กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
บุญ
ข้อธัมม์ที่ถาม-เถียงกันบ่อย
หลักปฏิบัติ
สภาวธรรม
ปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง
ผู้พิพากษาตั้งตุลา ใ ห้ สั ง ค ม ส ม ดุ ล
คติธรรมสั้นๆ
ภาษาธรรมวันละคำ
รู้เขา รู้เรา
ปัจฉิมวาจา
ความเป็นมาของการบวช
การทำวัตรสวดมนต์
ทำยังไงจึงจะมีอายุยืนและมีความสุข
นิพพาน-อนัตตา ฉบับเพียงเพื่อไม่ประมาท
พลังดันคน
ที่ทำงานของจิต
บรรลุธรรมอะไร?
พุทธปรัชญาในสุตตันตปิฎก
ธัมมาธิบาย
สวดมนต์
ความจน เ ป็ น ทุ ก ข์ ใ น โ ล ก
เรียนบาลีเพื่อรักษาพุทธพจน์
ศีล-ธรรมไม่มาโลกาจะพินาศ
หลักธรรมสำหรับผู้ยังไม่นับถือศาสนาใดๆ
ก่อนศึกษาพุทธธรรม
ภาค ๑. มัชเฌนธรรมเทศนา
ภาค ๒. มัชฌิมาปฏิปทา
ภาค ๓. อารยธรรมวิถี
วัฒนธรรมประเพณี
จารึกธรรม
<<
กุมภาพันธ์ 2567
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
10 กุมภาพันธ์ 2567
จุดเริ่มของแผ่นดินธรรม
ถ้าคนประสานกับธรรม ก็มีทางแก้ปัญหาชีวิตและสังคม
พุทธะโยงเราเข้าถึงธรรม
???
ดินแดนที่ตกอยู่ในความวุ่นวาย
หมายเหตุ
ทีนี้ มองดูเกาะใหญ่ ถัดลงไปทางใต้
มะละกาลับหาย สุมาตรา-ชวา เฟื่องฟูขึ้นมาใหม่
มะละกา ที่แดนมาเลเซียขึ้นมาเป็นใหญ่เหนือ ชวา
???
ชวา ขึ้นมาล้ำ สุมาตรา
มลายู ขยายจากสุมาตรา ขึ้นยังมาเลเซีย
อิสลาม เริ่มเข้าที่ สุมาตรา
อินโดนีเซีย: ที่สุมาตรา ย้อนไปถึง ศรีวิชัย
???
อินโดจีน ส่วนล่างกับอดีตเด่นดังที่ ลังกาสุกะ
อินโดจีน ย้อนอดีตถึง ทวารวดี
จีน- อินเดีย แล้วเกิดมี อินโดจีน - อินโดนีเซีย
ภาคผนวก
คู่ต่างคู่เติม เสริมความรู้ธรรมให้เต็ม
พุทธในอินเดียแต่ละยุคๆ
ทัพมุสลิมเตอร์ก เก็บฉาก
ปุษยมิตร - มิหิรกุละ - ศาศางกะ ทำลายพุทธในระหว่าง
ศิวะอวตาร
นารายณ์อวตารเป็นพระพุทธเจ้า
เรื่องเกี่ยวกับโพธิสัตว์
ต้นโพธิ์ พระสถูป พระพุทธรูป
ย้ำอีกที
พระรัตนตรัย:สื่อเชื่อมต่อ และส่งเข้าสู่ทาง
ดูข้างเคียงให้ทั่ว จะเห็นของตัวว่าเป็นอย่างไร
ย้ำ
วัดถ้ำ: พุทธ เชน ฮินดู เปลือกดูคล้าย
เค้าอวสานแห่งพุทธศาสนา
ฮินดูฟื้น พุทธศาสนาสลบ
พุทธศาสนาประกาศอิสรภาพให้แก่มนุษย์
วัดกับถ้ำ
หลังพุทธกาล คามวาสี-อรัญญวาสี จึงมี
ถ้ำกับชีวิตของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
อชันตา เอลโลรา
???
ระบบสัมพันธ์ของธรรม
รู้ทุกข์จึงดับทุกข์ได้ไม่ใช่รู้ทุกข์ไป แล้วกลายเป็นทุกข์
เศรษฐกิจจะพอดี เมื่อมันทำหน้าที่เป็นปัจจัย
ปัญญา
สัญญา
ผู้ปล่อยวางได้ แต่ไม่ปล่อยปละละเลย
ความไม่ยึดมั่นถือมั่นที่แท้ อีกที
ความไม่ยึดมั่นที่แท้ ต้องดูจากคติพระอรหันต์
สมมุติ,บัญญัติ
ธรรมกับวินัยเสริมกัน
วินัยเป็นบรรทัดฐานแห่งพฤติกรรมที่ถูกต้องตามธรรม
วินัย
ดูหัวข้อนี้ให้ชัด
ธรรมที่ตรัสไว้ต่างชุด ดุจเครื่องมือที่ใช้กับต่างงาน
ดุลยภาพในระบบความสัมพันธ์ของธรรม
ความเชื่ออีกแนวหนึ่ง
ความไม่ประมาท ช่วยปรับให้พอดี จึงเป็นทางสายกลาง
สติมา ปัญญาเกิด
มองอินเดียกับฝรั่ง ให้เห็นความแตกต่างที่เป็นคติแก่ไทย
บทบาทหน้าที่ของสติ กับ ปัญญา
ระบบทุกข์ภัยประดิษฐ์ ดีกว่าปล่อยให้มักง่าย
เรียบง่าย แต่ระวัง อย่าให้กลายเป็นมักง่าย
ความประมาท ความไม่ประมาท เป็นไฉน
ผู้ไม่ประมาทใช้ประโยชน์จากอนิจจัง
มนุษย์เป็นปัจจัยสำคัญต่อความเสื่อมความเจริญ
ความไม่ประมาท คือความสามารถที่จะไม่เสื่อม
ถิ่นปิยชนผู้เปี่ยมด้วยศรัทธา
???
ธรรมานุธรรมปฏิบัติ
สันโดษ ไม่สันโดษ ดีไม่ดี
ได้ดุลพอดี ที่เป็นลักษณะทางสายกลาง
ปัญญา ชี้นำเข้ามาและเดินหน้าในทางสายกลาง
อธิษฐานจิต
ใช้เวลาสักนิด กับ เรื่องภวังคจิต
สายมู
???
สมาธิมีประโยชน์มากมาย ต้องใช้ให้คุ้มและให้ครบ
อย่าทิ้งความคิดปรุงแต่งทันที ปรุงแต่งดีได้ถึงฌานสมาบัติ
พระพุทธเจ้ากับเพลง
จะอาศัยสิ่งกล่อมหรือจะใช้วิริยะและปัญญา
อิสรภาพของมนุษย์ จะได้ด้วยการศึกษาที่ถึงธรรม
พระพุทธเจ้ามา ประกาศอิสรภาพให้แก่มนุษย์
ความรักต้องคู่กับความรู้
คิดปรุงแต่ง กับ คิดวิปัสสนา
พระพุทธเจ้าตรัสรู้เพราะโยนิโสมนสิการ
มีโยนิโสมนสิการ เรื่องร้ายก็กลายเป็นดี
รูปกาย ธรรมกาย
ที่ประกาศอิสรภาพของมนุษย์
มุสลีมะอินโด ฯ
ปฏิบัติธรรมก้าวหน้าไป นามกายเจริญเอง
โปรยธรรมบนเส้นทางสู่ที่ปรินิพพาน
เส้นทางพุทธกิจ: พุทธคยา ถึง กุสินารา
ถ้าสังเวชเป็น ก็จะได้เห็นธรรมกาย
มุสลิมเตอร์ก มุสลิมมองโกล รุ่งแล้วเลือนลับ
จากยุคมุสลิมอาหรับ เข้าสู่ยุคมุสลิมเตอร์ก
สุหนี่นำอิสลามครองสะเปน จ่อแดนจีน
ชีอะฮ์แยกออกมา
อิสลามแผ่ไพศาล
อิสลามรวมอาหรับ
เมตตาที่มีปัญญา จึงพาโลกสู่สันติสุขได้
???
รักษาแผ่นดินไทย ให้เป็นแผ่นดินธรรม
จุดเริ่มของแผ่นดินธรรม
ถ้าคนประสานกับธรรม ก็มีทางแก้ปัญหาชีวิตและสังคม
พุทธะโยงเราเข้าถึงธรรม
พระรัตนตรัย ต้องรู้จักใช้ให้เป็นสรณะ
มนุษย์ประเสริฐเพราะเป็นสัตว์ที่ฝึกได้
จากเทพสู่ธรรม จากธรรมสู่กรรม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว จะประกาศธรรมแสนยาก
ย้ำ
รู้ธรรม คือรู้เรื่องธรรมดา
โพธิพฤกษ์ โพธิญาณ
มหาวิทยาลัยสงฆ์มีไว้ทำไม
???
๕ แคว้น ที่ยิ่งใหญ่
ย้ำอุเบกขา
มาฆบูชา พัฒนาความรักแห่งวาเลนไทน์
ให้รักกับรู้ มาเข้าคู่ดูแลกัน
มนุษย์กับมนุษย์รักกัน แต่มนุษย์ทุกคน
ถึงความรักจะดี ก็ไม่พอ
มาฆบูชา กับ วาเลนไทน์
ละชั่ว ทําดียังไม่พอ ต้องต่อด้วย
หัวใจเดียว แต่มีสี่ห้อง
มาฆบูชาขึ้นมาเป็นวันสําคัญในพระพุทธศาสนา
สาระของโอวาทปาติโมกข์
มาฆบูชา กับ หัวใจพระพุทธศาสนา
ราชคฤห์ ศูนย์อํานาจการเมือง
หัวใจธรรม จากจุดศูนย์กลาง
พระพุทธศาสนาในมือของพุทธบริษัท
ร่องรอยที่เหลือ และเค้าการฟื้นฟูหลังหมดสิ้น
อวสานมาถึง เมื่อทัพมุสลิมเตอร์กลงดาบสุดท้าย
เทียบ ปทท.
นาลันทากับความเสื่อมสูญของพระพุทธศาสนา
วัดพุทธ ต้นกําเนิดมหาวิทยาลัยของโลก
พระพุทธศาสนาเกิดขึ้น ก็เกิดการศึกษาแก่มวลชน
ฟูจิ
เอาธรรมไปเป็นหลักประกันชีวิตและสังคมไว้
ธรรมเป็นอิสระจากคน คนถึงธรรมเป็นอิสระจากสังขาร
ศรัทธากับปัญญา นำเข้าเฝ้าพระพุทธเจ่า
ศูนย์กลางเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ราชสังคหวัตถุ ๔
หลักธรรมที่อโศกราชาใช้ปกครองบ้านเมือง
อโศกราชากล้าหาญในทางสันติ
เทียบกันแล้ว สรุปได้
ดูพุทธพจน์แล้ว อ่านธรรมโองการเทียบ
อโศกธรรม หรือ คหัฐวินัย
ธรรมวิชัย:หลักการใหญ่ที่นําเข้าสู่พุทธธรรม
อโศกมหาราช อโศกธรรม
ศิลาจารึกอโศก เป็นของพระเจ้าอโศกมหาราชแน่หรือ
ทรัพย์และอํานาจ สู่ความหมายและคุณค่าใหม่
ธรรมวิชัย
ไม่ประมาท ก็ไม่เสื่อม
วัดพระราม
ชมพูทวีปในพุทธกาล
สังเวชนียสถาน ๔
ย้อนทางเข้าสู่แดนพุทธภูมิ
ถ้าคนประสานกับธรรม ก็มีทางแก้ปัญหาชีวิตและสังคม
ถ้าคนไม่ประสานกับธรรม ก็ไม่มีทางแก้ปัญหาชีวิตและสังคม
พอถึงจุดนี้ก็คือ เราถูกเชื่อมโยงเข้ามาหาธรรมแล้ว ธรรมนี้แหละ ก็ขยายเป็นอริยสัจ ๔
เมื่อกี้นี้ เราถูกภัยคุกคาม ก็เที่ยวหาที่พึ่ง ตอนนี้เรามาหาธรรมแล้ว เริ่มต้นก็ลองพิจารณามองดูความจริงของสิ่งทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา คือสิ่งรอบตัว ถ้าเราไม่รู้จักความจริงของมันและปฏิบัติต่อมันไม่ถูกต้อง ทุกอย่างก็เกิดเป็น
ปัญหา
ขึ้นได้ทั้งนั้น เรียกว่า
ทุกข์
จากนั้น เราก็รู้ต่อไปว่า เราจะแก้มันได้ เราจะเปลี่ยนมันพลิกมันจากเป็นทุกข์ ให้กลายเป็นไม่มีทุกข์ สิ่งทั้งหลายที่เราเกี่ยวข้องนี้แหละ
เมื่อเราไม่รู้เท่าทันมันตามเป็นจริงและปฏิบัติต่อมันไม่เป็น ก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น
พอเรารู้ทันมันและปฏิบัติต่อมันอย่างถูกต้อง ก็พลิกจากทุกข์เป็น หายทุกข์ หมดทุกข์เป็นสุขไป
เลย
เพราะฉะนั้น
พระพุทธเจ้าจึงเริ่มจากทุกข์
ที่เป็นจุดกระทบของคน แล้วนําเดินหน้าไปยังธรรม ที่จะทําให้เราพลิกทุกข์ให้หายลับไป
เริ่มแรกก็ให้
รู้จัก
สิ่งทั้งหลาย สิ่ง
ที่เป็น
ปัญหา
แก่เรานี้
เรารู้มันเสียก่อน
จับตัวมันให้ได้ เสร็จแล้วก็
สืบสาวหาเหตุ
รู้
สมุทัย
แล้ว ก็มองเห็น
จุดหมาย
ของตัว และ
รู้ตัวเอง
ว่าทําได้นะ ถึงตอนนี้ท่านก็บอก
วิธีปฏิบัติ
ที่จะพลิกมัน
พอปฏิบัติถูกต้อง ทุกข์นั้นก็หายไป
เลย กลายเป็นว่า
ทุกข์
นั้นไม่มี พอปฏิบัติประสานเข้ากับธรรม ในที่สุดทุกข์ก็ไม่มี เพราะทุกข์มันหายไปเลย นั้นก็คือความสิ้นทุกข์ดับทุกข์หมดทุกข์หรือ
ไร้ทุกข์
เพราะฉะนั้น
ท่านผู้ปฏิบัติสําเร็จตามธรรม เข้าถึงธรรมแท้จริงแล้ว ทุกข์ไม่มี ทุกข์หายไป
ทุกข์
นั้น
มีแต่ในธรรมชาติตามธรรมดาของมัน เป็นเรื่องของมันเอง
สิ่ง
ทั้งหลายเป็น
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็เป็นธรรมดาตามธรรมชาติของมัน
แต่มนุษย์ไม่รู้
ไม่เข้าใจความจริง
ก็เลยตกเป็นทาส ถูกกฎธรรมชาติครอบงํา ก็เกิดทุกข์ขึ้น
พอรู้ความจริงเข้า จึงค่อยๆ คลาย ค่อยๆ พ้นออกมา ทุกข์ก็น้อยลง สุขมากขึ้น จนกระทั่งในที่สุดทุกข์หมด
ไปไม่เหลือ เราโปร่งโล่ง เป็นอิสระ อยู่เหนือมัน ส่วน
ทุกข์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ก็เป็นเรื่องของธรรมชาติไป
ใครจะไปแก้ทุกข์ในธรรมชาติได้
สิ่งทั้งหลายคือ
สังขารเป็นทุกข์
นี่ ไม่มีใครไปแก้ได้ แต่เมื่อสิ่งทั้งหลายเป็นทุกข์ตามธรรมชาติของมัน
ทําไมจึงมาเป็นทุกข์ในเราด้วยล่ะ
แสดงว่าเราผิด เราไปเอาทุกข์มาใส่ตัวเอง
แต่พอเรารู้เท่าทัน เราปฏิบัติถูก
เข้าถึงความจริง เข้าถึงธรรมแล้ว ทุกข์ที่มีในธรรมชาติ ก็เป็นทุกข์ตามธรรมชาติไป แต่ไม่เข้ามาครอบงําจิตของเรา เราก็ไม่ทุกข์ไปด้วย เราจึงเป็นอิสระหลุดพ้น
ในการ
ศึกษาฝึกฝนพัฒนาตน
นั้น
คน
จะปฏิบัติตามธรรมไปจนกระทั่งถึงจุดหมาย แต่กว่าจะถึงจุดหมายหมดทุกข์เป็นอิสระนั้น
มนุษย์
จะประเสริฐขึ้นไปตามลําดับ มีความดีงามเกิดขึ้นในชีวิตของตัวเอง และเป็นส่วนประกอบที่ดีงามของสังคม เป็นมนุษย์ที่เกื้อกูลต่อชาวโลก ชีวิตก็ดีงาม สังคมก็ดีงาม และช่วยสร้างสรรค์โลกนี้ให้น่าอยู่ไปด้วย
ถ้า
ปฏิบัติตามหลักพระพุทธศาสนา
ก็จะทําให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีงามขึ้น อย่างประสานกลมกลืนและเกื้อกูลซึ่งกันและกัน แต่ถ้าดําเนินตามวิถีของ
มนุษย์ปุถุชนที่ไม่ฝึกตน
ก็หันไปคิดจะแก้แต่ข้างนอก เอาชนะข้างนอก อย่าง
วิทยาศาสตร์
ที่มุ่งหวังพิชิตธรรมชาติ คิดแต่จะจัดการกับโลกภายนอก
ไม่เอาชนะธรรมชาติภายใน
พ่ายแพ้ตกเป็นทาสแก่สภาพไร้การพัฒนาในตัวเอง ก็จึงทําให้เกิดปัญหายุ่งยากเพิ่มขึ้น
ขอให้ดู
สภาพที่ปรากฏในปัจจุบันนี้
จะเห็นได้ว่าเกิดความขัดแย้งกันไปหมด ชีวิต
คน
ก็ขัดแย้งกับชีวิตของสังคม ผลประโยชน์ของบุคคลขัดแย้งกับผลประโยชน์ของสังคม ผลประโยชน์ของมนุษย์ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของธรรมชาติ
คน-สังคม-ธรรมชาติ
อยู่ร่วมกันด้วยดีไม่ได้ จะให้ฝ่ายหนึ่งได้ ฝ่ายหนึ่งก็เสีย
คนปัจจุบัน
วุ่นวายกับปัญหาสภาพแวดล้อมเสีย ปัญหาสังคมที่อยู่กันอย่างหวาดระแวงแก่งแย่ง มองกันเป็นคู่แข่งหรือเป็นเหยื่อ ชีวิตของคนก็ไม่มีความสุข เพราะมีความเครียดเร่าร้อนกระวนกระวายตลอดเวลา ทั้งหมดนี้ก็เพราะว่า
มนุษย์เดินทางออกจากธรรม
แทนที่จะเดินทางเข้าใกล้ และเข้าสู่ธรรม
ตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องยอมรับความจริง
ว่า ถ้าจะเอาให้ถูกต้องจริง จะให้ชีวิตดีงามมีความสุข ทั้งชีวิตตนเอง ทั้งกายและใจ ทั้งสังคม ทั้งสิ่งแวดล้อม ให้อยู่กันได้ดี ตอนนี้พูดได้ว่า ไม่มีทางเลี่ยงแล้ว จะต้องเข้ามาสู่ทางของการ
เข้าถึงธรรม
เวลานี้
โลกมนุษย์
เริ่มสํานึกรู้มากขึ้นตามลําดับ ว่าวิธีแก้ปัญหา วิธีสร้างความเจริญ และวิธีหาความสุขแบบที่เป็นอยู่ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย ที่สร้างอารยธรรมขึ้นมาอย่างที่เห็นกันอยู่นี้ มันผิดพลาด
ปัญหาที่แก้ได้ ไม่คุ้มกับปัญหาที่ทําให้เกิดขึ้นใหม่มากมาย เพราะว่าอยู่กันไป ตัวมนุษย์เองก็ไม่มีความสุขมากขึ้น
ชีวิต
ทั้งกายและใจ ก็ไม่ดีขึ้น
สังคม
ก็วุ่นวายเดือดร้อนมากขึ้น สิ่งแวดล้อมก็ถูกผลาญ ถูกทําลาย สลายเสื่อมไปตามลําดับ
เมื่อได้บทเรียนมากขึ้น ก็ทําให้มนุษย์เริ่มหันมาสนใจธรรม แต่มองใน
แง่หนึ่งก็เหมือนกับฝืนกระแส
มันก็ยากเหมือนกัน แต่ถ้าเราจับจุดจากที่ว่าเมื่อกี้ได้ เราจะสบายใจ
ทัมม์
และ
ธัมม์
สองตัวนี้ จับให้ได้ การที่จะให้ชีวิตดีงาม จะให้ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดี
เราหลีกเลี่ยงความจริงไม่พ้นหรอก
เราจะ
ต้องปฏิบัติให้สอดคล้องกับความจริง
โดยใช้
ปัญญาที่รู้
ความจริงมาจัดการ ไม่มีวิธีทางอื่นที่ดีกว่านี้
เทพพรหม
ที่ไหนก็มาทําให้ไม่ได้
อันนี้แน่นอน ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้
วิทยาศาสตร์
ที่พยายามแก้ปัญหา ก็โดยการพยายามจะเข้าถึงความจริงอันนี้ แต่ไปวุ่นอยู่กับความจริงด้านเดียว เลยได้แต่เครื่องมือที่จะแก้ปัญหา แต่ไม่ได้แก้ไขคนที่ ก่อปัญหา คนที่เป็นปัญหา ก็เลยเอาเครื่องมือที่จะแก้ปัญหา ไปใช้ก่อ ปัญหาให้หนักขึ้น
เพราะฉะนั้น เราอย่ามัวไปหวังวิธีอื่นเลย พระพุทธเจาสอนเราไว้นานแล้ว อย่างน้อยพระองค์ก็ดึงจากเทพมาสู่ธรรมแล้ว วิธีแน่นอน คือ ต้องเข้าถึงธรรม และปฏิบัติไปตามธรรม
ความจริงอันนี้แน่นอน
ธัมม์
ตัวที่ ๑ (ธรรม/ธัมมะ) เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้มัน และ ทัมม์ตัวที่ ๒ คือ มาดตัวเราเองว่าเป็นทัมม์ (ทัมมะ) คือเป็นสัตว์ที่ฝึกได้ พัฒนาได้
เมื่อเรามีกําลังใจ เพราะมีแบบอย่างให้ คือพุทธะ เราก็พัฒนาตัวเองให้เกิดปัญญาเข้าถึงธรรม และปฏิบัติให้ได้ตามธรรม ให้สามารถนําธรรมคือปัญญาที่รู้ความจริงของธรรมมาใช้ประโยชน์ให้ ได้อันนี้เป็นทางออก และความสำเร็จอีนเดียวของมนุษย์ เราจะพอใจหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ไม่มีทางเลี่ยง
สิ่งที่พระพุทธเจ้า
ตรัสรู้
นี้เป็น
สัจธรรม
เป็นความจริงที่ไม่มีใครกล้าคัดค้านได้ หรืออาจจะกล้าคัดค้านแต่ก็คัดค้านไม่สําเร็จ เพราะต้องเข้าถึงธรรมและต้องใช้ธรรมนี้แน่นอน และตัวเราก็ต้องพัฒนาตัวเองขึ้นไป
เป็นอันว่า ชาวพุทธต้องเอาสองอย่างนี้ คือ
หนึ่ง
ตัว
ธัมม์
ธ ธง (ธัมมะ/ธรรม)
สอง
ตัวเรา
ทัมม์
ท ทหาร (ทัมมะ) เอาเจ้าสองตัวนี่มาประสานกันให้สําเร็จ ก็จะบรรลุความเป็นพุทธะ และนําโลกสู่การแก้ปัญหาได้จริง
วันนี้เรามาถึงที่นี่แล้ว เรามาถึงที่ที่
พระพุทธเจ้าตรัสรู้
นี่แหละคือ จุดประสานของ
ธัมมะ
กับ
ทัมมะ
เรามาถึงจุดต้นแบบพุทธะ ต้นแบบนั้น เกิดขึ้นที่นี่ จึงเป็นกําลังใจให้เกิดความแกล้วกล้าที่ว่าเราจะต้องทําหน้าที่นี้ให้สําเร็จ แล้วก็ช่วยกันไปแก้ไขปัญหาโลก ปัญหาสังคม ปัญหาชีวิตให้ สําเร็จ สร้าง
สังฆะ
ขึ้นมาให้ได้
ถ้าเราทำใจได้ถูกต้อง หันมาพิจารณาความจริงนี้ แม้จะยาก แต่เพราะเป็นสัจธรรม เราก็จะเกิดความมั่นใจในตัวเอง และเราจะต้องช่วยกันกระตุ้นเตือนจิตสํานึก และสร้างความมั่นใจกําลังใจให้เกิดขึ้นให้ได้
กําลังในฝ่ายธรรมเวลานี้
เบา อ่อนแอ และขาดแคลน เพราะคนที่จะมีความมั่นใจในหลักสองประการนี้เดี๋ยวนี้มีน้อย คือ
๑.
มั่นใจในธรรม
คือความจริงของกฎธรรมชาติแห่งความเป็นไปตามเหตุปัจจัย ด้านนี้เราต้องสํารวจตัวเราเอง แม้แต่ชาวพุทธว่า เรามีความมั่นใจแค่ไหน
๒.
มั่นใจตัวเราเอง
ที่ฝึกได้พัฒนาได้ ที่จะเป็นพุทธะได้ เรามั่นใจแค่ไหน
นี่เป็นทางออกทางเดียวที่จะแก้ปัญหาของโลกมนุษย์นี้ได้ เราจะต้องพยายามช่วยเหลือโลกมนุษย์ ด้วยการสร้างความมั่นใจนี้ขึ้นมา
บัดนี้เรามาถึงจุดนี้แล้ว เหตุการณ์ที่ ธัมม์ กับ ทัมม์ มาประสานบรรจบกันได้เกิดขึ้นที่นี่ เพราะฉะนั้น ขอให้เราสร้างความมั่นใจขึ้นในตัวเราที่จะทําให้ได้อย่างนั้นด้วย โดยเอาองค์พระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่าง ให้ทุกท่านมีความมั่นใจ และมีกําลังใจ อย่างน้อยก็คอยระลึกถึงองค์พุทธะมาเตือนใจเราให้
๑. มั่นใจในตัวเราที่เป็นมนุษย์ ซึ่งเป็นสัตว์ที่ฝึกฝนพัฒนาได้ มีศักยภาพที่จะทําให้เจริญงอกงามสู่ความสมบูรณ์
๒.
สํานึกในหน้าที่ของมนุษย์
ว่าจะต้องศึกษา ฝึกฝนพัฒนาตน เพื่อให้มีชีวิตที่ดีงาม จะปล่อยปละละเลยไม่ได้
๓.
มีกําลังใจ
เพราะเราได้เห็นแบบอย่าง คือองค์พระพุทธเจ้าที่ทรงทําได้จริงอย่างนั้นแล้ว องค์พุทธะได้มาเกิดขึ้นที่นี่แล้ว เราก็จะทําได้ สําเร็จตามอย่างพระองค์
๔.
ได้วิธีแบบอย่าง
จากประสบการณ์ที่พระองค์บําเพ็ญไว้แล้ว และทรงมอบให้ไว้แก่พวกเรา ทําให้สะดวกที่เราจะประพฤติปฏิบัติต่อไป
วันนี้ ได้แค่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าให้เกิดความเตือนใจ ๓ ประการนี้ ก็คุ้มค่าแล้ว
ฉะนั้น จึงขอให้เราเกิดความมั่นใจนี้ ระยะนี้เราจะต้องกระตุ้นกันมากหน่อย เพราะสังคมปัจจุบันนี้
มีสภาพแวดล้อมเป็นเหมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้
ว่า
โลกนี้หมกจมอยู่ในความหลงระเริงมัวเมา
เพราะฉะนั้น
การที่จะเกิดแรงปลุกใจให้ดําเนินไปในกระแสธรรมจึงเป็นการยาก พระองค์จึงน้อมพระทัยไปในการไม่สั่งสอน
แต่เราในฐานะเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เราได้ร้บคำสอนของพระพุทธองค์ที่ถ่ายทอดกันมาแล้ว เราต้องถือว่า เรานี้อยู่ในพวกสัตว์ที่ฝึกได้ และมีธุลีในดวงตาน่าจะไม่มากนัก ถ้าเรามีธุลีไม่มากนัก เราก็จะชําระล้างธุลีแลเห็นแสงสว่าง และจะดําเนินตามพุทธปฏิปทาต่อไปได้
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2567 15:41:41 น.
0 comments
Counter : 156 Pageviews.
(โหวต blog นี้)
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
Bloggang.com