|
| |
|
|
ศิลปิน: เฉลียง เพลง: หวาน ชุด: ปรากฏการณ์ฝน ปี: 2525
|
|
|
|
|
|
|
|
แต่ตอนนี้ฝันไปก่อน..
กลับเมืองไทยครั้งหน้าต้องไปย่ำทะเลอุ่นๆๆทีสมุยแน่นอนค่ะ