อยู่บ้านก็เหนื่อย ออกนอกบ้านยิ่งเหนื่อยกว่า (--)"
Daily report
-ของลูกมื้อเช้าคือข้าว + ตับทอดกระเทียมพริกไทย ข้าวกล่องคือ ตับทอดกระเทียมพริกไทย และดาวเวฟ
ของแม่คือ โอวัลตินร้อน กับ โฮลวีต 2 แผ่นทาเนยถั่ว ปกติกาแฟร้อนทุกวันค่ะแต่วันนี้งดก่อนเพราะรู้สึกปวดหัวนิดๆ
หลังจากนั้นไปซํกผ้า 4 เครื่อง จะเยอะไปไหนเนี่ยเว้นแค่วันเดียวเอง
ตากเสร็จรีบๆออกจากบ้าน ไป รพ. หา ผอ. เพื่อขอเปลี่ยนหมอที่รักษาประจำอยู่
สงสัยกันมั้ยว่าเปลี่ยนทำไม ?
ถ้าใครเคยอ่านแล้วจำได้ ตอนต้นๆปี เราเคยเล่าว่าไปเจอหมอเพศที่สามที่ รพ. แห่งนี้ (ขอไม่บอกชื่อละกัน) เราใช้สิทธิ ปกส. และเพิ่งย้ายมารักษาที่นี่เมื่อต้นปีนี้ค่ะ เราไม่ได้มีอคติกับเพศที่สามน่ะ ถ้ารักษาได้เราก็โอเค แต่เรื่องก็เกิดขึ้นจนได้
เราไม่เคยรู้เลยว่า รพ. แห่งนี้ไม่มีหมอที่รักษาโรคเราโดยตรง (คือรักษาได้โดยวิธีจ่ายยาค่ะ ถ้าเป็นเครื่องไม้เครื่องมือแพทย์ หรือผ่าตัดไม่มีประมาณนั้น) แต่สามารถส่งต่อ รพ. ที่มี contact กันได้
ผู้อ่านอย่าเพิ่งหงุดหงิดที่เราไม่บอกว่าเป็นโรคอะไร เดากันไปนะคะ จริงๆไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนหรอก เหตุผลไม่มีอะไรมาก เราไม่อยากให้ใครมองเราว่าเป็นคนป่วยแค่นั้นแหละ เราอยากเป็นคนปกติอ่า
เล่าต่อๆ เดือนที่แล้วโรคกำเริบ เราขอหมอให้ตรวจให้มันลึกมากกว่าการกินยา
หมอก็ใจดีค่ะ ส่งตรวจที่ คลินิคเอกชน บอกแล้วว่า รพ.ไม่มีเครื่องมือไรทั้งนั้น (รพ. รับผิดชอบ คชจ. อยู่แล้ว) ถ้าอ่านแล้ววกๆวนๆ แสดงว่าคนพิมพ์มึนค่ะ
ได้ผลมาแล้ว ฟังจากหมอที่คลีนิคบอกแค่ว่าพัฒนาการของโรคเพิ่มขึ้นเยอะ ควรส่ง รพ. ใหญ่ใน กทม. เพื่อวินิจฉัยว่าจะทำอย่างไรต่อไป เราก็คิดว่า อืมม เดี๋ยวมาให้หมอที่ รพ. แปรผลให้ฟังอย่างละเอียดดีกว่า
พอมาเจอหมอที่ รพ.
เรา: หมอค่ะ ผลเป็นไงบ้างค่ะ หมอ: อืมม รู้แระว่าเทอเป็นโรคนี้ ก็กินยาต่อไป (แล้วก็ปิดแฟ้ม)
เรา: อ้าววแล้วยังไงต่อละคะหมอ (นึกในใจทำไมหมอไม่แปรผลให้เราฟัง และปรึกษากับเราว่าจะทำแบบไหนต่อไป ไม่ใช่จ่ายยาต่อแล้วปิดแฟ้มอ่ะ)
หมอ: แล้วหมอที่คลีนิคเค้าว่ายังไงล่ะ
เรา: (บอกไปตามที่หมอคลีนิคบอกมา)
หมอ : (เริ่มไม่พอใจ พูดแบบเหวี่ยงๆ) เทอจะมาจี้ๆเอาตอนท้ายยังโง้นยังงี้ได้ไง ในเมื่อที่ รพ. เก่า เทอก็ได้แต่กินยาและตรวจเลือดเท่านั้น ชั้นรู้เพราะชั้นเคยอยู่มาก่อน และเทอก็ไม่เคยเอาผลเก่ามาให้
เรา: (อ้าววอีกแล้ว นึกในใจ ก็หมอไม่เคยร้องขอนี่หว่า กรูจะรู้มั้ยล่ะ) แต่เราพูดปกติไม่ได้วีนกลับค่ะ นาทีนั้นพยายามประนีประนอมมากที่สุด พูดจบยังยกมือไหว้หมอเลยด้วย
สุดท้ายหมอก็โยนเรื่องเรามาให้ ปกส. ของ รพ. ทั้งๆที่อำนาจของหมอควรจะวินิจฉัยว่าจะทำยังไงต่อไป ในกรณีนี้
พอมาคุยกับ ปกส. รพ. ยังคุยรู้เรื่องกว่า ยังซักยังถามว่าเราเคยรักษาที่ไหนมาบ้าง
เหมือนโชคช่วย ในความโชคร้าย (ที่เจอหมอไม่ดี) ยังมีความโชคดี (รพ. มี contact กับ รพ. ใหญ่ใน กทม. ที่เราเคยรักษาและมีประวัติอยู่แล้ว) เค้าเลยส่งต่อให้เราไปรักษาค่ะ แต่ทุกครั้งก็ต้องมาขอใบส่งตัวจาก รพ. ต้นสังกัด
ก่อนเป็นครั้งๆไป แต่ก็เป็นการรักษาร่วมค่ะ เรื่องเล็กๆรักษาที่เดิม เรื่องใหญ่ๆไป กทม.
ที่เล่ามาทั้งหมดคือสาเหตุที่เราขอเปลี่ยนหมอค่ะ ขอพบ ผอ. ว่าไม่ได้มาร้องเรียนหมอนะคะ เพราะไม่ได้อยากมีเรื่องกับหมอ อยากรักษาตัวเองมากกว่า แต่เรียนให้ ผอ. ทราบและขอความอนุเคราะห์ค่ะ ทั้งนี้เพื่อความสบายใจกันทั้งสองฝ่าย
ผอ. ก็ไม่ถามสาเหตุซํกคำ เปลี่ยนให้ทันที เราก็ได้ตามประสงค์แล้ว ไม่ถามก็ไม่เป็นไร
อ่านมาถึงตรงนี้ ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดีไปนานๆนะคะ
อโรคยา ปรมา ลาภา
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
++++++++++++++++++++++++
Create Date : 17 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2555 13:19:10 น. |
|
34 comments
|
Counter : 1403 Pageviews. |
|
|