กรณีฆาตกรรมโต๊ะอิหม่ามสะตอปา การ์เด
12 ม.ค. 2550
ผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มนี้จากโครงการดีๆ ที่ชื่อ LIF (Lend It Forward) ของเพื่อนชาวบล็อกแกงของเรานี่เอง เจ้าของหนังสือเล่มนี้คือคุณ สาวไกด์ใจซื่อ ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี่ด้วยครับ
นิยายเล่มนี้กล่าวถึงเหตุการณ์สมมติที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื้อหาเป็นอย่างไรคงจะไม่กล่าวถึง แต่จะขอกล่าวว่าผมชอบอะไรบ้างหลังจากที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้
ประการแรก ผมชอบวิธีการเล่าเรื่องแบบฟังความหลายฝ่ายสลับกันไปมา เหตุการณ์เดียวกันที่เกิดขึ้นถูกมองจากมุมมองของหลายคนหลายฝ่าย ทำให้ผู้อ่านได้คิดและมองต่างมุม ในขณะเดียวกัน ก็รู้สึกสับสนและรู้สึกได้ถึงบรรยากาศของความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน และในที่สุดแล้ว ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในหมู่บ้านแห่งนี้
ในระหว่างที่อ่าน ผมนึกภาพในหัวตามไปด้วย คล้ายกับว่ากำลังดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ภาพของคนที่กำลังเล่าเรื่อง ตัดสลับกับภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ถ่ายจากกล้องตัวหนึ่งซึ่งแทนมุมมองคนที่กำลังเล่าเรื่อง เมื่อคนนี้เล่าเรื่องจบ ก็ตัดไปเป็นภาพของอีกคนหนึ่งมาเล่าเรื่องต่อ สลับกับภาพของเหตุการณ์เดียวกันแต่ถ่ายจากกล้องอีกตัวหนึ่งซึ่งมองจากคนละมุมกัน
ต้องยกให้เป็นความสามารถของผู้แต่งที่ทำให้ผมสร้างจินตนาการได้ชัดเจนขนาดนี้
สิ่งที่ชอบประการต่อมาก็คือ ตัวละครที่ชื่อ พ.ต.อ. สมชาย มะสุหลง ผมมีมุมมองต่อศาสนาและความขัดแย้งระหว่างโลกเสรีกับโลกมุสลิมคล้ายกับมุมมองของ พ.ต.อ. สมชาย คนนี้
ประการที่สาม ผมชอบที่มาของเจ้าอาวาสวัดบนฝั่งคลองด้านที่เป็นที่อยู่ของชาวไทยพุทธ กับที่มาของโต๊ะอิหม่ามสะตอปา การ์เดบนฝั่งคลองด้านที่เป็นที่อยู่ของชาวไทยมุสลิม รวมทั้งสะพานไม้ข้ามคลองที่เชื่อมสองฝั่งเข้าด้วยกัน ผมว่าผู้แต่งเข้าใจสร้างสัญลักษณ์ดี
ประการสุดท้าย ผมชอบบทสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้นะ ผมคิดว่าสามารถถือเป็นไคลแมกซ์ของเรื่องได้เหมือนกัน
เรื่องอื่นๆ ที่อยากจะพูดถึงก็คือ เรื่องแรก เรื่องของโต๊ะครูมะเด็ง ยาลี ผมว่าผู้แต่งตั้งใจที่จะทิ้งปมเกี่ยวกับโต๊ะครูเอาไว้อย่างนี้ ผมว่าคนคนนี้น่าจะเป็นคนที่รู้เบื้องหลังของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดีที่สุดคนหนึ่ง
เรื่องที่สอง จะเรียกว่าเป็นการเจอที่ผิดเล็กน้อยก็ได้ ในคำนำของผู้แต่ง ท่านลงวันที่ในตอนท้ายของคำนำไว้ว่าเป็นวันที่ 8 มี.ค. 2548 แต่ภายในคำนำ ท่านได้เล่าว่าได้แก้ไขร่างฉบับสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้เสร็จเมื่อเดือน ธ.ค. 2548 ผมเข้าใจว่าวันที่ที่ลงท้ายคำนำน่าจะเป็นวันที่ 8 มี.ค. 2549 มากกว่า เพราะตรงกับเดือนและปีที่จัดพิมพ์หนังสือ ผมสงสัยว่าน่าจะพิมพ์ปี พ.ศ. ผิดไป
เรื่องสุดท้าย ผมไม่เห็นว่าหนังสือเล่มนี้จะ บ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ ตรงไหน นิยายก็คือนิยาย เป็นสิ่งที่สะท้อนความคิดของคนคนหนึ่งคือผู้แต่งเท่านั้น ผมว่าคณะกรรมการตัดสินรางวัลกลุ่มที่ตัดหนังสือเล่มนี้ออกจากการประกวดดูถูกสติปัญญาของคนอ่านเกินไป ที่กลัวว่าหากหนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลใดรางวัลหนึ่งขึ้นมา คนอ่านจะเห็นว่าเป็นการรับรองว่าเหตุการณ์สมมติในนิยายเล่มนี้เป็นเรื่องจริง
ผมนึกไปถึงหนังสือและหนังเรื่อง The Da Vinci Code ที่ถูกโจมตีว่าบ่อนทำลายความเชื่อทางศาสนาคริสต์ และอาจจะทำให้ศรัทธาของคนที่มีต่อพระเจ้าและพระเยซูนั้นเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งผมก็ว่าดูถูกกันเกินไปหน่อย
นิยายก็คือนิยาย ผู้อ่านเขาแยกแยะออกว่านี่คือจินตการส่วนบุคคลของผู้แต่ง ยิ่งถ้าผู้แต่งสามารถทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเหตุการณ์ในนิยายนั้นเป็นจริงเป็นจังได้มากแค่ไหน นั่นยิ่งต้องชมว่าเป็นความสามารถของผู้แต่งต่างหากจึงจะถูก ในทางกลับกัน ถ้าผู้อ่านอ่านแล้วรู้สึกว่านิยายนั้นไม่สมจริง จะบอกว่านิยายนั้นเป็นนิยายที่ดีได้อย่างไร
ไม่แปลกใจที่คนในประเทศไทยเรายังมีวุฒิภาวะสู้คนในประเทศที่เจริญแล้วไม่ได้ ก็ผู้ใหญ่ข้างบนคิดแทนเราเสียหมดว่าอะไรควรรับรู้ อะไรไม่ควรรับรู้ ความคิดคับแคบแบบนี้ แล้วเมื่อไรคนไทยเราจะมีสติปัญญา รู้จักคิด รู้จักวิเคราะห์ในเรื่องต่างๆ ได้เองสักที จะไปไหนทีก็ต้องรอให้มีคนมาชี้ให้เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวาอยู่ร่ำไป
ผมว่าพวกละครหรือเกมโชว์ที่เกลื่อนโทรทัศน์อยู่ทุกวันนี้ ยัง บ่อนทำลายความมั่นคง (ทางสติปัญญา) ของชาติ มากกว่าหนังสือเล่มนี้หลายขุม
ผมว่าจะพูดถึงหนังสือเล่มนี้เท่านั้น แต่ตอนจบมันเฉไฉออกไปได้อย่างไรก็ไม่ทราบ
ชื่อหนังสือ: กรณีฆาตกรรมโต๊ะอิหม่ามสะตอปา การ์เด ผู้แต่ง: ศิริวร แก้วกาญจน์ ปี: พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2549 สำนักพิมพ์: สำนักพิมพ์ผจญภัย
Create Date : 15 มกราคม 2550 |
|
26 comments |
Last Update : 16 มกราคม 2550 12:43:05 น. |
Counter : 1420 Pageviews. |
|
|
|