Money Economy เศรษฐศาสตร์สายหลักในศตวรรษที่21.
Monetary Economy 2015...การประเมินล่าสุดว่าบริษัทหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์จะมีกำไรที่จะลดลงในไตรมาสนี้ เกิดจากการขาดทุนและค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดจากผลประกอบการจริง อันเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ โดยที่หากไม่มีตัวเลขนี้ บริษัทฯจะมีกำไรอยู่ที่ระดับ 6.7 พันล้านบาท ถือว่าปกติในช่วงตลาดขาลง แต่การขาดทุนและค่าใช้จ่ายทางการเงินที่อยู่นอกผลประกอบการ ยิ่งซ้ำเติมให้เลวร้ายเกินจริงไปมาก อาทิ
1- ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะค่าเงินบาทอ่อนค่าลง 4% (ปลายเดือนมีนาคม-สิ้นมิถุนายน) จากระดับ
32.52 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้หนี้สกุลเงินตราต่างประเทศมีผลขาดทุน 20 ล้านดอลลาร์หรือคิดเป็น 675 ล้าน
บาท
2- ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงในค่าเงินอีก 50 ล้านดอลลาร์หรือคิดเป็น 1,689 ล้านบาท
3- ค่าใช้จ่ายพิเศษ Deferred Tax จำนวน 73 ล้านดอลลาร์หรือคิดเป็น 2,466ล้านบาท
...นี่คือการขาดทุนจาก MONETARY ECONOMYในธุรกิจในศตวรรษที่21 ที่ควบคุมได้ยากหากไม่เรียนรู้และป้องกันทำประกันภัยความเสี่ยง บางบริษัทฯมีผลประกอบการมีกำไรติดต่อกันห้าปี แต่พอค่าเงินบาทเปลี่ยนจาก29บาท-34บาท ในระยะเวลาปีครึ่งเท่านั้นเอง กำไรที่สะสมมา5ปีอาจเปลี่ยนเป็นขาดทุนจนยากแก่การแก้ไข.