กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
บุญ
ข้อธัมม์ที่ถาม-เถียงกันบ่อย
หลักปฏิบัติ
สภาวธรรม
ปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง
ผู้พิพากษาตั้งตุลา ใ ห้ สั ง ค ม ส ม ดุ ล
คติธรรมสั้นๆ
ภาษาธรรมวันละคำ
รู้เขา รู้เรา
ปัจฉิมวาจา
ความเป็นมาของการบวช
การทำวัตรสวดมนต์
ทำยังไงจึงจะมีอายุยืนและมีความสุข
นิพพาน-อนัตตา ฉบับเพียงเพื่อไม่ประมาท
พลังดันคน
ที่ทำงานของจิต
บรรลุธรรมอะไร?
พุทธปรัชญาในสุตตันตปิฎก
ธัมมาธิบาย
สวดมนต์
ความจน เ ป็ น ทุ ก ข์ ใ น โ ล ก
เรียนบาลีเพื่อรักษาพุทธพจน์
ศีล-ธรรมไม่มาโลกาจะพินาศ
หลักธรรมสำหรับผู้ยังไม่นับถือศาสนาใดๆ
ก่อนศึกษาพุทธธรรม
ภาค ๑. มัชเฌนธรรมเทศนา
ภาค ๒. มัชฌิมาปฏิปทา
ภาค ๓. อารยธรรมวิถี
วัฒนธรรมประเพณี
จารึกธรรม
มกราคม 2567
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
28 มกราคม 2567
ไม่ประมาท ก็ไม่เสื่อม
วัดพระราม
ชมพูทวีปในพุทธกาล
???
ดินแดนที่ตกอยู่ในความวุ่นวาย
หมายเหตุ
ทีนี้ มองดูเกาะใหญ่ ถัดลงไปทางใต้
มะละกาลับหาย สุมาตรา-ชวา เฟื่องฟูขึ้นมาใหม่
มะละกา ที่แดนมาเลเซียขึ้นมาเป็นใหญ่เหนือ ชวา
???
ชวา ขึ้นมาล้ำ สุมาตรา
มลายู ขยายจากสุมาตรา ขึ้นยังมาเลเซีย
อิสลาม เริ่มเข้าที่ สุมาตรา
อินโดนีเซีย: ที่สุมาตรา ย้อนไปถึง ศรีวิชัย
???
อินโดจีน ส่วนล่างกับอดีตเด่นดังที่ ลังกาสุกะ
อินโดจีน ย้อนอดีตถึง ทวารวดี
จีน- อินเดีย แล้วเกิดมี อินโดจีน - อินโดนีเซีย
ภาคผนวก
คู่ต่างคู่เติม เสริมความรู้ธรรมให้เต็ม
พุทธในอินเดียแต่ละยุคๆ
ทัพมุสลิมเตอร์ก เก็บฉาก
ปุษยมิตร - มิหิรกุละ - ศาศางกะ ทำลายพุทธในระหว่าง
ศิวะอวตาร
นารายณ์อวตารเป็นพระพุทธเจ้า
เรื่องเกี่ยวกับโพธิสัตว์
ต้นโพธิ์ พระสถูป พระพุทธรูป
ย้ำอีกที
พระรัตนตรัย:สื่อเชื่อมต่อ และส่งเข้าสู่ทาง
ดูข้างเคียงให้ทั่ว จะเห็นของตัวว่าเป็นอย่างไร
ย้ำ
วัดถ้ำ: พุทธ เชน ฮินดู เปลือกดูคล้าย
เค้าอวสานแห่งพุทธศาสนา
ฮินดูฟื้น พุทธศาสนาสลบ
พุทธศาสนาประกาศอิสรภาพให้แก่มนุษย์
วัดกับถ้ำ
หลังพุทธกาล คามวาสี-อรัญญวาสี จึงมี
ถ้ำกับชีวิตของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
อชันตา เอลโลรา
???
ระบบสัมพันธ์ของธรรม
รู้ทุกข์จึงดับทุกข์ได้ไม่ใช่รู้ทุกข์ไป แล้วกลายเป็นทุกข์
เศรษฐกิจจะพอดี เมื่อมันทำหน้าที่เป็นปัจจัย
ปัญญา
สัญญา
ผู้ปล่อยวางได้ แต่ไม่ปล่อยปละละเลย
ความไม่ยึดมั่นถือมั่นที่แท้ อีกที
ความไม่ยึดมั่นที่แท้ ต้องดูจากคติพระอรหันต์
สมมุติ,บัญญัติ
ธรรมกับวินัยเสริมกัน
วินัยเป็นบรรทัดฐานแห่งพฤติกรรมที่ถูกต้องตามธรรม
วินัย
ดูหัวข้อนี้ให้ชัด
ธรรมที่ตรัสไว้ต่างชุด ดุจเครื่องมือที่ใช้กับต่างงาน
ดุลยภาพในระบบความสัมพันธ์ของธรรม
ความเชื่ออีกแนวหนึ่ง
ความไม่ประมาท ช่วยปรับให้พอดี จึงเป็นทางสายกลาง
สติมา ปัญญาเกิด
มองอินเดียกับฝรั่ง ให้เห็นความแตกต่างที่เป็นคติแก่ไทย
บทบาทหน้าที่ของสติ กับ ปัญญา
ระบบทุกข์ภัยประดิษฐ์ ดีกว่าปล่อยให้มักง่าย
เรียบง่าย แต่ระวัง อย่าให้กลายเป็นมักง่าย
ความประมาท ความไม่ประมาท เป็นไฉน
ผู้ไม่ประมาทใช้ประโยชน์จากอนิจจัง
มนุษย์เป็นปัจจัยสำคัญต่อความเสื่อมความเจริญ
ความไม่ประมาท คือความสามารถที่จะไม่เสื่อม
ถิ่นปิยชนผู้เปี่ยมด้วยศรัทธา
???
ธรรมานุธรรมปฏิบัติ
สันโดษ ไม่สันโดษ ดีไม่ดี
ได้ดุลพอดี ที่เป็นลักษณะทางสายกลาง
ปัญญา ชี้นำเข้ามาและเดินหน้าในทางสายกลาง
อธิษฐานจิต
ใช้เวลาสักนิด กับ เรื่องภวังคจิต
สายมู
???
สมาธิมีประโยชน์มากมาย ต้องใช้ให้คุ้มและให้ครบ
อย่าทิ้งความคิดปรุงแต่งทันที ปรุงแต่งดีได้ถึงฌานสมาบัติ
พระพุทธเจ้ากับเพลง
จะอาศัยสิ่งกล่อมหรือจะใช้วิริยะและปัญญา
อิสรภาพของมนุษย์ จะได้ด้วยการศึกษาที่ถึงธรรม
พระพุทธเจ้ามา ประกาศอิสรภาพให้แก่มนุษย์
ความรักต้องคู่กับความรู้
คิดปรุงแต่ง กับ คิดวิปัสสนา
พระพุทธเจ้าตรัสรู้เพราะโยนิโสมนสิการ
มีโยนิโสมนสิการ เรื่องร้ายก็กลายเป็นดี
รูปกาย ธรรมกาย
ที่ประกาศอิสรภาพของมนุษย์
มุสลีมะอินโด ฯ
ปฏิบัติธรรมก้าวหน้าไป นามกายเจริญเอง
โปรยธรรมบนเส้นทางสู่ที่ปรินิพพาน
เส้นทางพุทธกิจ: พุทธคยา ถึง กุสินารา
ถ้าสังเวชเป็น ก็จะได้เห็นธรรมกาย
มุสลิมเตอร์ก มุสลิมมองโกล รุ่งแล้วเลือนลับ
จากยุคมุสลิมอาหรับ เข้าสู่ยุคมุสลิมเตอร์ก
สุหนี่นำอิสลามครองสะเปน จ่อแดนจีน
ชีอะฮ์แยกออกมา
อิสลามแผ่ไพศาล
อิสลามรวมอาหรับ
เมตตาที่มีปัญญา จึงพาโลกสู่สันติสุขได้
???
รักษาแผ่นดินไทย ให้เป็นแผ่นดินธรรม
จุดเริ่มของแผ่นดินธรรม
ถ้าคนประสานกับธรรม ก็มีทางแก้ปัญหาชีวิตและสังคม
พุทธะโยงเราเข้าถึงธรรม
พระรัตนตรัย ต้องรู้จักใช้ให้เป็นสรณะ
มนุษย์ประเสริฐเพราะเป็นสัตว์ที่ฝึกได้
จากเทพสู่ธรรม จากธรรมสู่กรรม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว จะประกาศธรรมแสนยาก
ย้ำ
รู้ธรรม คือรู้เรื่องธรรมดา
โพธิพฤกษ์ โพธิญาณ
มหาวิทยาลัยสงฆ์มีไว้ทำไม
???
๕ แคว้น ที่ยิ่งใหญ่
ย้ำอุเบกขา
มาฆบูชา พัฒนาความรักแห่งวาเลนไทน์
ให้รักกับรู้ มาเข้าคู่ดูแลกัน
มนุษย์กับมนุษย์รักกัน แต่มนุษย์ทุกคน
ถึงความรักจะดี ก็ไม่พอ
มาฆบูชา กับ วาเลนไทน์
ละชั่ว ทําดียังไม่พอ ต้องต่อด้วย
หัวใจเดียว แต่มีสี่ห้อง
มาฆบูชาขึ้นมาเป็นวันสําคัญในพระพุทธศาสนา
สาระของโอวาทปาติโมกข์
มาฆบูชา กับ หัวใจพระพุทธศาสนา
ราชคฤห์ ศูนย์อํานาจการเมือง
หัวใจธรรม จากจุดศูนย์กลาง
พระพุทธศาสนาในมือของพุทธบริษัท
ร่องรอยที่เหลือ และเค้าการฟื้นฟูหลังหมดสิ้น
อวสานมาถึง เมื่อทัพมุสลิมเตอร์กลงดาบสุดท้าย
เทียบ ปทท.
นาลันทากับความเสื่อมสูญของพระพุทธศาสนา
วัดพุทธ ต้นกําเนิดมหาวิทยาลัยของโลก
พระพุทธศาสนาเกิดขึ้น ก็เกิดการศึกษาแก่มวลชน
ฟูจิ
เอาธรรมไปเป็นหลักประกันชีวิตและสังคมไว้
ธรรมเป็นอิสระจากคน คนถึงธรรมเป็นอิสระจากสังขาร
ศรัทธากับปัญญา นำเข้าเฝ้าพระพุทธเจ่า
ศูนย์กลางเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ราชสังคหวัตถุ ๔
หลักธรรมที่อโศกราชาใช้ปกครองบ้านเมือง
อโศกราชากล้าหาญในทางสันติ
เทียบกันแล้ว สรุปได้
ดูพุทธพจน์แล้ว อ่านธรรมโองการเทียบ
อโศกธรรม หรือ คหัฐวินัย
ธรรมวิชัย:หลักการใหญ่ที่นําเข้าสู่พุทธธรรม
อโศกมหาราช อโศกธรรม
ศิลาจารึกอโศก เป็นของพระเจ้าอโศกมหาราชแน่หรือ
ทรัพย์และอํานาจ สู่ความหมายและคุณค่าใหม่
ธรรมวิชัย
ไม่ประมาท ก็ไม่เสื่อม
วัดพระราม
ชมพูทวีปในพุทธกาล
สังเวชนียสถาน ๔
ย้อนทางเข้าสู่แดนพุทธภูมิ
ชมพูทวีปในพุทธกาล
มองผ่านๆ ข้ามพุทธกาล สู่ยุคอโศก
ประเทศ
อินเดีย
หรือ
ชมพูทวีป
นี้ เราเรียนรู้ความเป็นมาโดยสัมพันธ์กับพุทธประวัติคือประวัติของพระพุทธเจ้าโดยค่อยๆ ดําเนินตามเหตุการณ์
เริ่มจากพุทธกาล
เรื่อยมา
แต่ที่เราพูดถึงพระเจ้าอโศกนี้ ก็ยังย้อนไปไม่ถึงพุทธกาล พระเจ้า อโศกมหาราช ประสูติหลังพุทธกาลตั้งเกือบ ๒๐๐ ปี เริ่มครองราชย์ ประมาณ ๒๑๘ ปีหลังพุทธกาล
ถ้าเราจะถึงยุคสมัยของพระพุทธเจ้าจริง ก็ต้องย้อนถอยหลังไปอีก
ชมพูทวีปในพุทธกาล
เรา
ย้อนกลับไปสมัยพุทธกาล
เมื่อก่อนพุทธศักราช คือ เมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นประเทศ
อินเดีย
เรียกว่า
ชมพูทวีป
ชมพูทวีป
เป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาล ในสมัยก่อนพุทธกาล และถึงพุทธกาลนั้น มีอาณาจักรหรือแว่นแคว้นมากมาย
ท่านนับไว้ ๑๖ ประเทศ หรือ ๑๖ แว่นแคว้น
ใช้คำในภาษาบาลี ว่า
มหาชนบท
คือ มีมหาชนบททั้งหมด ๑๖ ด้วยกัน
คำว่า “ชนบท” นั้น ในภาษาบาลี ไม่ได้หมายความแค่ว่าบ้านนอก แต่คล้ายๆกับคำว่า “country” ในภาษาอังกฤษ ซึ่งใช้ได้ ๒ ความหมาย ในความหมายทั่วไป country ก็คือประเทศ แต่ถ้าพูดว่า the country ก็หมายถึงบ้านนอก
“ชนบท” ในภาษาบาลีก็คล้ายกัน โดยทั่วไปแปลว่า ถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ คือ แว่นแคว้น หรือประเทศ แต่เมื่อใช้ในความแวดล้อมบางอย่าง ก็เป็นชนบทในความหมายแบบไทย คือ บ้านนอก
ในสมัยพุทธกาล
และก่อนนั้น ถือว่า อินเดีย หรือชมพูทวีปนี้ มีแว่นแคว้นใหญ่อยู่ ๑๖ มหาชนบทด้วยกัน ตามหลักฐานในพระไตรปิฎกว่ามี อังคะ มคธ กาสี โกศล วัชชี มัลละ เจตี วังสะ กุรุ ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี คันธาระ และกัมโพชะ
(เช่น องฺ.ติก.๒๐/๕๑๐)
นี่คือชื่อดินแดนในชมพูทวีปทั้งหมด ๑๖ ประเทศด้วยกัน
แว่นแคว้นดินแดนเหล่านี้กล่าวได้ว่า เรียงจากตะวันออกไปตะวันตก เริ่มด้วย
อังคะ
ซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนที่ปัจจุบันนี้เป็น
บังคลาเทศ
หรือต่อจากบังคลาเทศ เทียบง่ายๆ ก็ไล่มาตั้งแต่ตะวันออกของเมืองกัลกัตตา นี่คือแคว้นที่ ๑
ต่อจากนั้นก็ถ็ง
แคว้นมคธ
คือที่เรามายืนอยู่ขณะนี้แล้วก็ไป
กาสี
ซึ่งมีเมืองหลวงชื่อ
พาราณสี
เลยไปอีกก็ถึงเมือง
สาวัตถี
ในแคว้น
โกศล
ส่วนวัชชีเราจะไม่ได้แวะเข้าไป
นอกจากนั้น
มัลละ
เจตีเป็นต้น ก็ว่าเรื่อยไป จนถึง
กุรุ
ซึ่งอยู่แถวเมือง
เดลี
ต่อจากนั้น
ปัญจาละ มัจฉะ สุรเสนะ อัสสกะ อวันตี
ก็เอา
เดลี
เป็นจุดกําหนด ออกไปทางเหนือ ทางใต้ และข้างๆ
ส่วน
คันธาระ กัมโพชะ
ก็โน่น แถว
ปากีสถาน
จนถึง
อัฟกานิสถาน
เป็นอันว่าไล่ คร่าวๆไปตั้งแต่ตะวันออก จนถึงตะวันตก นี้คือ อินเดียในสมัยโบราณ
เป็นธรรมดา เรื่องของการเมือง
ย่อมมีการแข่งขันแย่งชิงอํานาจ ซึ่งกันและกัน ประเทศที่มีอํานาจมากกว่าก็บุกรุกทําสงครามขยายดินแดน จนกระทั่งกว่าจะมาถึงยุคพุทธกาล ใน ๑๖ แว่นแคว้นนั้น บางประเทศก็หมดอํานาจไป หรือ ถูกยุบรวมเข้ากับแคว้นอื่น
จึงปรากฏว่า ในสมัยพุทธกาล ๑๖ แว่นแคว้นนั้นเหลือประเทศที่ใหญ่โตอยู่จริงๆ ๔-๕ ประเทศเท่านั้น อย่าง
อังคะ
แถว
บังคลาเทศ
ก็เข้าไปอยู่ใต้อำนาจของ
มคธ
แล้ว
มคธ
นี้กลายเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ ส่วน
กาสี
ที่มีเมืองหลวง คือ เมือง
พาราณสี
ที่เรากำลังจะไป ก็ขึ้นอยู่ใต้อำนาจของแคว้น
โกศล
ไปแล้ว
กาสี
นี้มีเรื่องมาใน
ชาดก
มากเหลือเกิน พอเริ่มเรื่องก็ว่า
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺเต
ครั้งเมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติในเมืองพาราณสี (ในแคว้นกาสี) แต่พอถึงสมัยพุทธกาล
กาสี
ได้ตกไปอยู่ใต้อำนาจของแคว้นโกศลแล้ว
แคว้นโกศล และวัชชี ก็เป็นแคว้นที่ใหญ่มาก และมีอํานาจมากในสมัยพุทธกาล
ต่อ่ไปก็แคว้น
วังสะ
ซึ่งจะได้ยินชื่อมากในเรื่อง
วาสฏฐี
หรือ
กามนิต วังสะ
มีเมืองหลวงชื่อว่า
โกสัมพี
พอออกชื่อ
โกสัมพี
คนที่เรียนชั้นเตรียมอุดมศึกษาสมัยก่อนก็นึกออก และอีกแคว้นหนึ่ง คือ
อวันตี
ซึ่งมีเมือง
อุชเชนี
เป็นเมืองหลวง ก็คือถิ่นของ
กามนิต-วาสิฏฐี
นี่แหละ
แคว้นมหาอํานาจในตอนนั้นกล่าวได้ว่า ก็คือ
มคธ วัชชี โกศล วังสะ และอวันตี
อย่างไรก็ตาม แคว้นที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในยุคพุทธกาล จะอยู่ด้านนี้มาก ซึ่งเป็นด้านที่เรามาถึงก่อน คือด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ได้แก่แคว้นมคธ แคว้นวัชชีและแคว้นโกศล ซึ่งมีเสียงกล่าวถึงบ่อยที่สุด
โดยเฉพาะแคว้น
มคธ
มีชื่ออยู่ยั่งยืนที่สุด ส่วนแคว้นอื่นๆ ที่ว่าใหญ่ อยู่ในสมัยพุทธกาล พอถึงยุคหลังพุทธกาลก็ค่อยๆ หมดไป
ในสมัยพุทธกาลนั้น จะเห็นว่า แคว้น
มคธ
กับแคว้น
วัชชี
แข่งอํานาจกันมาก แคว้น
โกศล
ก็รบกับแคว้น
มคธ
นิดหน่อย แต่ต่อมาโกศลหายไป วัชชีก็หายไป
โดยเฉพาะที่น่าสังเกตก็คือ
แคว้นที่มีการปกครองต่างแบบกัน
คือ แคว้น
มคธ
กับ แคว้น
วัชชี
เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
แคว้น
มคธ
เป็นแคว้นที่ปกครองแบบ
ราชาธิปไตย
อยู่ติดกันกับ
แคว้น
วัชชี
ซึ่งปกครองแบบ
สามัคคีธรรม
ฝรั่งเรียกว่า ปกครองแบบ republic หรือ
สาธารณรัฐ
ในการปกครอง
แบบ
สามัคคีธรรม
นั้น ไม่ใช่มีผู้ปกครองเด็ดขาดเพียงผู้เดียว แต่ใช้วิธีที่ว่ามีชนชั้นปกครองจํานวนหนึ่ง ซึ่งมากทีเดียว อาจถึง ๗,๗๐๗ องค์
หมุนเวียนกันขึ้นมาปกครอง
เวลาจะบริหารราชการแผ่นดินก็ต้องมีการประชุมในสภา ซึ่งมีหอประชุมที่เขาเรียกว่า
สัณฐาคาร
(บางทีเขียน สันถาคาร)
เมื่อมีเรื่องราวที่จะต้องตัดสินใจ หรือวินิจฉัย เช่นจะรบ หรือไม่รบกับต่างประเทศ หรือเกิดเรื่องราวสําคัญขึ้น หรือมีราชการอะไรที่สําคัญจะต้อง ตัดสินวินิจฉัย อย่างเช่นเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน กษัตริย์มัลละ ซึ่งปกครองแบบนี้ ก็ต้องมาประชุมกันในสัณฐาคารเพื่อพิจารณาว่าจะปฏิบัติอย่างไรในการปลงพระสรีระของพระพุทธเจ้า อย่างนี้เป็นต้น
แคว้นวัชชีนี้ก็ปกครองแบบสามัคคีธรรม
ซึ่งต้องประชุมกันในสัณฐาคาร พวก
กษัตริย์วัชชี
มีชื่อเรียกกันว่า
ลิจฉวี
ถ้าใครเป็นนักเรียนสมัยก่อน ก็จะได้ยินชื่อ
ลิจฉวี
ในเรื่อง
สามัคคีเภทคําฉันท์
กษัตริย์ลิจฉวีนี้ ก็อยู่ในแคว้นวัชชี
ที่จริงในวัชชียังมีกษัตริย์พวกอื่นๆ อีก เช่น
วิเทหา
เป็นต้น แต่ที่มีชื่อมากปลายพุทธกาลก็มี
ลิจฉวี
นี่แหละที่สําคัญ เป็นพวกที่เข้มแข็งมาก
มีการปกครอง
อย่างเก่าแบบ
สามัคคีธรรม
คือ
ร่วมกันปกครอง
อย่างไรก็ตาม คําว่า “การปกครองแบบ
สามัคคีธรรม
” นี้ เป็นการจับเอาสาระมาเรียกกันภายหลัง แต่ในคัมภีร์ ท่านเรียก
ราชา
ที่ร่วมกันปกครองแบบนี้ว่า “
คณราช
”
(เช่น วินย.อ.๑/๒๔๗; ม.อ.๓/๑๓; สํ.อ.๓/๑๐๒)
แคว้น
วัชชี
นี้แข่งอํานาจกันกับแคว้นมคธอย่างยิ่งทีเดียว แต่หลังพุทธกาลไม่นานก็ปรากฏว่า
วัชชี
ได้สูญเสียอํานาจแก่แคว้น
มคธ
ตอนต้นพุทธกาล มคธ
มีพระเจ้าแผ่นดินพระนามว่า
พิมพิสาร
ครั้นถึงปลายพุทธกาล พระเจ้า
อชาตศัตรู
ซึ่งเป็นโอรสของพระเจ้า
พิมพิสาร
ได้ส่งอํามาตย์ชื่อ
วัสสการพราหมณ์
เข้าไปยุแหย่ ทําให้กษัตริย์
ลิจฉวี
ที่ปกครองแคว้นวัชชีนั้น
แตกความสามัคคี
กันหมด
เมื่อ
พระเจ้าอชาตศัตรู
ยกทัพไป พวกกษัตริย์วัชชีคือ
เจ้าลิจฉวี
ทั้งหลายมีความอ่อนแอ ไม่พร้อมใจกัน ไม่พร้อมที่จะรบ ก็เลยพ่ายแพ้
อาณาจักรวัชชีก็เลยพินาศ
สูญสิ้นอํานาจ และตกเป็นเมืองขึ้นของแคว้น
มคธ
สืบมา
นี้เป็นเหตุการณ์
หลังพุทธกาลไม่นาน มคธ
จึงกลายเป็นแคว้นที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่
แคว้นโกศล
ก็ได้สูญเสียอํานาจไป จนในที่สุดเหลือมคธอยู่แคว้นเดียว เพราะฉะนั้นเมื่อมาถึง
ยุคพระเจ้าอโศก
ซึ่งเป็นเวลาหลังพุทธกาลนานตั้ง ๒๐๐ กว่าปี มคธก็ได้กลายเป็นแคว้นเดียวที่ใหญ่ที่สุด
ใน
สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
อาณาจักรมคธของพระเจ้าอโศก
ใหญ่กว้างยิ่งกว่าประเทศอินเดียในปัจจุบัน เป็นอินเดียยุคที่มีดินแดนกว้างใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ แต่ก็ใหญ่ออกไปทางสองปีก คือ ทาง
ทิศตะวันออก
นี้ และทาง
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ออกไปทาง
ปากีสถาน
และ
อัฟกานิสถาน
ส่วนทางใต้ครอบคลุมไปไม่หมด เพราะ
พระเจ้าอโศก
ทรงหยุดแผ่ขยายอาณาจักรหลังจากทําสงครามชนะแคว้นกลิงคะ (บางทีเขียน กาลิงคะ) คือถึงถิ่นที่
ปัจจุบัน
เรียกว่า
แคว้นโอริสสา
(Orissa) แล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น เพราะทรงหันมายึดหลักพระพุทธศาสนา และได้ทรงเปลี่ยน นโยบายใหม่จาก
สังคามวิชัย
คือเอาชนะด้วยสงคราม
*
มาเป็น
ธรรมวิชัย
คือเอาชนะด้วยธรรม
*
การเอาชนะด้วยสงครามนี้ในจารึก (พบในจารึกศิลา ฉบับที่ ๑๓) เรียกว่า
สายกวิชัย
หรือ
สรสกวิชัย
คือเป็น violent conquest หรือ military conquest แต่ยังมีการถกเถียงกัน เนื่องจากบางท่านเห็นว่า ศัพท์นั้นอาจแปลอย่างอื่นได้
ฮินดู (พราหมณ์) ภาพปัจจุบัน แต่พุทธเล่าย้อนอดีต
ปกปรองแบบคณราช คงแนวๆมาเลย์
อดีตผู้นำมาเลย์ขออภัยโทษ “คดีทุจริตแสนล้าน” หลังสุลต่านอิบราฮิมขึ้นครองราชย์ (msn.com)
Create Date : 28 มกราคม 2567
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2567 15:09:39 น.
0 comments
Counter : 168 Pageviews.
(โหวต blog นี้)
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
Bloggang.com