กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
เมษายน 2567
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
space
space
29 เมษายน 2567
space
space
space

ไม่พึงเอาทุกข์มาทับถมตน



235 ทั้งทุกข์และสุข  ปฏิบัติให้ถูก  มีแต่สุข ทุกข์ไม่มี


     เมื่อเริ่มออกเดินทาง จับเรื่องได้ จับจุดถูก ได้หลักใหญ่ ดังที่ว่าแล้ว ต่อจากนั้น ในระหว่างทาง หรือตลอดทาง  ก็มีหลักย่อยในการปฏิบัติต่อความสุข และความทุกข์ไว้ช่วยอีก เป็นข้อสำคัญที่เป็นประโยชน์ในทางปฏิบัติโดยตรง และพระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้เองด้วยเช่นเดียวกัน นั่นคือ   วิธีปฏิบัติต่อความสุข  ซึ่งก็รวมวิธีปฏิบัติต่อความทุกข์ไว้ด้วยในตัว

     วิธีปฏิบัติต่อความสุขนี้  ขอว่าไปตามพุทธพจน์ที่แสดงไว้  ในพระสูตรชื่อว่าเทวทหสูตร มี ๔ ข้อง่ายๆ คือ

        ๑. ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์

        ๒. ไม่ละทิ้งสุขที่ชอบธรรม

        ๓. แม้ในสุขที่ชอบธรรมนั้น ก็ไม่หมกมุ่นสยบ

        ๔. เพียรทำเหตุแห่งทุกข์ให้หมดสิ้นไป 

        (โดยนัยว่า เพียรปฏิบัติเพื่อเข้าถึงสุขที่สูงขึ้นไปจนสูงสุด)


     ในข้อ ๑ ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่เป็นทุกข์  จะเห็นว่า  คนเรานี้ชอบเอาทุกข์มาทับถมตน คือ ตัวเองอยู่ดีๆ ไม่ได้เป็นทุกข์อะไร แต่ชอบหาทุกข์มาใส่ตัว ตัวอย่างง่ายๆ ได้แก่ คนกินเหล้าเมายา เสพยาเสพติด ตัวเองก็อยู่สบายๆ กลับไปเอาสิ่งเหล่านั้นที่รู้กันอยู่ชัดๆว่ามีโทษมาก ตั้งแต่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ทั้งที่รู้อย่างนี้ ก็เอามาใส่ตัวเองให้เกิดทุกข์เกิดปัญหาขึ้นมา


     ลึกเข้าไป ทางจิตใจ  บางคนก็เที่ยวเก็บอารมณ์อะไรต่างๆ ที่กระทบกระทั่งนิดๆหน่อยๆทางตา บ้าง ทางหู บ้าง ได้เห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ ได้เห็นคนนั้นคนนี้ เขาทำอันนั้นอันนี้ ได้ยินเขาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็รับเข้ามาเก็บเอาไว้ เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ผ่านไปแล้ว แต่พอมีเวลาไปนั่งเงียบๆ ก็ยกเอามาคิด เอามาปรุงแต่งในใจ ทำให้ใจเศร้าหมอง ขุ่นมัว ไม่สบายใจ ก็กลายเป็นทุกข์ อย่างนี้ ก็เป็นการเอาทุกข์มาทับถมตนอย่างหนึ่ง

     ทางพระก็สอนว่า ผู้ที่ยังอยู่กับชีวิตในระดับชาวบ้านนั้น ถ้าจะปรุงแต่งก็ไม่ว่า แต่ขอให้ปรุงแต่งในทางดี อย่าไปปรุงแต่งไม่ดี   ถ้าปรุงแต่งไม่ดี   ท่านเรียกว่า อปุญญาภิสังขาร ได้แก่ ปรุงแต่งเรื่องร้ายๆ เรื่องบาปอกุศล เป็นเรื่องโลภะ โทสะ โมหะ ก็กลายเป็นปรุงแต่งทุกข์


     ท่านให้เปลี่ยนใหม่  ให้มีสติมากั้นมายั้ง  ด้านที่ไม่ดี  ให้หยุดไปเลย  แล้วก็ปรุงแต่งดีๆ ให้เป็นปุญญาภิสังขาร ให้เป็นเรื่องบุญเรื่องกุศล  ปรุงแต่งจิตใจในทางที่ดี  อย่างน้อยให้มีปราโมทย์ ต่อไปปีติ ปัสสัทธิ เข้าทางดีไปเรื่อยๆ อย่างนี้ก็จะแก้ปัญหาได้ และเดินหน้าไปในทางของความสุข

     ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าตรัสถึงพวกนิครนถ์ที่บำเพ็ญตบะ คนพวกนี้เอาทุกข์มาทับถมตนชัดๆ เวลาโกนผม ก็ไม่ใช้วิธีโกน แต่เอาแหนบมาถอนผมทีละเส้นๆ จนหมดศีรษะ พวกนักบำเพ็ญตบะนั้น คิดวิธีขึ้นมาทำกันต่างๆ แม้แต่เตียงที่ดีๆ จะทรมานตัวเอง ก็เอาตะปูไปตอกๆ แล้วก็นอนบนตะปู หรือนอนบนหนามแล้วก็อดข้าวอดน้ำ เวลาหนาวก็ไปยืนแช่ตัวในแม่น้ำ เวลาร้อนก็มายืนตากแดด อย่างนี้เป็นต้น

     การบำเพ็ญตบะเหล่านี้ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นการเอาทุกข์มาทับถมตนที่ไม่ได้เป็นทุกข์ ก็นำมาเล่าไว้เป็นการยกอดีตมาให้ฟัง เพื่อจะได้เทียบเคียงสำหรับยุคปัจจุบัน ก็ขอนึกตัวอย่างเอาเอง ตามหลักที่ว่า ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่ได้เป็นทุกข์


ที่เหลืออีก ๓ ข้อ 450

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=24-11-2023&group=86&gblog=66

แฉสูบกัญชาหนัก! คดีโหดฆ่ายกครัว 3 ศพโทรหาเพื่อนก่อนจบชีวิต หดหู่ลูกชายเด็กดีเรียนเก่ง (msn.com)

   ตำรวจสอบเพื่อนสนิท  คดีสะเทือนขวัญพ่อคลั่งฆ่าลูก-เมียก่อนจบชีวิตตายตาม รวม 3 ศพ  เผยคนตายโทรหาบอก ตีลูก-เมียตายแล้ว  เดี๋ยวจะตายตาม รีบแจ้ง ตร. มาช่วยแต่ไม่ทัน  แฉก่อนหน้านี้สูบกัญชาหนักจนป่วยจิตเวช  กินยารักษาตัว และเข้ารับการบำบัดมาอย่างต่อเนื่อง  มีอาการคลุ้มคลั่งเป็นครั้งคราว  แต่วันนี้ คาดอาการกำเริบทำร้ายลูกเมียจนเสียชีวิตก่อนจบชีวิตตัวเองเป็นศพที่ 3
 




 

Create Date : 29 เมษายน 2567
0 comments
Last Update : 29 เมษายน 2567 19:51:54 น.
Counter : 32 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space