sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 
ตอนที่ ๔ อีกฟากของปัญหา



ดนุเดชก้าวลงจากรถเดินเข้าบ้านด้วยอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง ใบหน้าคมเข้มบึ้งตึงเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ถูกนักข่าวนับสิบๆ ชีวิตรุมถ่ายรูปและกรูเข้าสัมภาษณ์ถึงแม้ทางตำรวจจะช่วยกันกลุ่มนักข่าวไม่ให้ถึงตัวเขาแต่พวกนั้นก็ได้ภาพไปไม่น้อย และพรุ่งนี้ภาพเหล่านั้นคงจะโชว์หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์จนดังครึกโครมไปอีกพักใหญ่ ชายหนุ่มกราดตามองไปทางคนติดตามร่างใหญ่ประกายตาเอาเรื่องก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“พวกแกแต่ละคนเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ จะไปไหนก็ไปเห็นหน้าแล้วหงุดหงิด...”

ชายหนุ่มไล่ไล่ตะเพิดชายร่างใหญ่ทั้งสามอย่างหัวเสียด้วยสีหน้าทั้งเซ็งทั้งสมเพช เมื่อเห็นสภาพของแต่ละคนดูแล้วช่างขัดตาและอารมณ์

“ฮึ...เจ็บใจจริงๆ มีแต่คนไม่ได้เรื่องพวกแกตัวใหญ่กว่ามันตั้งกี่เท่าแต่ทำไมไม่มีใครเอานังนั่นอยู่สักคน“

ดนุเดชปรายตามองตามหลังผู้ติดตามทั้งสามแล้วแค่นเสียงอย่างปรามาส ก่อนจะสะบัดหน้าเดินเข้าบ้านไปอย่างหงุดหงิดใจ

“ตาดนุเป็นยังไงบ้างลูก”

ร่างสูงโปร่งเดินยังไม่พ้นประตูร่างอวบอิ่มของใครคนหนึ่งก็ถลาเข้าไปหาพร้อมกับถามไถ่น้ำเสียงร้อนรน

“คุณแม่!...คุณแม่ต้องช่วยผมนะฮะ”

ดนุเดชลดอาการฉุนเฉียวลงทันทีก่อนจะหันไปกอดเอวอวบของมารดาแล้วออดอ้อน

“ต๊าย! อะไรกันทำไมหัวลูกเป็นแบบนี้ตาดนุบอกมาว่าใครหน้าไหนมันกล้ามาทำให้ลูกของแม่แบบนี้”

เสียงถามที่ร้อนรนในคราแรกเปลี่ยนเป็นหวีดร้องอย่างตระหนกเมื่อนางเห็นศีรษะของบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนมีผ้าสีขาวโปะอยู่

“คุณแม่ต้องเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุดนะฮะดูสิดูมันทำกับผม เจ็บใจจริงๆ มันทำผมขนาดนี้ตำรวจเฮงซวยพวกนั้นยังปล่อยมันไปหน้าตาเฉยสงสัยพวกมันคงไม่เห็นคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ในสายตา”

ดนุเดชเข่นเขี้ยวพร้อมกับสุมไฟหวังให้มารดาเดือดดาล

“ใครมันเป็นใครตาดนุบอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ...ฮึมันกล้าดียังไงถึงมาทำกับลูกของแม่แบบนี้”

คุณหญิงวรารมย์ที่รักลูกไม่ถูกทางเกิดอาการเดือดดาลขึ้นทันใดเมื่อเห็นสภาพใบหน้าของบุตรชายมีแผลฟกช้ำอยู่หลายแห่ง

“ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นใครแต่คิดว่าคงมีเส้นมีสายไม่เบาตำรวจพวกนั้นถึงไม่กล้าแตะ”

“ตำรวจพวกนั้นมันไม่รู้เหรอว่าดนุเป็นใคร”

คุณหญิงวรารมย์ถามน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน

“รู้ซีฮะแต่พวกมันก็ยังเฉย...สงสัยพวกมันคงไม่เห็นคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ในสายตา”

ดนุเดชเข่นเขี้ยวอย่างมีอารมณ์

“ตำรวจพวกนั้นมันอยู่โรงพักไหน? ชื่ออะไร? บอกแม่มา เดี๋ยวแม่จะจัดการสั่งย้ายมันภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงพวกมันจะได้รู้เสียบ้างว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร”
คุณหญิงวรารมย์อวดอ้างความยิ่งใหญ่ของตนด้วยน้ำเสียงแสดงอำนาจอยู่กรายๆ

“คุณก็เป็นเสียอย่างนี้ให้ท้ายลูกจนมันจะเสียคนอยู่แล้วไม่เห็นเหรอ”

ชายกลางคนที่เพิ่งเดินลงมาจากด้านบนต่อว่าภรรยาน้ำเสียงตำหนิ

“เอ๊ะ...คุณมไนยคุณพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไงคะ”

ดวงตาเฉียบขาดปรายไปจ้องหน้าสามีที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบอย่างเอาเรื่อง

“จะหมายความว่ายังไง...ก็หมายความว่าลูกมันจะเสียคนอยู่แล้วน่ะสิ”

“ลูกเสียคนตรงไหนพูดให้ดีๆ นะคุณ”

คุณหญิงที่รักลูกจนสุดหัวใจถามกลับด้วยระดับเสียงที่แสดงชัดว่ากำลังเคืองสุดๆ

“คุณก็ดูมันซิวันๆ หาแต่เรื่องเข้าบ้านเจ้าดนุฉันถามแกจริงๆ เถอะว่าถ้าฉันกับแม่แกตายไปใครมันจะอยู่คุ้มกะลาหัวให้แก...มีเรื่องมาให้ปวดหัวมันทุกวันไม่ตีกับคนโน้นก็ตีกับคนนี้...ฉันล่ะเบื่อหน่ายกับความไม่เอาถ่านของแกจริงๆ “

คนเป็นบิดาปรายตาไปมองบุตรชายคนเดียวที่กำลังซุกตัวอยู่ในอกของภรรยาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเต็มทน

“อ้าว...คุณพูดแบบนี้กับลูกได้ยังไงลูกได้รับบาดเจ็บจนหัวร้างข้างแตกแทนที่จะช่วยเอาเรื่องไอ้คนทำกลับมาซ้ำเติมลูกแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน”

คุณหญิงวรารมย์หันไปแว๊ดเสียงต่อว่าสามีอย่างเหลืออด

“ผมไม่ด่ามันว่าไอ้หน้าตัวเมียก็นับว่าเป็นบุญแล้ว เจ้าดนุฉันล่ะอับอายเหลือเกินกับเรื่องทุเรศๆ ที่แกสร้างขึ้น “

คนพูดเดินเข้าไปใช้นิ้วจิ้มลงบนขมับของบุตรชายแล้วผลักแรงๆ อย่างมีอารมณ์

“ว๊าย! คุณมไนยคุณจะบ้าเหรอทำไมมาทำกับลูกแบบนี้”

“ผมไม่กระทืบซ้ำก็นับว่าเป็นบุญของมัน...ดนุแกนะแกฉันไม่รู้จะสรรหาคำๆ ไหนมาเปรียบกับคนอย่างแกดี ไปมีเรื่องกับใครไม่มีดันไปมีเรื่องกับผู้หญิงอายเขามั้ย...แล้วโดนไปกี่เข็มล่ะคราวนี้”

มไนยกดมือลงบนผ้าสีขาวแล้วเข่นเขี้ยวอย่างมีอารมณ์

“โอ๊ย!...คุณแม่!...ช่วยผมด้วย”

ดนุเดชถึงกับแหกปากลั่นเมื่อบิดากำลังกดซ้ำลงบนบาดแผล

“คุณมไนย!...คุณจะบ้าเหรอเอามือจิ้มแผลลูกแบบนี้เดี๋ยวเลือดก็ไหลตายกันพอดี...โอ๋ๆ...ลูกจ๋าลูกเจ็บตรงไหนบอกแม่มา”

คุณหญิงประจำบ้านถึงกับเต้นผางเมื่อเห็นสามีลงไม้ลงมือกับบุตรชายสุดที่รัก ก่อนจะตวัดสายตาปรามสามีแล้วรีบกลับมาโอ๋คนที่ซุกอยู่ในอก

“เออให้เลือดชั่วๆ ของมันไหลออกมาให้หมดก็ดีเผื่อเลือดดีๆ จะมีอยู่ในตัวมันบ้าง”

“เอ๊ะ...คุณมไนยทำไมคุณพูดแบบนั้นฮึ”

เสียงแว๊ดของคุณหญิงเพิ่มระดับความดังขึ้นเมื่อเห็นว่าสามียังคิดจะเอาเรื่องบุตรชายให้ได้

“ผมไม่แพ่นกะบาลมันซ้ำก็นับว่าปราณีแค่ไหน”

“ก็ลองแตะลูกฉันดูสิวันนี้บ้านได้แตกแน่”

“คุณก็เป็นเสียอย่างนี้ให้ท้ายลูกจนมันจะเสียคนอยู่แล้ว...ขืนยังเข้าข้างลูกแบบผิดๆ อีกหน่อยคงมีคนหามศพมันกลับบ้านเพราะไปมีเรื่องกับคนเขาไปทั่ว”

“คุณมไนย!...”

ดนุเดชถึงกับกัดฟันดังกรอดๆ เมื่อเห็นสงครามย่อยๆ ที่บิดากำลังเปิดเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ชายหนุ่มเหลือบไปจ้องใบหน้ากราดเกรี้ยวของบิดาแล้วนิ่งคิดตกลงแม่นั่นมันเป็นใครกันแน่? ทำไมถึงได้มีอิทธิพลจนถึงขั้นทำให้พ่อของเขาต้องลุกขึ้นมาเต้นเร่าๆ แล้วเอาเรื่องเขาแบบนี้

“คุณมไนย! เดี๊ยนไม่ยอมให้เรื่องนี้จบลงแค่นี้แน่คุณไม่เป็นเดือดเป็นร้อนที่ลูกโดนเขารังแกก็เรื่องของคุณแต่เดี๊ยนเป็นแม่ยังไงก็ยอมไม่ได้ คุณบอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าคนที่ทำให้ตาดนุเป็นแบบนี้มันเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนทำไมถึงได้กำแหงกับอำนาจที่คุณมี”

คำถามที่มารดากำลังโพล่งออกไปทำให้ดนุเดชถึงกับหูผึ่งและนึกขอบคุณคนตั้งคำถามว่าช่างตรงกับใจเขาจริงๆ

“หึ...อำนาจมันก็เป็นเหมือนหัวโขนมีได้ก็หมดได้คุณจะไปยึดติดอะไรนักหนา”

คนที่มีอำนาจอยู่เต็มมือทำเสียงหึอยู่ในลำคอแล้วพยายามชี้ให้ภรรยาเห็นถึงความไม่แน่นอนกับสิ่งที่มี

“ถึงอำนาจมันจะมีขึ้นมีลงแต่คุณก็เห็นว่าเดี๊ยนมีปัญญาทำให้อำนาจมันคงอยู่ได้ตลอดตราบเท่าที่เราต้องการ”

คุณหญิงผู้เป็นเบื้องหลังความสำเร็จของสามีเชิดหน้าบอกอย่างทะนง

“ถ้าคุณชอบไอ้อำนาจจอมปลอมนี้มากนักทำไมไม่ขึ้นมากุมมันเสียเองล่ะ ผมเบื่อกับความเป็นอยู่ที่ต้องยืนอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งและการแก่งแย่งชิงดีเต็มทนแล้ว”

มไนยบอกภรรยาอย่างเหนื่อยหน่าย

“คุณก็เป็นเสียอย่างนี้ใจเสาะตำแหน่งนี้มีคนเขาอยากขึ้นกุมอำนาจใจแทบขาดหลายคนยอมทุ่มเงินทองขอให้ได้นั่งเก้าอี้ตัวนี้สักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่คุณสิได้มันมาง่ายๆ กลับไม่ภาคภูมิใจกับสิ่งที่มีน่าสมเพชจริงเชียว”

คนเป็นภรรยาเบะปากอย่างดูแคลน

“ผมไม่ได้ใจเสาะแต่ผมเบื่อ...เบื่อที่จะต้องสวมหัวโขนเบื่อที่จะต้องมานั่งแก้ปัญหาให้ไอ้ลูกไม่ได้ความของคุณ แกก็เหมือนกันเจ้าดนุแทนที่จะทำตัวดีๆ ให้เป็นที่นับหน้าถือตาแต่ดูเถอะนอกจากจะไม่ส่งเสริมพ่อแม่แกกลับนำแต่เรื่องแย่ๆ เข้าบ้านตลอด...”

“คุณมไนยเดี๊ยนชักจะเหลือทนกับคุณแล้วนะอะไรกันลูกบาดเจ็บจนหัวร้างข้างแตกแทนที่จะช่วยกันคิดแก้ไขแต่กลับมาด่าทอแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน”

“จะไม่ให้ผมด่ามันได้ยังไงวันนี้คุณรู้ไหมว่ามันไปมีเรื่องกับผู้หญิง...”

มไนยชำเลืองมองหน้าภรรยาแววตาเรียบเฉยก่อนจะปรายไปทางบุตรชายอย่างดูแคลนก่อนจะกระแทกเสียงแดกดันบุตรชายน้ำเสียงกราดเกรี้ยว

“ฉันไม่รู้จะด่าแกยังไงกับสิ่งที่แกทำในวันนี้แกรู้ไหมว่าพวกนักข่าวมันจะโจมตีฉันยังไงบ้าง...หึตอนนี้พวกคู่แข่งมันคงนั่งหัวเราะเยาะจนตกเก้าอี้ไปแล้วกระมังที่ลูกชั่วๆ อย่างแกทำเรื่องงามหน้าให้ได้อายไม่รู้จักจบจักสิ้น”

“คุณมไนย...หยุดด่าว่าลูกสักทีถ้าคุณไม่คิดจะช่วยก็ไม่ต้องมาทำให้เสียเรื่อง...ก็ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างเดี๊ยนจะไม่มีปัญญาช่วยลูก”

“เออ...ช่วยมันเข้าไปเข้าข้างมันเข้าไปเพราะเป็นเสียอย่างนี้ลูกมันถึงได้สร้างแต่ปัญหา...”

มไนยหันไปตะคอกใส่หน้าภรรยาอย่างเหลืออด ใบหน้าเคร่งขรึมของชายกลางคนดูเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่บุตรชายสร้างขึ้น ดวงตาสีหม่นเหลือบไปมองหน้าของบุตรชายด้วยสายตาที่เห็นชัดเจนว่ากำลังเอือมระอาแค่ไหนเพราะหลายครั้งหลายหนที่ดนุเดชมักจะสร้างปัญหาให้พ่อแม่ตามไปแก้จนเขาชักจะเริ่มละอายที่ต้องใช้เส้นสายเข้าช่วยเหลือ

ถึงแม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจเพื่อช่วยลูกและวางเฉยกับปัญหาอยู่บ่อยครั้ง แต่สุดท้ายด้วยอำนาจที่อยู่ในกำมือก็พลิกผันสถานการณ์ไปเสียทุกครั้งโดยมีศรีภรรยาผู้รักลูกจนมองไม่เห็นความถูกต้องเป็นผู้ดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง

“ปัญหา...คุณเห็นอาการบาดเจ็บของลูกเป็นปัญหาเหรอคะ...”

คุณหญิงวรารมย์จ้องหน้าสามีที่กำลังเกรี้ยวกราดอย่างผิดหวัง

“ใช่...ถ้ามันไม่เหลิงกับอำนาจของพ่อแม่มันก็ไม่เจ็บตัวหรอกกี่ครั้งกี่หนแล้วที่มันไปสร้างเรื่องงามหน้าให้คนทั้งบ้านทั้งเมืองด่าทอสาปแช่งคุณก็เหมือนกันเลิกให้ท้ายมันได้แล้ว...มัวโอ๋มันแบบผิดๆ อยู่อย่างนี้ลูกจะเป็นคนดีได้ยังไง”

“ตกลงคุณจะไม่ช่วยลูกใช่ไหม”

เมื่อเห็นท่าทางของสามียังแข็งขืนคุณหญิงวรารมย์จึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเด็ดขาด

“ใช่...และบอกไว้ก่อนว่าถ้าคุณจะช่วยมันก็อย่ามาอ้างอำนาจที่ผมมีผมไม่อยากให้ใครๆ ตราหน้าว่ารังแกผู้หญิง”

พูดจบมไนยจึงหมุนตัวเดินกลับขึ้นห้องไปด้วยท่าทางที่เฉยเมยจนคนมองตามสะบัดหน้าอย่างแสนงอน

“ถึงคุณพ่อจะไม่ช่วยก็ไม่ต้องไปสนใจ...เชอะเรื่องแค่นี้เดี๋ยวแม่จัดการเองก็ได้ไปลูกขึ้นไปพักผ่อนได้แล้วเดี๋ยวแม่จัดการให้เอง...”

“คุณแม่ครับทำไมคุณพ่อถึงไม่ค่อยรักผมเลย...หรือว่าผมไม่ใช่ลูกของท่าน”
ดนุเดชเงยหน้าถามมารดาด้วยประกายตาที่ฉายชัดว่ากำลังน้อยอกน้อยใจ
“ต๊าย! ตาดนุอย่าไปเที่ยวพูดแบบนี้ให้ใครเขาได้ยินนะลูก...”

คุณหญิงวรารมย์ถึงกับเต้นผางเมื่อได้ยินคำถามอันชวนให้ตกใจ

“ก็ผมสงสัยนี่ฮะคุณแม่ก็เห็นว่าคุณพ่อไม่เคยเข้าข้างผมเลย ขนาดผมโดนคนทำร้ายจนเลือดตกยางออกแต่คุณพ่อก็ยังทำเป็นไม่สนใจไม่ถามผมสักคำว่าผมเจ็บมากมั้ย...คุณพ่อมีแต่ด่าทอคุณพ่อคงเกลียดผมมากใช่ไหมฮะ”

“โอ๋...ทูนหัวของแม่อย่าคิดแบบนั้นสิลูกคุณพ่อท่านคงจะห่วงหน้าตากับหน้าที่การงานจนลืมหน้าที่ของคนเป็นพ่อไป”

มืออวบอูมวางลงบนศีรษะได้รูปของบุตรชายแล้วลูบไปมาเหมือนปลอบโยนเพราะเข้าใจดีว่าทำไมสามีถึงได้วางเฉยกับเรื่องนี้ คุณหญิงร่างอวบหลุบตามองใบหน้าเศร้าสร้อยของบุตรชายคนเดียวด้วยความรักอันสุดซึ้ง

ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าความรักที่เธอมีให้ลูกมันเป็นความรักที่ผิด...แต่หัวอกคนเป็นแม่ใครจะทนได้หากลูกถูกรังแกดนุเดชเป็นบุตรชายคนเดียวที่เธอมี...การที่เธอรักลูกและทำทุกอย่างเพื่อลูกมันผิดตรงไหน...





Create Date : 26 พฤษภาคม 2553
Last Update : 26 พฤษภาคม 2553 14:34:51 น. 2 comments
Counter : 608 Pageviews.

 
แวะมาทักทายจ้า


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 26 พฤษภาคม 2553 เวลา:16:25:35 น.  

 
โอ้โห ไม่พักเลยเหรอจ๊ะ.....อัพเรื่องใหม่ต่อเลยอ่ะ ....
แต่เรื่องนี้นางเอกบู๊ แถมเป็นคนในเครื่องแบบด้วย ชอบ ชอบ ว่าแต่อย่าบอกว่าไอ้ที่โดนตีหัวแบะเนี่ยะเป็นพระเอกนะ....ไม่เอารับไม่ได้ กร่าง ๆ แบบนี้ไม่เหมาะที่จะเป็นพระเอกหรอก....หุ หุ


โดย: ต่างแดน IP: 80.214.254.85 วันที่: 27 พฤษภาคม 2553 เวลา:2:29:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.