sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
1 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ ๗ บทสรุปของปัญหา





หนึ่งอาทิตย์ต่อมาในห้องโถงของคฤหาสน์หลังใหญ่กำลังกรุ่นไปด้วยกลิ่นอายของความขัดแย้ง เมื่อเสียงพูดคุยที่เจื้อยแจ้วอย่างมีจริตมานับห้านาทีค่อยๆ เปลี่ยนเป็นห้วนจนจับน้ำเสียงคนพูดได้ชัดเจนว่าไม่ใคร่พอใจกับคู่สนทนาที่อยู่อีกฟากของโทรศัพท์สักเท่าไร

ใบหน้าอิ่มที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพงแย้มยิ้มชั่วแวบแล้วเปลี่ยนเป็นถมึงทึงจนคนที่นั่งห่างออกไปเริ่มขยับตัวแล้วจ้องมองปฏิกิริยาที่เปลี่ยนนั้นอย่างไม่วางตา พอมืออวบอิ่มที่แพรวพราวไปด้วยเครื่องเพชรกดวางโทรศัพท์เสียงถามอย่างร้อนรนของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“ทางโน้นเขาว่ายังไงฮะคุณแม่”

“ฮึ...พวกนั้นกล้าดียังไงถึงได้ปฏิเสธเรา”

เสียงคุณหญิงวรารมย์กราดเกรี้ยวขึ้นเมื่อได้ยินคำปฏิเสธชัดเจนลอดผ่านมาตามสายโทรศัพท์ที่เพิ่งกดวาง

“อะไรนะ! พวกเขาปฏิเสธงั้นเหรอฮะ “

ดนุเดชผุดขึ้นนั่งตัวตรงแล้วจ้องมารดาตาเขม็ง

“พวกนั้นอ้างว่าไม่อยากบังคับลูก...บังคับอะไรเราให้เกียรติถึงขนาดออกปากสู่ขอแล้วตบแต่งให้สมเกียรติทำแบบนี้มันไม่เห็นแก่หน้ากันเลยหรือไงกำแหงเกินไปแล้ว...”

คุณหญิงวรารมย์เข่นเขี้ยวอย่างแค้นเคืองเมื่อเจ้าสัวรุ่งโรจน์ออกปากปฏิเสธไม่ยอมรับการเกี่ยวดองในทุกกรณี ด้วยความที่เป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่างและเชื่อมั่นในศักยภาพของฐานอำนาจและฐานะที่เป็นอยู่นางจึงรับไม่ได้หากจะมีใครสักคนเมินเฉยกับสิ่งที่เธอมี

“คนพวกนั้นมันใหญ่คับฟ้ามาจากไหนเหรอฮะถึงกล้าปฏิเสธเรา”

ดนุเดชทำเป็นฮึดฮัดขึ้นมาบ้าง

“ทำแบบนี้มันไม่ไว้หน้ากันเลย...แม่ให้เกียรติพวกเขาถึงขนาดบากหน้าไปขออย่างถูกต้องตามประเพณี...แต่พวกเขากลับเมินเฉย...ดนุแม่ถามแกจริงๆ เถอะแกชอบแม่พริบพันดาวนั่นจริงๆ เหรอ”

คุณหญิงวรารมย์ตวัดตามองบุตรชายแววตาจริงจัง

“เปล่า...”

ดนุเดชยักไหล่น้อยๆ ประกอบคำปฏิเสธ

“ไม่ชอบก็ดี...แม่รึอุตส่าห์ลดตัวไปขอเกี่ยวดองด้วย...พวกจองหองแบบนี้แม่ไม่ปลื้มเลยจริงๆ”

“พวกเขาคงคิดว่าตัวเองร่ำรวยน่ะสิถึงไม่เห็นเราอยู่ในสายตา”

“เชอะ...ถึงครอบครัวนั้นจะร่ำรวยแต่มันก็เป็นแค่พวกอพยพถิ่นฐานมาตั้งรกรากในแผ่นดินเรา...ต้นตระกูลหอบแค่เสื่อกับหมอนมาหรือเปล่าก็ไม่รู้...อย่าไปดองมันเลยกับพวกเลือดไม่แท้แบบนั้น”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่คิดรวมญาติคุณหญิงจึงเหยียดริมฝีปากดูถูกอย่างมีอารมณ์

“ถ้าพวกเขาไม่ยอมตกลงคุณแม่ก็บีบแม่นั่นให้มันออกจากราชการไปเลยสิฮะ...ผมไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ง่ายๆ หรอก”

ดนุเดชยังคงกัดไม่ปล่อย

“แค่ให้ออกจากราชการมันจะไปสาใจอะไรเอาเถอะแล้วแม่จะจัดการเรื่องนี้ให้...เจ็บใจจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าถ้าปฏิเสธผลจะเป็นแบบไหน...พวกนั้นก็ยังจะท้าทาย...คนอย่างคุณหญิงวรารมย์ไม่เคยได้รับคำปฏิเสธจากใครในเมื่ออยากลองดีก็จะได้รู้กัน”

“แล้วคุณแม่จะทำยังไงล่ะฮะ...เท่าที่เห็นดูเหมือนคนบ้านนั้นไม่ได้สะทกสะท้านกับอำนาจที่เรามีเลยสักนิด”

ดนุเดชถามขึ้นเมื่อเห็นประกายตาของมารดากำลังขุ่นขวาง

“ก็ช่างมันปะไรแล้วพวกนั้นก็จะได้รู้ว่าถ้าคิดลองดีกับแม่พวกมันจะเจอกับอะไร”

คุณหญิงวรารมย์เข่นเขี้ยวอย่างเดือดดาล

“แล้วนั่นแกจะไปไหน?”

“ผมจะไปหาแม่นั่นสักหน่อย...”

ดนุเดชบอกพร้อมกับเดินออกไป

“แกจะไปทำไม?...”

คนเป็นแม่ตะโกนตามหลังไปติดๆ

“ผมก็จะไปดักคอแม่นั่นน่ะซีครับ...ถ้าเกิดแม่นั่นเห็นคำสั่งแล้วใจเสาะลาออกก่อนมันจะไปสนุกอะไรใช่ไหมฮะ”

ดนุเดชหันกลับมาทำตาแพรวพราวกับมารดาแล้วผิวปากเดินออกจากบ้านไปอย่างอารมณ์ดี เสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มขึ้นทำให้คุณหญิงพอใจไม่น้อย...ดนุเดชพูดถูกลองแม่นั่นใจเสาะลาออกไปมันคงไม่สะใจอะไร ใบหน้าถมึงทึงที่ฉาบด้วยเครื่องสำอางสีสันอันสดใสเปลี่ยนเป็นเครียดขรึมเมื่อนึกถึงคำปฏิเสธของเจ้าสัวรุ่งโรจน์

แม้จะรู้ว่าเธอกำลังใช้อารมณ์ส่วนตัวสรุปปัญหาในครั้งนี้ แต่เดินหน้ามาแล้วมันก็ยากที่จะถอยหลังคนเมื่อพวกนั้นกำลังท้าทายอำนาจในมือเธอก็จะสั่งสอนให้พวกเขารู้ว่าหากคิดจะลองดีผลที่ได้รับมันจะสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน

เมื่อความฮึกเหิมในอำนาจมีมากกว่าความยุติธรรมคนที่หลงใหลในอำนาจจึงคิดฟาดฟันกับทุกคนที่มองผ่านความสำคัญของตน...มืออวบอิ่มกรีดนิ้วที่มีเพชรเม็ดเขื่องไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด...

ไม่ถึงอึดใจเมื่อปลายสายตอบรับริมฝีปากสีสดก็กรอกเสียงเหี้ยมเกรียมลงไปในสาย ดวงตาที่แต่งแต้มด้วยสีสันอันสวยสดเบิกขึ้นสลับกับหรี่ลงเมื่อบทสนทนาเริ่มเข้มข้นจนเผลอแสดงอารมณ์ออกมากับท่าทางและสีหน้าในยามพูดคุย

เกือบสามสิบนาทีบทสนทนาอันเข้มข้นก็ยุติลง โดยคุณหญิงวรารมย์เเน้นย้ำถ้อยคำที่ฝากฝังน้ำเสียงเด็ดขาดและเหี้ยมเกรียม

“น้องต้องการให้มันตกนรกทั้งเป็นอยู่ที่สามจังหวัดชายแดนภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้...คุณพี่จัดการมันได้เลย”

ใบหน้าอวบอิ่มเข่นเขี้ยวอย่างสาใจเมื่อนึกถึงบทสรุปสุดท้ายที่เธอกำลังหยิบยื่นให้กับพริบพันดาว ถึงแม้การสั่งย้ายผู้ใต้บังคับบัญชาไปชายแดนจะเป็นเรื่องปกติที่กองทัพมีคำสั่งอยู่บ่อยๆ แต่ทุกครั้งการโยกย้ายมักจะมีแต่นายทหารระดับสูง...และคนที่ถูกโยกย้ายก็เป็นผู้ชายทั้งนั้น...

“ให้แกออกจากราชการมันดูสบายเกินไป ฉันก็อยากจะรู้ว่าพวกแกจะแก้ปัญหานี้ได้ยังไง”

คุณหญิงวรารมย์นึกกระหยิ่มกับอำนาจในมือที่มีมากมายจนสามารถชี้ชะตาใครก็ได้ให้เป็นไปตามความต้องการ ตอนแรกเธอแค่รู้สึกโกรธที่บุตรชายถูกทำร้ายแต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเสียหน้าที่ถูกอีกฝ่ายท้าทายอำนาจ

“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าสัวจะทำหน้ายังไงเมื่อเห็นลูกต้องยืนอยู่กับความเสี่ยงที่มีความตายรออยู่ตลอดเวลาแบบนั้น”

รอยยิ้มเยาะหยันผุดออกมาจากมุมปากสีสดเมื่อนึกถึงความโกลาหลของอีกฝ่าย แม้จะรู้ว่าทางบ้านของเจ้าสัวรุ่งโรจน์ก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา แต่เวลานี้ใครจะมียิ่งใหญ่เท่ากับผู้บริหารประเทศที่มีอำนาจสั่งการได้ทุกกระทรวง พวกนั้นจะได้รู้เสียบ้างว่ามดตัวเล็กๆ ที่บังอาจมากัดร่างกายของคนที่สามารถบีบบี้ให้มันตายได้อย่างง่ายดาย...จะได้รับผลของความเหิมเกริมนั่นยังไง....

ดนุเดชยืนรอพริบพันดาวอย่างใจเย็นมานับชั่วโมง ใบหน้าคมเข้มจ้องทางออกสีหน้าเรียบเฉย ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถเข้าออกตัวอาคารหลังมหึมาตรงหน้าได้อย่างสะดวกแต่เขาก็ไม่คิดที่จะเดินเข้าไปในตึกให้เป็นเป้าสายตาของใครๆ

ชายหนุ่มไขว้ขาพิงกับตัวรถในท่าสบายๆ เมื่อเห็นว่าได้เวลาเขาจึงเหลือบตามองนาฬิกาเรือนหรูบนข้อมือก่อนจะสอดมือซ้ายล้วงกระเป๋ากางเกงส่วนมือขวาก็แกว่งกุญแจฆ่าเวลาอย่างสบายอารมณ์

เกือบสิบนาทีหลังจากหมดชั่วโมงทำงานของหน่วยงานตามเวลาราชการ ร่างปราดเปรียวของพริบพันดาวก็เดินปะปนออกมากับเจ้าหน้าที่คนอื่นอีกหลายคน ดนุเดชจ้องใบหน้าสวยหวานในเครื่องแบบอันน่าเกรงขามอย่างพินิจ

...เขาปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าเธอดูสง่างามจนน่าหลงใหลขนาดไหน...เรือนร่างสูงเปรียวระหงก็อรชรอ้อนแอ้นดูยังไงก็ขัดกับอาชีพการงานที่เธอเลือก...ผู้หญิงอย่างพริบพันดาวมีความงามที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและฐานะแต่น่าเสียดายที่เขากับเธอกลายเป็นศัตรูกันไปแล้ว...

“มาทำไมอีก...”

พริบพันดาวถามขึ้นเมื่อเห็นเจ้าโย่งอันธพาลยืนพิงรถคันหรูที่จอดเทียบกับรถของเธอ

“อยากคุยด้วย”

ดนุเดชไล่สายตามองไปตามเรือนร่างระหงอย่างจาบจ้วงจนคนถูกมองแทบยกนิ้วจิ้มตาคู่นั้นเพื่อเป็นการสั่งสอน

“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ...”

หญิงสาวเชิดหน้าปรายตาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่สะทกสะท้านพร้อมกับตอบกลับน้ำเสียงห้วนปนรำคาญ

“คุณกล้าดียังไงถึงปฏิเสธเรื่องแต่งงานของเรา”

ดนุเดชเริ่มลั่นระฆังให้สัญญาณขึ้นสังเวียน

“เราไหน?...”

หญิงสาวเลิกคิ้วถาม

“คุณอย่ามายียวน...พริบพันดาวคุณก็รู้ว่าถ้าปฏิเสธผมผลมันจะเป็นยังไง...”

“แล้วไง...”

“แล้วไงงั้นเหรอ...คุณใช่ไหมว่าถ้าปฏิเสธตัวเองจะต้องเจอกับอะไร...”

ชายหนุ่มปรายตาจ้องดวงหน้าหวานละไมอย่างเป็นต่อ

“รู้...”

หญิงสาวตอบสั้นๆ ชัดๆ และได้ใจความ จนดนุเดชอดหมั่นไส้ในความผยองของเธอไม่ได้ ชายหนุ่มจ้องดวงหน้าหวานละไมแววตาเย็นชาก่อนจะแค่นเสียงออกมาอย่างเหลืออด

“แต่คุณก็ยังกล้าที่จะท้าทาย”

“ฉันไม่ได้ท้าทายฉันแค่ยืนยันให้คุณเห็นว่าชีวิตมันก็เป็นของฉัน...แม้ในวันหน้าจะมีใครสักคนขีดเส้นทางให้ฉันเดินแต่มันก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะไม่ว่าวันนี้หรือวันไหนฉันก็จะเดินไปจนสุดทางด้วยเท้าของฉันเอง”

“ดูเหมือนเธอจะมั่นใจในตัวเองเหลือเกินนะพริบพันดาว...ฉันจะสงเคราะห์บอกให้เอาบุญว่าที่ๆ ฉันจะส่งเธอไปมันไม่ใช่ที่ดีๆ แน่...ลองคิดให้ดีว่าเธอจะลงไปอยู่ในนรกหรือจะขึ้นไปยืนอยู่บนสรวงสวรรค์กับฉัน...เลือกเอา”

ดนุเดชเริ่มขู่เข็นพร้อมกับให้โอกาสหญิงสาวตรงหน้าตัดสินใจอีกครั้ง

“...ฉันบอกแล้วไงว่าชีวิตมันเป็นของฉันและฉันไม่มีวันแต่งงานกับผู้ชายเฮงซวยอย่างคุณแน่...”

ร้อยเอกหญิงตวัดตาจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละเมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังถูกข่มขู่
“เธอเลิศเลอมาจากไหนกันถึงกล้าปฏิเสธคนอย่างฉัน”

พอเห็นสายตาของหญิงสาวคมกร้าวเหมือนกำลังท้าทายดนุเดชที่ความแค้นฝังใจจนไม่สนใจกับอะไรทั้งสิ้นก็เริ่มแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดออกมา

“แล้วคุณล่ะจุติมาจากวิมานไหนไม่ทราบถึงได้คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาขนาดนี้”

“พริบพันดาว! เธออย่ามากำแหงกับฉัน”

ชายหนุ่มตะคอกอย่างมีอารมณ์เมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้าไม่สะทกสะท้านสักนิดกับอำนาจที่เขามี

“ถ้าคุณคิดจะมาหาเรื่อง...ฉันว่าคุณกลับไปเถอะมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอก...ถ้าคิดว่าอำนาจในมือมันจะทำให้ฉันก้มหัวจนยอมรับทุกเงื่อนไขอันโง่เง่านั่นคุณคิดผิด...เอาสิถ้าคุณจะใช้อำนาจที่มีฟาดฟันฉันให้เหวอะวะ...ฉันยินดีและพร้อมเสมอกับทุกอย่างที่มันกำลังจะเกิด...แต่ไม่ใช่การมีชีวิตร่วมกับคุณ”

พริบพันดาวจ้องหน้าอีกฝ่ายตาเขม็ง หญิงสาวเชิดหน้าอย่างทะนงเมื่อลั่นวาจาบอกคนตรงหน้ากรายๆ ว่าเธอพร้อมที่จะสู้ไม่ว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

“ทำเป็นอวดดีเข้าไป...เธอเลือกของเธอเองนะพริบพันดาวฉันให้โอกาสเธอขึ้นสวรรค์แต่เธอไม่เอาก็อย่าหาว่าฉันรังแกก็แล้วกันเมื่อเธอเห็นนรกมันน่าอภิรมย์กว่าฉันก็จะสงเคราะห์ให้...”

“คนอย่างฉันไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว...”

พริบพันดาวยักไหล่ขณะที่สายตายังคงจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่ลดละ

“ถ้าเธอแน่จริงเวลาเห็นคำสั่งก็อย่าใจเสาะจนลาออกกลางครันก็แล้วกัน...ฉันก็อยากจะรู้ว่าคนอย่างเธอมันจะแน่สักแค่ไหน...”

ดนุเดชเข่นเขี้ยวอย่างเหลืออดเมื่อเห็นความท้าทายเปล่งประกายออกมาจากดวงตาคู่หวาน

“ฉันจะยอมรับทุกคำสั่งและเดินหน้าไปตามคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมเฉกเช่นทหารหาญ...ถ้าคุณคิดว่าแค่คำขู่ของคุณมันจะทำให้ฉันหัวหดคุณคิดผิดในเมื่อทางเดินชีวิตที่ฉันเลือกเป็นเส้นทางของนักรบฉันก็ขอสู้อย่างนักรบ...”

ร้อยเอกหญิงเชิดหน้าบอกอย่างทะนง

“ดี!...ในเมื่อเธอเลือกแบบนี้ฉันก็จะจัดทางเลือกให้เธออย่างสาสม”

ใบหน้าคมเข้มปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าด้วยเพลิงโทสะที่เพิ่มขึ้นทุกขณะ ดนุเดชสะบัดหน้าเปิดประตูรถแต่ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะแทรกกายลงนั่งเสียงหวานของพริบพันดาวดังขึ้น

“เดี๋ยว!..”

“มีอะไร...หรือเธอจะเปลี่ยนใจ”

ชายหนุ่มหรี่ตามองหญิงสาวเบื้องหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเยาะหยันที่มุมปาก

“เปล่า...ฉันแค่อยากตกลงกับคุณ”

“ตกลง...ตกลงอะไร?”

ดนุเดชเลิกคิ้วทวนคำก่อนจะยัดมือทั้งสองลงกระเป๋ากางเกงแล้วยืดตัวราวกับกำลังยืนอยู่บนแท่นรับเหรียญของผู้ชนะ เพราะคิดว่าอย่างไรเสียผู้หญิงเอวบางร่างน้อยอย่างพริบพันดาวก็คงกลัวเกรงกับอำนาจที่เขามีบ้างล่ะ

“ถ้าเธอคิดจะรับข้อเสนอของฉัน...ขอบอกไว้เลยว่ามันสายไปแล้ว”

ด้วยความเชื่อมั่นจึงทำให้เจ้าโย่งคิดตีความเข้าข้างตัวเอง

“เปล่า...ฉันแค่อยากจะขอให้ทุกอย่างยุติทันทีเมื่อคำสั่งออกมา...ฉันรู้ว่าเส้นทางของฉันมันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหนและฉันก็ไม่หวั่นกับมันด้วย...”

พริบพันดาวจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยประกายตากร้าวแกร่ง จนดนุเดชชักเริ่มยอมรับกับความเด็ดเดี่ยวที่เธอเป็น ดวงตาคู่เข้มหรี่มองผู้หญิงตรงหน้าแล้วเริ่มได้คิดว่าตกลงสิ่งที่ตนกำลังทำมันถูกต้องแล้วหรือ...แต่พอเห็นหญิงสาวยังคงถือดีและหยิ่งผยองความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นชั่วแวบก็มลายไป...สั่งสอนแม่นี่ให้ไปมีชีวิตเกลือกกลิ้งอยู่บนความยากลำบากสักสองสามเดือนให้รู้สำนึกบ้างมันคงจะดี...ชายหนุ่มสรุปกับตัวเองอย่างสะใจ

“ก็ได้...แต่เธอก็อย่าใจเสาะจนลาออกไปก่อนล่ะ”

พูดจบร่างสูงโปร่งก็แทรกกายลงนั่งพร้อมกับกระชากประตูรถปิดดังโครมใหญ่แล้วถอยรถออกไปด้วยความเร็วที่พริบพันดาวนึกหวาดเสียวแทน

เมื่อรถเปอร์เซ่คันหรูทะยานไปจนลับตา หญิงสาวจึงพ่นลมหายออกมา ใบหน้าที่แสดงความมาดมั่นมาตลอดเริ่มหม่นลงเมื่อรับรู้กรายๆ ว่าสิ่งที่จะได้รับคืออะไร ลองท้าทายไม่ให้หลบเลี่ยงด้วยการลาออกงานนี้มีหวัง...พวกนั้นคงสั่งย้ายเธอชนิดสายฟ้าผ่าดังเปรี้ยง! แน่ๆ และที่ๆ เขาจะให้เธอไปคงเป็นดินแดนที่ไม่มีใครปรารถนาจะไปเหยียบย่างนัก...และดินแดนที่กำลังเป็นยิ่งกว่าสมรภูมิก็คงไม่พ้นสามจังหวัดชายแดนที่กำลังกรุ่นไปด้วยความขัดแย้งที่มีชีวิตของเจ้าหน้าที่แขวนระโยงระยางอยู่บนโชคชะตาอันน่าหวาดเกรงเป็นแน่

เมื่อบทสรุปของปัญหากำลังตระหง่านท้าทายเธออยู่ในดินแดนที่ไม่มีใครอยากก้าวเข้าไปมันก็คงต้องทำใจแล้วลองสู้ดูสักตั้งกับปัญหาที่เธอเป็นคนก่อ...ร้อยเอกหญิงบอกตัวเอง....





 

Create Date : 01 มิถุนายน 2553
5 comments
Last Update : 1 มิถุนายน 2553 17:26:00 น.
Counter : 823 Pageviews.

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 1 มิถุนายน 2553 17:37:48 น.  

 

 

โดย: nuyza_za 1 มิถุนายน 2553 18:30:45 น.  

 

แจ้งข่าวค่ะ พรุ่งนี้ขอนุญาตงดอพนิยาย 1 วันนะคะ เพิ่งทราบว่าพรุ่งนี้มีประชุมด่วนแต่เช้าค่ะ คนเขียนปั่นงานไม่ทันเพราะต้องรีบนอน ต้องขออภัยในความไม่ต่อเนื่องด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ
อักษราค่ะ

 

โดย: sansook 1 มิถุนายน 2553 23:10:15 น.  

 

รูปภาพวาดประกอบ สวย ดูแล้วเหมาะกับบุคลิกนางเอกดีจัง.......
ทำงานให้เสร็จแล้วค่อยอัพต่อก็ได้นะจ๊ะ ไม่เป็นไร แต่ว่าขอชดเชยเป็น 2 ตอนนะคะ 5555555555.......^^

 

โดย: ต่างแดน IP: 80.214.253.77 2 มิถุนายน 2553 2:15:38 น.  

 

เห็นด้วยกับคุณ ต่างแดนค่ะ

ยังงัยก็เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

 

โดย: น้องเอ๋ IP: 192.168.0.4, 61.47.26.156 2 มิถุนายน 2553 10:02:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.