sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
6 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ ๑๐ สะดุดรัก





พริบพันดาวเดินลากกระเป๋าออกจากบ้านอย่างกระตือรือร้นจนเก็จแก้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ ใบหน้าอิ่มหม่นลงเมื่อเห็นคนขันรถยกกระเป๋าเดินทางใบเขื่องไปใส่ไว้ท้ายรถ

เก็จแก้วเริ่มทำใจและยอมรับกับการเดินทางของพริบพันดาวได้บ้างหลังจากเห็นคำสั่งขอยืมตัวข้ามหน่วยงานโดยการประสานงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้มีอำนาจในกระทรวง

“หนูแน่ใจเหรอว่าไม่อยากให้แม่ไปด้วย”

นางถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทุกอย่างพร้อมเดินทาง

“คุณแม่ขาดาวไปครั้งนี้มันเป็นภารกิจลับสุดยอดเลยนะคะขืนคุณแม่ไปด้วยแผนก็แตกหมดน่ะสิ เอาไว้หนูเคลียร์ทางโน้นเสร็จเมื่อไหร่คุณแม่ค่อยไปดีไหมคะ”

พริบพันดาวบอกยิ้มๆ พร้อมกับโอบเอวของมารดาอย่างเอาใจ

“แต่แม่เป็นห่วงหนูนี่ไปอยู่ที่โน่นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้อาหารการกินจะสะดวกสบายหรือเปล่าเถอะ”

“แล้วหนูจะให้ไอ้ต้อยมันถ่ายวีดีโอส่งมาให้ดูนะคะว่าอยู่ที่โน่นหนูอยู่แบบไหนแล้วกินอะไรในแต่ละวัน”

พริบพันดาวบอกยิ้มๆ

“นี่แน่ะ! แม่ตัวดียังมีหน้ามาทะเล้นอีกน่าตีจริงๆ”

พอเห็นความทะเล้นของบุตรีคนเป็นแม่ก็อดที่จะตีแปะไปที่ท่อนแขนของเธอไม่ได้

“ก็นานๆ จะได้ไปอยู่ในป่าในเขานี่นาคุณแม่ขาธรรมชาติเป็นสิ่งที่คนชาวกรุงอย่างเราๆ โหยหาขนาดไหนก็รู้ๆ กันอยู่”

“แต่แม่ก็เป็นห่วงอยู่ดี”

เก็จแก้วโอบกอดบุตรีไว้แนบอกถึงแม้จะวางใจที่ปลายทางมีน้องชายคอยดูแลพริบพันดาวแต่ด้วยหัวอกคนเป็นแม่นางจึงอดเป็นห่วงเป็นใยไม่ได้

“ม๊า...ปล่อยลูกให้สนุกกับชีวิตบ้างเถอะอาดาวมันหนังเหนียวไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”

เจ้าสัวรุ่งโรจน์เดินยิ้มร่าออกมาเมื่อเห็นภาพแม่ลูกกอดกันกลมอยู่หน้าตึก

“เตี่ย...พูดอย่างนั้นได้ยังไง...ที่ลูกต้องระหกระเหินแบบนี้ไม่ใช่เพราะเก็จปล่อยให้ลูกสนุกกับชีวิตหรอกหรือ”

“ชายแดนมันไม่มีผับให้อาดาวมันไปฟาดหัวใครหรอกน่าม๊า...ไหนลูกสาวคนเก่งของเตี่ยมาให้เตี่ยกอดหน่อยเร๊วจะได้ชื่นใจ”

เจ้าสัวรุ่งโรจน์พูดขึ้นลอยๆ ใบหน้าอิ่มยิ้มปริ่มขณะอ้าแขนรอรับร่างอรชรที่กำลังถลาเข้ามาในอ้อมกอด

“ลื้อไปอยู่ที่โน่นต้องอดทนและอดกลั้นรู้ไหม...ชายแดนไม่เหมือนเมืองใหญ่ทุกอย่างอาจจะดิบเถื่อนและโหดร้าย...เตี่ยรู้ว่าสถานที่แบบนั้นไม่เหมาะกับหนูแต่เตี่ยเชื่อว่าหนูจะมีชีวิตที่เป็นของตัวเองเมื่ออยู่ที่นั่น”

“ดาวจะอดทนค่ะเตี่ย...ขอบคุณมากนะคะที่เตี่ยให้ความช่วยเหลือเตี่ยดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะคะแล้วดาวจะโทรมาบ่อยๆ ดาวรักเตี่ยค่ะ”

พริบพันดาวกราบลงบนอกของบิดาก่อนจะแนบริมฝีปากลงบนแก้มอิ่มแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นเมื่อเห็นว่าจวนเวลาเธอจึงผละออกหันไปกอดลามารดาบ้าง

“คุณแม่อย่างร้องไห้นะคะ...คิดเสียว่าดาวไปเที่ยวป่าเขาลำเนาไพรจะได้สบายใจ...ดาวรักแม่ค่ะ”

พริบพันดาวกระชับวงแขนที่กอดรัดมารดา

“แม่คงคิดถึงหนู...ให้หนูอยู่บ้านแล้วมีเรื่องมันยังดีกว่าเสียอีก”

เก็จแก้วแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อเวลาที่พริบพันดาวจะออกเดินทางใกล้เข้ามาทุกที

“พี่จันทร์ก็ยังอยู่ส่วนดาวก็ไม่ได้อยู่ไกลสักหน่อยเอาไว้ทางโน้นเคลียร์เมื่อไหร่ดาวจะรีบให้คุณน้าออกคำสั่งส่งตัวเองกลับมาทันทีเลยค่ะ...พี่จันทร์ฝากเตี่ยกับแม่ด้วยนะดาวไปก่อนล่ะ”

พริบพันดาวหันไปบอกพี่สาวก่อนจะผละออกจากอกมารดาไปขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่

“แล้วพี่กับพี่กิตจะแวะไปเยี่ยมนะดาว...”

หนึ่งจันทร์เดินเข้าไปกอดมารดาแล้วตะโกนบอก

“หนูไปนะเตี่ย...ดาวไปก่อนนะคะแม่...พี่จันทร์ฝากคนแก่ด้วยนะอย่าให้คิดถึงดาวจนหักโหมล่ะ...บ๊ายบายค่ะ”

ก่อนรถจะเคลื่อนตัวออกไปพริบพันดาวยังมีแก่ใจเปิดประตูโผล่หน้าออกมาล่ำลาอย่างร่าเริง

“ม๊า...อย่าคิดมากเลยลูกเรามันไม่ธรรมดาหรอกเชื่อเฮียเถอะ...งานนี้โจรมาร้อยตายร้อยชัวร์...ไปอยู่กับใครไม่อยู่ดันไปอยู่กับเจ้ากษิน...เฮ้อ! น้าหลานคู่นี้ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าไปอยู่ไหนโจรอยากตายวันละสามเวลา...คงได้กัดกับพวกคนร้ายกันสนั่นเมืองล่ะคราวนี้”

เจ้าสัวรุ่งโรจน์ยืนกอดภรรยาและแล้วมองตามหลังรถตู้คันหรูที่กำลังตีวงเลี้ยวออกไปด้วยประกายตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่าพริบพันดาวจะยังสุขสกาวเป็นดวงดาวที่แพรวพราวระยิบระยับไม่มีวันอับแสงเหมือนชื่อของเธอที่หมายถึงความสว่างไสวของดวงดาวที่กะพริบนับพันๆ ครั้งและจะเป็นเช่นนั้นไปอีกนานเท่านาน


หลังจากเดินทางทั้งคืนสองสาวก็มายืนอยู่หน้าบ้านพักหลังกะทัดรัดที่ปลูกสร้างจากไม้อย่างดีท่ามกลางภูมิอากาศที่โดยรอบเป็นภูเขาสูงชันซับซ้อนสลับกับหุบเขาแคบ ๆ จนสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสองสาวเป็นอย่างมาก

“เฮ้ย! ไอ้ดาว...แกเห็นนั่นไหมภูเขาว่ะเพื่อน”

วิกานดาที่เห็นแต่แสงสีเสียเคยเอ่ยออกมาอย่างตื่นเต้น

“ไอ้ต้อยแกจะตื่นเต้นอะไรนักหนามาชายแดนไม่เจอภูเขาแกจะให้เจออะไร”

ปากต่อว่าเพื่อนแต่สายตาคนว่ากลับเบิกกว้างอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นความเขียวขจีของป่าไม้ที่เขียวชอุ่มอยู่รายรอบ

“ตอนไปสืบข้อมูลเห็นมันขึ้นว่าพื้นที่ปกครองไปด้วยป่าโปร่งป่าดงดิบและป่าสนฉันยังนึกไม่ออกว่ามันจะเป็นยังไง...ตอนนี้เห็นแล้วแกว่ามันงามจริงๆ”

วิกานดายังทำเสียงตื่นเต้นไม่เลิก

“ตั้งแต่เกิดมาแกไม่เคยเห็นภูเขาเหรอไอ้ต้อย”

พริบพันดาวหันไปถามเพื่อนสีหน้าเปื้อนยิ้ม

“เคยเห็นสิถามได้แต่มันนานมากแล้วนะดาวหลังจากฝึกเราก็ไม่เคยย่างกรายเข้าป่าเข้าดงเลยนะเพื่อน...ฉันคิดถูกจริงๆ ที่เสนอตัวมาเฝ้าชายแดนกับแก”

วิกานดาหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อน

“ทำยังกับชะนีได้คืนสู่ผืนป่าแน่ะ...อย่าเผลอไปเกาะต้นไม้ร้อง...ผัว...ผัว...ล่ะเดี๋ยวนายพรานจะสอยไปปล่อยในงานวัด”

“ปากแกเหรอนั่น...ปากแบบนี้เป็นชะนีไปคนเดียวเถอะย่ะ...โอ้โฮ!...แกดูบ้านพักสิน่ารักน่าอยู่โคตรๆ”

วิกานดาค้อนเพื่อนแต่พองามก่อนจะหันไปเบิกบานกับที่อยู่อาศัย

“นั่นสิแกน่าอยู่ยังกับรีสอร์ทแน่ะ”

“มาถึงกันแล้วเหรอหนูดาว”

เสียงหญิงกลางคนเอ่ยขึ้นอย่างยินดี

“สวัสดีค่ะคุณน้า”

พริบพันดาวหันไปทางต้นเสียงพอเห็นว่าเป็นใครเธอจึงยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะแนะนำเพื่อน

“น้ายาคะคนนี้ชื่อไอ้ต้อยค่ะเป็นเพื่อนสนิทมากๆ ของดาว”

“สวัสดีค่ะคุณน้า”

วิกานดายกมือไหว้ทำความเคารพ


“สวัสดีจ๊ะหนูต้อยพอดีผู้พันให้น้ามาดูความเรียบร้อยเรื่องที่อยู่แล้วก็เรื่องอาหาร บ้านพักหลังนี้ถึงจะอยู่เป็นสัดส่วนและห่างจากหลังอื่นสักหน่อยแต่ก็ปลอดภัยหายห่วงหนูสองคนไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ที่นี่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวถ้าไม่จำเป็นผู้ชายจะไม่ย่างกรายเข้ามา ในบ้านนี้มีสามห้องน้าจ้างแม่บ้านมาอยู่เป็นเพื่อนคนหนึ่งตามคำสั่งของคุณพี่แล้วชื่อป้าน้อยหนูทั้งสองเรียกใช้สอยได้ตามสบายเลยนะจ๊ะมาถึงเหนื่อยๆ น้าว่าหนูทั้งสองคนขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีกว่าเสร็จแล้วจะได้ลงมาทานข้าวต้มร้อนๆ”

มันทิยาบอกอย่างอารี

“ค่ะ”

สองสาวพยักหน้าอย่างว่าง่าย

“ประสงค์ช่วยยกกระเป๋าของคุณๆ ไปเก็บที่ห้องเสร็จแล้วก็ไปพักตามสบายนะ”

มันทิยาหันไปพยักหน้าบอกคนขับรถ

“ไม่เป็นไรค่ะน้ายากระเป๋าแค่ไม่กี่ใบเดี๋ยวดาวกับต้อยยกกันเองได้...”

พอเห็นกระเป๋าของหลานสาวที่คนขับรถกำลังขนลงมาวางบนพื้นมันทิยาถึงกับยิ้มกว้างด้วยความขบขันจนอดแซวไม่ได้

“เอามาคนละกี่ใบล่ะนั่น”

พริบพันดาวยิ้มแหยๆ เมื่อถูกแซวหญิงสาวกวาดตามองกระเป๋าของตนที่เกลื่อนอยู่บนพื้นแล้วเอ่ยขึ้นอย่างอายๆ

“ของดาวสี่ใบเองค่ะแต่ของไอ้ต้อยมากกว่าเฉพาะเครื่องสำอางของมันก็ปาไปใบหนึ่งเต็มๆ แล้วล่ะค่ะน้ายา”

“กระเป๋าคนละสี่ห้าใบจะขนเองไหวเหรอดูแต่ละใบใหญ่ไม่ใช่เล่นๆ ทำยังกับจะมาอยู่เป็นปีๆ อย่างนั้นแหละ”

มันทิยาถามอย่างเอ็นดูมากกว่าประชดถึงจะรู้สึกยินดีที่มีหลานสาวมาอยู่ใกล้ๆ แต่เธอรู้ดีว่าเก็จแก้วคงไม่มีปล่อยให้ลูกสาวคนเล็กอยู่ที่นี่นานนัก แม้จะรู้ว่าสาเหตุที่พริบพันดาวย้ายมาคืออะไรแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจจะถามให้มากความ

เมื่อสองสาวยืนกรานจะขนสัมภาระเองมันทิยาจึงพยักหน้าแล้วปล่อยให้หลานสาวขนของเข้าห้องพัก เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทั้งสองเริ่มเข้าที่เข้าทางเธอจึงเดินเลี่ยงไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมสำรับ


เกือบยี่สิบนาทีรถตู้คันใหญ่ที่ขับมาเรื่อยๆ ก็เทียบจอดที่หน้าสถานีตำรวจภูธรแม่สอดพอประตูรถเปิดออกหญิงสาวทั้งสองจึงก้าวลงแล้วเดินเข้าไปด้านในทันที

พอร่างเปรียวบางของร้อยเอกหญิงพริบพันดาวย่างเข้าไปในสำนักงานพร้อมกับเรือนร่างอันเย้ายวนของร้อยเอกหญิงวิกานดาบรรดานายตำรวจทั้งหนุ่มน้อยและหนุ่มเหลือน้อยต่างหยุดภารกิจทุกอย่างที่กำลังทำค้างอยู่

เมื่อเห็นหญิงสาวใบหน้าหวานเดินเคียงข้างมากับสาวงามที่แสนจะเซ็กซี่นายตำรวจทั้งหนุ่มและไม่หนุ่มถึงกับกระชุ่มกระชวยขึ้นทันตาแม้จะแปลกใจเมื่ออยู่ๆ ก็มีผู้หญิงสวยหยาดเยิ้มเดินดุ่มๆ เข้ามาแต่ก็ไม่มีใครกล้าขยับเข้าไปถามเพราะแต่ละคนต่างโดนมนต์นะจังงังกันถ้วนหน้า

“อ้าว! คุณพริบพันดาวมาทำอะไรที่นี่เหรอครับ”

เดินเข้าไปไม่ถึงสิบก้าวเสียงใสๆ ของใครคนหนึ่งก็เอ่ยทักอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังเดินเข้ามาเป็นใคร

“อ้าว! หมวดคุณมาทำอะไรที่นี่...อย่าบอกนะว่า...”

พอเห็นว่าคนที่ทักเป็นใครร้อยเอกหญิงถึงกับยิ้มไม่ออก

“ก็ประมาณนั้นแหละครับ”

ร้อยตำรวจตรีธิติพลยิ้มและช่วยตอบให้ความกระจ่างเพราะพอเข้าใจว่าหญิงสาวหมายถึงอะไร เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวที่เป็นต้นเหตุของการเด้งอย่างไม่เป็นธรรมดูเจื่อนๆ นายตำรวจผู้เคราะห์ร้ายจึงหัวเราะขึ้นแล้วยืนยันความเป็นอยู่ของตัวเองเพื่อให้เธอคลายจากความรู้สึกผิด

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับผมสบายดี”

“ดาวขอโทษนะคะที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณต้องถูกย้ายมาที่นี่...ดาวเสียใจค่ะ”
แม้สีหน้าเหยื่อเด้งไม่เป็นธรรมจะดูเริงร่าจนไม่น่าห่วงแต่พริบพันดาวก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคนอื่นต้องมาเดือดร้อนเพราะตัวเอง

“ไม่เป็นไรครับมาอยู่ที่นี่ก็ดีธรรมชาติสวยคนก็เป็นกันเอง...บางวันก็มีเรื่องตื่นเต้นให้ทำผมชอบที่นี่มากกว่ากรุงเทพฯ เยอะเลยอย่างน้อยก็ได้ทำอะไรให้ประเทศชาติไม่ใช่ไปนั่งรับแจ้งเหตุวิวาทของผู้มีอิทธิพล”

นายตำรวจหนุ่มหน้าแฉล้มบอกไปตามความรู้สึกก่อนจะหันไปทักทายหญิงสาวหน้าเฉี่ยวที่ยืนยิ้มอยู่ข้างเพื่อน

“สวัสดีครับคุณวิกานดาคราวนี้มาเที่ยวเสียไกลเลยนะครับ”

“ไม่ได้มาเที่ยวหรอกค่ะเราสองคนมาทำธุระ...หมวดถูกย้ายมาที่นี่นานหรือยังคะ”

วิกานดาถามกลับไปบ้าง

“ได้อาทิตย์กว่าๆ แล้วล่ะครับ...อ้อแล้วคุณมีธุระกับใครเหรอผมจะได้ไปตามให้”

“ดาวมาพบท่านพันตำรวจเอกกษิน วัฒนาจิราวัฒน์ น่ะค่ะไม่ทราบว่าท่านอยู่หรือเปล่า”

“อ๋อ...อยู่ครับจะว่าไปพวกคุณถือว่าโชคดีมากเลยนะเนี่นปกติท่านไม่ค่อยอยู่หรอกครับออกพื้นที่ตลอด แต่พอดีวันนี้ท่านนัดกับคนที่ทางกรมขอตัวให้มาช่วยงานเนี่ยผมก็กำลังรออยู่เชียวไม่รู้จะมาถึงตอนไหน...คุณทั้งสองนั่งรอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมจะไปเรียนให้ท่านทราบ”

ร้อยตำรวจตรีธิติพลชี้มือไปที่เก้าอี้แล้วรีบหมุนตัวเดินไปทางห้องผู้บังคับบัญชา แม้ลึกๆ จะนึกงงๆ ที่เห็นแม่สาวเลือดร้อนผู้ทำให้อนาคตของตนสั่นคลอนตามมาหลอนถึงชายแดน แต่นายตำรวจหน้าแฉล้มก็ไม่แปลกใจนักเพราะคิดว่าสาวสวยตรงหน้าคงมีความเกี่ยวข้องกับผู้บังคับบัญชาเพราะดูท่าเธอคงมีเส้นมีสายในระดับที่ไม่ธรรมดานัก...เห็นชัดจากเหตุการณ์ครั้งนั้นขนาดมีเรื่องกับลูกรัฐมนตรีกลาโหมเธอยังสร้างความขัดแย้งให้กับครอบครัวผู้มีอิทธิพลจนเขาหัวใจแทบวายเมื่อคนเป็นลูกสั่งให้ขังแต่คนเป็นพ่อกลับสั่งให้ปล่อย...

สองสาวเดินไปนั่งที่เก้าอี้แล้วรออยู่เงียบๆ ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของนายตำรวจจำนวนหนึ่ง หลายคนเหลือบมองร้อยเวรหนุ่มหน้าแฉล้มที่เพิ่งเดินออกไปด้วยสายตาที่แสดงความอิจฉาปนสงสัยอย่างชัดเจน แม้จะอยากรู้อยากเห็นว่าหญิงสาวแสนสวยมาธุระอันใดแต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปถามหรือแสดงอาการรุ่มร่ามแต่อย่างใด

เสียงรองเท้าที่เดินเป็นจังหวะฝ่าความเงียบเข้ามาทำให้นายตำรวจที่กำลังหัวใจไหวระทึกหันกลับไปมองแต่พอเห็นว่าคนที่กำลังเดินสง่าเข้ามาเป็นใครคนที่กำลังแอบมองสาวงามถึงกับรีบหันกลับไปทำงานของตัวเองทันที

ร้อยตำรวจเอกราชที่เดินใบหน้าเรียบเฉยหันไปมองหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งก้มหน้าก้มตาทำงานจนดูขยันเกินความจำเป็นสีหน้าฉงน แม้จะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมวันนี้สถานีตำรวจถึงได้เงียบเชียบจนผิดปกติแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร

ใบหน้าคมเข้มหรี่มองลูกน้องแต่ละนายอย่างแปลกใจเมื่อเห็นแต่ละคนดูประหม่าๆ ชอบกล พอเห็นความผิดปกติผู้กองหน้าเข้มก็อดถามขึ้นไม่ได้

“เอ้า...เป็นอะไรกันไปหมด...ทำไมถึงได้เงียบเป็นเป่าสากแบบนี้ล่ะปกติผมเข้ามาเสียงดังยังกับแขกขายผ้า”

“เอ่อ...คือ...”

นายตำรวจยศสิบตำรวจตรีคนที่อยู่ตรงหน้าทำเสียงอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้จะอธิบายอาการตื่นสาวงามอย่างไรดี

“อ้าว...เลยติดอ่างซะงั้น...หมู่คนที่ผู้กำกับรอมาถึงหรือยัง”

ผู้กองหน้าเข้มหัวเราะขบขันแล้วถามถึงคนที่กำลังเดินมา

“ผมยังไม่เห็นใครเลยครับนอกจาก...เอ่อ”

นายตำรวจคนเดิมทำเสียงอ้ำๆ อึ้งๆ จนคนถามชักจะรำคาญขึ้นมาตงิดๆ

“วันนี้เป็นอะไรไปฮึหมู่...เมียให้กินยาผิดประเภทหรือไงทำตัวแปลกๆ พิกลถ้าคนของท่านมาก็รีบไปบอกผมด้วยก็แล้วกัน”

พอสั่งเสร็จร่างสูงใหญ่ก็หันกลับไปทางเดิมพอหมุนตัวกำลังจะก้าวขาใบหน้าคมเข้มถึงกับชะงักงันแล้วหยุดตะลึงอยู่กับที่เมื่อสายตาสะดุดอยู่ตรงร่างอรชร...บอบบางใบหน้าหวานละมุนที่นั่งอยู่เงียบๆ ห่างออกไป

ร่างสูงใหญ่เหลือบไปมองผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ในบริเวณอย่างเข้าใจว่าทำไมแต่ละนายถึงได้ทำเหมือนถูกนะจังงังส่วนแววตาแต่ละคนก็ส่องประกายเจิดจ้า...แวววาวจนน่าฉงน

ร้อยตำรวจเอกราชที่ไม่เคยสะดุ้งสะเทือนกับสตรีนางใดถึงกับใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อเห็นแม่สาวหน้าหวานนั่งเงียบๆ อยู่บนเส้นทางที่เขากำลังจะย่างเดิน ความประหม่าที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตกำลังเข้าครอบคลุมจนเท้าที่กำลังจะย่างไปข้างหน้าเกิดหนักจนก้าวไม่ออกเอาดื้อๆ

นายตำรวจทั้งหลายถึงกับอมยิ้มเมื่อเห็นผู้บังคับบัญชาที่เรียกได้ว่าเย็นชาที่สุดในเรื่องอิสตรีสะดุดรักเข้าจังเบ่อเร่อแม้จะไม่มีใครเดาได้ว่าสตรีนางใดที่เป็นเจ้าของผลงานแต่ทุกคนก็นึกอิจฉาเพราะไม่ว่าจะเป็นคนไหนถ้าผู้กองหนุ่มสะดุดใจก็ถือว่าสวยไม่เกินกัน

พริบพันดาวลุกขึ้นเมื่อเห็นผู้หมวดหนุ่มเดินยิ้มเข้ามา หญิงสาวหันไปมองนายตำรวจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่และเลยไปทางนายตำรวจรูปร่างสูงสมาร์ทที่ยืนนิ่งๆ แล้วยิ้มบางๆ แม้จะรู้สึกขบขันกับท่าทางตื่นๆ ของนายตำรวจแต่ละนายแต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกนักเมื่อร้อยเวรหนุ่มเชื้อเชิญเธอจึงพยักหน้าชวนเพื่อนแล้วเดินไปตามทิศทางที่ธิติพลชี้บอก...





 

Create Date : 06 มิถุนายน 2553
4 comments
Last Update : 6 มิถุนายน 2553 2:17:02 น.
Counter : 503 Pageviews.

 

พรุ่งนี้งดอัพหนึ่งวันนะคะ ต้องไปเป็นคณะกรรมการเลือกตั้งค่ะ เจอกันวันจันทร์ค่ะ

อากาศเปลี่ยนฝนตกบ่อยๆ

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ส่วนพี่ๆ ที่อยู่ ตปท. ก็อย่างลืมดูแลรักษาสุขภาพด้วยค่ะ คิดถึงพี่หญิงนะคะ...หนังสือออกลูกออกหลานแล้วเน้อ...รีบๆ มารับนะจ๊ะ

คิดถึงค่ะ

อักษรา

 

โดย: sansook 6 มิถุนายน 2553 2:23:55 น.  

 

Uh oh, falling in love at first sight!

 

โดย: Olathe IP: 71.199.69.216 6 มิถุนายน 2553 2:57:50 น.  

 

จ้า...จะปล่อยให้ออกลูกออกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองก่อนแล้วจะมาเอานะจ๊ะ......ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ว้าวววว...พระเอกตกหลุมดังพลั่กแล้ว แต่ว่าจะเจอฤทธิ์นางเอกแบบไหนนี่ซิเนอะ .....ชอบทั้งพระเอก นางเอกเลยอ่ะ แบบว่าชอบบุคคลในเครื่องแบบอ่ะคะ .....มาอัพให้ไวนะจ๊ะ .....

 

โดย: ต่างแดน IP: 80.214.254.89 6 มิถุนายน 2553 20:17:24 น.  

 

เงาแปร จะออกเป็นเล่มหรือยังคะ

 

โดย: tuk_ora 7 มิถุนายน 2553 9:59:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.