sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 พฤษภาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ ๖ ทางเลือกที่เด็ดขาด



หลังจากคุณหญิงวรารมย์กลับไปไม่ถึงสามสิบนาที เจ้าสัวรุ่งโรจน์ที่นั่งเคร่งเครียดตลอดการสนทนาก็พ่นลมหายใจออกมาแล้วหันไปจ้องภรรยาสีหน้าหนักใจ

“เฮ้อ! เห็นไหมเฮียว่าแล้วยังไงเขาก็ไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ หรอก”

“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะเตี่ย...เรื่องแต่งงานมันเรื่องใหญ่เสียด้วยสิ”

เก็จแก้วจ้องหน้าสามีสีหน้าหนักใจไม่ต่างกัน

“ตอนนี้คนที่จะตัดสินใจมีเพียงอาดาวคนเดียวถ้าอีเห็นดีเห็นงามมันก็จบแต่ถ้าไม่ก็คงต้องเตรียมใจรับผลที่อีเป็นคนก่อ”

“เตี่ย...ความจริงเส้นสายในกระทรวงเราก็มีไม่น้อยทำไมไม่ลองให้พวกเขาช่วยล่ะ”

“อย่าเลยเรื่องเล็กๆ แค่นี้เอง”

“อะไรกัน...เตี่ยเห็นเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กๆ งั้นเหรอพูดออกมาได้ยังไงไม่เห็นเหรอว่าคุณหญิงวรารมย์ทั้งขู่ทั้งขอ...ฮึถ้าเก็จไม่เกรงใจคุณมไนยวันนี้คงได้ฉะกันบ้างล่ะ”

เก็จแก้วบอกอย่างมีอารมณ์

“ใจเย็นๆ เรื่องนี้ถ้าอาดาวไม่เอาด้วยเราก็ปฏิเสธเขาไปไม่เห็นจะยาก...เอาน่าม๊ายังไงลูกมันก็ไม่เห็นดีเห็นงามแน่...”

“ข้อนั้นเก็จรู้แต่ที่เก็จไม่พอใจเพราะฝ่ายโน้นใช้อำนาจขู่เราเกินไป เตี่ยเป็นเพื่อนกับคุณมไนยไม่ใช่เหรอทำไมไม่ลองต่อรองกันดูล่ะ”

เก็จแก้วแนะนำน้ำเสียงขุ่นๆ

“ลองคุณหญิงวิ่งโร่มาคนเดียวแบบนี้เห็นทีคุณมไนยคงไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยหรอก”

“คนเป็นผัวเป็นเมียกันมันก็ต้องรู้เรื่องกันบ้างแหละเตี่ย...ไม่งั้นคุณหญิงนั่นจะเอาอำนาจของสามีมาขู่เราฟ่อๆ เหรอ...ฮึนี่ขนาดเป็นเพื่อนกันแท้ๆ ยังล้ำเส้นขนาดนี้แล้วถ้าเกิดไปมีเรื่องกับพวกตาสีตาสาพวกนั้นไม่อุ้มเขาไปนั่งยางแล้วเหรอ”

“คุณมไนยไม่ใช่คนหลงอำนาจ อีกอย่างเฮียกับคุณมไนยคบหากันแต่ในสนามกอล์ฟอาคุณหญิงอีคงไม่รู้ เอาน่าเรื่องนี้เฮียไม่ให้เราเสียเปรียบหรอกที่เฮียไม่อยากวู่วามเพราะเห็นว่าถ้าต่างฝ่ายต่างแรงเดี๋ยวมันจะบาดหมางกันเปล่าๆ อาคุณหญิงอีเป็นถึงน้องเมียท่านนายกฯ ม๊าก็รู้ว่าคนใหญ่คนโตที่ไหนก็กลัวบ้านใหญ่ทั้งนั้น...ไม่เว้นแม้แต่เฮีย”

เจ้าสัวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นภรรยาทำหน้าฉุนใส่

“เตี่ยกลัวจะบาดหมางกับเพื่อนแต่ไม่ห่วงลูกบ้างหรือไง”

เก็จแก้วอดเหน็บไม่ได้เมื่อเห็นประกายตาของสามีดูไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน

“ห่วงซี...แต่เรื่องนี้ลูกเราก็ผิดถ้าอีอดกลั้นไม่ใช้อารมณ์ทุกอย่างมันก็ไม่เกิดจนเป็นปัญหา...เฮียแค่อยากจะสั่งสอนอีให้รับมือกับปัญหาบ้างไม่ใช่เกิดปัญหาทีพ่อแม่ต้องตามแก้ไห้ทุกครั้ง...เห็นไหมเรายิ่งแก้ปัญหาก็ยิ่งเกิดอยากให้ลูกแกร่งและเก่งเราต้องปล่อยให้อีแก้ปัญหาเองบ้าง”

เจ้าสัวบอกภรรยาอย่างมีเหตุผล

“แต่จะว่าไปถ้าพวกนั้นจะเล่นกันแรงๆ ถึงขั้นให้ออกจากราชการเก็จว่ามันก็ดีนะเตี่ย...”

เก็จแก้วเริ่มเห็นดีเห็นงามไปกับความคิดของสามี

“ถ้าแม่ตัวดีอียอมง่ายๆ ก็ดีน่ะซี...ลองรู้ว่าทางโน้นคิดเล่นงานถึงขั้นให้ออกจากงานมีหวังอาละวาดจนบ้านสะเทือน”

เจ้าสัวใหญ่ยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงฤทธิ์เดชของบุตรี

“แล้วเราจะพูดกับลูกยังไงดีล่ะเตี่ย...เฮ้อ! เก็จล่ะกลุ้ม“

เก็จแก้วพ่นลมหายใจออกมาบ้าง

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกค่ะแม่เพราะดาวรู้แล้วล่ะว่าอีตาอันธพาลนั่นมาบ้านเราทำไม”

พริบพันดาวเดินยิ้มพรายเข้ามาหญิงสาวเดินเข้าไปทรุดนั่งลงข้างมารดาก่อนจะสอดแขนโอบเอวของนางแล้ววางคางลงบนไหล่แล้วหันไปยิ้มหวานละไมอ้อนบิดาแล้วพูดต่อ

“อีตาดนุเดชอะไรนั่นเขาพาแม่มาขอดาวใช่ไหมคะ”

“หนูรู้ได้ยังไง?”

เก็จแก้วเอียงหน้ามองบุตรีสีหน้าฉงน

“ก็อีตานั่นไปยืนประกาศปาวๆ อยู่ที่สวนชิงช้าข้างบ้านมาพักใหญ่แล้วน่ะซีคะ...ปากบอกตกหลุมรักแต่เวลามองสายตางี้ยังกับจะลากดาวลงหลุมนรกยังไงยังงั้น...ใครเชื่อก็ปัญญาอ่อนแล้ว...”

ร้อยเอกหญิงยักไหล่อย่างรู้ทัน

“ฮ่าๆ สายตาอาตี๋นั่นมันบอกชัดงั้นเชียว”

เจ้าสัวรุ่งโรจน์ถึงกับหัวเราะเสียงดังอย่างถูกอกถูกใจเมื่อได้ยินคำเปรียบเปรยของบุตรี

“จริงๆ นะเตี่ยดาวไม่เชื่อหรอกว่ารักแท้จะเกิดได้ในคืนโกลาหลนั่น แต่ถึงอีตานั่นจะซาดิสมาสะดุดรักดาวเข้าจริงๆ เตี่ยก็คิดเอาแล้วกันว่าอยากได้เขามาเป็นเขยไหม”

พริบพันดาวหรี่ตามองผู้บังเกิดเกล้าแววตาทะเล้น รอยยิ้มหวานละไมผุดออกจากมุมปากสีหวานเมื่อเธอรู้อยู่แก่ใจว่าต่อให้คนบ้านนั้นยกสินสอดมาขอจริงๆ บิดาก็คงไม่ยอมรับง่ายๆ หากยังไม่ได้ตกลงกับเธอ

“ลื้อรู้ได้ยังไงว่าเตี่ยไม่อยากได้อีมาเป็นเขยถึงอาดนุเดชจะไม่เป็นโล้เป็นพายแต่ตระกูลของอีก็ถือว่ามีรากฐานที่มั่นคงไม่น้อยพ่อเป็นถึงรัฐมนตรีส่วนแม่ก็มีกิจการตั้งหลายอย่าง ตอนนี้อีอาจจะเกเรแต่คนเราพอถึงจุดอิ่มตัวทุกอย่างมันก็ปรับเปลี่ยนกันได้ไม่แน่เกิดอีแต่งงานไปกับลื้อบางทีอาจจะกลับตัวกลับใจก็ได้ใครจะไปรู้จริงไหมม๊า”

เจ้าสัวรุ่งโรจน์หันไปยักคิ้วกับภรรยา

“อี๋...ให้แต่งงานกับอีตานั่นน่ะเหรอไม่มีทาง...”

พริบพันดาวส่ายหน้าดิกไม่เอาลูกเดียว

“ตอนนี้อายุลื้อก็ใกล้จะสามสิบแล้วไม่ใช่เหรออาดาว...ผู้หญิงอายุขนาดนี้มันน่าจะมีครอบครัวได้แล้วนะเตี่ยกับม๊าจะได้มีหลานไว้อุ้ม...”

“เดี๋ยวพี่จันทร์ก็แต่งแล้วเตี่ยก็ไปอุ้มอาตี๋ของพี่จันทร์ซี...ส่วนดาวน่ะเหรออีกตั้งปีกว่าๆ ถึงจะขึ้นเลขสามอายุสามสิบมันเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของชีวิต...จะรีบมีห่วงไปทำไม”

“ถ้าคนพวกนั้นเขามีทางเลือกให้ลื้อแค่สองทางระหว่างแต่งงานแล้วก้าวหน้าในอาชีพการงานกับไม่แต่งแล้วลื้อต้องจบอาชีพไว้เพียงเท่านี้ลื้อจะเลือกอะไรอาดาว!”

เจ้าสัวรุ่งโรจน์หรี่ตาถามบุตรีน้ำเสียงจริงจังจนคนถูกถามถึงกับอึ้ง เมื่อเห็นสีหน้าของบิดาดูเคร่งขรึมพริบพันดาวจึงจ้องดวงตาสีหม่นแล้วนิ่งคิดใบหน้าสวยหวานหม่นลงชั่วแวบก่อนจะปรับเป็นเรียบเฉยแล้วผุดรอยยิ้มหวานละมุนออกมา

“ถ้าจะให้ดาวเลือก...ดาวขอเลือกชีวิตที่เป็นของตัวเองค่ะเตี่ย...ถึงจะแลกกับงานที่ดาวรักดาวก็ขอเลือกความเป็นตัวของตัวเอง...ถ้าเขามาอีกครั้งเตี่ยช่วยตอบเขาไปด้วยก็แล้วกันว่า...ดาวไม่มีวันแต่งงานกับนายนั่นถึงจะต้องออกจากงานดาวก็ไม่แต่ง”

“ลื้อไม่เสียดายงานที่ลื้อรักเหรออาดาว...กว่าจะก้าวมาถึงวันนี้ลื้อต้องใช้ความมานะอดทนขนาดไหนลื้อไม่เสียดายเหรอกับความรุ่งโรจน์ที่มันกำลังรอลื้ออยู่”

เจ้าสัวยังหยั่งเชิงไม่เลิก

“เสียดายสิเตี่ย...ทำไมจะไม่เสียดายแต่ดาวเสียดายช่วงเวลาดีๆ ของชีวิตมากกว่าเตี่ยก็น่าจะดูออกว่าอีตานั่นเป็นคนยังไง ดาวไม่ยอมห่วงความก้าวหน้าแล้วกระโดดลงไปในหุบเหวที่มีแต่ความทุกข์หรอกค่ะ”

หญิงสาวตอบออกไปอย่างมาดมั่น

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ลื้อก็ไปยื่นไปลาออกซะทุกอย่างจะได้จบ”

คนเป็นบิดาบอกน้ำเสียงราบเรียบแต่ประกายตาเอาจริง

“มันง่ายไปมั๊งเตี่ยถ้าจะให้ดาวยอมรับความพ่ายแพ้โดยที่ยังไม่ได้ลองสู้”
พอได้ยินคำตอบจากบุตรีเจ้าสัวใหญ่ถึงกับอมยิ้มจนแก้มปริ พริบพันดาวยังไงก็ยังคงเป็นพริบพันดาววันยังค่ำเจ้าสัวพึมพำอยู่ในใจ

“แล้วลื้อจะสู้กับคนพวกนั้นยังไง...ไหนบอกเตี่ยมาซิ”

เมื่อเห็นบุตรีมีเลือดนักสู้ของมังกรอยู่เต็มเปี่ยม เจ้าสัวก็ชักจะสนุกขึ้นมานิดๆ เพราะรู้ฤทธิ์เดชของร้อยเอกหญิงพริบพันดาวดีว่าถ้าได้สู้เธอก็จะสู้ไม่มีวันถอย

“แล้วเตี่ยล่ะคะคิดยังไงกับข้อเสนอของพวกเขา”

คำถามของพริบพันดาวทำเอาเจ้าสัวหัวเราะหึๆ ดวงตาสีหม่นจ้องหน้าคนถามแววตาคมกล้าแล้วเปลี่ยนเป็นหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์

“ตอนแรกที่ได้ยินบอกตรงๆ ว่าอยากถีบเจ้าตี๋นั่นชะมัด...หึๆ แต่ตอนนี้เตี่ยว่าให้ลื้อสั่งสอนพวกอีดูสักตั้งมันก็เข้าท่าดีเหมือนกัน...เอาซีอาดาวถ้าลื้ออยากสู้เตี่ยก็จะให้ลื้อสู้...”

“อะไรนะ! เตี่ยจะบ้าเหรอทำไมสนับสนุนให้ลูกไปสู้กับคนพวกนั้นล่ะ”

พอได้ยินคำอนุญาตเก็จแก้วที่นั่งเงียบมาพักใหญ่ถึงกับเต้นผางก่อนจะค้อนขวับใส่สามีสีหน้าขุ่นขวาง

“ถ้าอีอยากสู้ก็ให้อีสู้ไปซีเฮียก็อยากรู้ว่าลูกสาวคนเก่งของลื้อมันจะเก่งได้แค่ไหน”

“เตี่ยก็รู้ว่าพวกนั้นเป็นใคร...ยังไงเราก็มีแต่แพ้กับแพ้ผลมันออกมาชัดขนาดนี้เตี่ยจะปล่อยลูกไปสู้ให้เจ็บตัวทำไม”

“ถึงจะเจ็บแต่มันไม่ถึงตายหรอกน่า...ใช่ไหมอาดาว”

เจ้าสัวหันไปยักคิ้วกับบุตรีอย่างรู้กัน

“ใช่ค่ะ...คุณแม่ไม่ต้องห่วงพวกนั้นอย่างมากก็ใช้อำนาจที่มีบีบดาวให้อ่อนข้อเท่านั้นแหละมันไม่ถึงกับตายหรอกค่ะ”

หญิงสาวบอกยิ้มๆ

“สองพ่อลูกนี่เป็นยังไงเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียว...ฟังไว้เลยนะเตี่ยถ้าเกิดลูกสาวเก็จต้องระเห็จไปสามจังหวัดชายแดนเก็จจะอาละวาดให้บ้านพังกันไปข้างเลย...คอยดู”

สิ้นเสียงขู่แม่เสือร่างอวบก็ผุดลุกขึ้นสะบัดหน้าค้อนขวับใส่สามีสีหน้าขุ่นเขียว

“ฮ่าๆ...ดูหน้าม๊าแกเสียก่อนท่าจะเอาจริงแฮะ...” เจ้าสัวรุ่งโรจน์มองตามหลังภรรยาไปอย่างขบขันก่อนจะหันไปจ้องหน้าบุตรีแล้วเอ่ยเป็นจริงเป็นจังว่า “งานนี้ลื้อรู้ใช่ไหมว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร”

“รู้ค่ะเตี่ย...”

“ลื้อรู้ใช่ไหมว่าสู้ยังไงลื้อก็แพ้...”

“รู้ค่ะ...แต่หนูก็ขอสู้...ดีกว่านั่งรอรับผลที่เขาชี้ให้เป็นโดยไม่ทำอะไร”

พริบพันดาวพยักหน้าหงึกหงักอย่างรู้ชะตา

“ฮ่าๆ ให้ตายเถอะ...ลื้อมันไม่น่าเกิดมาเป็นผู้หญิงเลยอาดาว...คนอย่างลื้อมันใจเด็ดยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีกคนอย่างลื้อเหมาะที่จะทำธุรกิจใหญ่ๆ มากกว่าไปนั่งอยู่ในกรอบแล้วรอรับคำสั่งจากใครๆ เตี่ยว่าอย่าไปทำมันเลยงานราชการอะไรนั่นมาช่วยเตี่ยบริหารงานที่บริษัทดีกว่า”

“ไม่เอาหนูไม่ชอบ...งานที่บริษัทให้พี่จันทร์ทำไปน่ะดีแล้ว”

“อาจันทร์อีเป็นคนไม่เด็ดขาดการตัดสินใจบางครั้งก็ละล้าละลัง คนอย่างอีทำงานใหญ่ไม่ได้หรอกอาดาวเตี่ยไม่อยากให้ลื้อละทิ้งธุรกิจของตระกูล วันนี้เตี่ยถอยให้ลื้อไปทำในสิ่งที่ลื้อรักในวันข้างหน้าลื้อก็ต้องเดินหน้าให้เตี่ยบ้างเข้าใจไหม”

“ค่ะเตี่ย...”

เจ้าสัวรุ่งโรจน์ยิ้มพอใจเมื่อได้ยินคำมั่นจากบุตรี

“เตี่ยคนพวกนั้นเขาให้เวลาเราถึงเมื่อไหร่คะ”

พริบพันดาวถามน้ำเสียงอ่อนลง

“อีกอาทิตย์เดียว...ลื้อจะเอาไง”

“คนพวกนั้นคงใช้อิทธิพลที่มีเสียเคยล่ะสิถึงได้มาชี้นิ้วเอาแต่ใจแบบนี้”
พริบพันดาวส่ายหน้าอย่างระอา

“เรื่องนี้เตี่ยว่าบางทีคุณมไนยคงไม่รู้เห็นด้วยหรอก...เท่าที่คบและรู้จักกันคุณมไนยไม่ใช่คนที่หลงอำนาจจนขาดความยุติธรรม”

“ใช่เหรอเตี่ย...”

พริบพันดาวหรี่ตามองบิดาสีหน้าไม่ใคร่ปักใจเชื่อ

“คิดว่าใช่เพราะถ้าคุณมไนยรู้ว่าเจ้าตี๋นั่นคิดจะรวมแผ่นดินกับเราเขาต้องมาเองไม่ใช่ปล่อยให้คุณหญิงผมกระบังลมมาคนเดียว”

“จะว่าไปคุณหญิงอะไรนั่นก็แปลกคนอยู่ๆ ก็มาขอผู้หญิงให้ลูกหนูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอีตานั่นถึงได้กร่างคับบ้านคับเมืองแบบนั้น...เฮ้อ! ขืนตามใจจนไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้เห็นทีจะโดนดีเข้าสักวัน...”

“คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมรักลูกยิ่งกว่าสิ่งใด...ลูกดีลูกชั่วยังไงก็เป็นสายเลือดไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกถูกรังแกหรอก...วันนี้ลื้ออาจจะมองว่าความรักที่พ่อแม่มีให้ลูกมันดูไม่ถูกต้องและเกินจริงแต่ถ้าวันหนึ่งลื้อมีลูกลื้อจะเข้าใจเอง”

“แล้วเตี่ยล่ะไม่เจ็บใจมั่งเหรอที่เขามารังแกหนูแบบนี้”

พริบพันดาวอดถามขึ้นไม่ได้

“เห็นเตี่ยนิ่งๆ ลื้อคิดเหรอว่าข้างในเตี่ยจะไม่รู้สึกอะไร...ครอบครัวเราใช่ว่าจะไม่มีเส้นสายแต่ที่เตี่ยเลือกแก้ปัญหาเองก็เพราะถ้าเราคิดใช้อำนาจฟาดฟันกับอำนาจสุดท้ายมันก็มีแต่จะเจ็บตัวอีกอย่างเรื่องนี้ถ้าเข้าถึงผู้ใหญ่เราทั้งสองฝ่ายจะบาดหมางกันเปล่าๆ “

“เฮ้อ! ทำไมคนที่มีอำนาจไม่คิดใช้อำนาจในทางที่สร้างสรรค์มั่งนะ”

“เพราะอำนาจคือสิ่งที่สามารถบันดาลให้เกิดสิ่งที่ต้องการได้ยังไงล่ะ คนถึงหลงระเริงกับอำนาจที่มีเส้นสายของเราในกระทรวงต่างๆ ก็มีไม่น้อยข้อนี้คุณมไนยรู้ดีคืนนั้นหลังจากท่านนายพลเกริกโทรมา...เตี่ยเลยโทรไปขอให้คุณมไนยช่วยเคลียร์กับตำรวจให้ก่อนในฐานะเพื่อนไม่ใช่การใช้อำนาจต่อรอง”
“หา! ที่แท้เป็นเตี่ยหรอกเหรอคะที่ช่วยดาว”

พอเห็นพริบพันดาวเบิกตาอ้าปากอย่างตกใจเจ้าสัวใหญ่ถึงกับหัวเราะขบขัน
“แล้วลื้อคิดว่าเป็นใครล่ะ...จริงๆ เตี่ยก็ผิดที่ยื่นมือช่วยเหลือลื้อมาตลอด...เห็นไหม...เตี่ยก็ใช้อำนาจเพื่อลูกเหมือนกัน...แต่อาดาวการที่เตี่ยช่วยไม่ใช่ช่วยแบบไร้เหตุผลเตี่ยเลี้ยงลูกมาตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมาไหนเลยจะไม่รู้จักนิสัยใจคอของลูกคนอย่างลื้อไม่เคยทำใครก่อน...”

“เตี่ย...หนูขอโทษต่อไปหนูจะพยายามอดกลั้นให้มากกว่านี้ต่อจากนี้ไปหนูจะไม่ทำเรื่องให้เตี่ยต้องเดือนเนื้อร้อนใจอีกหนูสัญญา”

พริบพันดาวลุกขึ้นเดินเข่าเข้าไปนั่งต่อหน้าบิดาก่อนจะคลานเข้าไปกราบที่ตักอย่างสำนึก

“ลูกเอ๋ย...จงจำไว้ต่อไปอย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา...การแก้ปัญหาด้วยกำลังมันมีแต่ผลเสียเพราะถ้าเราชนะคนที่แพ้ก็รังแต่จะหาทางแก้คืน...แต่หากเราแพ้จิตใจก็พะวงอยากชนะไม่รู้จักจบจักสิ้น...ลื้อเป็นคนมีสติปัญญานะอาดาวต่อไปให้ใช้ใจเอาชนะกับปัญหา...เมื่อชนะแล้วลื้อจะรู้ว่าสิ่งที่ตามมามันมีค่าขนาดไหน”

เจ้าสัวรุ่งโรจน์ทาบฝ่ามือลงบนเรือนผมนุ่มสลวยอย่างรักใคร่ ดวงตาสีหม่นจ้องใบหน้าหวานละมุนของบุตรีด้วยประกายอบอุ่นเปี่ยมไปด้วยความรักและหวังดี พอเห็นประกายตาที่จ้องมาร้อยเอกหญิงถึงกับสะท้านไปทั้งความรู้สึกเมื่อรับรู้ถึงความรักและห่วงใยอันมากมายมหาศาลที่บิดามีให้ตน

“เตี่ย...หนูขอโทษหนูสัญญาว่าต่อไปจะเป็นลูกที่ดี...หนูสัญญา”

ใบหน้าอิ่มของผู้สูงวัยฉายแววยินดีอย่างท่วมท้นเมื่อเห็นบุตรีสำนึกได้
“หวังว่าลื้อจะจำคำสัญญาที่ให้ไว้กับเตี่ยนะอาดาว...”

เจ้าสัวยิ้มล้อก่อนจะเอ่ยต่อน้ำเสียงเรียบเฉย

“ตกลงลื้อเลือกที่จะสู้ใช่ไหม?...”

“ใช่ค่ะเตี่ย...หนูจะสู้ทั้งๆ ที่รู้ว่าแพ้นี่แหละ”

หญิงสาวบอกยิ้มๆ

“ถ้าเป็นเชิงธุรกิจลื้ออย่าเล่นแผลงๆ แบบนี้เด็ดขาดรู้ไหม...การทำธุรกิจมันต้องมีลูกล่อลูกชนถ้ารู้ว่าแพ้ก็ต้องถอยไปตั้งหลักไม่ใช่หลับหูหลับตาวิ่งเข้าหาผ้าแดงเหมือนวัวกระทิงคลั่ง....ในด้านธุรกิจเราจะเดือดดาลไปตามแรงยั่วยุไม่ได้ลื้อจะต้องนิ่งแล้วค่อยๆ แก้ปัญหาไม่ใช่ร้อนรนวิ่งชนดะจนไม่ลืมหูลืมตา...การดำเนินชีวิตมันก็เหมือนการทำธุรกิจนั่นแหละถ้าเดินผิดก็เท่ากับล้มละลายสุดท้ายเราจะเหนื่อยเปล่า”

พริบพันดาวยิ้มพรายออกมาเมื่อเห็นบิดามองเธอสีหน้าจริงจัง

“หนูทราบค่ะเตี่ยวันนี้ที่ยอมดับเครื่องชนไม่ใช่หนูชนเพราะขาดสติจนหน้ามืดตามัว หนูแค่อยากสั่งสอนคนพวกนั้นว่าถึงเราจะแพ้แต่ก็ขอแพ้แบบมีศักดิ์ศรีไม่ใช่ปล่อยให้เขาใช้บารมีย่ำยีจนย่ำแย่...หนูมีเลือดเตี่ยตั้งครึ่งหนึ่งเตี่ยลืมแล้วเหรอคะ”

“ฮ่าๆ ...ให้มันได้อย่างนี้สิอาดาว...เตี่ยภูมิใจในตัวลื้อจริงๆ ให้ตายเถอะ... “

เจ้าสัวรุ่งโรจน์ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ดวงตาสีหม่นหรี่มองบุตรีแล้วพยักหน้าอย่างถูกอกถูกใจเมื่อเห็นลูกไม้ที่หล่นไม่ไกลต้น...




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2553
2 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 15:44:54 น.
Counter : 564 Pageviews.

 

สนุกมากค่ะ

 

โดย: Velanla IP: 121.216.106.102 31 พฤษภาคม 2553 21:55:19 น.  

 

อัพทุกวันเลยยิ่งดีนะคะ. สนุกลุ้นว่าพระเอกจะมามาด
ไหน และเป็นใคร......ตามติดและติดตามตอนต่อไปจ้า

 

โดย: ต่างแดน IP: 78.251.110.9 1 มิถุนายน 2553 2:11:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.