กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กุมภาพันธ์ 2567
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
2526272829 
space
space
5 กุมภาพันธ์ 2567
space
space
space

ร่องรอยที่เหลือ และเค้าการฟื้นฟูหลังหมดสิ้น


235 ร่องรอยที่เหลืออยู่ และเค้าการฟื้นฟูหลังหมดสิ้นไปแล้ว


     ได้พูดถึงยุคเสื่อมของพระพุทธศาสนา ที่มีการกลมกลืนกับศาสนาฮินดู  เห็นว่าควรจะบอกข้อควรรู้เพิ่มอีกเล็กน้อย

     ศาสนาฮินดูนี้  ความหมายหนึ่งก็คือศาสนาพราหมณ์ที่ปรับปรุงใหม่นั่นเอง หมายความว่า ในยุคหลังเมื่อพราหมณ์ปรับปรุงตัวใหม่แล้ว  เราเรียกว่าศาสนาฮินดู  เพื่อจะแยกให้เห็นความแตกต่าง

     ศาสนาฮินดูนั้น   มีคําสอนหลายส่วนที่ละม้ายคล้ายคลึงกับพระพุทธศาสนา หรือดึงไปจากพระพุทธศาสนา  แม้แต่หลักอหิงสาที่คนฮินดูถือไม่กินเนื้อสัตว์  อะไรต่างๆเหล่านี้  ก็นับว่ามาจากอิทธิพลของพระพุทธศาสนา (และอาจจะจากศาสนาเชนด้วย)

     ศาสนาพราหมณ์นั้น เป็นศาสนาที่มีพิธีบูชายัญเป็นหลักปฏิบัติ สําคัญยิ่ง เอาสัตว์ทั้งหลายมาฆ่าบูชายัญ เช่น เอาแพะ ๕๐๐ ตัว แกะ ๕๐๐ ตัว วัว ๕๐๐ ตัวมาฆ่าเอาอกเอาใจเทพเจ้า เมื่อทําถึงขนาดนี้จะว่า ไม่กินเนื้อสัตว์ไม่เบียดเบียนสัตว์ได้อย่างไร


     อย่างในสมัยพุทธกาล มีเรื่องในพระสูตรหลายแห่ง กล่าวถึงพระพุทธเจ้าเสด็จที่โน้นที่นี้ ทรงพบกับกษัตริย์บ้าง พราหมณ์ผู้ใหญ่บ้าง ที่กําลังเตรียมประกอบพิธีบูชามหายัญ ให้เอาสัตว์ต่างๆ อย่างละ ๕๐๐ ตัวบ้าง ๗๐๐ ตัวบ้าง มาผูกมัดไว้  พระพุทธเจ้าก็เสด็จเข้าไปทรงสนทนา ไต่ถาม แล้วตรัสสอน ทําให้เขาเปลี่ยนความเชื่อถือ เลิกบูชายัญ แล้วแก้มัดปล่อยพวกสัตว์เหล่านั้นไป เป็นต้น  นี่ก็เป็นเรื่องราวที่มีมาในพระสูตร (ดูกูฏทันตสูตร, ที.สี.๙/๑๙๙; ยัญญสูตร, สํ.ส.๑๕/๓๔๙ อธิบายใน สํ.อ.๑/๑๗๗)

     มาในสมัยหลังนี้ ศาสนาฮินดูกลายเป็นศาสนาที่คนไม่กินเนื้อสัตว์ จึงเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าสังเกตยิ่ง  แต่ปราชญ์เรื่องอินเดียก็ยอมรับกันดีว่า พิธีบูชายัญที่ผ่อนเบาลง และการถืออหิงสา ได้รับอิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนา

     จึงอาจจะเป็นได้ว่า ฮินดูพยายามจะแข่งกับพระพุทธศาสนา โดยจะแสดงให้เห็นว่า ที่พระพุทธศาสนาสอนหลักการไม่เบียดเบียนนั้น พวกฉันทําได้ยิ่งกว่าอีก อะไรทํานองนี้

     ที่ว่านี้ก็เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ คงจะต้องสืบสาวกันอีกมาก แต่จากความเป็นมาเท่าที่มองเห็นก็เป็นไปในลักษณะนี้

     เป็นอันว่า พระพุทธศาสนาก็หมดไปจากประเทศอินเดีย ถือว่าสูญสิ้นไปเลย ที่มีอยู่บ้างในปัจจุบันนี้เป็นการรื้อฟื้นขึ้นใหม่ โดยรับเข้ามาจากประเทศอื่นๆ เช่น จากศรีลังกาบ้าง อย่างที่ท่านอนาคาริกธัมมปาละ เข้ามาฟื้นฟูพุทธคยา กว่าจะสําเร็จแสนยาก

     พุทธคยาที่ชาวพุทธมานมัสการกันในปัจจุบันนี้  ที่จริงของเดิมหมดสภาพไปนานนักหนาแล้ว  โดยตกไปเป็นสมบัติที่นักบวชฮินดูยึดครองไว้หมด  อนาคาริกธัมมปาละต้องมาต่อสู้อยู่เป็นเวลานาน  ใช้ความสามารถ  ความเพียร  ความอดทนอย่างมากมาย ชาวพุทธจึงเขาไปนมัสการได้

     เรื่องของมหาวิทยาลัยนาลันทานี้ จึงเป็นหลักฐานที่แสดงความเจริญรุ่งเรืองและความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนา  พร้อมกันนั้นก็เป็นเครื่องแสดงถึงความเสื่อมโทรมจนถึงสูญสิ้นของพระพุทธศาสนาด้วย

     สรุปได้ง่ายว่า นาลันทาก็สลายหมดไป พร้อมกับที่พระพุทธศาสนาก็สูญสิ้นจากประเทศอินเดีย

 


Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2567 8:47:45 น. 0 comments
Counter : 94 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space