20081215 วิพากษ์ TOTTENHAM HOTSPURS vs MAN.UNITED นัดกันเสมออีกแล้วนะ...เฮ้อ เซ็งกันไปตามๆกันอีกแล้วนะครับ สำหรับการโยนโอกาสไล่กวดทีมนำทิ้งไปในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราทำได้แค่เพียงเสมอในการออกไปเยือนไก่เดือยทองแบบโนสกอร์ ทำเอากองเชียร์ขาประจำอย่างผมถึงกับเซ็งที่ลุ้นไม่ขึ้น แต่ก็ยังถือว่าไม่เสียหายเท่าไหร่นัก เพราะผลเสมอในการออกไปเยือนลอนดอนกับทีมใหญ่อย่างสเปอร์ส ยังไงเสียผมก็ยังทำใจได้บ้าง เมื่อมองว่าปีที่แล้วเราก็ได้แค่แต้มเดียวจากที่นี่ (ใช่ไหม...เท่าที่จำได้นะครับ) การจัดทัพในเกมนี้ ท่านเซอร์ต้องเริ่มปวดหัวกับการติดโทษแบนของนักเตะแล้วนะครับ เมื่อรูนี่ย์สะสมใบเหลืองครบโควต้า และอาจโดนแบนเพิ่มจากการเล่นนอกเกมในเกมอัลบอร์กกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนเอวร่าเริ่มติดโทษแบนจากการวิวาทหลังเกมเชลซีเมื่อซีซั่นที่แล้ว!!! ผลจากสองเกมก่อนหน้านี้ ที่อาร์เซน่อลและลิเวอร์พูลทำได้แค่เสมอคู่แข่งนั้น ทำให้ท่านเซอร์ค่อนข้างหวังที่จะเก็บสามแต้มไล่กดดันจ่าฝูงให้ได้ ท่านเซอร์จึงพยายามจัดทัพที่ดีที่สุดที่จัดได้ลงมา หน้าตาสิบเอ็ดตัวจริงจึงเป็นเช่นนี้ เตเวซ เบอร์บาตอฟ โรนัลโด้ เฟล็ทเชอร์ คาร์ริค ปาร์ค โอเช วิดิช ริโอ ราฟาเอล น้าซาร์ สำหรับสเปอร์สนั้น ต้องการเก็บเล็ดลี่ย์ คิงให้ฟิตตลอดซีซั่น จึงอนุญาตให้ลงนัดเว้นนัด นัดนี้ คิงจึงทำได้แค่เป็นผู้ชมเท่านั้น เร้ดแนปป์จัดวู้ดเกตลงเซ็นเตอร์คู่กับดอว์สัน ให้ชอร์ลูก้ายืนฝั่งซ้าย เอก๊อตโต้ฝั่งขวา ส่วนมิดฟิลด์คู่กลางจับจีนาสคู่โซโกร่า ตัวลากเลื้อยริมเส้นจัดเบนท์ลี่ย์ลงขนาบกับเลนน่อน มีโมดริชเป็นหน้าต่ำ หน้าเป้าวางพาฟลิวเชนโก้ ส่วนผู้รักษาประตูยังคงไว้วางใจ โกเมส เริ่มเกม ไม่สิครับ เอาเป็นว่าตลอดทั้งเกมดีกว่า ที่ทั้งสองทีมต่างเล่นกันค่อนข้างระมัดระวังตลอดครึ่งแรก ยูไนเต็ดนั้นวางแท็คติคบอลคอนโทรลและการคุมเกมมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ค่อยปล่อยให้สเปอร์สมีพื้นที่และมีจังหวะในการเข้าทำมากนัก ในขณะที่สเปอร์สเองก็วางแผนเพรสซิ่งไล่บี้ทุกจังหวะมาเล่นตลอดเกมเช่นกัน เกมรุกของยูไนเต็ดเน้นการออกบอลเร็ว และการแจกจ่ายบอลของคาร์ริคจากตรงกลางสนามเป็นหลัก เมื่อผู้เล่นทางกราบไม่ค่อยมีพื้นที่ให้เล่นตามถนัด ทำให้บทบาทของคู่กลางอย่างคาร์ริคและเฟล็ทเชอร์ต้องรับบทหนักมากขึ้น ในการตัดบอล เก็บบอล และจ่ายบอลให้เพื่อนได้ทำเกมรุก เบอร์บาตอฟก็ค่อนข้างมีปัญหาในการเล่นหน้าเป้า แผงหลังสเปอร์สรุมกดดันดิมี่กับเตเวซตลอด ทำให้ทั้งคู่ต้องถอยออกมาเล่นต่ำหรือฉีกไปทางกว้าง ปล่อยให้ผู้เล่นริมเส้นและมิดฟิลด์สอดเข้ามาเล่นหน้ากรอบแทนอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ผลดั่งใจมากนัก สำหรับเกมฝั่งสเปอร์สนั้น ค่อนข้างโชคร้าย ที่วู้ดเกตมีอาการบาดเจ็บตั้งแต่สิบนาทีแรกเท่านั้น จากการโดดเบียดแย่งโหม่งกับเตเวซและเสียหลักตอนลงพื้น ทำให้เข่าเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกมา เร้ดแนปป์ส่งฮัดเดิลสตันลงมาแทน พร้อมปรับหมากเยอะพอควร เริ่มจากหุบชอร์ลูก้าเข้ามายืนกลางคู่ดอว์สัน ถอยโซโกร่าลงมายืนแบ๊คขวา และให้ฮัดเดิลสตันเล่นมิดฟิลด์ตัวกลางคู่กับจีนาส เรายละเอียดเกมทางฝั่งสเปอร์สก็ไม่มีอะไรมาก เร้ดแนปป์เน้นไปที่ความมีวินัยในเกมรับเป็นสำคัญ การเพรสซิ่งยืนตำแหน่งคุมโซนของนักเตะตั้งแต่เส้นกลางสนาม และความขยันในการไล่บอลของนักเตะทุกๆคน จังหวะโต้กลับของสเปอร์สวางแท็คติคไปที่ความเร็วของเลนน่อนทางกราบ และความแม่นยำในการเปิดบอลของเบนท์ลี่ย์ ซึ่งกลายเป็นอาวุธอันตรายที่สุด ทำเอาน้าซาร์ต้องงัดซูเปอร์เซฟมาช่วยอยู่เรื่อยๆ จากการที่ทั้งสองฝั่งยังคงเล่นกันค่อนข้างระมัดระวัง ทำให้รูปเกมในครึ่งแรกค่อนข้างช้า ยูไนเต็ดคอนโทรลเกมได้เป็นส่วนใหญ่ก็จริง และยังคุมเกมรุกไว้ได้เกือบตลอดก็จริง แต่โอกาสจะจะที่ดูแล้วได้ลุ้นจริงๆยังมีไม่มากนัก โรนัลโด้ถูกโซโกร่าปิดเกมทางริมเส้นอย่างอยู่หมัด มีตัวช่วยซ้อนช่วยเก็บตลอด และสเปอร์สจะเล่นเกมรับอย่างนี้แทบทุกๆจังหวะของการเล่นของยูไนเต็ด ทำให้เกมของยูไนเต็ดค่อนข้างมีปัญหาในการเจาะทะลุเข้าไปในจังหวะสุดท้าย เริ่มครึ่งหลังมาท่านเซอร์จึงให้สโคลส์วอร์มตั้งแต่หัววันเป็นการเตรียมพร้อมไว้ เกมยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิมเหมือนครึ่งแรก ขณะที่สเปอร์สเองต้องปรับเกมอีกครั้ง ตั้งแต่เริ่มครึ่งหลังมาได้แค่สิบนาที เร้ดแนปป์ส่งดาร์เรน เบนท์ลงมาแทนพาฟลิวเชนโก้ อาจจะเนื่องมาจากการที่หัวหอกรัสเซี่ยนไม่สามารถกดดันแผงหลังยูไนเต็ดได้มากนัก และเร้ดแนปป์เองดูจะหมดหวังกับการใช้พาฟลิวเชนโก้ในการโต้กลับแบบหวังผลได้ การส่งเบนท์ลงมาจึงน่าจะหวังใช้ความสูงใหญ่แข็งแกร่งกดดันวิดิชกับริโอได้มากขึ้น อีกทั้งยังเสริมจุดแข็งในลูกกลางอากาศจากการป้อนบอลของเบนท์ลี่ย์ได้ดีขึ้นอีกด้วย ยูไนเต็ดเริ่มกดดันเข้าใส่สเปอร์สมากขึ้น ริโอและราฟาเอลเติมเกมสูงขึ้น เพื่อเพิ่มแรงกดดันเข้าใส่แนวรับของเจ้าบ้าน แต่ก็เท่ากับเป็นดาบสองคม เมื่อช่วยส่งให้เกมของสเปอร์สในการโต้กลับมีพื้นที่มีช่องว่างมากขึ้น และเริ่มดูดีขึ้นมาด้วยจากการฃากเลื่อยของเลนน่อนและการเปิดบอลของเบนท์ลี่ย์ แต่วิดิชยังคงป้องกันไว้ได้ในจังหวะวางบอลยาวโต้กลับและจังหวะดักทางจ่ายบอล เกมผ่านมาได้ครึ่งทางของครึ่งหลัง สเปอร์สก็ต้องปรับหมากอีกครั้ง ด้วยการส่งเจมี่ โอฮาร่า ลงมาแทนจีนาสที่ดูเงียบๆไปในเกมนี้ และดูจากสถานการณ์การเปลี่ยนตัวรวมทั้งเงื่อนเวลาในการเปลี่ยน ผมเดาว่าจีนาสคงมีอาการบาดเจ็บด้วย เกมมาถึงตรงนี้ โรนัลโด้เริ่มมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น เบอร์บาตอฟและเตเวซเริ่มเจาะแผงหลังสเปอร์สได้ดีขึ้น จังหวะสุดท้ายเริ่มได้ลุ้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ แต่สเปอร์สยังคงมีโกเมสที่ฟอร์มดีขึ้นผิดหูผิดตาช่วยป้องกันเป็นด่านสุดท้ายไว้ได้ ท่านเซอร์ต้องปรับหมากด้วยการส่งพอล สโคลส์ลงมาแทนเฟล็ทเชอร์เพื่อเพิ่มทีเด็ดทีขาดในการจ่ายบอลและคุมเกมคู่กับคาร์ริค และพร้อมๆกันนั้นก็ส่งกิ๊กส์ลงมาแทนเตเวซ ซึ่งตรงนี้เล่นเอาผมล่ะงง ต้องมานั่งดูรายละเอียดในเกมว่าป๋าเปลี่ยนตัวแบบนี้ เพื่อหวังผลในทิศทางใดกันแน่ ซึ่งดูแล้วก็คงต้องใช้วิชาคาดคะเนล่ะครับ ว่าท่านเซอร์น่าจะเห็นว่าบรรดาแผงกองหลังและแนวรับทีมเหย้า เล่นกันได้ค่อนข้างแน่นและคุมพื้นที่ได้ดีมากๆ ทำให้การเคาะบอลสั้นเจาะตามช่องเข้าไปนั้น หวังผลอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้มากนัก จึงเปลี่ยนมาเน้นไปที่การออกบอลเร็วขึ้น ใช้บอลสั้นสลับยาวและหวังการโจมตีด้วยบอลเร็วของสโคลส์กับกิ๊กส์เป็นหลัก อีกทั้งน่าจะเพิ่มการโจมตีด้วยการลากจี้เข้าหากองหลังเพื่อดึงตัวประกบ เปิดช่องว่างให้ตัวอื่นสอดเข้าทำ ซึ่งรูปเกมมันก็ดูดีขึ้น แต่การที่กิ๊กส์เชื่องช้าลงไปเยอะ ก็ทำให้เราเสียบอลบ่อยขึ้นด้วยในจุดนี้ เกมโต้กลับของสเปอร์สหายไปดื้อๆ แต่กลับมามีลุ้นอีกครั้งก่อนหมดเวลา เมื่อโมดริชได้โอกาสลักไก่ส่องไกลส่งบอลพุ่งวาบกระทบหลังตาข่าย ข้ามคานไปนิดเดียวชนิดที่น้าซาร์เองไม่ทันขยับแล้ว ที่เหลือก็เป็นการโหมเกมรุกเข้าใส่ของทีมเยือน ที่หวังเต็มที่จะคว้าสามแต้มให้ได้ สเปอร์สตั้งรับหลังพิงฝา ปัดป้องอุตลุตทั้งแผงหลังและโกเมสต่างช่วยกันเซฟและบล๊อคลูกยิงตลอด กิ๊กส์ได้โอกาสปั่นฟรีคิกในช่วงทดเจ็บ กิ๊กส์ส่งลูกโค้งกำลังจะมุดเข้าสามเหลี่ยมอยู่แล้ว แต่โกเมสยังสุดยอด เหินปัดได้ปลายมือ บอลเหินไปกระแทกคาน ช่วยให้สเปอร์สรอดการเสียประตูแบบเส้นยาแดงผ่าแปดจริงๆ และก็จบเกมไปด้วยสกอร์ไม่ขยับไปไหน เป็นการแชร์แต้มกันไปของทั้งสองทีม หลังจากจบเกม ผมยังช็อคไม่หาย ที่ไม่ได้สามแต้มในวันที่ต้องการสุดๆอีกแล้ว ทำให้ไม่สามารถลดช่องว่างจากทีมนำได้สำเร็จ แต่ถ้าจะให้มองในแง่ดี การมาเล่นที่ไวท์ ฮาร์ท เลน มันก็ไม่เคยง่ายอยู่แล้ว ยิ่งในขวบปีหลังๆยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ และหากมองให้เป็นธรรมอีกนิด การที่เราไม่ถึงกับแพ้ให้ลูกทีมจ่าแฮร์รี่ ก็ถือว่ายังดี โอกาสจบของสเปอร์สที่ได้ลุ้นนั้น ก็ไม่ใช่ไม่มีนะครับ มีพอสมควรเหมือนกัน แถมยังได้ลุ้นถึงกับนาซาร์ต้องเซฟด้วยซ้ำ จ่าแฮร์รี่ก็ยังคงเป็นจ่าแฮร์รี่คนเดิม ที่พาลูกทีมไม่ว่าจะเป็นทีมไหนก็ตามแต่ เดินลงมาสู้กับท่านเซอร์ได้อย่างน่าชมเชยตลอดมา ตั้งแต่สมัยคุมเวสต์แฮม ก็เป็นเชือกกล้วยของเรา คุมพอร์ทสมัธนี่ยิ่งหนักเลย เล่นเอาเราเสียแต้มมาตลอด จนมาคุมไก่เดือยทองก็ยังสามารถแชร์แต้มได้อีก ต้องนับถือ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ มากนะครับ ที่สามารถทำให้ท่านเซอร์ลำบากได้ตลอด ไม่ว่าแกจะคุมทีมไหน เกมนี้ หากจะว่าไป ผมค่อนข้างขัดใจนิดหน่อยกับฟอร์มการเล่นโดยรวมของทีมเราครับ ถึงแม้ว่าคู่เซ็นเตอร์และน้าซาร์จะทำผลงานได้โดดเด่นเอามากๆในเกมนี้ ในการหยุดยั้งเกมในจังหวะโต้กลับหน้ากรอบประตูของเรา โอเชเองก็เล่นดีขึ้นจากสองเกมที่ผ่านมา เมื่อสามารถหยุดการเติมทางกราบที่เขาดูแลได้ค่อนข้างน่าพอใจ แต่ราฟาเอลกลับเจอปัญหาพอสมควรเมื่อต้องดวลกับเลนน่อนที่ดูเหมือนจะเร็วกว่าเขา นั่นยังไม่เท่าไหร่ครับ เพราะราฟาเอลยังเด็กและต้องการประสบการณ์เพิ่มอีกมาก แต่ที่ขัดใจมากกว่านั้นก็คือ ราฟาเอลเองดูจะเร่งตัวเองเกินไปในทุกๆจังหวะ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร เกมก่อนๆนี้ก็ไม่เห็นเป็นขนาดนี้ แต่เกมนี้ราฟาเอลเร่งเกมจนดูเหมือนลนลานด้วยซ้ำไปครับ จ่ายบอลออกบอลผิดพลาดหลายครั้ง และโดนตัดบอลที่จ่ายพลาด ลากเข้าไปยิงถึงสองครั้งสองครา การดวลกับปีกความเร็วจัดๆอย่างเลนน่อนนี้อาจทำให้ราฟาเอลต้องเร่งตัวเองเพื่อหนีเลนน่อนจนเกินไปก็เป็นได้ครับ ซึ่งรอสั่งสมประสบการณ์เพิ่ม น่าจะดีขึ้น ส่วนที่ขัดใจที่สุดในเกมนี้สำหรับผมก็คือ ดูเหมือนสมาธิและความกระตือรือล้นในเกมรุกของเราจะดร็อปไปพอสมควรในเกมนี้ ผมสังเกตได้จากความแม่นยำในการรับส่งบอล และดูนักเตะของเราเล่นในจังหวะออฟเดอะบอล โดยเฉพาะในช่วงชั่วโมงแรกของเกม ซึ่งเกมนี้ดูเหมือนเราวิ่งทำช่องทำทางกันไม่ดีเอาซะเลยนะครับ หาตัวจ่ายยาก ไม่มีพื้นที่ให้กระชาก ไม่มีจังหวะสวยๆให้ลากเลื้อย รวมทั้งไม่มีโอกาสจะตั้งป้อมยิงไกล นั่นคือสิ่งที่สเปอร์สตั้งใจลงมาทำให้เกิดขึ้น แต่สิ่งที่เราแสดงออกมาในการรับมือนั้นกลับไม่ค่อยดีนัก จ่ายผิด จ่ายพลาด เล่นมากจังหวะเกินไป และที่สำคัญที่สุดก็คือ ดูจะไม่มีสมาธิกับเกมเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าผลเสมอของลิเวอร์พูลจะส่งให้เราสบายใจมากเกินปหรือเปล่า จึงไม่เน้นเท่าที่ควร นี่ถ้าหากลิเวอร์พูลเก็บสามแต้มได้ แล้วเราเล่นกันแบบนี้ ผมว่าลำบากครับ ท่านเซอร์ก็คงต้องเคี่ยวให้ลูกทีมมีสมาธิและความมุ่งมั่นมากขึ้นกว่านี้ให้ได้ อ้อ...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจะไปคลี่กิโมโนกันรึเปล่า จึงหลุดสมาธิกันไป โอกาสที่เราจะไล่แซงคว้าแชมป์ได้สำเร็จ แม้จะกลับมาอยู่ในระยะทางห่างเท่าเดิมกับตอนก่อนแข่ง เพราะการที่คู่แข่งต่างพากันหลุดชัยกันทั้งหมด นั่นทำให้ผมเองเริ่มมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ว่าในครึ่งฤดูกาลหลัง เราน่าจะสร้างผลงานที่ดีขึ้นได้มากกว่านี้ เนื่องจากเราออกไปเยือนทีมหนักๆมาหมดแล้ว ทั้งสามทีมในกลุ่มบิ๊กโฟร์ ทั้งวิลล่าปาร์ค ทั้งเดอะเลน, ปอร์ทสมัธ, แบล๊คเบิร์น, แมนฯ ซิตี้ ถึงแม้เราจะเสียแต้มให้กับบางทีมที่ไม่เคยเสียให้ก็ตามในปีนี้ แต่มองให้ดี เราก็เก็บแต้มได้จากทีมที่เราเสียให้เมื่อปีที่แล้วด้วยเช่นกัน ผมจึงยังคงมีความเชื่อมั่นอยู่ว่า ด้วยระยะห่างหกแต้มวันนี้บวกหนึ่งเกมในมือ และอาจจะเป็นเก้าแต้มในสัปดาห์หน้าบวกสองเกมในมือ เรายังมีหวังพอสมควรครับ และผมกำลังรอดูว่า ก่อนขึ้นปีใหม่นี้ หากเราสามารถลดช่องว่างลงมาได้อีก เราจะกลับมาได้อย่างเต็มตัวแน่นอนครับ โปรแกรมเดือนธันวาคม-มกราคมครับ December 2008 Dec 18 / Dec 21 FIFA CLUB WORLD CUP 26 Dec Barclays Premier League Stoke City A 12:45 29 Dec Barclays Premier League Middlesbrough H 20:00 January 2009 04 Jan FA CUP Southampton A 16:00 07 Jan Carling Cup Derby County A 19:45 11 Jan Barclays Premier League Chelsea H 16:00 14 Jan Barclays Premier League Wigan H 20:00 17 Jan Barclays Premier League Bolton A 15:00 20 Jan Carling Cup Derby County H 20:00 27 Jan Barclays Premier League West Bromwich A 19:45 จากโปรแกรมที่เห็นนี้ ช่วงที่เราต้องเดินทางไปเตะที่ญี่ปุ่น ลิเวอร์พูลต้องยกทัพไปเยือนอาร์เซน่อลครับ ในขณะที่เชลซีก็ต้องออกไปเยือนกูดิสัน ปาร์ค ผมอยากให้จับตาดูผลการแข่งขันทั้งสองสนามนี้ให้ดีครับ อาจมีอะไรดีๆส่งผลถึงเราไม่สนามใดก็สนามหนึ่งล่ะครับ ผมค่อนข้างมั่นใจนะ อย่าลืมตามลุ้นกันนะครับ สงบใจ   Create Date : 15 ธันวาคม 2551 1 comments Last Update : 15 ธันวาคม 2551 10:19:25 น. Counter : 457 Pageviews. Share Tweet

Great Article krub!!!   โดย: yidney IP: 144.131.79.123 15 ธันวาคม 2551 20:32:38 น.