sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2553
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
3 มิถุนายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ ๘ แผนไล่ล่า





แสงจันทร์สีเงินยวงที่ส่องกระจ่างอยู่บนฟากฟ้าค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านหมู่เมฆสีขาวไปช้าๆ คืนนี้ท้องฟ้าค่อนข้างโปร่งจึงไม่มืดมิดจนดำทะมึน แสงของดวงดาวมากมายที่ทอประกายวิบวับช่วยให้ฝืนฟ้าเต็มพร่าไปด้วยแสงสว่างจนอร่ามเรือง

คืนนี้ท่ามกลางผืนป่าอันสงัดเงียบไร้เสียงของแมลงกลางคืนที่เคยเซ็งแซ่จนทำให้กับบรรยากาศที่กำลังถูกโอบล้อมไปด้วยความมืดมิดไม่ได้วังเวงอย่างที่ควรเป็น

ห่างออกไปท่ามกลางหมู่แมกไม้สีดำทะมึนมีแสงสีเหลืองอมส้มเจิดจ้าส่องสว่างไสวอยู่กลางลานขนาดย่อม เสียงเครื่องปั่นไฟและเครื่องยนต์ดังกระหึ่มอยู่ตลอดเวลาแสงสว่างจากสปอร์ตไลท์ขนาดใหญ่ทำให้มองเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างแกร่งประมาณสิบกว่าคนกำลังทำงานอย่างหนัก

นอกจากนั้นยังมีชายหนุ่มร่างใหญ่กำยำยืนกระชับอาวุธกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ อีกหกคน ถัดจากแสงสว่างเจิดจ้าไปไม่ถึงร้อยเมตรมีแสงริบหรี่ของดวงไฟลอดออกมาจากกระท่อมหลังหนึ่งที่ปลูกสร้างไว้ลวกๆ

อีกด้านหนึ่งห่างจากกระท่อมนับสามร้อยเมตรมีเงาเคลื่อนไหววูบวาบไปมาแต่ทุกอย่างยังคงอยู่ในความเงียบสงัด

“ในนั้นมีพวกมันอยู่กี่คน”

เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบและมืดมิด

“ในกระท่อมประมาณห้าคน...รวมกับที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็ประมาณเจ็ดคนแต่ตรงจุดที่พวกมันกำลังแปรรูปท่อนไม้มีเกือบยี่สิบคนครับผู้พัน”

ชายหนุ่มในชุดสีดำทะมึนหันไปรายงาน

“แล้วอาวุธล่ะ”

“เท่าที่เห็นส่วนใหญ่มีปืนกลครับผู้พัน”

“เล่นอาวุธสงครามแบบนี้ถ้าปะทะคงสนั่นป่าน่าดู...คนของเราพร้อมแค่ไหน”
ผู้บังคับบัญชาของภารกิจถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกมาชัดเจนว่ากำลังเครียดไม่น้อย

“วันนี้เจ้าหน้าที่ของเราพร้อมทั้งใจและอาวุธในมือ ครั้งนี้ถือว่าโชคเป็นของเราที่พวกมันยังไม่ทันได้ไหวตัวไม่งั้นคงเสียเที่ยวอีกตามเคย”

นายตำรวจหนุ่มในชุดดำทะมึนรายงานด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นว่าภารกิจที่เฝ้ารอมานับสิบชั่วโมงจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

“พวกมันมีการเคลื่อนย้ายท่อนไม้ที่แปรรูปเสร็จแล้วไปฝั่งโน้นบ้างหรือยัง”
“เท่าที่เฝ้าดูยังไม่พบการเคลื่อนไหวของพวกนั้นครับ”

ชายหนุ่มคนเดิมรายงานอย่างฉะฉาน

“อืม...”

ชายกลางคนในชุดสีดำพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะกราดสายตามองไปตามจุดต่างๆ ที่มีการวางกำลังไว้อย่างรัดกุม

เมื่อสองอาทิตย์ก่อนหลังเจ้าหน้าที่ได้รับข่าวจากสายว่าขบวนการลักลอบตัดไม้ในเขตป่าสงวนจะนำไม้ที่ลักลอบมาแปรรูปกลางป่าบริเวณริมแม่น้ำเมย ชายแดนไทย-พม่าและจะชักลากไม้ที่แปรรูปเสร็จแล้วข้ามไปฝั่งพม่าในคืนนี้...

เมื่อตรวจเช็กและสืบข่าวจนแน่ใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับทหารเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจป่าไม้ และทหารพราน จึงนำกำลังจะเข้าทำการตรวจยึดแหล่งแปรรูปไม้เถื่อนตามวันที่ได้รับแจ้งมา

หลังจากอดทนเฝ้ารอให้ขบวนการลักลอบตัดไม้ทำการแปรรูปท่อนไม้ที่ถูกตัดซอยจนได้จำนวนหนึ่งเจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่ตามจุดต่างๆ ก็เริ่มขยับตัว

“ผมอยากให้พวกคุณจับเป็นคนพวกนั้นอย่างน้อยจะได้ขยายผลถึงตัวผู้บงการ เจ้าหน้าที่หน่วยอื่นพร้อมหรือยังถ้าพร้อมอีกห้านาทีผู้กองส่งสัญญาณบุกได้”

ชายวัยกลางคนอายุราว ‘สี่สิบ’ ปลายๆ หันไปออกคำสั่งและถามชายหนุ่มคนเดิมน้ำเสียงเด็ดขาด

“ทุกหน่วยพร้อมแล้วครับท่านตอนนี้ผมให้กระจายกำลังล้อมกระท่อมไว้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนผมให้ดักทางหนีของพวกมันรวมไปถึงเส้นทางที่จะผ่านแม่น้ำเมยด้วย”

นายตำรวจหนุ่มรายงานไปตามแผนการที่วางไว้

“แม่น้ำเมยเหรอ...อืม...รอบคอบมากผู้กองแม่น้ำเมยเป็นเส้นแบ่งเขตพรมแดนระหว่างไทย กับ พม่า เกิดพวกนั้นข้ามไปฝั่งโน้นเราคงตามล่าพวกมันลำบากเอาการ”

เมื่อหัวหน้าทีมเริ่มให้สัญญาณบุกเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานอื่นๆ จึงตรึงกำลังเตรียมเข้าตรวจยึดและจับกุมผู้ลักลอบตัดไม้ที่กำลังทำงานแข่งกับเวลา

“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ...เราล้อมไว้หมดแล้วทุกด้าน...วางอาวุธและอยู่ในความสงบ...แล้วยอมให้จับแต่โดยดีอย่าคิดต่อสู้”

พอสัญญาณสั่งให้บุกเริ่มขึ้น เสียงก้องกังวานจากโทรโข่งก็ดังฝ่าความมืดขึ้น พอสิ้นเสียงแสดงตัวของเจ้าหน้าที่กลุ่มคนที่กำลังขมีขมันอยู่กับการแปรรูปท่อนไม้ก็แตกฮือไปคนละทิศละทาง ส่วนชายร่างกำยำที่นั่งเล่นอยู่ด้านหน้ารีบพุ่งตัวเข้าไปในกระท่อม

“ตายห่า!...”

เสียงใครคนหนึ่งสบถออกมาดังๆ เมื่อได้ยินเสียงของแขกยามวิกาลที่ไม่คาดคิด

“เอาไงดีพี่เทิด...”

ชายร่างผอมถามขึ้นก่อนจะพุ่งไปที่ประตูเพื่อส่องดูผู้มาเยือน

“พวกมันมาได้ยังไง...ไอ้ดิ่งข้าให้เอ็งปล่อยข่าวว่าเราจะส่งของมะรืนไม่ใช่เหรอ”

ชายหน้าเหี้ยมหันไปตะคอกถามลูกน้องร่างโย่งที่แนบตัวอยู่ตรงผนัง

“ผมก็ให้สายของเราแจ้งพวกมันไปแบบนั้นนะลูกพี่”

ชายร่างโย่งตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเอาการ

“เอ็งไปบอกมันยังไงฮึ...พ่อเอ็งถึงได้แห่กันมาเต็มป่าแบบนี้น่าถีบนัก”

ชายร่างใหญ่ที่ชื่อเทิดหันไปจ้องหน้าลูกน้องแววตาดุดันแล้วทำท่าจะถลาเข้าไปเหยียบยอดอกของเจ้าโย่งที่กำลังยืนหน้าเผือดอยู่ไม่ห่าง

“เอาไงดีพี่เทิด”

แต่ก่อนที่เทิดจะทันได้กระทืบเจ้าโย่งเสียงใครอีกคนก็ถามขึ้นอย่างร้อนรน

“ก็หนีซีวะ...เอ็งจะอยู่ให้พวกนั้นมันพาเข้าซังเตรึไง”

“แล้วของล่ะพี่”

ชายคนเดิมยังมีแก่ใจห่วงของ

“เอ็งจะแบกมันหนีตำรวจพวกนั้นหรือไงไอ้โง่...หนีเร็วเข้า”

เทิดสั่งพร้อมกระชับอาวุธในมือ

“แล้ว...ถ้าพวกนั้นมีเยอะกว่าเราจะทำยังไง”

“เอ็งก็แจกลูกปืนให้มันซีวะ...หรือถ้าพวกเอ็งจะนอนก้มหัวอยู่นี่แล้วให้พวกมันพาไปกินข้าวแดงในตะรางก็ตามใจ”

แต่ก่อนที่จะมีใครทันได้ถามอะไรเสียงเจ้าหน้าที่คนเดิมและถ้อยคำเดิมๆ ก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง

“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ...เราล้อมไว้หมดแล้วทุกด้าน...วางอาวุธและอยู่ในความสงบ...แล้วยอมให้จับแต่โดยดีอย่าคิดต่อสู้”

“ใครมันจะยอมให้จับดีๆ วะ...ถ้าใครกลัวตายก็ก้มหัวนอนรอพวกมันอยู่ที่นี่...ใครอยากมีอิสระก็ฝ่าออกไป...พวกแกอยากได้ตัวพวกข้าก็เข้ามาเอาเองสิวะ..ไอ้หมาต๋าเฮงซวย”

บอกเสร็จเทิดก็ตะโกนท้าทายพร้อมกับสาดกระสุนไปทางประตูแล้วหมุนตัวใช้เท้ายันฝาที่สร้างจากหญ้าคาแห้งแล้วพุ่งตัวออกไป

เมื่ออีกฝ่ายตอบรับคำสั่งด้วยกระสุนที่กราดออกมาราวห่าฝน บรรดาเจ้าหน้าที่จึงตอบโต้กลับไปด้วยลูกกระสุนชนิดเดียวกันแต่ปริมาณมากกว่าอีกเท่าตัว

ด้วยความพร้อมจึงทำให้เจ้าหน้าที่ได้เปรียบในด้านกำลังอาวุธและอุปกรณ์ที่ทันสมัยรวมถึงเครื่องมือที่ให้แสงสว่างในยามค่ำคืน การตอบโต้จากอาวุธที่รุนแรงดังมาจากทุกทิศจนดังอื้ออึงไปทั้งป่า

เพราะการเตรียมการที่มีประสิทธิภาพกำลังของเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ค่อยๆ รุกเข้าประกบแล้วตีกรอบล้อมไว้ทุกด้านจนทำให้คนส่วนหนึ่งซึ่งไม่มีอาวุธที่วิ่งกระจัดกระจายเข้าไปในป่าทึบหวังใช้ความมืดมิดอำพรางกายถูกล็อคตัวไว้...อย่างไม่มีทางรอด

เสียงกระสุนปืนยังคงดังมาจากหลายฟากของผืนป่าเพราะกลุ่มที่มีอาวุธยังคงคิดฝ่าดงกระสุนเพื่อพาตัวเองออกไปสู่อิสรภาพ

เกือบยี่สิบนาทีเสียงกัมปนาทที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วก็ยุติลง และผลของการบุกทลายทำให้ได้ตัวผู้ต้องหาที่ยอมจำนนนับสิบคนส่วนที่เหลือถูกวิสามัญเรียบ...


ข่าวเจ้าหน้าที่บุกยึดไม้เถื่อนและตรวจยึดแหล่งแปรรูปไม้กลางป่า กระจายออกไปราวกับไฟไหม้ทำให้มีสำนักข่าวจากสื่อต่างๆ นำเสนอข่าวและตีแผ่ออกไปอย่างครึกโครมในรุ่งเช้าของอีกวัน

จากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในพื้นที่ทำให้ผลการเข้าจับกุมประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เพราะเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลางอื่นๆ ได้ทั้งหมดรวมถึงไม้เถื่อนที่ตัดเป็นท่อนๆ นับร้อยๆ ท่อนและไม้สักแปรรูปอีกจำนวนไม่น้อยเมื่อตรวจสอบพบว่าหากนำส่งถึงแหล่งขายจะเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาทเลยทีเดียว

หลังจากสอบสวนผู้ต้องหาอย่างคร่ำเคร่งมานับชั่วโมงทำให้เจ้าหน้าที่เริ่มมืดมนจนพบกับทางตันเมื่อคนที่ถูกจับเป็นไม่มีใครรู้ว่าผู้บงการเป็นใครเพราะส่วนใหญ่คนที่ถูกจับเป็นเพียงชาวบ้านในพื้นที่ที่ถูกว่าจ้างมาอีกทอดหนึ่ง โดยมีคนชื่อเทิดเป็นคนสั่งการและตอนนี้ได้กลายสภาพเป็นศพไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อผลของการจับกุมไม่อาจสาวไปถึงผู้บงการใหญ่ได้เจ้าหน้าที่ระดับสูงจึงเรียกเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าประชุมด่วนเพื่อตรวจสอบประวัติของผู้ตายอย่างละเอียด แต่การควานหาความจริงจากศพที่ไม่สามารถลุกขึ้นมาให้การได้จึงเป็นหนทางที่มืดมนเอาการ

เกือบสามชั่วโมงหลังจากทุกอย่างถูกดำเนินการไปตามขั้นตอน เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งระดับสูงและระดับล่างต่างระดมสมองและค้นข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงเส้นทางให้กับการทำงานในครั้งนี้

“ได้ข้อมูลของคนชื่อเทิดแล้วครับผู้พัน”

หลังจากค่ำเคร่งอยู่พักใหญ่เสียงเจ้าหน้าที่นายหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดของเจ้าหน้าที่อีกหลายนายที่กำลังค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับรายชื่อซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตน

“ไหน...เอามาดูซิหมวด”

ชายกลางคนใบหน้าอิดโรยเพราะไม่ได้พักผ่อนมาหลายชั่วโมงเริ่มเปล่งประกายอย่างมีความหวังขณะยืดตัวขึ้นก่อนจะยื่นมือออกไปรับกระดาษปึกเล็กๆ จากลูกน้อง

“ชื่อนายเทิด เอี่ยมใจ...งั้นเหรอ”

“ใช่ครับท่าน...จากประวัติเจ้านี่ถือว่าร้ายกาจไม่เบา...นอกจากจะมีคดียิงผู้บริหารท้องถิ่นติดตัวยังมีคดีข่มขืนลักลอบค้ายาเสพติดและค้ามนุษย์ระหว่างชายแดนอีกด้วยครับ”

นายตำรวจคนเดิมรายงานตามฐานข้อมูล

“โอ้โฮ! ประวัติชั่วถึงขนาดนี้ทำไมถึงยังลอยนวลล่ะ”

“ผมเพิ่งย้ายมาเลยยังไม่ทราบว่านายเทิดมีใครอยู่เบื้องหลังหรือทำงานให้กับผู้มีอิทธิพลในท้องที่หรือไม่จึงยังสรุปไม่ได้ครับผม”

นายตำรวจคนเดิมบอกไปตามความเป็นจริง

“จะว่าไปเราก็หัวอกเดียวกันเลยนะหมวดธิต”

คนเป็นผู้บังคับบัญชาหัวเราะร่าออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของหมวดหนุ่มหน้าแฉล้มเจื่อนลง พันตำรวจเอกหรี่ตามองลูกน้องที่เข้ามารับตำแหน่งหลังตนไม่ถึงห้าวันแววตาอ่อนลงจนอีกฝ่ายรู้สึกใจชื้นขึ้น เมื่อคนที่พบข้อมูลไม่สามารถให้คำตอบที่กระจ่างได้ ผู้เป็นนายจึงหันไปทางเจ้าหน้าที่อีกนายเพื่อขอคำตอบ

“ผู้กองราชคุณพอจะรู้ไหมว่านายเทิดเป็นเด็กของใคร”

ร้อยตำรวจเอกราชผุดลุกขึ้นยื่นมือออกไปรับเอกสารจากผู้บังคับบัญชาแล้วนำมาพินิจ นายตำรวจหนุ่มหน้าเข้มเพ่งข้อมูลในมือด้วยใบหน้าที่อิดโรยไม่ต่างจากผู้เป็นนายนัก หลังจากลำดับความจำที่ใกล้จะว่างเปล่าเพราะความเหนื่อยล้าจากการอดนอนมาหลายชั่วโมง ไม่ถึงห้านาทีคำตอบอันฉะฉานก็รายงานขึ้น

“นายเทิดทำงานให้พ่อเลี้ยงเดชฤทธิ์ พิจิตรกฤติกาญจน์ เจ้าของโรงเลื่อยที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตากครับผู้พัน”

“รู้ตัวกันขนาดนี้ทำไมพวกคุณถึงยังปล่อยให้ลอยนวลอยู่ล่ะ”

“พ่อเลี้ยงเดชฤทธิ์ถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในจังหวัด เพราะนอกจาก
จะมีธุรกิจที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านแล้วยังมีความสนิทสนมกับกลุ่มนักการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ เมื่อเดือนก่อนผู้กำกับการมีคำสั่งให้พวกเราเข้าจับกุมกลุ่มขบวนการแปรรูปไม้เถื่อนแต่พวกนั้นไหวตัวทันขนอุปกรณ์แปรรูปไม้หลบหนีไปก่อนที่พวกเราจะเข้าไปถึง”

นายตำรวจหนุ่มหยุดเล่าแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างระอาก่อนจะพูดต่อ

“จากการตรวจสอบพบว่ามีชื่อพ่อเลี้ยงเดชฤทธิ์เป็นนายทุนผู้จ้างวานแต่หลักฐานของเราไม่แน่นพอและผลก็คือผู้กำกับการถูกเด้งสายฟ้าผ่าลงไปอยู่ใต้ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงครับผู้พัน”

“เอ้า...ถ้าเป็นแบบนี้ชีวิตผมก็คงไปห้อยต่องแต่งอยู่ที่ใต้แล้วสิเนี่ย...ฮ่าๆ...ปีนี้สงสัยทางกรมคงเหนื่อยทำเรื่องโยกย้ายผมน่าดู”

พันตำรวจเอกผู้ที่ไปประจำอยู่ที่ไหนก็ขัดผลประโยชน์ของผู้มีอิทธิพลที่นั่นพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรหากจะถูกโยกย้ายสายฟ้าแลบ

“คราวนี้เราได้ของกลางและคนของพวกนั้นผมว่าทางพ่อเลี้ยงคงยังไม่กล้าทำอะไร”

ร้อยตำรวจเอกราชบอกน้ำเสียงมาดมั่น

“อืม...รู้กันแบบนี้เห็นทีเราคงต้องคิดวิธีแทรกซึมเข้าไปในองค์กรของพวกนั้นแล้วล่ะ ผู้กองผมต้องการข้อมูลของพ่อเลี้ยงเดชฤทธิ์อย่างละเอียดทั้งด้านครอบครัวและธุรกิจ ได้แล้วให้รีบเอามาให้ผมงานนี้ก่อนจะถูกเด้งผมขอกระตุกหนวดเสือสักเส้นก็ยังดี...”

นายตำรวจใหญ่บอกอย่างท้าทาย

“ครับผม...”

ร้อยตำรวจเอกหน้าเข้มรับคำสั่งน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเตรียมข้อมูลให้กับผู้บังคับบัญชาด้วยความฮึกเหิม

งานนี้ลองผู้บังคับบัญชาเดินหน้าไม่มีถอยเห็นทีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่คงมีสะดุ้งสะเทือนจนร้อนๆ หนาวๆ กันบ้างล่ะ ดวงตาอิดโรยเหลือบจ้องข้อมูลคร่าวๆ ในมือแล้วผุดรอยยิ้มออกมา...





 

Create Date : 03 มิถุนายน 2553
3 comments
Last Update : 3 มิถุนายน 2553 19:21:55 น.
Counter : 493 Pageviews.

 

อยากจะป่นสองตอนเอาใจคนอ่านเหมือนกันค่ะ แต่ปั่นได้แคนี้....เอาไว้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ เนาะพี่หญิง...กะน้องเอ๋....

แล้วจะพยายามปั่นมาเรื่อยๆ ค่ะ


คิดถึงคนอ่านทุกคนเลยนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

หากเห็นว่าเนื้อหายังขาดๆ เกินๆ สะกิดติมาได้นะคะ ยินดีรับข้อผิดพลาดแล้วแก้ไขให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป ค่ะ

ด้วยรัก

อักษรา

 

โดย: sansook 3 มิถุนายน 2553 14:53:15 น.  

 

เอาแล้ว

ตกลงใครเป็นพระเอกกันแน่ค่ะนี่

 

โดย: paul_sut 3 มิถุนายน 2553 16:11:37 น.  

 

พระเอกเป็นตำรวจหรือปล่าวหนอ.....ออกจะไม่กลัวเกรงอิทธิพลเถื่อนซะด้วย เก่ง เก่ง ชอบ เอาแบบโหดๆหน่อยก็ดีเนอะ......

 

โดย: ต่างแดน IP: 78.251.78.138 3 มิถุนายน 2553 22:28:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.